ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1215+1216

บทที่ 1215+1216

บทที่ 1215 ข้าเกือบจะมองเห็นเขาแล้วจริงๆ!

ตี้ฝูอีไม่ได้ลืมตา สุ้มเสียงอ่อนแรง “ซีจิ่ว ยามนี้ ข้ายังบาดเจ็บอยู่ เจ้าทนเห็นข้าใช้วิชาต้องห้ามสลับร่างให้เจ้าได้หรือ?”

กู้ซีจิ่วบอก “…วิชาต้องห้าม? เป็นไปไม่ได้มั้ง? หลงซือเย่บอกว่าการสลับร่างไม่ต้องใช้พลังวิญญาณนี่”

“เจ้าเชื่อเขาหรือเชื่อข้า?”

กู้ซีจิ่วไม่พูดจาอันใดแล้ว

ทั้งสองต่างไม่มีใครพูดอะไรชั่วขณะ

หลังจากที่กู้ซีจิ่วทายาให้เขาเรียบร้อย จึงสงบจิตใจ อดไม่ได้ที่จะพูด “เจ้ามีอะไรปิดบังข้าหรือไม่? ข้ารู้สึกว่าด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ของพวกเรา ไม่ควรมีอะไรปิดบังกันอีก จริงๆ ข้าไม่อยากสงสัยในตัวเจ้า แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ปรารถนาให้สลับร่างคืนแม้แต่น้อย เจ้าหวาดระแวงอันใดหรือเปล่า?”

ตี้ฝูอีนิ่งเงียบครู่หนึ่งและไม่ได้ลืมตา “เจ้าคิดมากไปแล้ว ความจริง ข้าเพียงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าถึงยืนกรานที่จะสลับร่างเยี่ยงนี้ ข้าบอกแล้ว ความสามารถร่างนี้ของเจ้าดีกว่าคุณหนูจวนแม่ทัพนั่นอีก…”

“แต่ข้าชอบร่างนั้นนี่ ร่างนั้นมีกำไลคู่บุพเพ อีกอย่าง ตอนนี้ข้าไม่มีทางติดต่อกับเสี่ยวชางได้แล้ว…”

“เด็กโง่ มีกำไลคู่บุพเพหรือไม่ อย่างไรเจ้าก็เป็นภรรยาข้า เหตุใดต้องใส่ใจกับแค่กำไลวงเดียว? ส่วนปัญหาเรื่องการติดต่อของเจ้ากับหยกนภา เดี๋ยวข้าจะไปถามสาเหตุมัน หาวิธีให้มันติดต่อกับเจ้าในร่างนี้ได้”

กู้ซีจิ่วกล่าวอันใดไม่ออก ความหมายของเขาก็คือยังคงไม่อยากให้เธอสลับร่าง…

เธอไม่ยอมลดละ ยังเล่าที่หลงซือเย่พูดเรื่องความสอดคล้องด้านยีนพันธุกรรมของหลงฟั่นกับเธอออกมา

ตี้ฝูอีแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ จึงลองให้นางสัมผัสถึงตำแหน่งที่อยู่ของหลงฟั่น กู้ซีจิ่วอธิบาย “ก่อนหน้านี้ ข้าเคยลองสัมผัสแล้ว แต่สัมผัสไม่ถึงตัวเขา ไม่แน่อาจเป็นการสัมผัสได้เพียงทางเดียวก็ได้”

ถึงแม้จะอธิบายขนาดนี้แต่ท้ายที่สุดก็ตั้งใจสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงปกคลุมไปด้วยหมอก ขณะที่ลืมตากลับรู้สึกเย็นยาบไปทั้งตัว ราวกับร่างกายอยู่ในสถานที่อันหนาวเหน็บยิ่งนัก รอบด้านล้วนเป็นน้ำแข็งสีคราม และภายในน้ำแข็งสีครามนั้นมีเงาร่างซ่อนอยู่ เธอพยายามมองดู ทั้งตัวกลับร้อนผ่าวขึ้นมา เหมือนเธอถูกปลุกจากห้วงความฝัน ลืมตาขึ้นฉับพลัน “ข้าเกือบจะมองเห็นเขาแล้วจริงๆ!”

“อยู่ที่ไหน?”

“เหมือนอยู่บนทุ่งน้ำแข็งหรือท้องทะเลอันเยือกเย็น เขาถูกแช่แข็งภายในน้ำแข็ง…” กู้ซีจิ่วพยายามอธิบายสิ่งที่เธอ ‘มองเห็น’ ออกมาอย่างสุดกำลัง

ตี้ฝูอีพึมพำครู่หนึ่ง “สัญชาตญาณนี้ของเจ้ากำลังหลอนกระมัง?”

“หา?”

“เจ้าลองคิดดู ร่างโคลนนิ่งที่หลงซือเย่สร้างออกมาอยู่ภายในตำหนักน้ำแข็ง ในวังใต้พิภพเจ้าก็ตื่นขึ้นมาในโลงผลึกแก้วอันหนาวเหน็บ เจ้ายังเห็นร่างโคลนนิ่งของโม่เจ้าถูกเก็บไว้ในโลงผลึกแก้วน้ำแข็ง…บางทีนี่อาจทำให้เจ้าสร้างการตอบสนองภายใต้จิตสำนึกแบบมีเงื่อนไข คิดว่าเมื่อใดที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาจะต้องอยู่ในน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ และหากไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น หลงฟั่นไม่มีทางหลบหนีจากวังใต้พิภพและตายจากไป หากเขาต้องการฟื้นคืนชีพจำเป็นต้องฟื้นคืนชีพในร่างโคลนนิ่งอื่น ดังนั้น การตอบสนองภายใต้จิตสำนึกแบบมีเงื่อนไขของเจ้าเป็นเยี่ยงนี้ก็ไม่แปลกอันใด”

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง เธอขมวดคิ้ว ‘เป็นเช่นนี้หรอกหรือ?’

คำพูดนี้ของตี้ฝูอีฟังดูสมเหตุสมผล…

เธอหลุบตาลง สัมผัสถึงฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจสัมผัสได้แล้ว

……

ทวีปหลานเฟิงมีความคล้ายคลึงกับทวีปแอนตาร์กติกาในยุคปัจจุบัน เป็นดินแดนที่เกิดจากน้ำแข็ง มีพายุหิมะตลอดทั้งปี ปกคลุมด้วยภูเขาน้ำแข็งและยอดเขาน้ำแข็งเป็นทิวแถว อุณหภูมิตลอดทั้งปีต่ำกว่าลบสี่สิบถึงห้าสิบองศา ไร้ซึ่งร่องรอยมนุษย์ เวิ้งว้างหาที่เปรียบไม่ได้ นอกจากผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณน้ำที่เดินทางมาเป็นครั้งคราวเพื่อพัฒนาการฝึกฝนของตัวเองแล้ว โดยปกติจะไม่มีผู้ใดเข้ามา

————————————————————————————-

บทที่ 1216 ไม่มีทางสิ่งสู่เข้าร่างได้สำเร็จ

โดยเฉพาะดินแดนห่างไกลในทวีป ยิ่งไม่มีผู้ใดย่างกรายไปถึง

แต่ภายในยอดเขาลูกหนึ่งในดินแดนห่างไกลของทวีปนี้ กลับมีตำหนักน้ำแข็งแห่งหนึ่ง หากบอกว่าเป็นตำหนักน้ำแข็งไม่สู้เรียกถ้ำน้ำแข็ง เพราะที่นี่มีขนาดเล็กมาก พื้นที่ของตำหนักน้ำแข็งเพียงแค่สี่สิบถึงห้าสิบตารางเมตร มีเสาน้ำแข็งแปดต้นตั้งอยู่รอบด้านของตำหนักน้ำแข็ง ซ่อนยันต์แปดทิศของพระเจ้าฝูซี ทั้งที่เป็นเสาน้ำแข็งแต่ด้านบนกลับมีลวดลายซับซ้อนราวกับเป็นคาถาบางอย่าง เปล่งแสงวิบวับภายในถ้ำน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้ม

เสาน้ำแข็งทั้งหนาและสูงอยู่ใจกลางของตำหนักน้ำแข็ง สามคนโอบไม่มิด ภายในเสาน้ำแข็งมีเงาร่างเลือนรางซ่อนอยู่…

คนผู้นั้นยืนอยู่ด้วยท่าทางแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าถูกผนึกไว้ภายในนานเท่าไรแล้ว ไม่ขยับเขยื้อน

เสาน้ำแข็งทั้งแปดต้นภายในตำหนักน้ำแข็งพลันสว่างไสว คาถาเหล่านั้นเหมือนถูกกระตุ้นด้วยบางสิ่งที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อมองอย่างละเอียด คาถาเหล่านั้นไม่ได้ถูกสลักไว้ แต่เป็นแมลงจิ๋วที่เปล่งแสงสีน้ำเงินชนิดหนึ่งกำลังบิดตัวไปมา แมลงจิ๋วชนิดนี้ยังมีขนาดเล็กกว่าเมล็ดข้าวเสียอีก ปีกที่เปล่งแสงสีน้ำเงินคู่หนึ่ง เมื่อกระพือจะมีระลอกแสงระยิบระยับ หากหยุดนิ่ง ลำแสงนั้นก็จะหายไป…

โดยปกติ แมลงจิ๋วนี้เหมือนกำลังจำศีล ไม่ได้กระพือปีกมาเนิ่นนาน ยามนี้ราวกับตื่นตระหนก กระพือปีกบ่อยครั้งขึ้น ทำให้คาถานั้นประหนึ่งพลันเปลี่ยนเป็นมีชีวิตขึ้นมา หลังจากนั้นแมลงจิ๋วเหล่านี้ก็ทะยานสู่ท้องนภาดังหมู่มวลดารา โผไปทางเสาน้ำแข็งตรงกลางต้นนั้น พุ่งชนและค่อยๆ ร่วงหล่น…

พุ่งชนเข้าไปทีละชั้น ร่วงหล่นทีละชั้นเป็นเช่นนี้ จนเสาน้ำแข็งต้นนั้นเหมือนถูกกัดเซาะ เริ่มละลายอย่างรวดเร็วเมื่อมองด้วยตาเปล่า

หลังจากแมลงจิ๋วเหล่านั้นพุ่งชนเสาน้ำแข็ง ในที่สุด คนที่ถูกผนึกในเสาน้ำแข็งก็ปรากฏรูปลักษณ์ออกมา คนผู้นั้นมีรูปโฉมงดงามสดใส ท่าทางสง่างาม แม้ถูกผนึกในน้ำแข็งนานขนาดนี้ ใบหน้ากลับยังเหมือนมีชีวิต

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หน้าอกของเขาเริ่มกระเพื่อม หลังจากนั้นอีก แพขนตาของเขาสั่นระรัว ในที่สุดก็ลืมตาขึ้น…

เขาขยับตัวในเสาน้ำแข็ง อ้าปากราวกับจะหายใจออกมา คาดไม่ถึงเมื่อริมฝีปากเปิดกว้างแล้ว กลับไม่มีลมหายใจสักเพียงน้อย ดวงตาของเขาฉายแววความตื่นตระหนก ริมฝีปากบางเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม ท้ายที่สุด ลมหายใจยังคงไม่อาจปลดปล่อยออกมาได้…

ใบหน้าที่เมื่อสักครู่ยังมีเลือดฝาดกลับกลายเป็นสีเขียวคล้ำ เป็นซีดเผือด ราวกับจมน้ำ จากนั้นก็ไม่มีลมหายใจอีก

สถานการณ์ของเขาประหนึ่งกายจิตอ่อนแอเกินไป ดังนั้น จึงไม่มีทางสิ่งสู่เข้าร่างได้สำเร็จ

และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด คนในเสาน้ำแข็งนั้นมีความคิดที่จะมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทว่าไม่ทันได้มีลมหายใจก็หยุดการเคลื่อนไหวไปอีกครั้ง

หากมีคนมองอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ก็จะมองเห็นเงาสีเขียวอ่อนเงาหนึ่งกำลังเคลื่อนไหววนรอบร่างกายนั้น พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อโผเข้าสู่ร่างนั้น บางคราวก็ถูกขับไล่ออกมา บางคราวก็ยากนักที่จะโผเข้าร่างนั้นแต่ผ่านไปไม่นานก็ถูกขับไล่ออกมาอีกครั้ง…

ไม่รู้ว่าล้มเหลวไปกี่ครั้งกี่หน ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ ตอนที่เขาลืมตาอีกครั้งก็ปล่อยลมหายใจเฮือกแรกออกมาอย่างลำบากยากเข็ญ ร่างกายสั่นเทา ร่วงหล่นลงมาจากเสาน้ำแข็งอย่างรุนแรง!

เห็นได้ชัดว่าเขาควบคุมร่างกายเอาไว้ไม่ได้ นอนลงบนพื้นน้ำแข็ง ไม่มีทางนิ้วมือเหยียดงอได้ มือและเท้ากลับไม่ฟังเขาแม้แต่น้อย…

“สมควรตาย!” เขาบ่นพึมพำออกมาสามคำ ที่แห่งนี้เพียงน้ำหยดเป็นน้ำแข็ง ขนาดลมหายใจที่เพิ่งปล่อยออกมาก็ควบแน่นกลายเป็นน้ำแข็งลูกเล็กๆ ได้

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset