ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 59 เฮลิคอปเตอร์ส่วนบุคคล

“เหมือนจะเป็น……เสียงของเฮลิคอปเตอร์นะครับ” ชายที่มีรอยบากเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมพูดออกมา อย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อมองออกไปก็เห็นใบไม้ไหวไปไหวมาตามแรงพัด และยังมีเสียงใบพัด

“ไปดูสิ ใช่ตำรวจมาหรือไม่?”

พี่เฉิงขมวดคิ้ว จุดที่บอสนัดเอาไว้คือทางวงแหวนของเขาลี่ซาน หรือตำรวจพวกนี้จะรู้ตำแหน่งของพวกมันเร็วขนาดนี้?

ชายที่มีรอยบากวิ่งไปยังพื้นที่กว้างที่สามารถมองเห็นได้ทั่ว จากนั้นก็หยิบกล้องส่องไกลส่องดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่นานก็วิ่งหอบแฮกๆ กลับมา “ไม่ใช่ตำรวจ เป็นเฮลิคอปเตอร์ส่วนบุคคลครับ”

“อย่าให้พวกมันทำให้งานเสียได้ ไปนำตัวผู้หญิงสองคนนั้นขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วออกไปจากที่นี่ก่อน”

พี่เฉิงมองนาฬิกาข้อมือ ใกล้ถึงเวลาที่บอสและตำรวจนัดเจอกันแล้ว พวกเขาก็ควรออกเดินทางเพื่อไปยังทางวงแหวนของเขาลี่ซานเช่นกัน

“ครับ”

เฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยที่เพิ่งทานซาลาเปาเสร็จถูกผลักเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์ เมื่อเธอมองกลับไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกปิดคลุมด้วยแมกไม้หนาทึบ ใจเธอก็เต้นรัวขึ้นมา

“เฉินเป่ยชวน เฮลิคอปเตอร์ของพวกมัน!”

ถังอี้ชี้ไปยังจุดที่มีความกดอากาศมาก จากนั้นก็เห็นเป็นเฮลิคอปเตอร์บินแหวกป่าทึบลอยขึ้นไป

คางเขาเกร็งแน่น ริมฝีปากเม้มเบาๆ เฉินเป่ยชวนส่องกล้องส่องทางไกลไปทางเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นลูกตาเขาก็หรี่ลงในทันที

“ทำไมหรือ?”

ถังอี้เห็นสีหน้าเขาผิดปกติ แววตาเขาก็ร้อนรนตามไปด้วย

“เธอบาดเจ็บอยู่”

เขาเห็นใบหน้าขาวซีดของเธอ เห็นได้ชัดว่ากำลังบาดเจ็บอยู่ เมื่อนึกย้อนไปตอนที่เห็นรอยเลือดที่เบาะหลัง หัวใจเขาก็เต้นแรงขึ้น

“นายอย่าเพิ่งกังวลไป บางทีอาจจะเป็นแค่บาดแผลเล็กๆ เท่านั้น”

ถังอี้รีบพูดปลอบเขา แต่ความโกรธและความหนาวสะท้านผู้คนยังโหมกระหน่ำอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่

“ตามพวกมันไป”

ชายคนที่ขับเฮลิคอปเตอร์อยู่ด้านหน้ารีบเปลี่ยนเส้นทางและทิศทางของใบพัดอย่างชำนาญแล้วหันทิศไปทางเฉียวชูเฉี่ยน

“แม่-เอ๊ย พวกมันเป็นใครกันว่ะ?”

พี่เฉิงมองพวกเขาที่ขับตามมา ก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างร้อนใจ “มึงแน่ใจนะว่าพวกมันไม่ใช่ตำรวจ?”

สีหน้าของชายที่มีรอยบากตื่นตระหนก แต่ก็ยังพยักหน้ายืนยันออกมา “ไม่ใช่ตำรวจแน่นอนครับ”

“ถ้างั้นจะเป็นใคร อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้ว่ะ!”

ตอนที่พี่เฉิงโกรธอยู่ เฉียวชูเฉี่ยนก็มองออกไปข้างนอกเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะเธอตาดีหรืออย่างไร ทำไมเธอถึงเห็นเป็นใบหน้าของเฉินเป่ยชวนไปได้

หรือจะเป็นเพราะเธอเสียเลือดมากเกินไป หรือเพราะความตกใจ ถึงได้เห็นภาพลวงตาแบบนี้ออกมา?

ตอนนี้เฉินเป่ยชวนควรจะกำลังโอบเอวหลินเฟยเอ๋อร์แล้วทำเรื่องที่ไม่อาจพูดได้อยู่สิ จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?

“พี่เฉิง ผู้ชายคนนั้นเหมือนผมจะเคยเห็นในทีวีนะครับ ชื่อคุ้นๆ ว่าเฉินอะไร ชวนๆ นี่ล่ะครับ”

ชายที่มีรอยบากมองผ่านกล้องส่องทางไกลอยู่นานก็ยังคิดชื่อเต็มๆ ไม่ออก แต่พี่เฉิงตัวผงะไปแล้ว “เฉินเป่ยชวน?”

เขามาปรากฏอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

พอได้ยินคำว่าเฉินเป่ยชวนจากปากพี่เฉิง ก็เหมือนมีอะไรมาแทงใจเธอ พูดไม่ถูกว่าเป็นความเจ็บปวดหรืออาการตื่นเต้นดีใจกันแน่ ที่เห็นเมื่อสักครู่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นเฉินเป่ยชวนจริงๆ ด้วย!

“อาจจะบังเอิญก็ได้นะครับ?”

ชายที่มีรอยบากซุบซิบเบาๆ ออกไป แต่เห็นได้ชัดว่าวิถีการบินทางนั้นดูราวกับกำลังติดตามพวกมันอยู่ จะเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไร

“ถ้าพวกมันยังตามมาอีก ก็ยิงทิ้ง”

พี่เฉิงหงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง อิทธิพลของเฉินเป่ยชวนในเมืองซั่นเป่ยออกจะทำให้พวกเขาหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย แต่เวลานี้เขาไม่อาจจะสนใจอะไรมากแล้ว ถ้าหากทางนั้นยังไม่คิดจะหลบไปให้ไกลๆ ก็ถือเป็นความซวยของเฉินเป่ยชวนก็แล้วกัน

เฉียวชูเฉี่ยนได้ยินดังนั้น เธอก็ร้อนใจไปหมด คนพวกนี้เป็นแก๊งค้ายาเสพติดนะ ถึงแม้ในเมืองซั่นเป่ยเฉินเป่ยชวนจะเก่งกาจขนาดไหน แต่ก็เทียบไม่ได้กับพวกเดนตายนี่

เหยียนสือเซี่ยเห็นเธอดูร้อนรน ก็พยายามกดอาการตื่นเต้นจนแทบจะลุกขึ้นยืนของเพื่อนเธอเอาไว้ เห็นๆ อยู่ว่าคนพวกนี้ยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฉี่ยนเฉี่ยนและเฉินเป่ยชวน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเข้าช่วยเหลือของเฉินเป่ยชวน

หัวใจที่ปั่นป่วนค่อยๆ ผ่อนลงจึงทำให้เธอมีสติมากขึ้น เธอเม้มริมฝีปากแห้งผาก จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เหยียนสือเซี่ย ตอนนี้สิ่งที่เธอควรทำก็คือให้ความร่วมมือกับเฉินเป่ยชวนและคุณตำรวจอย่างเต็มที่

ภายในเฮลิคอปเตอร์ที่บินตามมาติดๆ อยู่ เฉินเป่ยชวนโยนกล้องส่องทางไกลไว้ข้างลำตัว ระยะห่างในยามนี้พอจะทำให้เขามองเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวแต่พยายามฝืนเยือกเย็นเข้าไว้ของเธอแล้ว “หยิบปืนมาให้ฉัน”

“จะลงมือตรงนี้เลยหรือ?”

ถังอี้ไม่คาดคิดว่าเขาจะเลือกลงมือกลางอากาศ จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไม่น้อย

“นายลองคิดดูพวกเขานัดกันที่ทางวงแหวนบนเขาลี่ซาน พวกมันจะไม่จัดเตรียมอาวุธและอุปกรณ์ต่อสู้กำลังสูงเอาไว้เลยหรือ ส่วนตำรวจอาชญากรรมนั่นคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ท่าทีของพวกเขาก็บอกให้เห็นอยู่แล้วว่าครั้งนี้จะต้องเหวี่ยงแหขนาดใหญ่แล้วจับพวกมันมาให้ได้ เพราะฉะนั้นทางวงแหวนบนเขาลี่ซานนับเป็นจุดอันตรายที่สุด”

แม้เขาจะกังวลใจมากขนาดไหน แต่ก็ไม่มีผลต่อความคิดอันเฉียบแหลมของเขาได้ ลงมือตอนนี้ดูเหมือนจะอันตรายแต่เมื่อเทียบกับทางวงแหวนที่มีกองกำลังดักซุ่มอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ที่นี่จัดว่าปลอดภัยกว่าเยอะ

“ไอ้สมองของนายแบบนี้ ไม่เป็นตำรวจอาชญากรรมระดับชาติโคตรเสียดายแทนเลย”

ถังอี้พูดจบก็เอาปืนและกระสุนยัดใส่มือเฉินเป่ยชวน วันนี้จะต้องเล่น CS ฉบับเรียลอย่างเมามันส์เสียแล้ว

ปังๆ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด เฉียวชูเฉี่ยนเอามือปิดหูโดยอัตโนมัติ พี่เฉิงมองไปอย่างตกตะลึง “ทวดมึงสิ ไอ้เฉินเป่ยชวนนี่ดูท่าจะบ้าไปแล้ว!”

พูดๆ แล้วก็หยิบปืนขนาดพกพาที่อยู่ข้างๆ ยิงไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่ไล่กวดอยู่ด้านหลัง

กระจกเฮลิคอปเตอร์แตกเป็นเสี่ยงๆ เส้นผมของเฉียวชูเฉี่ยนถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงไปหมด แววตาที่ตื่นตระหนกจู่ๆ ก็สงบขึ้นมา เธอหันไปมองเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ด้านหลังด้วยใจที่เต้นตึกๆ เร็วกว่าเดิม

ด้วยศักยภาพในการยิงกลางอากาศอย่างเต็มรูปแบบของกำลังคนสี่นายที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเฮลิคอปเตอร์ของเฉินเป่ยชวนจึงเป็นผู้ชนะในทันที

จู่ๆ ชายที่มีรอยบากก็ร้องขึ้นมา เขาเอามืออุดเลือดที่ไหลพุ่งออกมา เฮลิคอปเตอร์ถูกกระแทก เขาจึงหลุดจากประตูห้องผู้โดยสารแล้วตกลงไป

พี่เฉิงเห็นคนของตัวเองตกลงไปแล้ว ดวงตาก็อัดแน่นไปด้วยความโกรธในทันที เขาเปลี่ยนมาใช้ปืนกล จากนั้นก็ยิงกราดไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่ขับตามมา

“พลังในการยิงของอีกฝ่ายรุนแรงว่ะ” ถังอี้พูดยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนอุปกรณ์ของตัวเองไปด้วย

ถึงข้าจะไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีพวกพ้องนะเฟ้ย

“บินสูงขึ้นไปอีก เอาให้ใกล้ที่สุด ถังอี้ นายช่วยยิงคุ้มกันให้ด้วย” เฉินเป่ยชวนหรี่ตากะระยะที่พอจะรับได้ของตัวเองอย่างคร่าวๆ

“ไม่น่า นายจะเล่นใหญ่ขนาดนี้จริงๆ หรือ?” ถังอี้เข้าใจในทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร บ้าแล้ว ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

เฉินเป่ยชวนเหมือนจะไม่ได้ยิน เขาถอดเสื้อสูทมาวางไว้ด้านข้าง จากนั้นก็ดึงเนกไทสั่งทำมาพาดไว้ที่มือขวา

เฮลิคอปเตอร์ยกตัวสูงขึ้น ทำให้เฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำอยู่ใกล้กันมากจนใบพัดเกือบจะหมุนเข้าหากันอยู่แล้ว

เฉินเป่ยชวนเห็นโอกาสเหมาะก็ตะโกนลงไปอย่างบ้าระห่ำ

เฉียวชูเฉี่ยนที่มองอยู่ตลอดตกใจจนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาบ้าแล้ว ไม่คิดว่าจะกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ลงมา!

ถังอี้ด่าไปคำ แต่เสียงด่าถูกใบพัดกลบไปหมดแล้ว เขาโยนของในมือไปให้ทหารรับจ้างที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็กระโดดตามลงไป

ปัง! ปัง! ปัง! พอเสียงปืนดังขึ้นเฉียวชูเฉี่ยนก็เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งวินาที เธอมองคนสองคนต่อสู้กันอยู่ตรงหน้าด้วยความสีหน้าที่ตึงเครียด พี่เฉิงที่ยังมีปืนกลอยู่ในมือบาดเจ็บจากการปะทะกัน เธอจึงหันไปมองหาบาดแผลบนร่างของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ

เฉินเป่ยชวนชกอย่างรวดเร็วไร้ความปราณี เขาแบคแฮนด์เพื่อปัดปืนกลออกไป จากนั้นก็กำมือที่มีเนกไทพันอยู่ชกไปที่ใบหน้าและหน้าอกของมันอย่างแรง

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset