ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 959-960

บทที่ 959+960

บทที่ 959 ในสามสิบหกกลยุทธ์มีเพียงหนีเท่านั้นที่เป็นสุดยอดกลยุทธ์!

ยามนี้โดยพื้นฐานแล้วทุกคนล้วนยกให้เธอเป็นผู้นำ ย่อมติดตามไปด้วย

หลังจากทำลายเขตแดนแห่งนี้ได้จิตใจของทุกคนก็ผ่อนคลายอย่างยิ่ง มีเพียงกู้ซีจิ่วที่ยังคงอกสั่นขวัญแขวนอยู่!

ก่อนหน้านี้ระหว่างที่กู้ซีจิ่วตรวจค้นอยู่ เธอไม่เพียงแต่พบสิ่งของที่คล้ายกับกล้องวงจรปิดเหล่านั้น ยังมองออกว่าค่ายกลนี้เป็นค่ายกลโบราณอันชั่วร้ายอีกด้วย!

ไอหยินในค่ายกลเข้มข้นยิ่ง พายุหิมะที่บ้าคลั่งนั้นย่อมไม่ใช่พายุหิมะแท้จริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการใช้ไอแค้นของวิญญาณพยาบาทนับพันนับหมื่นในสนามรบมาเปลี่ยนแปลงสนามพลังของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นพายุหรือเกล็ดหิมะล้วนปนเปื้อนด้วยไอพยาบาทนับไม่ถ้วน

และเขตแดนบนอากาศเหนือค่ายกลที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งนี้ ก็กักไอหยินเหล่านี้ไว้ไม่ให้มันรั่วไหลออกไป

สัมผัสที่หกของกู้ซีจิ่วเฉียบไวยิ่งนักมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เธอตรวจค้นอยู่ก็สัมผัสได้ว่ามีคนลอบเฝ้ามองพวกเธออยู่!

ราวกับมีดวงตาชั่วร้ายคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวของเธอจากใต้พิภพอันมืดมิด ทำให้กล้ามเนื้อของเธอเคร่งตึง

ต่อมาเธอก็ได้กลิ่นอายของสิ่งที่ชั่วร้ายสุดขีด ถึงแม้สิ่งชั่วร้ายนั้นจะไม่เผยโฉมออกมาเลย แต่สัมผัสที่หกของเธอบอกเธอว่า จะไปหาเรื่องสิ่งนั้นไม่ได้เด็ดขาด! และไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มนี้ของเธอจะสามารถยุแหย่ได้!

เธอทราบจาก ‘กล้องวงจรปิด’ เหล่านั้นแล้ว ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็น ‘ปรมาจารย์กู่’ ผู้นั้น และเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องบิดาของหลงซีผู้นั้น!

คนที่แอบจับตามองเธอก็น่าจะเป็นเขาเช่นกัน

คนผู้นี้คลั่งชีวเคมี อีกทั้งเขาฝึกฝนวิชามาร การที่เขาคิดจะทำให้ยุคนี้เกิดสถานการณ์ซอมบี้ล้างเมืองก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจจนเกินไป แถมคนผู้นี้ยังบ้าคลั่งถึงปานนี้ ผีดิบชุดขาวที่อยู่ในการควบคุมของเขาก็หยุดยั้งได้ยากยิ่งนัก ไม่แน่อาจจะศึกษาวิจัยราชาผีดิบออกมาได้แล้ว สิ่งชั่วร้ายใหญ่หลวงที่เธอสัมผัสได้อาจจะเป็นราชาผีดิบ!

จะสืบค้นต่อไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าสืบค้นต่อไปเกรงว่าจะก่อให้คนผู้นั้นตอบโต้กลับ พวกเธอทั้งกลุ่มล้วนต้องสิ้นชีพอยู่ที่นี่!

ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วตรวจค้นอยู่พักใหญ่ก็ยุติลงอย่างไม่ลังเลเลย กลับไปรวมตัวกับเหล่าสหาย

เธอไม่รู้ว่าที่แท้แล้วนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นมีแผนการอะไร แต่ตอนนี้รูปการณ์แบบข้าอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่ลับเห็นได้ชัดว่าไม่ดี ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงทำลายกล้องวงจรปิดเหล่านั้นทิ้งโดยตรง ทำให้ศัตรูพะว้าพะวงขึ้นอีกขั้น ไม่กล้าหลับหูหลับตาปล่อยเจ้าใหญ่นั้นออกมา

เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ คนที่ซุ่มอยู่ผู้นั้นคล้ายจะมีอะไรให้พะวงอยู่เช่นกัน ในที่สุดก็ยอมปล่อยพวกเขาจากไป ระงับการทำงานของค่ายกล…

ยามนี้ในสามสิบหกกลยุทธ์ย่อมมีเพียงหนีเท่านั้นที่เป็นสุดยอดกลยุทธ์!

หลังจาพายุหิมะหยุดลงกู้ซีจิ่วก็มองออกว่า เรือนแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้คือประตูทางออกของค่ายกลนี้ ขอเพียงหนีไปถึงที่นั่น พวกเธอก็สามารถไปจากที่นี่อย่างสมบูรณ์ได้!

ในเมื่อเธอมองค่ายกลใหญ่นี้ออก ก็ย่อมหาตาค่ายของค่ายกลแห่งนี้พบ

…เป็นเสาธงต้นนั้น!

เสาธงต้นนั้นก็คือตาค่ายที่รักษาค่ายกลนี้ไว้ เมื่อเสาธงต้นนี้ถูกทำลาย ค่ายกลนี้จึงทลายลง เขตแดนที่ครอบคลุมอยู่ด้านนอกจึงไม่คงอยู่แล้ว

แต่เขตแดนนี้กลับไม่อาจทำลายทิ้งได้ เนื่องจากถึงแม้จะกักขังคนไว้ แต่ก็กักขังผีดิบชุดขาวเหล่านั้นไว้เช่นกัน ให้พวกมันเคลื่อนไหวอยู่แค่ในค่ายกล ถ้าบุ่มบ่ามทำลายเขตแดนนี้ทิ้ง เกรงว่าพวกผีดิบชุดขาวที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปใต้ดินจะแห่ออกมาด้วย เมื่อถึงยามนั้นแทบไม่อยากคาดการณ์เลยว่าภัยพิบัติเช่นใดจะมาเยือนโลกใบนี้

ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องทำในตนนี้ก็คือออกไปให้พ้นจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที

ความเร็วของคนกลุ่มนี้ล้วนแต่ว่องไวยิ่ง เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงทางออกที่อยู่ข้างหน้าแล้ว กู้ซีจิ่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นเหนือศีรษะพลันมีเสียงดังครืนกึกก้องขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับมีสายฟ้าผ่าลงมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ

————————————————————————————-

บทที่ 960 หรือเขาจะพลาดท่าติดอยู่ในข้างใน?!

ทั่วโลกาล้วนสะท้านสะเทือนไปตามๆ กัน!

ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริด หลายฝีเท้าหยุดชะงัก หันกลับไปมองทันที จางฉูฉู่ตะโกนขึ้นว่า “ดูเร็ว! เสาธงต้นนั้นจะถูกฟ้าผ่าแล้ว!”

เสาธงต้นนั้นคือสิ่งที่สูงที่สุดในเมืองนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนล้วนมองเห็นมันได้ในแวบเดียว ยามนี้จู่ๆ มันก็ถูกฟ้าผ่า เป็นธรรมดาที่ทุกคนล้วนมองเห็นได้ ทุกคนเบิกตามองอัสนีสีทองเจิดจ้าสายหนึ่งผ่าลงที่เสาธงต้นนั้นอย่างจัง เกิดเสียงเปรี้ยงดังกัมปนาทขึ้น

กู้ซีจิ่วใจหายวาบทันที ตะโกนเสียงดัง “อย่าสนใจเรื่องนั้น! รีบวิ่ง!”

กล่าวยังไม่ทันขาดคำ พสุธาใต้ฝ่าเท้าก็สั่นไหวขึ้นมา คล้ายจะเกิดแผ่นดินไหวระดับแปดขึ้นมาในทันใด! แผ่นดินเริ่มแยกออก…

ทุกคนไม่ทันระวังตัว ถูกเขย่าจนล้มไปคนละทิศละทาง เชียนหลิงอวี่ร่างกายอ่อนแอเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ จึงกระเด็นออกไปทันที ประจวบเหมาะเคราะห์ร้ายไถลไปทางหลุมลึกแห่งหนึ่งที่เพิ่งแยกออกอย่างรวดเร็ว!

หลุมลึกที่แตกอ้านั้นมืดสนิท เชียนหลิงอวี่เบิกตามองร่างตนหล่นลงไปในรอยแยกที่ลึกจนไม่เห็นก้นแห่งนั้น ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี! เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร ทั้งร่างก็แขวนค้างอยู่กลางอากาศแล้ว!

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหล่นลงไป คนผู้หนึ่งก็พุ่งมาปานฟ้าแลบ รั้งตัวเขาไว้ โอบเอวแล้วอุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นก็เกิดเสียงลมหวีดหวิวคราหนึ่ง เชียนหลิงอวี่เวียนหัวตาลายอยู่ครู่หนึ่ง ยามที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตัวคนก็ถูกพามาไว้ที่เนินเขาแห่งหนึ่งที่ด้านนอกแล้ว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วนัก เร็วจนทำให้คนตอบสนองไม่ทัน

หัวใจเชียนหลิงอวี่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา ในที่สุดเขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าผู้ที่พาเขาออกมาคือใคร

เป็นกู้ซีจิ่ว…

ในสถานการณ์คับขันเธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายช่วยเหลือเขาไว้ ไม่เพียงแต่ช่วยเขาเท่านั้น ในมืออีกข้างของเธอยังพาจางฉูฉู่ที่มัวแต่ชมเรื่องครึกครื้นจนตกตะลึงเสียหลักลื่นล้มออกมาด้วย

ส่วนคนที่เหลือ เยี่ยนเฉินอุ้มจิ้งจอกน้อยที่ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้าออกมา เล่อชิงซิ่งก็ลากน้องสาวของตนออกมาแล้ว…

กู้ซีจิ่วยังไม่ได้วางคนทั้งสองลง สายตาก็กวาดมองไปทั่วอย่างรวดเร็ว เยี่ยมมาก คนส่วนใหญ่ล้วนออกมาแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้ามาทางเนินเขาแห่งนี้ที่เธออยู่

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก เพียงแต่ลมหายใจแห่งความโล่งอกนี้เพิ่งจะพ่นออกมาได้เพียงครึ่งเดียวก็สะกิดใจขึ้นอีกครา!

อิงเหยียนนั่วล่ะ?!

เนื่องจากอิงเหยียนนั่วผู้นี้ขอเพียงโผล่ออกมาก็จะชอบติดสอยห้อยตามอยู่ข้างกายเธอ แทบจะตามติดทุกฝีก้าวเว้นเพียงเวลานอนเท่านั้น และไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นใดเขาล้วนมีความสามารถพอที่จะเอาตัวรอดได้ ดังนั้นในยามที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากภยันอันตรายกู้ซีจิ่วจึงติดนิสัยไม่มองหาเขา เนื่องจากเธอรู้ว่าเขาสามารถตามตนออกมาได้ ถึงขั้นที่หนีได้ว่องไวกว่าเธอด้วยซ้ำ!

แต่ตอนนี้เธอกลับไม่เห็นเขา!

หรือเขาจะพลาดท่าติดอยู่ข้างใน?!

ขณะนี้เห็นได้ชัดว่าค่ายกลนั้นกำลังถล่มลงมา เสียงโครมครามกึกก้องปานภูผาคลอนปฐพีโยก ม่านหมอกหิมะมหาศาลฟุ้งอยู่ในอากาศ แทบจะบดบังฟ้าดิน

หากอิงเหยียนนั่วพลาดท่าติดอยู่ด้านใน เกรงว่าคงไม่รอดแน่!

ร่างกายกู้ซีจิ่วพุ่งขึ้นมา คิดจะกระโจนกลับเข้าประตูค่ายกลไปตามหาคนอีกครั้ง…

เงาร่างเธอว่องไวยิ่ง พวกเยี่ยนเฉินไม่มีทางสกัดไว้ทัน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังพุ่งเข้าไปในประตูค่ายกล คนผู้หนึ่งก็โผล่พรวดออกมาจากประตูค่ายกล กู้ซีจิ่วยั้งเท้าไม่อยู่ เกือบจะโผใส่อ้อมแขนคนผู้นั้น!

คนผู้นั้นรวดเร็วปานฟ้าแลบ ดึงเธอไว้แล้วเหินทะยานขึ้น…

หัวใจกู้ซีจิ่วสงบลงทันที คนผู้นี้คืออิงเหยียนนั่ว

ขอบคุณฟ้าดิน เขาหนีออกมาได้ในวินาทีสุดท้าย!

เงาร่างของเขาและเธอเพิ่งจะพ้นจากประตูค่ายกลนั้น ประตูค่ายกลก็ถล่มลงมาทันที และสามารถกล่าวได้ว่า เขตแดนทั้งหมดถล่มลงมาแล้ว…

….

เสียงที่แว่วอยู่ด้านหลังดังสะเทือนเลือนลั่น ทุกคนไม่มีเวลาหันกลับไปมอง โคจรพลังใช้วิชาเหินหาว หลบหนีออกไปประหนึ่งควันสายหนึ่ง ได้ระยะทางเจ็ดแปดลี้ถึงหยุดฝีเท้าลง

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset