ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1133+1134

บทที่ 1133+1134

บทที่ 1133 เจ้าฝันเฟื่องไม่ยอมตื่นหรือ?

“เช่นนี้แล้วกัน เจ้าปล่อยนาง แล้วให้ข้าไปเป็นตัวประกันของเจ้าเป็นอย่างไร?”

“ไม่ได้!” มู่อวิ๋นกับมู่เหลยต่างโพล่งออกมา สีหน้าท่าทางตื่นตระหนก “ไม่ได้เด็ดขาด! นายท่าน พวกข้ายินยอมเป็นตัวประกันของเขาเพื่อแลกแม่นางกู้กลับคืนมา!”

เทียนจี้เยวี่ยขมวดคิ้ว “ตี้ฝูอี เจ้าอย่าวู่วาม! เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มิอาจให้เจ้าตัดสินใจเองได้!”

กู่ฉานโม่ก้าวมาด้านหน้า “คนชราอย่างข้ายอมเสียสละตัวเองเป็นตัวประกัน! แต่จะให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นตัวประกันไม่ได้เด็ดขาด!”

แผ่นดินนี้ถึงแม้เคารพเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นหลัก ทว่าผู้ที่แบกรับภาระเมื่อเกิดปัญหา คอยปัดเป่าทุกข์ยากให้แก่ปวงชน  อีกทั้งวางแผนการทั้งหมด กลับเป็นตี้ฝูอีมาโดยตลอด

โม่เจ้าผู้นี้เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ หากเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของโม่เจ้า ก็เป็นสถานการณ์เป็นตายโดยแท้!

ทุกคนต่างพากันคัดค้าน

กู่ฉานโม่กล่าวอย่างอดไม่ได้ “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านอย่ายอมถูกเขาข่มขู่ ตอนนี้เขากำลังตกเป็นรองอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าทำอะไรกู้ซีจิ่วจริงๆ หรอก เขารู้ว่าท่านไม่กล้าเดิมพัน…”

ตี้ฝูอีทอดถอนใจเบาๆ “ข้าไม่กล้าเดิมพันจริง และไม่คิดจะเอาชีวิตของนางมาเดิมพัน!”

กู่ฉานโม่กล่าวไม่ออก

ตี้ฝูอีมองไปทางโม่เจ้าพลางเอ่ยเบาๆ “ข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้าได้เพียงเท่านี้ หากเจ้ายังไม่ยินยอม เช่นนั้นพวกข้าคงทำได้แค่เพียงสู้จนตกตายไปด้วยกัน…”

เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว โม่เจ้าคงเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะหาโอกาสต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ดังนั้นจึงทำให้กู้ซีจิ่วสติพร่าเลือนไปแล้ว ยามนี้นางถูกโม่เจ้าจับไว้ราวกับเป็นหุ่นกระบอก ถึงแม้ดวงตาเบิกกว้าง แต่กลับไม่มีจิตวิญญาณใดๆ เห็นได้ชัดว่าไม่มีสติสัมปชัญญะ

เขายกมือขึ้นข้างหนึ่ง นิ้วมือทำมุทรา กล่าวต่อว่า “หากข้าช่วยชีวิตนางไม่ได้จริงๆ ข้าจะปลิดชีวิตนางก่อนที่เจ้าจะได้ทรมานนาง!”

เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ โม่เจ้าทำได้เพียงแค่ตอบรับ ทว่าเขาเพิ่มเงื่อนไขขึ้นมาอีกสองข้อ หนึ่งคือปล่อยคนของเขาทั้งหมด สองคือเขาจะไม่ปล่อยตัวกู้ซีจิ่ว แต่สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายนางอีกเด็ดขาด สามารถให้คำสัตย์สาบานได้

ตี้ฝูอียอมรับเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้ของเขา

ทว่าตี้ฝูอีจะเป็นคนกำหนดคำสาบานเอง

สิ่งที่ให้เขาสาบานก็คือ ‘ในชาตินี้ชีวิตนี้จะไม่มีทางทำร้ายกู้ซีจิ่วอีก หากกระทำเมื่อใดจะได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์ ใช้ชีวิตทั้งชาติท่ามกลางเพลิงนรก ไม่อาจหลุดพ้นชั่วกัปชั่วกัลป์’

ผู้คนในทวีปนี้ไม่ได้สาบานกันโดยง่าย หากผิดคำสาบานก็ต้องได้รับโทษ ไม่มีการลดหย่อนผ่อนให้แม้เพียงน้อย

โม่เจ้าชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่ายังคงเอ่ยคำสาบานที่เลวร้ายเช่นนี้ภายใต้เงื่อนไขที่ตี้ฝูอีกล่าวมาก่อนหน้า…

……

แสงไฟภายในวังใต้พิภพสว่างไสวตลอดทั้งปี หลอดไฟเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะมีในยุคสมัยนี้ อีกทั้งยังเป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน

การมาถึงวังใต้พิภพนี้ราวกับการเข้าสู่ฐานทดลองที่ทันสมัย ตี้ฝูอีเห็นอะไรก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ทั้งนั้น

เพื่อความปลอดภัย โม่เจ้าให้ตี้ฝูอีกลืนกินโอสถพิษกว่าเจ็ดถึงแปดชนิด อีกทั้งยังกดจุดเขาอีกสิบกว่าจุด ซ้ำยังใช้มีดแทงไปหนึ่งแผล!

แน่นอน ตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการให้ตี้ฝูอีตาย ดังนั้นมีดที่แทงเข้าไปจึงไม่อันตรายถึงชีวิต เพียงแต่แทงไปที่จุดชี่ไห่[1] ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่าว่าแต่ตี้ฝูอีคิดเล่นตุกติกอะไรภายในวังใต้พิภพของเขา แค่แม้แต่จะเดินยังลำบากเลย

เขาส่งลูกน้องสองคนไปช่วยตี้ฝูอีลงจากเรือเหินอัคคี เดิมทีเขาสั่งการลูกน้องสองคนนั้นให้ลากตัวตี้ฝูอีไป ทว่าตี้ฝูอีคนนี้เจ้าอารมณ์ยิ่งนัก เขารักสะอาด ไม่ต้องการให้ใครมาลากเขา ถึงขั้นต้องการจะกระโดดลงสระลาวาอย่างเด็ดขาด…

ไม่รู้ว่าร่างกายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้เป็นอย่างไร กดจุดอวินซุ่ย[2]ก็ไม่สลบ ยังมั่นคงโดยตลอด ทั้งที่สูญเสียพลังวิญญาณทั้งหมดไป แต่กลับยังสามารถใช้วิชาหยั่งรากได้ เมื่อต้องลากตัวเขาที่หนักอึ้งเช่นภูผาทั้งลูก ข้ารับใช้ทั้งสองของวังใต้พิภพจึงสิ้นเปลืองพละกำลังมากกว่าปกติ

———————————————-

บทที่ 1134 รู้สึกว่าตัวเองกระวนกระวายใจยิ่งนัก…

โม่เจ้าคร้านที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ จึงสั่งคนให้ยกเก้าอี้นุ่มมาสามตัว ตัวหนึ่งยกกู้ซีจิ่วที่เป็นลมไปแล้ว ตัวหนึ่งยกตี้ฝูอี ตัวหนึ่งยกหลงฟั่นที่บาดเจ็บสาหัส

หลังจากที่ตี้ฝูอีขึ้นนั่งเก้าอี้นุ่มนี้แล้วก็ไม่พลิกตัวไปมาอีก มีข้ารับใช้สองคนแบกเขาประหนึ่งเป็นคุณชายใหญ่ที่เยี่ยมชมทัศนียภาพของวังใต้พิภพตามใจชอบ แสดงความคิดเห็นบ้างเป็นครั้งคราว กล่าวว่าที่นี่หนาวเย็นเกินไป ไม่หรูหราพอ ควรจะตกแต่งกระถางต้นไม้สักเล็กน้อยไว้ตรงทางเดิน

อย่างไรเสียตอนที่โม่เจ้าเป็นหรงเช่อก็ติดต่อใกล้ชิดกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้อยู่หลายครา รู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยค่อนข้างผิดแผก แต่ตอนนั้นเขาแหงนหน้ามองตี้ฝูอี ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ทั้งสองติดต่อสื่อสารกันจริงจังน้อยครั้งนัก เรียกว่าเพียงพยักหน้าให้กันก็ว่าได้

ดังนั้นในสายตาของเขา ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังคงลึกลับและสูงส่งเกินเอื้อมเป็นที่สุด ตอนนั้นบางครั้งทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ทำเรื่องออกนอกกรอบบ้าง เขารู้สึกว่าคนสูงส่งล้วนมีอารมณ์ผิดแผกกันหมด พิลึกเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง

ความแปลกพิลึกในตอนนั้นเรียกว่ารสนิยมและความลึกลับ

ยามนั้นภายในใจโม่เจ้าก็มีความคิดชั่ววูบว่าจะลากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายลงจากแท่นบูชาแล้วเหยียบย่ำให้จมดิน

โม่เจ้าคิดว่าเหตุผลที่คนเช่นตี้ฝูอีอวดดีได้ขนาดนี้เป็นเพราะมีตำแหน่งสูงส่ง ไม่เคยมีใครข่มขู่เขาได้ และไม่เคยมีผู้ใดทำร้ายเขาได้จริงๆ หากเขาตกจากเทวสถานมาเป็นเชลย ก็เสียหน้าเช่นเดียวกัน และตกอยู่ในสภาพจนตรอกเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็คงไม่กล้าอวดดีหรือทำให้เขาต้องขุ่นเคืองใจได้อีก

ทว่ายามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถูกเขาจับตัวได้แล้ว และยังบาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าเขายังเอ้อระเหยสบายใจได้ถึงเพียงนี้ ไม่เหมือนเป็นเชลย กลับเหมือนเป็นคุณชายที่มาเยี่ยมชมเสียมากกว่า!

โม่เจ้ารู้สึกว่าตัวเองกระวนกระวายใจยิ่งนัก…

ใบหน้าสง่างามที่ฝึกฝนมานานหลายปีแทบจะอดกลั้นไม่ไหว เมื่อตี้ฝูอีชี้ว่าหยกกันไฟที่เรียงกันเป็นรูปดอกไม้บนทางเดินของวังใต้พิภพไม่ค่อยเข้ากันเท่าใด ในที่สุดเขาสาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า กระชากคอเสื้อของตี้ฝูอี “ตี้ฝูอี หากเจ้ายังไม่ยอมปิดปากเจ้าให้สนิท ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย!”

ตี้ฝูอีจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น “เจ้าอยากผิดคำสาบาน?”

เขาเพิ่มคำสัตย์สาบานของโม่เจ้าไปอีกประโยคหนึ่ง กับตี้ฝูอีฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ หากดูหมิ่นเหยียดหยาม เขาจะพบเคราะห์ถูกอสนีบาตพิฆาต

ดังนั้นโม่เจ้าแทงเขาหนึ่งแผลให้สูญเสียวรยุทธ์พลังวิญญาณได้ แต่ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ เช่นตัดลิ้นหรือควักลูกตา

โม่เจ้าย่อมไม่อยากผิดคำสาบาน จึงแค่นเสียงหัวเราะเยาะเย้ย และคลายมือออกจากตี้ฝูอี “เห็นแก่คนใกล้ตายอย่างเจ้า ข้าจะไม่เก็บเอามาใส่ใจ!”

ตี้ฝูอีจึงยังคงนั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายอกสบายใจ นิ้วมือของเขาเคาะที่พนักแขนของเก้าอี้ใต้ร่าง “โม่เจ้า ความจริงข้ายังงุนงงเล็กน้อย เหตุใดเจ้าไม่สังหารข้าเสียตอนนี้? ให้ข้าอยู่เฉลิมฉลองข้ามปีใหม่กับเจ้างั้นรึ? หรือว่าเจ้าคิดว่าเคยเป็นคนคุ้นเคยกับข้าในฐานะหรงเช่อ ยังคงมีความรู้สึกเลือนรางอยู่บ้าง?”

โม่เจ้าพลันยิ้ม “เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้!”

เขาสั่งให้คนขังตี้ฝูอีไว้ในห้องคุมขังที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ห้องคุมขังนี้พิเศษอย่างยิ่ง กำแพงทั้งสี่ด้านทำจากหยกมรกตกันไฟ ทว่าภายในกลับร้อนราวอยู่ในเข่งนึ่งอาหาร ตี้ฝูอีถูกวางไว้บนเตียงหินที่ร้อนระอุหลังหนึ่ง และถูกตรึงไว้ด้วยตรวนสลายวิญญาณเจ็ดแปดเส้น

ตรวนสลายวิญญาณนี้โหดร้ายยิ่งกว่าโซ่สะกดวิญญาณเสียอีก หากถูกล่ามด้วยโซ่สะกดวิญญาณก็เพียงแค่ไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้ ทว่าหากถูกตรึงด้วยตรวนสลายวิญญาณจะทำให้พลังวิญญาณสลายไป เมื่อใดที่ถูกตรวนนี้ตรึงไว้ ต่อให้เป็นคนที่มีความสามารถเพียงใดก็ไม่มีทางร่ายคาถาได้ อีกทั้งเมื่อถูกตรึงด้วยตรวนนี้มากกว่าสิบวันขึ้นไป พลังวิญญาณทั้งหมดของผู้ที่ถูกตรึงจะถูกทำลายจนหมดสิ้น

————————————————

[1] จุดชี่ไห่ จุดฝังเข็มบริเวณท้องน้อย บนแนวกึ่งกลางลำตัว อยู่ใต้สะดือ 1.5 ชุ่น เป็นจุดสำคัญในการบำรุงสุขภาพ เป็นทะเลของพลังลมปราณดั้งเดิม (หยวนชี่)

[2] จุดอวินซุ่ย หรือที่เรียกว่า จุดอันเหมียน อยู่บริเวณด้านหลังใบหูประมาณ 1 ชุ่น เป็นจุดพิเศษ อยู่นอกเส้นลมปราณ

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset