ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1153+1154

บทที่ 1153+1154

บทที่ 1153 เจ้าคิดจะมาไม้ไหนอีก?

“คราวนี้ เจ้าพูดได้แล้ว!”

“การพัฒนาร่างโคลนนิ่งของเจ้าเป็นการกระทำที่ขัดกฎธรรมชาติ ดังนั้นถึงแม้ว่าเจ้าจะมีพลังวิญญาณขั้นเก้า แต่หากคิดจะก้าวหน้าสูงขึ้นไปกลับยากเย็นกว่าคนทั่วไปนัก ถึงขนาดย่ำอยู่กับที่ ร่างโคลนยังมีจุดบกพร่องที่ร้ายแรงอีกหนึ่งจุด ซึ่งก็คือใช้ฝึกฝนร่างอมตะไม่ได้ มันมีช่วงอายุขัยปกติ ทว่าก็ยังมีข้อดีอยู่ นั่นคือรักษาใบหน้านี้ไว้ได้จนแก่เฒ่า…” ตี้ฝูอีพูดอย่างฉะฉาน

สีหน้าโม่เจ้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แรกเริ่มที่เขายังฟังตี้ฝูอีวิเคราะห์โรคแอบแฝงของตนไม่จบ เขาไม่เชื่อตี้ฝูอีแม้แต่น้อย แต่เมื่อฟังคำพูดด้านหลัง เขากลับรู้สึกกังวลและหวาดกลัว…

ร่างกายนี้ นอกจากจะเสื่อมสมรรถภาพแล้ว ยังมีข้อบกพร่องมากมายถึงเพียงนี้?! หลงฟั่นไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้เลย!

เป็นจริงดังนี้ หรือว่าตี้ฝูอีพูดจาเหลวไหลหลอกลวงเขาอีก?

“ยังมีอีกหรือไม่?” โม่เจ้าถามต่อ

ตี้ฝูอีตอบกลับอย่างขอไปที “ยังมีอีกไหม? หากยังมีข้าก็ต้องจับชีพจรเจ้าแล้ว”

โม่เจ้าเผยรอยยิ้มหลังจากอึ้งไปหลายวินาที  “เจ้าคิดจะมาไม้ไหนอีก?”

ตี้ฝูอีหันหน้ามองเขาเล็กน้อย “สภาพข้าในตอนนี้ เจ้ายังกลัวว่าข้าจะมาไม้ไหนอีกรึ? เจ้ากลัวข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

โม่เจ้ายิ้มเย้ยหยัน “ข้าไม่มีทางกลัวเจ้า เอาเถิด ข้าจะลองให้เจ้าจับชีพจรดู”

เขาก็แอบหัวเราะที่ตัวเองหวาดระแวงมากเกินไป ตี้ฝูอีในตอนนี้ถูกพันไว้อย่างกับบ๊ะจ่าง พลังวิญญาณภายในร่างกายก็ถูกตรวนสลายวิญญาณทำลายไปประมาณหนึ่งแล้ว ต่อให้อยากเล่นตุกติก ถึงใจปรารถนาก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ

ดังนั้น เขาจึงยื่นข้อมือไปข้างๆ มือของตี้ฝูอี

นิ้วมือของตี้ฝูอียังสามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย จึงจับชีพจรให้โม่เจ้า

ห้องนี้ร้อนอบอ้าวเป็นที่สุด ตี้ฝูอีเหงื่อออกไม่น้อย แต่นิ้วมื้อของเขากลับเย็นเยือกดั่งผลึกน้ำแข็ง ตอนเขาคลำหาชีพจร โม่เจ้าสะดุ้งเล็กน้อย ยังคิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นตุกติกอะไร ในขณะที่กำลังจะเบี่ยงตัวออก กลับพบว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจับชีพจรให้ตนจริงๆ เขาจึงอดทนต่อไปอีก

ส่วนมืออีกข้างก็แอบทำมุทราบางอย่าง เผื่อว่าตี้ฝูอีมีความเคลื่อนไหวผิดปกติใด เขาจะได้ลงมือทำให้สลบได้ทันท่วงที!

ทว่าตี้ฝูอีจับชีพจรให้เขา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ผละมือออก ยิ้มอ่อนมองมาที่โม่เจ้า “โรคแอบแฝงของเจ้า…เหมือนเป็นการกระทำของมนุษย์”

โม่เจ้านิ่งอึ้ง

คำพูดนี้ของตี้ฝูอีคล้ายโจมตีจิตใจเขาอย่างรุนแรง เขาสูดลมหายใจเข้าเบาๆ “อย่างไร?”

ตี้ฝูอีกลับไม่พูดแล้ว หลับตาลง แล้วพูดส่งแขก “ข้าเหนื่อยล้าอ่อนแรงแล้ว เจ้าออกไปได้”

นี่มันยั่วน้ำลายกันชัดๆ!

โม่เจ้าเดือดดาลยิ่งนัก จ้องมองเขาครู่หนึ่ง “ตกลงเจ้ารู้หรือไม่ว่าโรคแอบแฝงของข้าคืออะไรกันแน่?!”

“ข้าหิว! ข้ากระหาย!” ตี้ฝูอีทอดถอนใจเบาๆ

โม่เจ้ากล่าวอันใดไม่ออก

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มีข้ารับใช้ยกโจ๊กเม็ดบัวมาให้ ช่วยดับร้อน แก้อาการร้อนใน บรรเทาความหิวกระหาย

โม่เจ้าไม่อยากป้อนเขา แต่ตี้ฝูอีก็ช่างจุกจิกเสียเหลือเกิน เขาไม่ยอมให้ข้ารับใช้ป้อน ดังนั้นโม่เจ้าจึงปลดตรวนให้อีกเส้นหนึ่ง ทำให้แขนครึ่งท่อนของเขาเป็นอิสระ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถยกชามขึ้นกินเองได้แล้ว

โม่เจ้ารอตี้ฝูอีกินโจ๊กจนหมดถ้วยด้วยความยากเย็น และรอให้ตี้ฝูอีไขข้อข้องใจของเขา

ท้ายที่สุด ตี้ฝูอีกลับไม่ได้ตอบคำถามคาใจ หากแต่บอกให้เขาคลำหาตำแหน่งหนึ่งบนหน้าอก และลองกดดูว่าเจ็บหรือไม่

เมื่อโม่เจ้ากดบริเวณนั้น ผลคือตำแหน่งนั้นเจ็บดังเข็มทิ่มแทง!

แน่นอน ความเจ็บปวดนั้นมาเพียงแค่ชั่ววูบ เมื่อนิ้วมือเขาผละออก ความเจ็บปวดนั้นก็จางหายไป

เขาตกใจสงสัย ชะงักงันไปชั่วครู่ และยังกดที่ตำแหน่งนั้นอีกครั้ง กลับไม่มีอาการผิดปกติอันใด

——————————————————-

บทที่ 1154 เอาใจออกห่าง

ตี้ฝูอีบอกอาการในตอนนี้ของเขาได้อย่างแม่นยำ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ร่างโคลนนิ่งเหมือนการฝึกฝนวิชามารสวรรค์สลายร่างสละกาย สามารถยกระดับพลังวิญญาณไปสู่ระดับใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็จะทำลายกฎความคงอยู่ของพลังวิญญาณ การเผาผลาญย่อมใช้พลังงานหมดรวดเร็ว ร่างกายของเจ้านี้ดูเหมือนอายุยี่สิบปี แต่ความจริงใช้ศักยภาพของทั้งยี่สิบปีจนหมดแล้ว ไม่มีศักยภาพซ่อนเร้นอื่นใดที่งัดออกมาใช้ได้อีก ไม่ถึงสิบปี ร่างกายนี้จะเสื่อมสภาพ…หากเจ้าไม่เชื่อ ลองสูดหายใจเข้าอีกสักสองที แล้วลองกดตำแหน่งห่างจากใต้วงแขนหนึ่งชุ่น…”

สีหน้าโม่เจ้าพลันเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ตี้ฝูอีพูดชัดเจนและมีเหตุผล เขายังคงสองจิตสองใจ แต่เมื่อกดตรงตำแหน่งที่ตี้ฝูอีบอกเหล่านั้นก็มีความรู้สึกประหลาดบางอย่าง เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวชา เดี๋ยวบวม…ถูกต้องตามอาการที่ตี้ฝูอีบอกทุกประการ

หากมีอาการบางจุดถูกต้องอาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หากอาการทุกอย่างถูกต้องทั้งหมดเล่า?

นิ้วมือของโม่เจ้าสั่นไหวเล็กน้อย เขามองตี้ฝูอี “เจ้ายังไม่ได้พูดโรคแอบแฝงที่แท้จริงของข้าเลย!”

ตี้ฝูอีถอนหายใจ “เมื่อเทียบกับโรคแอบแฝงที่ร้ายแรงที่สุดนี้ โรคแอบแฝงอื่นของเจ้ายังจะเรียกว่าเป็นโรคแอบแฝงได้อย่างนั้นรึ?”

โม่เจ้านิ่งอึ้ง

ขณะที่เขากำลังจะไถ่ถามเพิ่ม เงาร่างหน้าประตูพลันวาบไหว หลงฟั่นเดินเยื้องย่างเข้ามา “ท่านเจ้า เขาพูดจาเหลวไหลวทั้งนั้น!” เห็นได้ชัดว่าหลงฟั่นได้ยินบทสนทนาระหว่างตี้ฝูอีกับโม่เจ้าผ่านจอสังเกตการณ์อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

โม่เจ้าขมวดคิ้วมองไปทางหลงฟั่น

หลงฟั่นเอ่ยขึ้นอีก “หากมีความรู้สึกตรงตำแหน่งที่เขาบอกให้กด นั่นก็เป็นเรื่องปกติ ความจริงแล้วเป็นการคำนวณตามวิธีการไหลเวียนของโลหิตและชีพจร บางตำแหน่งของร่างกายเมื่อการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นหรือขยายมากขึ้น หากมีแรงกดจากภายนอกก็จะมีความรู้สึกเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย! ท่านเจ้า ร่างกายนี้สมบูรณ์แบบเป็นที่สุด ท่านเจ้าใช้ฝึกฝนได้ตามต้องการ ภายในระยะเวลาห้าปีก็จะบรรลุขั้นสิบขึ้นไปได้…คนผู้นี้พูดจาเช่นนี้เพื่อต้องการยุให้รำตำให้รั่วเป็นแน่แท้!”

โม่เจ้านิ่งไป

เขาย่อมไม่เชื่อตี้ฝูอี แต่สิ่งที่หลงฟั่นพูดมาทั้งหมดเขากลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง

ตี้ฝูอียิ้มออกมา “ข้ายุให้รำตำให้รั่ว? หลงฟั่น เจ้ารู้สภาพร่างกายของเขาชัดเจนที่สุด เจ้ากล้าพูดกับเขาหรือไม่ว่าเจ้าไม่มีอะไรปิดบัง?!”

สีหน้าหลงฟั่นแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ยิ้มเยาะกลับไปทันใด “ไม่มี…ไม่มีอะไรปิดบังอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นรึ?” ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ ไม่อธิบายอันใดกับเขาอีก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถือเสียว่าข้าโป้ปดเจ้า โม่เจ้า สิ่งที่ข้าพูดไปทั้งหมดเจ้าไม่จำเป็นต้องเชื่อแม้แต่น้อย”

โม่เจ้าขมวดคิ้ว

คิ้วของหลงฟั่นกลับขมวดปมแน่นยิ่งกว่า เขาหันกายไปหาโม่เจ้า ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านเจ้า ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่านเจ้า สุริยันจันทราเป็นสักขีพยาน! ท่านเจ้าเชื่อเขาหรือว่าเชื่อข้าน้อย?”

อย่างไรเสียหลงฟั่นก็เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ความชัดเจนและมีเหตุมีผลในงานวิจัยวิทยาศาสตร์ของเขาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก แต่เขาไม่อาจหยั่งรู้ใจคน การจัดการเรื่องบางเรื่องยังไม่แยบยลพอ เขาถามเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าตกต่ำไปอีกระดับแล้ว

โม่เจ้าตบไหล่เขาเบาๆ “ข้าต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว เหตุใดจะไปเชื่อใจศัตรูได้?”

หลงฟั่นโล่งอกไปที “ท่านเจ้า พูดถึงศาสตร์การแพทย์ ข้าน้อยไม่เป็นสองรองใคร! หากข้าน้อยไม่อาจรักษาโรคได้ ผู้อื่นยิ่งไม่ต้องคิดเลย ข้าน้อยวิจัยโอสถชนิดใหม่ออกมา ท่านเจ้าต้องการไปลองดูหรือไม่?”

ทดลองโอสถใหม่อีกแล้วรึ?

สองวันมานี้ เขาทดลองโอสถไปไม่ต่ำกว่าสิบชนิด กลับไม่มีตัวไหนใช้การได้เลย ส่วนนั้นของเขาอ่อนนุ่มตลอดเวลา บางครายาชนิดหนึ่งออกฤทธิ์ได้บ้างเล็กน้อย แต่คึกคักอยู่ได้เพียงครึ่งนาที ต่อมาก็จะอ่อนปวกเปียก…

——————————————

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset