ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 25 การแต่งงานเมื่อแปดปีก่อน

การแต่งงานเมื่อแปดปีก่อนเป็นเธอเสนอตัวที่จะแต่งงานเอง เขาไม่เคยคุกเข่าข้างเดียวเพื่อขอแต่งงานมาก่อน

มีแต่ผู้ชายไร้ความสามารถเท่านั้นถึงจะใช้วิธีคุกเข่าข้างเดียวเพื่อขอให้ผู้หญิงแต่งงานกับเขา

พอนึกถึงลู่ฉีที่คุกเข่าขอแต่งงานที่ร้านอาหารสไตล์ตะวันตก เขาที่เพิ่งจะอิ่มอกอิ่มใจมีความสุขขึ้นมาหน่อยก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรำคาญใจ

หากไม่เป็นเพราะวันนี้เขาบังเอิญเจอเข้าที่ร้านอาหารนั่น และถ้าเขาไม่ได้ไปข่มขู่ผู้หญิงคนนั้นอย่างโหดร้าย เธอคงตอบตกลงกับลู่ฉีไปแล้ว

ในเมื่อผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ไม่รู้จักลังเลกับคำว่า แต่งงาน สองคำนี้อยู่แล้ว

พอเขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะพยักหน้า จากนั้นก็โอบกอดและจูบลู่ฉีด้วยความดีอกดีใจ เขาก็หรี่ตาลง รูม่านตาแคบลงบ่งบอกถึงความหนาวที่สะท้านทรวง

เขาไม่ได้แต่งงานหนึ่งวัน เธอก็อย่าได้คิดจะแต่งงานอีกเป็นครั้งที่สอง!

เฉินเป่ยชวนลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ก้าวยาวๆ เดินออกนอกประตูไป

……

เฉียวชูเฉี่ยนเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวน้อยอยู่นานกว่าจะสำเร็จ จากนั้นก็ลูบลำคอที่แข็งขึ้นมาหน่อยแล้ว เตรียมตัวจะไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายความเหนื่อยล้า จู่ๆ ก็มีแสงไฟกลุ่มหนึ่งส่องมาจากทางด้านนอกคฤหาสน์ เธอหรี่ตาลงโดยสัญชาตญาณ ไฟจ้าจนแยงตาเช่นนี้ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ตอนพาเจ้าตัวน้อยไปแลกเปลี่ยนที่สถานที่ถ่ายทำจริงของฮอลลีวูด

หลังจากที่ปรับสายตาให้เข้ากับแสงได้แล้ว เธอถึงจะเดินไปยังหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น ไม่มองก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอมองเห็นเข้าแล้วลมหายใจเธอก็ติดขัดขึ้นมา

ทำไมถึงเป็นเขาไปได้!

สองชั่วโมงก่อนหน้าเพิ่งจะได้เจอกัน ทำไมเขาถึงวิ่งมาบ้านฉันได้ล่ะ

จากเดิมเป็นไฟแรงกล้าส่องตรงเข้ามา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นไฟกระพริบประมาณสองสามดวง ส่องจนแสบตาไปหมด เฉียวชูเฉี่ยนในยามนี้ได้หลบมาอยู่หลังหน้าต่างอย่างสับสนอลหม่าน ตานั่นวิ่งมาบ้านเธอในเวลานี้ คงไม่ใช่กลัวที่ข่มขู่ไปจะไม่สำเร็จ เลยสติฟั่นเฟือนอยากจะมาข่มขู่อีกรอบหรอกนะ

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ใจเธอก็กระโดดออกมาหลายจังหวะเลยทีเดียว “หรือฉันควรจะแจ้งความดี?”

แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าเฉินเป่ยชวนเปรียบเสมือนเทพแห่งเมืองซั่นเป่ย ถึงแจ้งความไปตำรวจก็คงทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี มีแต่จะทำให้เขาคลั่งจนเสียสติมากยิ่งขึ้นไปอีก

ถึงเจ้าตัวน้อยบนเตียงจะหลับไปแล้ว แต่หากแสงส่องไปโดนเขาๆ อาจจะหงุดหงิดจนปากมุ่ย พลิกตัว และพร้อมจะตื่นได้ทุกเมื่อ

หากเขายังส่องไฟเช่นนี้อยู่อีก จิ่งเหยียนคงไม่ได้นอนเป็นแน่

เธอสูดลมหายใจเข้าหลายที จากนั้นก็กดหน้าอกแรงๆ สองครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เฉินเป่ยชวนที่นั่งอยู่ตรงฝั่งคนขับรถกำลังขยับนิ้วมืออันเรียวงามเพื่อปรับไฟระยะไกลให้กระพริบ ไฟหน้ารถแบบ HID ของรถยี่ห้อมายบัคมีศักยภาพที่เยี่ยมยอดมาก

สายตาเย็นชามองเห็นเป็นผู้หญิงค่อยๆ เดินออกมา ก็จดจ่อไปที่ชุดของเธอ จากนั้นเขาก็เม้มปากเบาๆ

“เฉินเป่ยชวน คุณคิดจะทำอะไรอีกคะ?”

แม้ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว แต่ทุกครั้งที่ก้าวเดินเธอจะต้องให้กำลังใจตัวเอง ถึงจะสามารถมองเฉินเป่ยชวนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างสงบนิ่ง

“คุณคิดว่าอย่างไรล่ะครับ”

เฉียวชูเฉี่ยนอยากเข้าประเด็นพูดให้จบแล้วแยกจาก แต่เขาจงใจที่จะไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย ไฟส่องระยะไกลแบบ HID ยังคงกระพริบไม่ยอมหยุด เธอจึงกัดฟันยื่นแขนเข้าไปปิดไฟในรถเขา

“คุณมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถิดค่ะ”

พูดจบเธอก็กลืนน้ำลายลงคอ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว อยู่ใกล้เขาไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาดซักเท่าไร

เฉินเป่ยชวนไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะกล้าปิดไฟรถ ความไม่พอใจฉายผ่านมุมตาเขาในทันที จากนั้นก็เปิดประตูก้าวขาเรียวยาวออกมา

“ทำไมเธอถึงไม่ตอบรับคำขอแต่งงานของลู่ฉี?”

ถึงจะห่างหายไปเจ็ดปีจนเธอต้องทำเป็นลังเลใจอยู่บ้าง แต่เมื่อได้มาอยู่ในฉากโง่ๆ ที่ผู้หญิงประเภทนั้นใฝ่ฝันถึง เธอก็ควรจะเผยโฉมหน้าอันแท้จริงด้วยการพยักหน้าตอบตกลงในทันทีมิใช่หรือ

เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดว่าดึกป่านนี้เขาจะบีบบังคับผู้อื่นให้ออกจากคฤหาสน์อย่างกะทันหันเพื่อมาให้เขาถามปัญหานี้ต่อหน้า ผ่านไปพักใหญ่ๆ เธอก็ยังไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามอย่างไรดี

วันนี้เธอประทับใจในคำขอแต่งงานของลู่ฉี แต่ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดที่ควรจะเป็นไปมากกว่านี้

“เพราะอะไรเธอถึงปฏิเสธชายที่ไม่รังเกียจในการแต่งงานครั้งที่สองของเธอ?”

น้ำเสียงเยียบเย็นแต่อึมครึมดังขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เขาหมายความว่าฉันไม่เหมาะสมกับลู่ฉีอย่างนั้นหรือ

“เฉินเป่ยชวน ถ้าคุณอุตส่าห์มาเพื่อจะถามเรื่องนี้ ฉันขอไม่อยู่ต่อเป็นเพื่อนคุณแล้วนะคะ รบกวนคุณช่วยมีคุณธรรมในใจด้วยการอย่าเปิดไฟราคาสูงของคุณเพื่อแสดงถึงพฤติกรรมอันต่ำช้าของตัวคุณเลยค่ะ”

เธอผ่านการถูกหัวเราะเยาะและถูกดูหมิ่นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเขากลับทำให้เธอเจ็บปวดใจมากขนาดนั้น เจ็บปวดจนต้องตอกกลับไปให้ได้

“เธอลองพูดอีกครั้งซิ!” เขาหรี่ตาที่แฝงอันตรายลง พร้อมก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า เธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่ไร้รูปทรง

เขาชอบทำให้เธอรู้สึกกดดันแบบนั้นอยู่เรื่อยเลย

“ฉันเหนื่อยแล้ว ประธานเฉินค่อยๆ เดินแล้วกันนะคะ”

เธอทนรับแรงกดดันไม่ไหวอีกแล้ว จึงคิดจะใช้แผนสองโดยการหมุนตัวและเตรียมเดินหนี แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าก็มีมือคู่หนึ่งจับเอาไว้ จากนั้นก็กดตัวเธอลงไปแนบกับหน้ารถ

มายบัคอย่างแรง

“เฉินเป่ยชวน คุณจะทำอะไรคะ?”

หลังฉันติดกับตัวรถทำให้ไม่อาจหลบหนีได้ อีกทั้งยังมีใบหน้าเรียวงามของเขาอยู่ตรงหน้าอีก เราอยู่ใกล้กันมากถ้าเพียงฉันเงยหน้าเพื่อจะขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะชนเข้ากับจมูกแหลมสูงของเขาได้

ร่างกายแข็งทื่อโดยสัญชาตญาณแต่อัตราการเต้นของหัวใจกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่รู้เขาจะทำอะไรกับฉันต่อไป

เฉินเป่ยชวนจ้องใบหน้าซีดขาวของเธอตรงหน้า พอได้เห็นความหวาดกลัวและความไม่พอใจในแววตาของเธอ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น “ทำไม? พอตอนนี้มีคนมาขอเธอแต่งงงานก็คิดว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของตลาดอีกครั้งแล้วอย่างนั้นซิ? ผมจะบอกคุณว่าผู้หญิงที่เฉินเป่ยชวนเคยควงมาก่อนถึงผมจะโยนทิ้งไปแล้วก็ไม่มีใครกล้าเก็บขึ้นมาหรอก”

เรียวปากบางของเขาเปิดออก ตามมาด้วยน้ำเสียงที่เหน็บหนาวและมีอานุภาพในการทำลายล้าง

ยิ่งได้ยินคำพูดเจ็บแสบที่ออกมาจากปากเขาอย่างไม่ยี่หระ เธอก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจสุดจะทน

“ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกโยนทิ้งไปแล้ว ประธานเฉินยังมาเข้าใกล้แบบนี้ก็ดูจะไม่เหมาะนักนะคะ”

หัวใจแตกออกเป็นแผลเล็กแผลน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน เธอกลับทำได้แค่เม้มไปที่มุมปาก จากนั้นก็พยายามจ้องสองตาอันเย็นชาของเขาด้วยใจที่สงบนิ่ง ไม่อยากให้เขาได้เห็นอาการบาดเจ็บของตัวเองในเวลานี้

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพราะผมข่มขู่คุณใช่ไหม คุณถึงยอมปฏิเสธคำขอแต่งงานของคนที่ชื่อลู่ฉีอะไรนั่น”

ร่างที่ใกล้ชิดกันทำให้เฉินเป่ยชวนที่อารมณ์เสียจากการถูกยั่วยุไปเมื่อครู่นี้บรรเทาเบาบางลงไปบ้างแล้ว แต่พอได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากเธอก็ทำให้เขาอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม

“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะคะ?”

หัวใจที่ถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความดื้อรั้น เธอใช้ประโยคย้อนถามแทนคำตอบ เธอไม่คิดจะบอกเฉินเป่ยชวนว่า แม้ปราศจากการข่มขู่เช่นนั้น เธอก็ไม่คิดจะแต่งงานกับลู่ฉีอยู่แล้ว

“……”

แววตาเย็นชาที่จ้องมองมาอย่างเงียบงัน รูม่านตาที่หดตัวลงเพราะความโกรธอย่างเห็นได้ชัด เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ทันไรเขาก็กดเรียวปากบางแล้วจูบลงไปอย่างรุนแรงและเผด็จการ

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset