ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 92 รถบรรทุกพ่วง

เมื่อถังอี้ได้ยินชื่อเฉียวชูเฉี่ยนสามพยางค์นี้ จึงชักเก็บสีหน้าที่จงใจหยอกล้อลงเล็กน้อย “มาขึ้นรถผม”

“แต่จะทำยังไงกับรถฉันล่ะ ?”

เหยียนสือเซี่ยมองถนนที่มีรถติดกันยาวเป็นมังกรทางด้านหลัง จึงรู้สึกว่าต้องคิดหาวิธีลากรถออกไปถึงจะถูกต้อง

“เดี๋ยวผมโทรหาบริษัทรถบรรทุกพ่วง คุณพาเขาขึ้นมาบนรถแล้วพวกเราไปส่งเขากลับไปก่อน จากนั้ค่อยพารถของคุณไปที่ร้าน 4S ”

เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ไม่ยอมรับไม่ได้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูรถ และใช้แรงสุดกำลังในการเคลื่อนย้ายเฉียวชูเฉี่ยนขึ้นรถถังอี้ไป

เหยียนสือเซี่ยหายใจหอบพร้อมจ้องหน้าเขาตาเขม็ง “คุณจะมาช่วยหน่อยไม่ได้เลยหรือไง ?”

“ชายหญิงล้วนแตกต่าง ไม่ดีมั้ง อีกอย่างเขาเป็นหวานใจของเฉินเป่ยชวนอีก ผมไม่กล้าแตะต้องตัวเขาหรอก”

ถ้าหากว่าหมอนั่นหึงหวงอย่างรุนแรงขึ้นมา แล้วสับนิ้วของเขาจะทำเช่นไร ?

“……”

“คุณโทรหาบริษัทรถบรรทุกพ่วงหรือยัง ? แน่ใจนะว่าพวกเขาจะลากรถของฉันไปโดยเร็ว ?”

“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเขาจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว เรื่องที่ผมจัดการเองคุณสบายใจได้” ถังอี้หันหน้าไปส่งยิ้มให้เธอ สิ้นเสียงกลับยกมุมปากขึ้นผุดเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายและสนุกขึ้นมาแทน

เขารับประกันได้ว่ารถยนต์จะถูกลากไปโดยเร็ว ไม่กระทบกับความปลอดภัยของจราจร

เหยียนสือเซี่ยไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย เธอมองดูเวลา “พาเขากลับบ้านก่อนเร็ว ๆ เถอะ คุณโทรหาเฉินเป่ยชวนหน่อยบอกว่าเฉี่ยนเฉียนเมา”

แม้ว่าเฉียวชูเฉี่ยนจะไม่ได้เอ่ยว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่าเธอสามารถฟันธงได้ว่าเฉินเป่ยชวนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน ในเมื่อเขาเลือกที่จะเริ่มต้นใหม่กับเฉี่ยนเฉียนแล้ว ก็ไม่ควรให้เธอต้องทุกข์ใจอีก !

“ไม่มีปัญหา”

หลังจากที่เฉินเป่ยชวนได้รับสายจากถังอี้และคุยกันเสร็จแล้วก็รีบขับรถกลับคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉินทันที เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะออกไปดื่มเหล้ายามเวลาเที่ยงเช่นนี้ แถมยังดื่มจนเมาเละเทะอีกด้วย

เพิ่งจะจอดรถได้สนิท รถยนต์ของถังอี้ก็กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาจากไกล ๆ แล้วเช่นกัน

“เป่ยชวน ฉันพาคนของนายกลับบ้านอย่างสวัสดิภาพแล้วนะ” เมื่อถังอี้ลงรถมาจึงใช้สายตาอันมีเลศนัยมองเขา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงที่ดื่มจนเมา ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสทองในการซ่อมแซมความรู้สึกและค้นหาความหลงใหลอีกครา ครั้นจะต้องไขว่คว้าไว้ให้ดีถึงจะสำเร็จ

เฉินเป่ยชวนไม่สนใจความหวังดีในการเตือนสติของถังอี้โดยสิ้นเชิง เขาเดินเข้าไปเปิดประตูรถด้านหลังออก กลิ่นแอลกอฮอล์อันรุนแรงจึงกระทบเข้าจมูกของเขาทันที คิ้วเรียวยาวของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที : “เขาดื่มไปเยอะแค่ไหน ?”

“นายถามฉันเหรอ ? นายน่าจะต้องถามตัวเองดูนะว่านายทำเรื่องอะไรให้เขาไม่พอใจอีก ?”

เหยียนสือเซี่ยได้ยินดังนั้นจึงมีน้ำโหตามมา “เฉินเป่ยชวน เรื่องที่คุณทำในเมื่อก่อนฉันจะไม่ไปซักไซ้แล้ว แต่ถ้าคุณทำให้เฉี่ยนเฉียนเสียใจอีก ฉันจะไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่”

มุมปากอันเล็กบางขยับขึ้น จากนั้นแขนอันเรียวยาวของเขาก็ยื่นไปอุ้มผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างในออกมา สายตาอันเย็นยะเยือกได้กวาดมองใบหน้าของเหยียนสือซื่อด้วยความเย้ยหยัน “เธอจะใช้อะไรในการไม่ปล่อยฉันไปเหรอ ? กฎหมาย ?”

“……”

“นาย……” เธอรู้สึกโมโหขึ้นมาเนื่องจากท่าทางอันอวดดีของเขา ครั้นกลับหาคำพูดโต้ตอบไม่ออก เฉินเป่ยชวนเป็นใคร เขาก็คือกฎหมายของเมืองซั่นเป่ย

“พอได้แล้ว พวกเราส่งเธอมาให้นายแล้ว ต่อไปฝากหน้าที่ดูแลไว้กับนายด้วยแล้วกันนะ บ๊ายบาย”

ถังอี้กล่าวจบก็สตาร์ทรถ จากนั้นก็มองผู้หญิงที่กำลังนั่งเดือดดาลอยู่ข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกที่สะใจ “ฝีปากของคุณทนายคนสวยดีที่สุดในใจของผมแล้วครับ วันนี้จะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่”

สิ้นเสียงก็หัวเราะเสียงดังลั่น ใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยขุ่นมัว ไอ้ผู้ชายเฮงซวยบัดซบนี่ ความจริงแล้วเนื่องจากบุญคุณการช่วยเหลือครั้งก่อน เธอได้คิดเอาไว้เรียบร้อยดีแล้วว่าถ้าหากครั้งหน้ามีคดีของไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่อีก เธอจะให้คนอื่นจัดการ ทว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนความคิดแล้ว จากนี้ไปหากเป็นคดีของไอ้ผู้ชายเฮงซวย เธอก็จะดำเนินคดีโดยฟรีค่าดำเนินงาน !

เฉินเป่ยชวนอุ้มผู้หญิงในอ้อมแขนเอาไว้แน่น คิ้วขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ การที่เธอดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้ได้ต้องดื่มไปมากแค่ไหนกันแน่

“โธ่ เป็นอะไรเหรอเนี่ย ?”

ท่านผู้หญิงเห็นทั้งสองคนกลับมาโดยยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน แถมยายหนูยังเมาเละเทะจนไร้สติอีก นัยน์ตาจึงผุดความรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที

“ไม่มีอะไรครับ ตอนเที่ยงมีงานเลี้ยงโต๊ะอาหาร เธอดื่มไปเยอะนิดหน่อยน่ะครับ”

หลังจากที่อธิบายไปส่งเดช เขาที่อุ้มเธออยู่ก็รีบสาวเท้าเรียวยาวของตนเองมุ่งขึ้นชั้นสามไปทันที

“งานเลี้ยงโต๊ะอาหารอะไรกัน ทำให้ยายหนูของฉันดื่มจนเป็นสภาพนี้ แม่บ้านจาง ไปเคี่ยวซุปสร่างเมาให้นายหญิงน้อยหน่อย”

เว่ยชูหรงมองทั้งสองคนที่กำลังขึ้นไปชั้นบน ใบหน้าผุดความรู้สึกสะใจขึ้นมา จากนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างมีลับคมคมใน “คุณแม่คะ ผู้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้ทำเพื่อการงานได้ทุกอย่างแหละค่ะ อย่าว่าแต่ดื่มเหล้าเลย ทำอย่างอื่นมีเยอะถมเถไป”

“ถ้าฉันได้ยินแกพูดซี้ซั้วไร้สาระอยู่ในบ้านอีกนะ ก็อย่าอยู่ที่นี่อีกเลย !”

เมื่อท่านผู้หญิงได้ยินที่เว่ยชูหรงกล่าวมาเช่นนั้น บนใบหน้าก็ผุดความโมโหขึ้นมา เว่ยชูหรงผู้นี้วัน ๆ ไม่มีธุระอย่างอื่นทำแล้วใช่ไหม !

“คุณแม่คะ เมื่อกี้หนูพูดเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ คุณแม่อย่าเก็บมาคิดจริงเลยนะคะ” ยายแก่บัดซบนี่ คนที่จะโดนไล่ออกจากบ้านหลังนี้ยังไม่แน่ว่าเป็นใครหรอกนะ !

เฉียวชูเฉี่ยนที่เมาจนสมองเบลอรู้สึกเพียงว่าลมในกระเพาะดันขึ้นข้างบนเป็นระยะ ๆ ไวน์ที่อยู่ในกระเพาะอาหารจึงไหลขึ้นลงตามไปด้วย เมื่อกลิ่นของแอลกอฮอล์เริ่มไหลขึ้นด้านบนมา ความรู้สึกอันทรมานทำให้เธออดไม่ได้จนต้องอ้วกออกมา

เฉินเป่ยชวนมองอ้วกบนร่างกายตนเองที่ถูกเธออ้วกใส่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น “ฉันว่านะ เธออาจจงใจทำก็ได้ ถูกต้องไหม ?”

แม้ว่าในจมูกจะมีแต่กลิ่นอันเหม็นฉุนโชยเข้ามา ทว่าเขายังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุดชะงักเลย เขาใช้เท้าเตะประตูห้องนอนชั้นสามออก จากนั้นก็เดินไปยังเตียงขนาดใหญ่

เขาดึงเสื้อผ้าที่เปื้อนอ้วกบนตัวเธอออก จากนั้นค่อยวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ

กลิ่นอันแสบจมูกทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เสื้อผ้าที่สกปรกถูกเขาโยนลงถังขยะโดยตรง เวลาต่อมาเสียงเปิดน้ำในห้องน้ำก็ดังขึ้นจากนั้นก็หยุดลง หลังจากผ่านมาไม่กี่นาที เฉินเป่ยชวนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

ร่างกายครึ่งท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเขายังคงทิ้งหยดน้ำที่ยังไม่เช็ดออกหมดเอาไว้อยู่ เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวรัดเอวเอาไว้หนึ่งผืนเท่านั้น ซึ่งเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องและ V-line อย่างชัดเจน ภาพต่อหน้าของชายผู้หล่อเหลาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนที่ได้เห็นต่างก็ต้องอดไม่ได้ที่จะอยากกระโจนเข้ามาใส่ เพียงแค่ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในห้องนั้นได้เมาเละจนไม่ได้สติไปเสียแล้ว

เขานำกะละมังในมือมาวางบนเก้าอี้ จากนั้นก็นำผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มน้ำเช็ดร่างกายของเธอเบา ๆ

“เป็นเพราะลู่ฉีใช่ไหมที่ทำให้เธอดื่มเหล้าจนกลายเป็นสภาพนี้ ?”

เมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองพูดพึมพำเสียงเบาขึ้นโดยไม่รู้ตัว หัวคิ้วของเขาจึงขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม อย่าว่าแต่ลู่ฉีเพียงผู้เดียวเลย ต่อให้มีสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

“ลู่ฉี……”

น้ำเสียงอันนุ่มนวลถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอันแดงก่ำ ทั้งที่เป็นน้ำเสียงอันแผ่วเบาจนหากไม่ตั้งใจฟังก็จะไม่ได้ยิน ครั้นกลับตัดอากาศที่อยู่ในห้องนี้ขาดไปทันใด

เฉินเป่ยชวนหรี่หางตาลงอย่างอันตราย ยายตัวแสบคนนี้ดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้เพราะลู่ฉีจริง ๆ !

ไฟอันเกรี้ยวกราดภายในใจของเขาลุกขึ้นมา เขาโยนผ้าเช็ดหน้าที่อยู่มือทิ้ง และลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอนทันที

“บอกฉันมา ไม่ใช่เขา……”

เฉียวชูเฉี่ยนที่นอนอยู่บนเตียงเปล่งเสียงอันอู้อี้ขึ้นมาอีก เพียงแต่ครั้งนี้น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นอ้อนวอน เวลาต่อมาเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครา

ถายในห้องนอนข้าง ๆ เฉิงเป่ยชวนยืนอยู่เบื้องหน้าของหน้าต่างบานใหญ่ เงาแผ่นหลังของเขาเห็นได้ชัดถึงความเย็นยะเยือกโดยเป็นพิเศษ เขาไม่เคยมองลู่ฉีหรือหลี่ฉีอะไรนั่นอยู่ในสายตาเลย ทว่าขณะที่คำว่าลู่ฉีถูกเอ่ยออกจากปากของเธอนั้น เขากลับรู้สึกสนใจแม่งขึ้นมาทันควัน

ซิการ์ที่เพิ่งถูกเขาจุดขึ้นอยู่ในมือนั้นถูกเขาขยี้ดับลงอย่างแรง เฉียวชูเฉี่ยน อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่าลู่ฉีไม่มีค่าอะไรเลยในซั่นเป่ย

……

“คุณให้บริษัทรถบรรทุกพ่วงลากรถของฉันไปไว้ที่ไหน ?”

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset