ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 122 ตระกูลลู่กำลังจะล้มละลาย

เฉียวชูเฉี่ยนที่กำลังก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาทันที ตระกูลลู่กำลังจะล้มละลาย?

เธอได้เตือนลู่ฉีแล้ว นี่แค่ผ่านไปไม่กี่วันทำไมถึงร้ายแรงขนาดนี้

“มีบางคนนะ ถูกลิขิตให้ไม่ได้เกี่ยวพันกับตระกูลคนรวย แต่ยังจะเบียดเข้าไปให้จงได้ ถึงได้ไปล่วงเกินเฉินเป่ยชวนเข้า ชั่วชีวิตนี้เลยอดมีวาสนากับตระกูลคนรวยไป”

เมื่อได้ยินคำสามคำว่า เฉินเป่ยชวน เฉียวชูเฉี่ยนก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา เขาลงมือไวไปแล้ว ลู่ฉีต้องการจะช่วยเธอ แต่ตอนนี้ดูท่าเขากำลังจะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเธอเสียแล้ว

เธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู พอเหล่าผู้หญิงสองสามคนที่วิจารณ์อยู่เมื่อสักครู่นี้เห็นเธอเดินเข้ามาก็อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เตรียมจะแยกตัวออกไป แต่กลับถูกเสียงตะโกนของเธอหยุดเอาไว้

“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ คนกลุ่มหนึ่งที่แม้แต่จะได้เจอตระกูลคนรวยก็ยังไม่เคยนั่นไปเอาความมั่นใจอะไรถึงมาวิจารณ์ผู้อื่นส่งเดชในเวลางาน ถ้าลิ้นพวกเธอยาวเกินไปจนไม่มีที่จะวาง ก็ลองเดินตรงเข้าไปห้องที่สามดู อาจจะเข้ากับรสนิยมของพวกเธอก็ได้นะ”

เธอพูดเย็นๆ จบแล้วก็เดินผ่านคนจำนวนมากไปทางลิฟต์

สีหน้าคนจำนวนมากเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดินตรงไปห้องที่สาม นั่นห้องน้ำไม่ใช่หรือ?

เฉียวชูเฉี่ยนไม่อยากจะสนใจผู้หญิงพวกนั้น หลายวันมานี้เพื่อไม่ให้เจอของที่ทำให้บาดใจ เธอจึงไม่เข้าไปดูข่าวสารในอินเทอร์เน็ต แต่ตระกูลลู่เป็นอย่างไรบ้างแล้วนั้น เธอต้องทำให้ชัดเจนก่อน

“สือเซี่ย มีคนมาหา”

ประตูกระจกห้องทำงานถูกผลักออก เหยียนสือเซี่ยพูดออกไปโดยไม่เงยหน้า “บอกเขาไปว่าฉันไม่ว่าง”

“เที่ยงแล้วก็ยังยุ่งขนาดนี้?” เฉียวชูเฉี่ยนที่เดินตามมารีบทักออกไปหนึ่งประโยค ยัยคนนี้ก้มศีรษะ นิ้วมือกำลังกดรัวๆ อยู่บนหน้าจอมือถือ เห็นได้ชัดว่ากำลังเล่นเกม ROV อยู่

“เธอมาได้ยังไง?” เหยียนสือเซี่ยเงยหน้าด้วยความแปลกใจ แล้วโยนมือถือไปด้านข้าง เมื่อครู่นี้เธอยังนึกว่าเป็นตาถังอี้คนนั้นมาก่อความวุ่นวายอีก

“เธอรู้ข่าวไวกว่าฉัน ฉันอยากรู้เรื่องของลู่ฉีว่าตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ไหนแล้ว” เธอในตอนนี้ไม่สะดวกที่จะไปถามลู่ฉีตรงๆ วิธีการลงมือของเฉินเป่ยชวนเธอเองก็เคยเจอมาก่อน ลู่ฉีไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย

“ดูเหมือนเธอจะยังห่วงใยลู่ฉีอยู่นะ ไม่เสียแรงเปล่าที่หลายปีมานี้เขาทำดีกับเธอขนาดนี้”

เห็นเธอยังมาล้อกันเล่นได้ สีหน้าเฉียวชูเฉี่ยนก็ดูไม่พอใจขึ้นมา “อย่าหาเรื่อง รีบบอกมาเร็วๆ ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลลู่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

“ยังจะมีสถานการณ์อะไรได้ เฉินเป่ยชวนยกโครงการมิลเลนเนียมพาร์คขึ้นมาพูด สำนักงานออกแบบผังเมืองจึงเลือกที่จะดำเนินการตามข้อบังคับ ลู่กรุ๊ปแก้แผนการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์ใช้สอยตามอำเภอใจ เวลานี้หากไม่หยุดงานเพื่อรื้อส่วนที่สร้างเสร็จแล้วออก ก็ต้องสร้างต่อไป แต่ต่อจากนั้นหากคิดจะขายออกสู่ภายนอกเกรงว่าคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว”

“หยุดงานก็จะทำให้ห่วงโซเงินทุนของลู่กรุ๊ปถูกยืดเวลาออกไป”

ด้วยประสบการณ์ของเธอในตำแหน่งเลขานุการที่ทำมาหลายปีจึงรู้ดีกว่าใครว่าความเสี่ยงจากการถูกตัดห่วงโซ่เงินทุนมีมากขนาดไหน สำหรับลู่ฉีแม้เธอจะไม่มีความรู้สึกไปในทางชายหญิง แต่เขาก็เป็นเพื่อนของเธอ ตอนนี้โครงการใหญ่ที่สุดของลู่กรุ๊ปก็คือมิลเลนเนียมพาร์ค เฉินเป่ยชวนพอลงมือขึ้นมาก็เล็งทำร้ายส่วนสำคัญในทันที

“เมื่อห่วงโซ่เงินทุนของลู่กรุ๊ปเกิดปัญหา กว่าจะรู้ข่าวก็ถูกธนาคารระงับเงินทุนในบัญชีไปก่อนแล้ว หลายวันมานี้ลู่ฉีได้แต่ไปขอไกล่เกลี่ยกับทางธนาคาร แต่เธอน่าจะรู้ว่าข้างในยังมีมือคู่หนึ่งอยู่”

เหยียนสือเซี่ยยักไหล่ ความร่วมมือระหว่างลู่กรุ๊ปกับธนาคารที่ระงับเงินทุนไม่ใช่หนึ่งปีสองปีเสียที่ไหน ถ้าหากไม่อยู่ในสถานะที่ถูกบังคับก็คงไม่ระงับเงินทุนอย่างเด็ดขาด ส่วนมือคู่นั้นพวกเขาต่างรู้กันดีว่าคือผู้ใด

“สือเซี่ย ตอนนี้มีวิธีไหนที่พอจะช่วยลู่ฉีให้พ้นจากความยากลำบากในตอนนี้บ้างไหม?”

สีหน้าเฉียวชูเฉี่ยนไม่สู้ดีนัก เธอย่อมรู้ว่าใครเป็นลงมือในเรื่องนี้ แต่กลับไม่รู้จะช่วยลู่ฉีได้อย่างไร

เหยียนสือเซี่ยมองเธอด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน “เฉี่ยนเฉี่ยน ทางหนึ่งฉันหวังให้เธอช่วยลู่ฉี แต่อีกทางหนึ่งก็หวังให้เธออย่าไปช่วยเขา”

จุดประสงค์ของเฉินเป่ยชวนเพียงเพื่อทำให้เฉี่ยนเฉี่ยนได้อับอายขายหน้า หากอยากจะแก้ปัญหาสภาพที่ลำบากของลู่ฉีและลู่กรุ๊ปในตอนนี้ ก็มีทางเดียวคือยกมือวิงวอนขอความเมตตาจากเฉินเป่ยชวน เธอไม่อยากเห็นเพื่อนเธอต้องอับอายขายหน้าเพื่อช่วยลู่ฉี

“แต่ฉันไม่คิดจะติดหนี้เขามากไปกว่านี้แล้ว”

เขาทุ่มเทความรู้สึกให้กับเธอ แล้วยังคอยดูแลเธอกับจิ่งเหยียนมาโดยตลอดหลายปี เธอติดหนี้เขามามากพอแล้ว หากจะให้ลู่กรุ๊ปต้องพลอยติดร่างแหไปด้วยเพราะเธอ เธอคงแบกรับหนี้จำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหว

“เธอจะไปขอร้องเฉินเป่ยชวน? เฉี่ยนเฉี่ยน ลู่ฉีเขายินยอมพร้อมใจนะ”

เหยียนสือเซี่ยเข้าใจในการตัดสินใจของเพื่อนเธอทันที ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความกังวล เฉี่ยนเฉี่ยนไม่ใช่คนอ่อนแอ หากวันนี้คนที่ลงมือกับลู่กรุ๊ปเป็นบริษัทอื่น จะประท้วงก็ดี ขอร้องก็ได้ อย่างมากก็แค่แผลภายนอก แต่คนผู้นี้คือเฉินเป่ยชวน คนๆ หนึ่งที่สามารถทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวดไปจนถึงก้นบึงของหัวใจได้อย่างสบายๆ

“แต่ฉันไม่ได้รักเขา ฉันรับความกดดันจากการยินยอมพร้อมใจเช่นนี้ของเขาไม่ได้หรอก”

ถ้าหากเธอรักลู่ฉี ไม่ว่าเฉินเป่ยชวนจะลงมือแบบไหน สถานการณ์กวดขันมากสักแค่ไหน เธอก็พร้อมจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขา แต่เธอไม่ได้รักผู้ชายคนนี้ เธอไม่อาจมองดูเขาทุ่มเทเพื่อเธอแล้วได้ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้อย่างสบายใจได้

“คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน”

เหยียนสือเซี่ยรู้ว่าตัวเองพูดผิดก็ให้ถอนหายใจออกมา การรักคนๆ หนึ่งทำให้ชีวิตที่เรียบง่ายกลายเป็นซับซ้อนขึ้น ไม่มีกฎหมายใดๆ มารองรับได้ อีกทั้งยังไม่มีความยุติธรรมและความเที่ยงตรงที่มากพอ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังมีคนจำนวนมากที่พร้อมจะทุ่มเทลงไปโดยไม่คิดเสียดายชีวิตถึงขนาดนั้น

พักกลางวันมีเวลาจำกัด เฉียวชูเฉี่ยนตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อจึงรีบกลับบริษัท Q&C เธอกลั้นหายใจ ใจจดใจจ่ออยู่กับเบอร์โทรศัพท์บนมือถือ หลังจากจ้องอยู่สามนาทีจึงได้กดโทรออก

“ฮัลโหล เฉินเป่ยชวน เรามาเจอกันหน่อยไหมคะ?”

ปลายสายไม่มีเสียงตอบ ขณะที่เธอกำลังนึกอยู่ว่ามือถืออาจจะมีปัญหา จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นชาที่คุ้นหูดังออกมาให้ได้ยิน “โรงแรมหวงจยา คืนนี้ตอนสองทุ่มผมจะรอคุณ” พูดจบเธอก็ได้ยินเสียงตู๊ดๆ

เธออดไม่ได้ที่จะเอามือบีบโทรศัพท์มือถือ เฉินเป่ยชวนไม่ถามเธอสักนิดว่าจะนัดเจอกันด้วยเรื่องอะไร

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยชวนในทุกครั้ง เธอมักจะไม่ได้รับโอกาสที่จะเลือกใดๆ

ตกกลางคืน ภายในห้องพักแบบ Presidential Suite ของโรงแรมหวงจยา เฉินเป่ยชวนเดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยรูปร่างที่สมบูรณ์แข็งแรงจนทำให้คนหายใจไม่ออก บนตัวเขาสวมด้วยชุดคลุมชุดนอนผ้าไหมแท้สีดำที่มีสายรัดไว้อย่างหลวมๆ จนเกิดช่องว่างเล็กๆ พอให้คนมองเห็นส่วนที่สวยงามภายใต้สายรัดนั่นได้

เขาจุดไฟบนซิการ์ แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง เป็นเวลา 19.45 น. เห็นๆ อยู่ว่าเขาควรจงใจปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นรอนานสักหน่อยแล้วค่อยไปถึง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพอเลิกงานก็เหมือนมีใครมาบงการให้เขามาถึงที่นี่แต่เนิ่นๆ

เมื่อมองไปที่เตียงที่ถูกปูเอาไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ด้านข้าง ขากรรไกรเขาก็เกร็งขึ้นเล็กน้อย เฉียวชูเฉี่ยนคิดจะให้เขาปล่อยลู่กรุ๊ป ก็ต้องดูว่าเธอจะเอาเงื่อนไขอะไรมาแลกกัน

ณ ชั้นล่างของโรงแรมหวงจยา เฉียวชูเฉี่ยนหายใจไม่คล่องท้อง ก้าวเท้ายาวๆ ย่ำไปย่ำมาราวกับกำลังเข้าสู่การตัดสินใจครั้งสุดท้าย

เธอไม่อาจให้ลู่ฉีมองว่าเธอมีค่าคู่ควรกับลู่กรุ๊ปทั้งหมด เธอตอบรับความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset