ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 43 ในใจของเขายังคงมีหนูตลอดมา

“ยายหนู ยังนอนหลับสบายเหมือนเดิมหรือเปล่า”

“คุณย่า ยังปวดท้องอยู่ไหมคะ”

เมื่อเฉียวชูเฉี่ยนหันไปมองจึงเห็นว่าความตึงเครียดบนใบหน้าของท่านผู้หญิงจางหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเธอมองไม่ออกว่าคุณย่าแสร้งทำเป็นไม่สบาย แต่พอเริ่มคิดได้เธอก็เริ่มเข้าใจ

“เด็กโง่ ย่าก็แค่หวังว่าหนูกับลูกจะอยู่ที่บ้านนี้ได้ เพราะมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เราควรจะแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างหนูกับเป่ยชวนได้แล้ว หนูลองคิดดูสิ วันนี้เขาจัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศความสัมพันธ์ของพวกหนูให้ทุกคนรับรู้ นั่นก็เพราะเขาหวังว่าจะได้เริ่มต้นใหม่กับหนูอีกครั้ง… ยายหนู… ในใจของเขายังคงมีหนูอยู่ในนั้นตลอดมานะ”

ท่านผู้หญิงอดเกลี้ยกล่อมเฉียวชูเฉี่ยนไม่ได้ เขาเป็นหลานชายของเธอทำไมเธอจะมองไม่ออก แม้ว่าตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาเป่ยชวนจะมีข่าวกับผู้หญิงกี่คนต่อกี่คน แต่เขาก็ไม่เคยชอบผู้หญิงพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะในใจของเขามียายหนูอยู่แล้ว

“คุณย่าคิดมากเกินไปแล้วค่ะ หนูกับท่านประธานเฉิน… หย่ากันมานานแล้ว”

เฉียวชูเฉี่ยนถึงกับกลืนน้ำลาย นอกจากจะเจ็บคอแล้วเธอยังไม่สบายใจด้วย ถึงแม้เฉินเป่ยชวนจะป่าวประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็หย่ากันแล้วตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน และตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่ได้ความสัมพันธ์กันทางกฎหมายอีกแล้ว

“ยายหนู ไหนลองบอกย่าทีสิว่าพวกหนูสองคนมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ถึงต้องทนทรมานกันอยู่อย่างนี้ ถึงย่าจะอายุมาก แต่ย่าก็มองออกว่าในใจของหนูก็ไม่ใช่ว่าจะลืมเป่ยชวนได้อย่างสิ้นเชิง เชื่อย่าแล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่กับเป่ยชวนอีกครั้งเถอะนะ”

ท่านผู้หญิงจับมือของหญิงสาวไว้และไม่หยุดเกลี้ยกล่อมเธอ ตั้งแต่พวกเขาหย่ากันเป่ยชวนก็ย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ จนทำให้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบ้านนี้เปลี่ยนไปเงียบเหงาและไร้ซึ่งชีวิตชีวา

เฉียวชูเฉี่ยนเม้มริมฝีปากอย่างอึดอัด คุณย่าดีกับเธอมาก ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธคำขอนั้นไม่ลง ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นและดึงมือของท่านผู้หญิงมากุมไว้ “คุณย่าคะ เราไม่มีทางกลับมาเริ่มใหม่ได้แล้วค่ะ”

เมื่อเจ็ดปีก่อนหน้านี้เส้นทางของพวกเขาได้ขาดออกจากกันอย่างไม่มีทางมาบรรจบกันได้อีก จนถึงตอนนี้บาดแผลในหัวใจของเธอก็ยังไม่หายสนิท เธอไม่ใช่เฉียวชูเฉี่ยนคนเดิมที่ยอมทำอะไรอย่างโง่งมเพื่อคนที่เธอชอบ การใช้ชีวิตเจ็ดปีในต่างแดนทำให้เธอเติบโตขึ้น พร้อมกันนั้นก็ขลาดกลัว เธอไม่กล้าทำอะไรโง่ๆ และไม่กล้าแบกรับความเจ็บปวดไว้อีกต่อไป

“ไม่นะยายหนู เห็นๆ กันอยู่ว่าหนูสองคนยังมีใจให้กัน ทำไมถึงเป็น… ช่างเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว หนูไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

สีหน้าของท่านผู้หญิงไม่ค่อยดีนักเมื่อถูกปฏิเสธ เธอถอนหายใจและหันกลับไปยังห้องนอนของตน ภายในใจยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในที่สุดตอนนี้เธอก็มีเหลนสมใจ ถึงแม้ว่าเด็กสองคนนี้จะเหมือนกับแก้วที่แตกร้าว แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องหาวิธีทำให้พวกเขาทั้งคู่กลับมาเป็นแก้วที่ประสานกันให้ได้อีกครั้ง

เมื่อเห็นแผ่นหลังอันหงอยเหงาของคุณย่าที่เดินจากไป น้ำที่ดื่มเข้าไปก็เหมือนจะขมจนฝาดคอ

คุณย่า… เฉินเป่ยชวนไม่เคยรักหนูเลย หนูเคยทิ้งความเป็นตัวของตัวเองตลอดหนึ่งปีเพื่อพยายามทำให้เขาชอบหนูและรักหนู พยายามทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของเขา แต่ผลสุดท้าย… เขาก็ยังไม่รักหนูอยู่ดี

แล้วเธอจะเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายอย่างเขาได้อย่างไร?

หลังจากดื่มน้ำจนหมดแก้วเฉียวชูเฉี่ยนจึงกลับขึ้นไปที่ชั้นบน บนชั้นสามนี้มีห้องเพียงแค่สามห้อง โดยที่เธอกับเจ้าตัวน้อยยึดไว้สองห้อง ห้องนอนอีกหนึ่งห้องที่เหลือยังเปิดไฟไว้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนที่อยู่ในห้องนั้น

เขาเกลียดเธอจนถึงกับต้องรีบย้ายออกจากห้องที่เธอเคยอาศัยอยู่อย่างรังเกียจ

เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มเยาะตัวเองแล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้องนอน

ภายในห้องนอนซึ่งอยู่ถัดไป เฉินเป่ยชวนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ร่างสูงของเขามีกระแสของความเยือกเย็นแผ่ออกมา และกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากบริเวณริมฝีปากของเขาพร้อมๆ กับลมหายใจที่ปล่อยออกมานั้นก็ค่อยๆ กระจายไปในอากาศ

กลิ่นยาสูบภายในห้องเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาสูบซิการ์ในมือจนหมดจึงเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟา

เฉียวชูเฉี่ยน… ทำไมเธอถึงชอบทำตัวน่ารำคาญนักนะ

เขาหยิบขวดไวน์แดงที่วางอยู่บนโต๊ะและรินไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ขณะที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มสายตาก็เหลือบไปเห็นของที่วางอยู่ตรงมุมห้องซึ่งเขาอยากจะโยนทิ้งไปอยู่หลายครั้งทว่าสุดท้ายก็ยังคงเก็บเอาไว้

เขามองผ้าสีขาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาแล้วบีบแก้วไวน์แน่นขึ้นราวกับจะบีบมันให้แตก “เฉียวชูเฉี่ยน เธอจะรู้ไหมว่าตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาที่ผ้าผืนนั้นมีฝุ่นปกคลุมอยู่หนาแค่ไหน”

ในที่สุดเขาก็ก้าวตรงไปตรงนั้นอย่างอดไม่ได้และจ้องมองผ้าที่เคยเป็นสีขาวผืนนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา เขากำชับคนรับใช้ไว้ว่าให้ทำความสะอาดทุกอย่างภายในห้องนี้ได้ ยกเว้นเพียงอย่างเดียวที่ห้ามแตะต้องคือสิ่งที่ผ้าขาวผืนนี้คลุมเอาไว้ เขาแค่อยากเห็นว่าเมื่อเฉียวชูเฉี่ยนจากไปแล้ว จะมีฝุ่นลงมาเกาะมันมากแค่ไหน และต้องใช้ฝุ่นหนาแค่ไหนถึงจะทับถมมันจนมิด ต้องมากแค่ไหนถึงจะฝังกลบภาพจำของผู้หญิงเลวๆ ที่อยู่ในใจของเขาคนนั้นไปได้ทั้งหมด …ไม่มีวี่แววแม้เพียงสักนิด

เขาเอื้อมมือไปเปิดผ้าสีขาวที่เต็มไปด้วยฝุ่นนั้น แล้วดวงตาก็หรี่ลงอย่างน่ากลัว… กรอบรูปนั้นยังคงเป็นสีทองประกายอย่างงดงามเหมือนเดิม คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ฝุ่นสักนิดก็ยังทะลุเข้ามาไม่ได้

เมื่อมองภาพหญิงสาวในชุดแต่งงานที่ยิ้มอย่างหวานชื่นแววตาของเขาก็เย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม หลายครั้งที่เขาถูกหลอกด้วยรอยยิ้มอันหวานชื่นเช่นนี้ จนถึงกับคิดไปว่านี่คือรอยยิ้มที่สวยที่สุดในโลก จนทำให้เขารู้สึกว่าอยากทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดูแล แต่ผลสุดท้ายเป็นยังไงล่ะ… เธอยิ้มให้เขาอย่างไรเธอก็ยิ้มให้ผู้ชายคนอื่นอย่างนั้น เธอปรนนิบัติต่อเขาอย่างไร เธอก็ปล่อยตัวกับผู้ชายอื่นอย่างนั้น!

แค่นั้นยังน่ารังเกียจไม่พอ ท้องเธอยังโตขึ้นมา สวมเขาอันใหญ่เบ้อเร่อให้กับเฉินเป่ยชวนคนนี้!

“เฉียวชูเฉี่ยน เธอมันจอมโกหก!”

เขาส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา ความโกรธที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าค่อยๆ จางหายไปทีละน้อย ในเมื่อคราวนี้เธอกลับมาหาเองถึงที่ ฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าเมื่อก่อนเธอตาบอดแค่ไหนที่ปล่อยมือจากผู้ชายที่ดีที่สุดไป ไม่ยอมเป็นเมียที่อยู่ในโอวาท แต่กลับวิ่งรี่ไปเกลือกกลั้วกับไอ้คนไร้ประโยชน์นั่นครั้งแล้วครั้งเล่า

ตลอดทั้งคืนนั้นเฉียวชูเฉี่ยนนอนไม่หลับไปกว่าครึ่งค่อนคืน เพิ่งจะหลับลงได้ก็ตอนที่ฟ้าใกล้สาง และหลับสนิทจนไปตื่นอีกทีตอนเที่ยง

เธอมองดวงอาทิตย์ที่ลอยสูงโด่งอยู่ข้างนอกอย่างงัวเงียอยู่หลายวินาที พอจำรูปแบบการตกแต่งภายในห้องขึ้นมาได้เธอจึงเพิ่งจะนึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในห้องภายในบ้านเก่าของตระกูลเฉิน และตอนนี้เธอก็ตื่นสายแล้ว

เธอหันไปมองที่นอนข้างตัวอย่างตื่นตกใจ ทว่าเจ้าตัวน้อยหายไปแล้ว เธอรีบวิ่งเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนจะกระวีกระวาดลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อท่านผู้หญิงซึ่งกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาเห็นเธอเข้าก็ส่งยิ้มให้อย่างรักใคร่เอ็นดู

“ตื่นแล้วหรือยายหนู ดูเหมือนหนูจะยังชอบบ้านหลังนี้นะ”

“ขอโทษที่ตื่นสายนะคะคุณย่า”

หญิงสาวกล่าวขอโทษไปโดยอัตโนมัติและกวาดตามองไปรอบๆ จิ่งเหยียนไม่ควรจะตื่นสายเหมือนกับเธอ เธอไม่ควรปลูกฝังให้ลูกซึ่งเพิ่งไปเรียนได้แค่ไม่กี่วันให้ไปโรงเรียนสายจนติดเป็นนิสัย

“ไม่เป็นไรจ้ะ คนหนุ่มสาวนอนนานๆ แล้วดีต่อสุขภาพ ว่าแต่หนูมองหาจิ่งเหยียนอยู่หรือเปล่าลูก ย่าไปส่งเขาที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าแล้วละ เป็นเด็กที่ดีเลยนะ แถมอยู่ใกล้บ้านด้วย ต่อไปย่าจะไปส่งเขาที่โรงเรียนทุกวันเลย ถือโอกาสออกกำลังไปด้วย”

ท่านผู้หญิงเอ่ยยิ้มๆ เธอไม่ได้พูดอย่างคนที่ต้องการขอความเห็น แต่ดูเหมือนจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้วด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“คุณย่าคะ หนู…”

เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกกังวลเล็กน้อย แค่เมื่อคืนที่เธอต้องพักที่นี่อย่างไม่มีทางเลือกก็เป็นอะไรที่เกินพอแล้ว ถ้าเกิดต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเธอคงจะทนไม่ไหวอย่างแน่นอน

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset