ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1648+1649

บทที่ 1648 ถือกำเนิดใหม่ 5

รับมาแล้วก้มหน้ากินอยู่ตรงนั้น ไม่มีทีท่าฝืนกินเลยสักนิด น้ำแกงปลาข้นชามหนึ่งถูกกินหมดอย่างรวดเร็วยิ่ง

หลงซือเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนเธอไม่คิดอยากตายแล้ว…เช่นนี้ก็ดี!

เขาลอบมองใบหน้าด้านข้างของเธออยู่เงียบๆ รู้สึกอยู่เสมอว่าเธอไม่เหมือนเดิมตรงไหนสักแห่ง

ในไม่ช้า หลงซือเย่ก็พบว่ากู้ซีจิ่วไม่เหมือนเดิมมากขึ้นไปอีก

หนนี้ตอนที่เธอมาหาเขา ถึงแม้จะยิ้มอยู่ แต่คนที่มีสายตาเฉียบแหลมมองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าเธอกำลังฝืนยิ้มอยู่ คิดจะปล่อยวางความรักนั้นไปทว่ากลับปล่อยวางไม่ลง ติดอยู่ในวังวนนั้นออกมาไม่ได้

หลังจากอาการไข้หนักครั้งนี้ผ่านพ้นไป เธอก็เหมือนหงส์เพลิงที่ถือกำเนิดใหม่แล้ว เธอเริ่มทำงานและพักผ่อนตามปกติ ฝึกฝนวรยุทธ์ตามปกติ ถกเรื่องเคล็ดต่างๆ กับเขาตามปกติ ถึงขั้นที่เริ่มเปิดเตาหลอมโอสถแล้วด้วย ซ้ำยังหลอมได้โอสถระดับแปด! ต้องทราบก่อนว่าการมีจิตใจวอกแวกฟุ้งซ่านยามหลอมโอสถเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุด โอสถที่หลอมได้บ้างก็เป็นโอสถไร้ค่า บ้างก็กลายเป็นโอสถระดับต่ำที่สุด

เธอสามารถหลอมโอสถระดับแปดออกมาได้ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในที่สุดเธอจิตใจของเธอก็สงบนิ่งไม่วอกแวก ก้าวออกจากหล่มรักแห่งนั้นได้แล้ว

แววตาเธอแจ่มใส น้ำเสียงปลอดโปร่ง กระทำการเฉียบขาดรอบคอบยิ่งกว่าเดิม คล่องแคล่วหมดจด เหมือนหอยทากที่เดิมทีแบกรับน้ำหนักของเปลือกหอยอันหนักอึ้งเอาไว้ ในที่สุดเธอก็ได้โยนเปลือกหอยที่เป็นแหล่งพำนักทว่าจำกัดขอบเขตการใช้ชีวิตไว้ทิ้งไปแล้ว หนทางแห่งชีวิตส่องสว่างขึ้นใหม่

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ของเธอทำให้หลงซือเย่ปีติยิ่งนัก โล่งใจอย่างแท้จริง

ซีจิ่วที่เป็นแบบนี้สิถึงจะใช่เด็กสาวคนนั้นที่เขาคุ้นเคย!

แต่ผู้ใดเล่าจะทราบว่าแท้จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงมาสู่จุดนี้ของเธอต้องจ่ายอะไรไปบ้าง?!

หลังจากกู้ซีจิ่วฟื้นขึ้นมา ก็รั้งอยู่ที่สำนักถามสวรรค์อีกสองวัน วันที่สามถึงได้กลับไปยังจวนทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดิน

โชคดีที่ระยะนี้กู้ซีจิ่วแวบหายไปอยู่บ่อยๆ กู้เซี่ยเทียนจึงไม่แปลกใจกับการหายตัวไปหลายวันนี้ของเธอ มามองดูเธออยู่รอบหนึ่ง เมื่อเห็นว่ายังอยู่ดีก็วางใจแล้ว

อย่างไรก็ตามกู้ซีจิ่วกลับมาได้แค่วันเดียว กู้เซี่ยเทียนก็สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของบุตรสาวได้รางๆ

การบริหารจัดการจวนทูตสวรรค์ค่อนข้างซับซ้อน ประกอบกับสหายเหล่านั้นของเธอก็ติดต่อมาเธอเป็นประจำ ในวันที่เธอกลับมาก็เริ่มจัดการเรื่องเหล่านั้นแล้ว จัดการเรื่องราวได้ทั้งเร็วทั้งดี ยามที่พูดคุยกับสหายก็คุยไปหัวเราะไป ไม่ได้ทึ่มทื่อใจลอยอีก…

ในคืนที่สองหลังจากกู้ซีจิ่วกลับมา ขณะเธอกำลังนั่งสมาธิฝึกฝนวรยุทธ์อยู่ในห้อง จู่ๆ ก็คล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้ จึงลืมตาขึ้นมา

ในห้องนอนของเธอมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน

อาภรณ์ขาวเกศาขาว สวมหน้ากากสีเงินยวง เผยเพียงดวงเนตรสุกสกาวดั่งดวงดาวคู่หนึ่ง

เป็นตี้ฝูอี….

ไม่สิ เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู การแต่งกายเช่นนี้ของเขาเป็นการแต่งกายของเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู

กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นสบตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง ลุกลงไปบนพื้น ค้อมกายกล่าว “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาเยือน มีเรื่องใดจะสั่งการหรือเจ้าคะ?”

ท่าทีของเธอไม่เย่อหยิ่งไม่ต่ำต้อย สุภาพและห่างเหิน เพียบพร้อมด้วยมารยาท ทำให้คนจับผิดไม่ได้

หวงถูมองนางครู่หนึ่ง ราวกับคิดจะหาเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ จากใบหน้าของนาง แต่กู้ซีจิ่วนิ่งสงบดั่งวารีอยู่เสมอ ภายใต้สายตาชำระล้างของเขา ไม่มีระลอกคลื่นเลยแม้แต่น้อย

“กู้ซีจิ่ว ตอนนี้เจ้าเป็นทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดิน ว่ากันตามเหตุผลแล้วว่ามีหน้าที่บางส่วนที่ต้องรับผิดชอบ การทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ในวันพรุ่งนี้ ให้เจ้ามาเป็นผู้รับผิดชอบ”

กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้น “นี่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ข้ามีศักดิ์เทียมกับสานุศิษย์สวรรค์หรือ?”

สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นก็เป็นลูกน้องของเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างรางๆ เช่นกัน อย่างเช่นหลงซือเย่ พวกฮวาอู๋เหยียน ล้วนปฏิบัติตามคำสั่งของเขาเสมอ

“ไม่ เจ้าสูงศักดิ์กว่าสานุศิษย์สวรรค์อยู่บ้าง” หวงถูกล่าว

“ดังนั้นท่านจึงมอบหมายภาระหน้าที่ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้ข้างั้นหรือ? ท่านไม่กลัวว่าข้าจะยึดอำนาจของท่านหรือ?”

“ไม่กลัว ขอเพียงเจ้ามีความสามารถนี้” หวงถูไม่ใส่ใจ

แววเย็นชาวาบผ่านนัยน์ตาของกู้ซีจิ่ว ทว่ายังคงแย้มยิ้มแวบหนึ่ง “ข้าเอ่ยปฏิเสธได้หรือไม่?”

หวงถูจ้องมองนาง “เจ้าสามารถเอ่ยปฏิเสธได้ สำหรับข้าแล้วเจ้ายังคงพิเศษอยู่บ้าง”

————————————————————————————-

บทที่ 1649 ถือกำเนิดใหม่ 6

พิเศษอยู่บ้างงั้นเหรอ?

เหอะๆ!

นึกว่าเธอเป็นของหายากหรือไง?!

รอยยิ้มตรงมุมปากของกู้ซีจิ่วหยักลึกขึ้น “ขอบคุณมาก! ข้าจัดการเรื่องนี้ให้ท่านก็ได้ แต่ก็มีเงื่อนไขเช่นกัน”

“เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าเจรจาเงื่อนไขกับเปิ่นจุน เจ้าไม่กลัวเปิ่นจุนจะลงโทษเจ้าหรือ?”

“ไม่กลัว ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็พูดเองนี่ ข้าค่อนข้างพิเศษสำหรับท่านอยู่บ้าง มิใช่หรือ?”

“ฉลาดมาก! ในที่สุดเจ้าก็รู้จักฉกฉวยโอกาสเพื่อหาผลประโยชน์แล้ว เจ้าอยากยื่นเงื่อนไขอะไร? ว่ามาสิ”

“ยกเลิกโทษทัณฑ์แดนเพลิงของหลงซือเย่ แล้วข้าจะรับผิดชอบการทดสอบของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จลุล่วงอย่างดี”

นัยน์ตาหวงถูฉายแสงแวบหนึ่ง “หากว่าข้าไม่ตกลงเล่า?”

กู้ซีจิ่วยังคงสงบเยือกเย็น “ข้าก็ยังรับภารกิจการทดสอบของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่เช่นเดิม แต่อย่างไรเสียการทดสอบเช่นนี้ก็เป็นครั้งแรกของข้า รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ข้ารับประกันได้เพียงว่าจะทำให้ดีที่สุด”

“นี่เจ้ากำลังขู่เปิ่นจุนอยู่หรือ?”

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ข้าพูดไปตามจริง หากว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตอบรับเงื่อนไขของซีจิ่ว ซีจิ่วก็จะทุ่มเทเพื่อภารกิจของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ถึงที่สุด”

ทำให้ดีที่สุด ทุ่มเทให้ถึงที่สุด ต่างกันเพียงสองคำ แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันนับพันลี้

หวงถูมองดูนางครู่หนึ่ง “เปิ่นจุนรับปากเจ้าได้ว่าจะผ่อนปรนทัณฑ์แดนเพลิงของเขาให้เหลือเพียงวันเดียว แต่เจ้าจะต้องปฏิบัติภารกิจนี้ให้ลุล่วงสมบูรณ์ หากเกิดข้อผิดพลาด ทัณฑ์ของหลงซือเย่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!”

ลดโทษจากสามวันเหลือวันเดียว ถึงแม้จะไม่บรรลุผลลัพธ์แบบที่กู้ซีจิ่วต้องการ แต่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

ต้องทราบก่อนว่าในแดนเพลิงนั้น นาทีเดียวก็ทรมานแสนสาหัสแล้ว…

ยามที่หวงถูหันหลังให้ กู้ซีจิ่วเอ่ยถามอีกประโยคหนึ่ง “พักนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถ่ายโอนภารกิจทั้งหมดที่ควรเป็นของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาให้ข้า เช่นนี้คือไม่ต้องการฐานะทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแล้วใช่หรือไม่?”

เรือนกายของหวงถูชะงักไปเล็กน้อย ตอบอย่างเฉยเมย “สำหรับตัวตนนั้น เปิ่นจุนเบื่อหน่ายแล้ว” ก่อนหันหลังจากไป

ภายในห้องกลับสู่ความเงียบสงบอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง กู้ซีจิ่วนั่งหลุบตาอยู่ตรงนั้นสักครู่ หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง

เบื่อหน่ายตัวตนนั้นแล้ว…

ดังนั้นจึงละทิ้งตัวตนนั้นไปอย่างไม่ไยดีสักนิดเลยสินะ?

ใช่แล้ว เดิมทีตี้ฝูอีก็เป็นเพียงตัวตนปลอมของเขาเท่านั้น เขามีชีวิตอยู่เนิ่นนานปานนี้ มีตัวตนปลอมนับไม่ถ้วน เมื่อเขาหน่ายแหนงแล้ว ตี้ฝูอีเพียงคนเดียวไยจะโยนทิ้งไม่ได้เล่า?

แน่นอนว่าคนเหล่านั้นเรื่องราวเหล่านั้นที่ตี้ฝูอีประสบพบพานมาก็จะถูกโยนทิ้งไปพร้อมกับตัวตนนี้ด้วย ไม่อาลัยไยดีเลย…

เทพก็ช่างสมกับเป็นเทพโดยแท้

ไร้ใจไร้อาวรณ์ ไร้ห่วงยิ่งกว่าพุทธองค์เสียอีก

เธอส่ายหัวเล็กน้อย ไม่คิดเรื่องพวกนี้อีกต่อไป หยิบม้วนตำราว่าด้วยการทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ม้วนนั้นออกมา ศึกษาดูอย่างละเอียด

เธอต้องทำให้สำเร็จ! เพื่อเพื่อนของเธอ! เพื่อผู้คนที่เธออยากปกป้องเหล่านั้น…

….

วันที่ยี่สิบเดือนอ้าย

อากาศแจ่มใส สายลมโชยแผ่ว เหมาะสำหรับเซ่นไว้ทำพิธี เหมาะสำหรับลงหลักปักฐาน

หลังจากผ่านไปนานหลายปี แท่นเบิกสวรรค์ก็เปิดใช้งานอีกครั้ง

ครั้งล่าสุดที่เปิดใช้งานคือเมื่อสิบปีก่อน ครานั้นเปิดขึ้นเพื่ออวิ๋นชิงหลัว และครั้งก่อนหน้านั้นก็เปิดขึ้นเพื่อกู้ซีจิ่ว

ระยะเวลาระหว่างสองครั้งนั้นไม่ห่างกันเท่าไหร่ ชาวเฟยซิงมากมายยังคงยังคงจดจำการทดสอบสองครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน ยามที่นึกขึ้นมาได้ ยังคงเล่าขานให้มิตรสหายบุตรธิดาฟังอยู่เสมอ ยามนี้หลังจากข่าวที่ว่าจะมีการเปิดแท่นเบิกสวรรค์ขึ้นอีกครั้งแพร่ออกไป เหล่าประชาชนจึงตื่นเต้นขึ้นมา!

และยามที่ได้ยินว่าผู้รับผิดชอบในครั้งนี้คือทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินกู้ซีจิ่ว ความตื่นเต้นนี้ก็พุ่งทะยานจนกลายเป็นเดือดพล่าน!

พอเช้าตรู่ ประชาชนก็หอบลูกจูงหลานพยุงผู้เฒ่าผู้แก่มาที่ใต้แท่นเบิกสวรรค์แต่เช้า ยังไม่ถึงเวลาอันควร ใต้แท่นเบิกสวรรค์ก็อุดมไปด้วยคลื่นฝูงชน เหล่าพ่อค้าแม่ขายก็ถือโอกาสมาเร่ขายเมล็ดแตงเอยของกินเล่นอะไรเอยด้วย ครึกครื้นกว่ายามที่กู้ซีจิ่วถูกทดสอบเมื่อปีนั้นหลายเท่า

เด็กหนุ่มชุดดำที่ถูกทดสอบในครั้งนี้มาจากอาณาจักรเจาหยาง นามว่าฮั่วฉีฟาง

หลังจากเขามาถึงอาณาจักนเฟยซิงก็พำนักอยู่ที่จุดพักม้า เดิมทีนึกว่าวันที่สิบห้าเดือนอ้ายก็จะถูกทดสอบแล้ว ผลคือยังต้องรอไปอีกห้าวัน

————————————————————————

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset