ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 94 การจุติของความยุติธรรมและความเมตตา

“แหม ผมคิดมาตลอดว่าทนายคือการจุติของความยุติธรรมและความเมตตา ทำไมการที่ผมช่วยเหลือชีวิตคุณมาหนึ่งครั้งแถมยังให้คุณได้รับการยกเว้นภัยการจำคุกอีก คุณถึงไม่รู้จักซาบซึ้งน้ำใจผมแบบนี้ ? หรือไม่ให้ผมกลับไปบอกคุณตำรวจไหมว่าผมจำผิดไปเอง ที่จริงแล้วคนที่ขับรถคือคุณ”

เมื่อเหยียนสือเซี่ยเห็นว่าเขาหลับหลังหันกำลังจะเดินไปสถานีตำรวจจริง ๆ จึงทำได้เพียงคว้าแขนของเขาเอาไว้ ผู้หญิงที่ดีจะไม่สู้กับผู้ชาย ทนายที่ดีจะไม่สู้กับคนเฮงซวย

“พูดอะไรที่มันเพราะ ๆ นะ” ไม่เพียงแต่ไม่ยอมประนีประนอมให้ ถังอี้ยิ่งกล่าวยั่วยวนยิ่งกว่าเดิมพร้อมทั้งยิ้มตาหยีขึ้น

“ฉันขอเตือนคุณเอาไว้ก่อนว่าอย่าเหยียบจมูกขึ้นหน้า”

“ทนายความผู้มีการศึกษาควรจะใช้คำว่าได้คืบจะเอาศอกมาเปรียบเปรยนะครับ”

“……”

ใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยแดงก่ำขึ้นมา เธอเจอคนชั่วในศาลมาเยอะมาก ถึงขั้นเป็นนักเลงเลยก็มี ทว่ายังไม่เคยมีใครทำให้เธอคลุ้มคลั่งได้จนถึงขั้นนี้

“เห็นสีหน้าอันโกรธเคืองของคุณแล้ว ช่างสวยจนทำให้ผมหัวใจเต้นแรงจริง ๆ ผมจะใจดีพาคุณไปที่ร้าน 4S ก็แล้วกันนะ”

คำพูดที่ยิ้มแย้มแจ่มใสฟังไม่ออกถึงความจริงใจเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องหน้าเขาตาเขม็งด้วยความเกลียดชัง จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาทันที “โชเฟอร์ค่ะ ไปร้านเหมยเจียงเบนซ์ 4Sค่ะ”

“นี่ คุณแน่ใจนะว่าจะขึ้นแท็กซี่เอากระเป๋าตังค์มาแล้วหรือไง ?”

ถังอี้ที่อยู่ด้านนอกตะโกนขึ้นมา เธอจึงคลำหากระเป๋าเงินของตัวเองทันที และจึงทราบว่าตนเองหลงกลอีกจนได้ เธอทุบกระเป๋าเงินที่หน้าตักด้วยความโมโหทันที

“คุณผู้หญิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” คนขับรถถามด้วยความหวังดี

“ไม่เป็นไรค่ะ”

หลังจากที่ฟื้นอารมณ์จนเป็นปกติคืนมาแล้ว ครั้นเวลาต่อมากลับถูกคำพูดของคนขับรถกระตุ้นจี้จุดเข้าจนได้ “แฟนของคุณช่างเป็นห่วงคุณจริง ๆ เลยนะครับ”

“……”

ผู้ชายเฮงซวยอย่างถังอี้ ต่อให้เป็นผู้โชคร้ายของการสูญพันธุ์ของมนุษย์ก็ตาม เธอก็ไม่มีวันเป็นแฟนกับเขาเด็ดขาด

……

เฉียวชูเฉี่ยนตื่นนอนเวลาเช้าของวันถัดมา เมื่อตื่นขึ้นเธอนวดบริเวณท้ายทอยอันเจ็บปวดไม่หยุด จากนั้นก็กวาดสายตามองท้องฟ้าที่สว่างด้านนอก แม้ว่าการดื่มเหล้าจนเมาจะทำให้เธอหลบหนีไปได้หนึ่งวัน ทว่าความรู้สึกขณะที่เมานั้นย่ำแย่เหลือเกิน

“ตื่นแล้วเหรอ ?”

เธอกำลังจะเตรียมตัวลงจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน ก็ต้องตกใจเข้ากับเสียงที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นมา เธอจึงหันหน้าไปมอง และก็ต้องรีบหลบสายตาทันที เหตุใดเฉินเป่ยชวนยังไม่ไปบริษัทอีก ?

“เห็นหน้าฉันแล้วตกใจมากหรือว่าไม่สบอารมณ์ ?”

ริมฝีบางอันเรียวบางโค้งฝืนยิ้มขึ้น ดวงตาอันเย็นชาคู่นั้นกลับจับจ้องเธอแน่นิ่งราวกับเห็นเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น

“คุณว่าอะไรนะ ฉันปวดหัวนิดหน่อย”

เธอหลบหลีกสายตาคู่นั้นที่ทำให้ตนเองไม่สบายไปทั้งร่างกายตามสันชาตญาณ ทว่าบัดนี้พวกเขาทั้งคู่อยู่ในห้องนอนเดียวกัน หลบหนีไปไหนไม่ได้โดยสิ้นเชิง ร่างอันสูงใหญ่ของเฉินเป่ยชวนเดินเข้ามาอยู่เบื้องหน้าเธอ นิ้วมือเรียวยาวจับคางของเธอเชิดขึ้น “เธอหวังว่าช่วงเวลาที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะเห็นหน้าผู้ชายคนอื่นใช่ไหม ?”

เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดอยู่ ๆ เขาจึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา เธอขมวดคิ้วแน่นจากนั้นก็ลุกขึ้นลงจากเตียง

“ฉันขอไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะคะ”

เท้าของเธอยังไม่ทันได้ก้าวไปก็ถูกเขากระชากไว้อย่างแรง

“คุณจะทำอะไร ?”

เธอร้องตกใจขึ้นมา จากนั้นก็ผลักเขาออกด้วยสันชาตญาณ ครั้นถูกเขากระทำกลับจับแขนล็อกไว้ทันที

ใบหน้าอันหล่อเหลาของเฉินเป่ยชวนเกือบจะแนบชิดอยู่บนใบหน้าของเธอ พร้อมลมหายใจอันน่าเกรงกลัวแฝงอันตรายเอาไว้ เฉียวชูเฉี่ยนจึงรู้สึกกระส่ายกระสับขึ้นมาไปโดยปริยาย “คุณปล่อยฉันก่อน ได้ไหมคะ ?”

“เธอคือผู้หญิงของฉัน ฉันจะปล่อยเธอไปไหน ?”

เขาถามกลับพร้อมรอยยิ้มอันเยือกเย็น ปล่อยเธอไปหาอ้อมกอดของลู่ฉีหรือ แม้ชาติหน้าก็อย่าได้ฝัน

“ฉันเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง จะต้องไปทำงานนะคะ”

“เป็นพนักงานที่ดีจริง ๆ เลยนะ ถ้างั้นขอถามพนักงานที่รักในการทำงานอย่างเธอหน่อยสิ เธอขาดงานไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง ควรอธิบายยังไงดี ?”

“เมื่อวานนี้ฉันคุยกับสือเซี่ยสนุกมาก ก็เลยดื่มจนเมา วันนี้ตอนเย็นฉันจะทำโอทีทำงานของเมื่อวานให้เสร็จค่ะ”

เธอรีบหาข้ออ้างทันควัน ถ้าหากสามารถอยู่ห่างจากผู้ชายคนนี้ได้เป็นการชั่วคราว เธอจะไม่มีทางคัดค้านการทำโอทีเลยแม้แต่น้อย

“เห็นทีว่าฉันต้องให้โบนัสพนักงานดีเด่นกับเธอซะแล้วนะ”

เฉินเป่ยชวนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เมื่อสิ้นเสียงเขาก็ลุกขึ้นมาทันที นัยน์ตาปรากฏเป็นความวิตกกังวลและความโมโหแอบแฝงอยู่

“ยายหนูโอเคหรือเปล่า ทำไมเมื่อวานถึงได้ดื่มนานแบบนั้น รีบมาทานข้าวเช้าเร็ว ไม่อย่างนั้นร่างกายต้องทนไม่ไหวแน่”

15 นาทีต่อมา ทั้งสองคนได้เดินตามกันลงมาชั้นล่าง ท่านผู้หญิงจึงเอ่ยเรียกทันที

“ขอบคุณมากค่ะคุณย่า จิ่งเหยียนไปโรงเรียนแล้วเหรอคะ ?”

“วันนี้เป่ยชวนส่งเจ้าตัวน้อยไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าเลย”

เธอหันหน้ามองเฉินเป่ยชวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ วันนี้เขาตื่นเช้ามากเลยอย่างนั้นหรือ ? เมื่อคิดถึงภาพเมื่อวานนี้ที่ตนเองดื่มเมาจนภาพตัดไปแล้วนั้น ก็ผุดความรู้สึกผิดขึ้นมาภายในใจมากมาย เธอเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับจิ่งเหยียนไปเสียแล้ว

“ดื่มนมร้อนและขนมปังเยอะ ๆ ก็จะหายปวดกระเพาะแล้ว”

เธอพยักหน้าตอบรับพร้อมก้มลงรับประทาน หลังจากที่ดื่มนมร้อน ๆ เข้าไปแล้ว กะเพราะอาหารที่ไม่สบายก็รู้สึกดียขึ้นตามที่ว่าจริง ๆ ครั้นเธอไม่สามารถมีสมาธิได้เลย เนื่องจากสายตาของคนที่อยู่ข้าง ๆ นั้นทำให้เธอมองข้ามไปไม่ได้

“ทานเสร็จแล้วให้เป่ยชวนพาหนูไปบริษัทนะ”

ท่านผู้หญิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงบรรยากาศอันผิดปกติของทั้งสองคน เมื่อวานนี้ยายหนูดื่มจนเมา คงไม่ใช่เพราะทั้งสองคนทะเลาะกันหรอกใช่ไหม

“ค่ะ”

เธอทราบว่าต่อให้ปฏิเสธไปครั้นสุดท้ายก็จะต้องไปกับเฉินเป่ยชวนอยู่ดี เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับไป ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่วันแล้วทางลู่ฉีน่าจะมีคำตอบแล้วสินะ

ตลอดทางไปบริษัท ภายในรถยนต์มายบัคเงียบสงัดอย่างเป็นพิเศษ ซึ่งได้ยินเพียงเสียงหายใจของทั้งสองคน เฉียวชูเฉี่ยนหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ภายในหัวเต็มไปด้วยความสบสนวุ่นวาย ยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ยิ่งไม่กล้าไปจินตนาการถึงคำตอบ

รถยนต์จอดอยู่ ณ ลานจอดรถชั้นล่างของบริษัท MR เธอทำได้เพียงเดินตามหลังเฉินเป่ยชวนเข้าลิฟต์ไป เมื่อถึงห้องทำงานแล้วเธอจึงรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที จากนั้นก็รีบทำงานค้างของเมื่อวาน พลางหวังว่าจะไม่ถูกรบกวน

หลังจากที่ทำงานอย่างรวดเร็วเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ หัวใจของเธอก็เต้นรัว ๆ

ลู่ฉีโทรเข้ามาหาเธอเป็นเพราะสืบเจอผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่รับบริษัทเฉียวกรุ๊ปแล้วใช่หรือไม่

ปลายปากกาเซ็นชื่อของเฉินเป่ยชวนหยุดชะงักลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ทำการอ่านเอกสารที่แต่ละแผนกส่งเขามารอเซ็นอนุมัติต่อราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่หางตาที่ตกอยู่นั้นได้ผุดความเย็นยะเยือกออกมา

เฉียวชูเฉี่ยนมองดูข้าง ๆ จากนั้นก็วางสายไป พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที

“ไปไหน ?”

“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ” สิ้นเสียงเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานไปทันที

เฉินเป่ยชวนโยนปากกาเซ็นชื่อที่อยู่ในมือบนโต๊ะอย่างแรง เขามั่นใจได้เลยว่าสายที่โทรเข้าเมื่อสักครู่นี้เป็นสายจากลู่ฉี

เขาลุกขึ้นแล้วมายืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างบานใหญ่ และไม่นานก็มองเห็นเงาอันคุ้นเคยกำลังเดินออกจากตึกใหญ่ MR อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ จากนั้นก็รีบขึ้นรถแท็กซี่ทันที

เขากระตุกเนคไทที่อยู่ตรงคอเสื้อด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เม้มปากแน่น จากนั้นก็ราวกับตัดสินใจอะไรได้ เดินมุ่งลงชั้นล่างทันควัน

ทิศทางที่เธอออกจากบริษัทไปเมื่อสักครู่นี้คือสถานที่ของร้านอาหารตะวันตก

ร้านอาหารตะวันตก ‘ซื่ออั้น’

“เฉี่ยนเฉียน ผมอยู่นี่” เมื่อเห็นเธอเข้าประตูมา ลู่ฉีจึงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมโบกมือตะโกนเรียกเธอทันที

“คุณสืบได้หรือยังคะ ?”

เฉียวชูเฉี่ยนนั่งลงบนโซฟา หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนเดิม ช่วงเวลาหลายวันที่เธอต้องทนอยู่กับการคาดเดาและสงสัยจนไม่เป็นอันกินอันนอนจนใกล้จะทำให้เธอทนไม่ไหวแล้ว ทว่าบัดนี้คำตอบอยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว ครั้นเธอกลับมีความคิดอยากจะหลบหนีไป

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset