ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 89 เข้าซื้อกิจการบริษัทลี่จิ่ง

เฉินเป่ยชวนวางมือลงบนโต๊ะประชุมไม้มะฮอกกานี เขากวาดมองไปยังหัวหน้าแผนกทุกคนด้วยสายตาที่เข้มงวด ราวกับว่าเป็นราชาที่อยู่เหนือกว่าใครๆ

“พี่ครับ เข้าซื้อกิจการบริษัทลี่จิ่งแล้วผลประกอบการประจำปีของเฟิงฉิงจะอยู่ที่อย่างน้อย 1 หมื่นล้าน เมื่อไหร่ผมจะเก่งแบบพี่บ้าง”

เฉินจิ้นถงเดินออกมาด้วยกันพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าแฝงด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ลี่จิ่งไม่ใช่บริษัทขนาดเล็ก เมื่อรวมทรัพยากรทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วนั้นจะทำให้กิจการของเฟิงฉิงเติบใหญ่กว่าเดิม ไม่ใช่แค่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นแต่จะทำให้เฟิงเฉิงกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองซั่นเป่ย

“ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป นายฉลาดจะตาย”

มุมของริมฝีปากของเฉินเป่ยชวนโค้งขึ้น ดวงตาจ้องมองไปยังเขาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าสามารถมองเห็นจิตใจผ่านแว่นตาของเขา

“พี่เห็นคุณค่าของผมขนาดนี้ ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ งั้นผมขอตัวก่อน”

เฉินจิ้นถงพูดอย่างใจเย็นก่อนจะหันกลับไปที่ห้องทำงานของเขา เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วและมองลงไปที่เวลาบนนาฬิกาของเขา

ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังรอให้เขากลับไปทานอาหารด้วยหรือเปล่า

“ท่านประธาน ให้ดิฉันจองที่นั่งในร้านอาหารให้คุณไหมคะ? ” เลขาถามทันทีเมื่อเห็นเขา

“ไม่ต้อง ส่งแบบร่างสัญญาไปที่อีเมลของฉันก่อนเลิกงานพรุ่งนี้”

หลังจากพูดจบเขาก็ตรงเข้าไปในลิฟต์และดูเหมือนว่ามื้อเที่ยงของวันนี้เขาจะทำได้เพียงกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเท่านั้น

กลับมาที่ MR อีกครั้งพร้อมกับเบอร์เกอร์และโค้ก แม้แต่คนเฝ้าประตูก็ยังตกใจกับถุงฟาสต์ฟู้ด McDonald ที่เขาถืออยู่ เจ้านายติดดินขนาดนี้เลยเหรอ เขาคิดว่าเจ้านายเดินเข้าออกร้านอาหารระดับไฮเอนด์เท่านั้น

ลินดาถึงกับผงะเมื่อเห็นเขาออกมาจากลิฟต์ เฉี่ยนเฉียนยังไม่กลับมา อีกเดี๋ยวถ้าประธานเฉินถามถึงหล่อน เธอเขาจะตอบว่าอย่างไรดี?

ถืออาหารฟาสต์ฟู้ดรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานแต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของเธอคนนั้น จึงรีบวางอาหารไว้พลางเดินไปยังมุมพักผ่อน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกหิวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ทำให้เขาอยากกินอะไรอย่างอื่นก่อนเลย

เตียงขนาดใหญ่และนุ่มสบายไร้รอยยับ เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที พลางโทรหาลินดา “หล่อนอยู่ที่ไหน? ”

“เลขาเฉียวไปทานข้าวที่ชั้นล่างค่ะ”

ทานข้าว? เฉินเป่ยชวนวางสายโทรศัพท์อยากจะโกรธแต่ก็อดกลั้นไว้ ที่ไม่รอกินอาหารด้วยกันกับเขา แต่เขากลับไม่สามารถทำให้เธอรอจนหิวได้

เขาโทรหาเธอหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสาย

ผู้หญิงคนนี้ไปกินข้าวที่ไหนกันแน่นะ?

ในคฤหาสน์เฉียว เฉียวชูเฉี่ยนมองโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ เธอเพียงรู้สึกว่าเหมือนมีใครขโมยพลังงานของเธอไป เธอเพิ่งออกมาจากซื่ออันไม่นาน และกลับมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว วันนี้ก่อนที่จะเจอกับลู่ฉี เธอเริ่มรู้สึกว่าตระกูลเฉินเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอและจิ่งเหยียน แต่เพียงแค่เวลาไม่นาน ทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“พ่อ แม่ บอกหนูที ว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เขาไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนสิ่งที่หนูเห็นเมื่อครู่ ”

ผู้ชายที่รักมานานถึงสิบปี เธอทนได้ทุกอย่างแม้ว่าจะต้องอยู่ห่างไกลกัน แต่ไม่สามารถมองเขาด้วยสายตาที่เกลียดชังได้ และไม่อยากจะจินตนาการมือคู่นั้นที่เธอจับมาตลอดจะเป็นมือที่เปื้อนเลือดครอบครัวของเธอเอง

รูปถ่ายข้างเตียงมองเธออย่างเงียบ ๆ ราวกับบอกว่าเธอโตแล้วและเธอต้องเรียนรู้ที่จะตัดสินด้วยตัวเอง

เธอเอาหัวหนุนหมอนที่ไม่ได้ใช้มานาน มีกลิ่นน้ำยาซักผ้าจางๆ แต่มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ได้

“พ่อ แม่ ถ้าเฉินเป่ยชวนไม่ได้เป็นอย่างที่คิดจริงๆ หนูควรทำยังไงดี? ” เสียงร้องไห้ราวกับความหวังแตกสลายดังขึ้น

รักฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง บทแบบนี้ควรมีแต่ในละครไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้ล่ะ?

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งและเธอก็ยังไม่รับสาย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะดื้อดึงที่จะให้เธอรับสายให้ได้ ก่อนที่เธอจะยอมแพ้ เฉียวชูเฉี่ยนเช็ดน้ำตาออกจากมุมตาเบา ๆ และพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ “มีอะไรเหรอคะ? ”

“คุณอยู่ที่ไหน? ”

คำถามของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความร้อนใจ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย

“ฉันอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน ไม่ได้ทำความสะอาดมานานแล้ว ฉันว่าจะมาทำความสะอาดสักหน่อย”

เธอพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไร ในตอนนี้นั้นมีเพียงที่นี่ที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย และทำให้เธอสงบสติอารมณ์ลงได้ เพื่อรอผลการสืบจากลู่ฉี

เมื่อฟังโทรศัพท์เฉินเป่ยชวนก็ได้ยินน้ำเสียงที่ผิดปกติในน้ำเสียงของเธอ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ”

ทำไมอยู่ๆ ถึงไปคฤหาสน์เฉียว และน้ำเสียงของเธอดูเหมือนจะ … ร้องไห้

“ฉันคิดถึงพ่อแม่ อยากมาเยี่ยมพวกเขานะ”

เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถโกหกปิดบังเขาได้ จึงต้องใช้เหตุผลที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือคิดถึงพ่อและแม่

“ผมจะไปรับคุณ”

“ไม่ต้องค่ะ … ฉันจะนั่งแท็กซี่แล้วกลับบ้านทีหลัง”

หลังจากปฏิเสธ เธอก็วางสายไป ถ้าหากพูดมากกว่าเดิมเธอกลัวว่าตนเองจะถามเฉินเป่ยชวนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่เธอหรือไม่

เมื่อมองไปยังสายที่วาง ดวงตาของเฉินเป่ยชวนฉายแววโกรธอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขามาช้าปล่อยให้เธอหิว หรือวันนี้มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นกันแน่?

……

อยู่ที่คฤหาสน์เฉียวจนถึงมืด เฉียวชูเฉี่ยนจึงกลับคฤหาสน์เก่าตระกูลเฉิน ท่านผู้หญิงเห็นเธอกลับมาจึงรีบจับมือถาม “ยายหนู กลับมายังไง หิวไหม กินมื้อเย็นหรือยัง?”

“คุณย่า หนูกินกับเพื่อนมาแล้วค่ะ วันนี้รู้สึกเหนื่อยมาก ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”

เธอพยายามยิ้มกลบเกลื่อน จากนั้นเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม เฉินเป่ยชวนที่ตั้งหน้าตั้งตารอเธอกลับมาตั้งนานแล้วจึงรีบวิ่งตามเธอขึ้นไป

“คุณอยู่ในคฤหาสน์ทั้งบ่ายเลยเหรอ?” ประตูปิดลง เขายื่นแขนไปโอบรอบตัวเธอไว้

เฉียวชูเฉี่ยนถูกโอบด้วยแขนของเขายืนอยู่อย่างเงียบ ๆ โลกปัจจุบันของเธอตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายและพังทลาย เธอไม่รู้ว่าควรถอยไปทางไหนดี

เธอเงยหน้ามองดวงตาที่กำลังจ้องมองเธอและริมฝีปากสีซีดจางค่อยๆ เปิดออก “บอกฉันทีว่าคุณรักฉันไหม? ”

ถ้าหากว่ารัก…ทำไมถึงทำร้ายเธอได้ลงคอ ถ้าหากว่าไม่รัก…แล้วทำไมถึงมาหลอกเธอ?

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ดวงตาของเฉินเป่ยชวนหรี่ลงและดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริง มิฉะนั้นเธอจะไม่ถามคำถามเช่นนั้น

“ทำไมคุณไม่ตอบฉันล่ะ คุณรักฉันไหม? คุณเคยรักฉันไหม? ”

เธอไม่ยินดียินร้ายใดๆ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าอยากฟังคำตอบแบบไหนจากปากของเขา

“นี่คือคำตอบของผม”

เขากล่าวไม่กี่คำ จากนั้นประทับริมฝีปากจูบเธออย่างเอาแต่ใจ สิ่งที่เขาทำในหลายวันมานี้มันยังไม่ชัดเจนเพียงพออีกงั้นเหรอ?

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset