ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 357 เรื่องงานแต่งงาน / ตอนที่ 358 แสร้งป่วย

ตอนที่ 357 เรื่องงานแต่งงาน  

 

 

 

 

 

“ไม่ต้องหรอก คนดื่มก็ไม่ใช่ข้า ข้าให้อนุรองกับอนุสามดื่มน่ะ” อวี้อาเหราส่ายหน้า  

 

 

เมี่ยวอวี้ชะงักไป คุณหนูของนางก็ไม่ถูกกับอนุทั้งสองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วเหตุใดถึงต้องนำชาไปให้พวกนางด้วยนะ?  

 

 

อวี้อาเหราลูบคางน้อยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นถาม “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าจะไปเตรียมอาหารเย็นมิใช่หรือ อาหารเย็นอยู่ไหนเล่า”  

 

 

“อ้อ บ่าวจะไปยกมาให้เจ้าค่ะ” เช่นนั้นเมี่ยวอวี้ถึงค่อยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้  

 

 

หลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว อวี้อาเหราจึงวางตะเกียบลงแล้วเอ่ยถามว่า “เจาเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”  

 

 

“คุณหนูโปรดวางใจ” เมี่ยวอวี้ตอบ “ท่านอ๋องเพิ่งจะมีรับสั่ง บอกว่าเจาเอ๋อร์ช่วยชีวิตคุณหนูเอาไว้ จะต้องดูแลให้ดี ก่อนหน้านี้จึงมีหมอหลวงมาดูอาการแล้วจ่ายยาให้ บอกว่าพักผ่อนอีกไม่กี่วันก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วเจ้าค่ะ”  

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้าลงด้วยความพอใจ “อืม ข้ารู้แล้ว”  

 

 

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่นางกำนัลคนสนิทของท่านอ๋องมาส่งข่าว กล่าวว่าองค์ไทเฮามีรับสั่งว่าหลังจากปล่อยตัวองค์รัชทายาทออกจากวังตะวันออกแล้ว พระพลานามัยก็ทรงแข็งแรงขึ้น หากคุณหนูมีเวลาว่างเมื่อใด ก็ให้เข้าวังไปเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ที่กำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ จึงหยุดฝีเท้าลง  

 

 

อวี้อาเหราเลิกคิ้ว “ไทเฮาหรือ ไม่ได้บอกเวลาเข้าวังมาหรือ”  

 

 

“ไม่ได้บอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ให้คุณหนูเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ว่ารีบไปให้เร็วที่สุดก็คงจะดีเสียกว่า มิเช่นนั้นจะให้ไทเฮาผู้ชราจะทรงคอยแย่ ตอนไปก็เพียงให้คนไปบอกก่อนล่วงหน้า คิดว่าคงจะใช้โอกาสตอนท่านเข้าวัง แล้วจึงค่อยเรียกองค์รัชทายาทมาพบเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ว่า  

 

 

“ดูแล้วไทเฮาคงทนรองานสมรสของข้าและองค์รัชทายาทไม่ไหวแล้วสินะ…”  

 

 

“เจ้าค่ะ ได้ยินคนในวังพูดกันว่า ช่วงนี้ดูเหมือนไทเฮาจะทรงเลือกวันมงคลอยู่ คงจะต้องเกี่ยวข้องกับคุณหนูรองและองค์รัชทายาทเป็นแน่”  

 

 

ยายแก่คนนี้นี่นะ! อวี้อาเหราขบฟันแน่น นี่ไทเฮาก็ไม่คิดจะสนใจเรื่องที่นางขอถอนหมั้นเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ต้องให้นางแต่งงานกับรัชทายาทให้ได้ แต่กับคนที่นางไม่อยากแต่งด้วย ทำอย่างไรนางก็จะไม่แต่ง บีบบังคับไปก็เปล่าประโยชน์ แต่เรื่องที่นางปวดหัวมากที่สุดก็คือ ในเมื่อฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับเรื่องสมรสนี้ หากนางคัดค้านก็ไม่เท่ากับขัดพระราชโองการของฮ่องเต้หรอกหรือ? เช่นนั้นก็ต้องโดนตัดหัวน่ะซี!  

 

 

หากนางตายไปเพียงคนเดียวก็คงไม่เป็นไร แต่นางก็ไม่อาจทำให้หลิงอ๋องลำบากได้ มิเช่นนั้นนางจะมองหน้าคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริงได้อย่างไรกัน?  

 

 

“คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้เห็นนางมีสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงถามขึ้น  

 

 

“ไม่มีอะไร” อวี้อาเหราส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า “เจ้าไปบอกนางกำนัลอาวุโสของเสด็จพ่อที บอกว่าข้าเพิ่งมาจากเมืองตะวันตก เนื่องจากต้องลมหนาวมานานวัน ต้องการรักษาตัวเพราะป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้ จู่ๆ ก็เกิดเป็นไข้ลมหนาวกะทันหัน ขอให้องค์ไทเฮาอย่าได้ทรงกริ้ว คงไม่อาจเข้าวังไปเฝ้าในตอนนี้ได้”  

 

 

เมี่ยวอวี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น “คุณหนู แต่ท่านก็ดูสบายดีนี่เจ้าคะ”  

 

 

“โอ๊ย ข้าปวดหัวถึงเพียงนี้ สบายดีที่ตรงไหนกัน รีบจ่ายยาให้ข้าเถิด จู่ๆ มือเท้าของข้าก็พลันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา จะต้องป่วยหนักแน่ๆ เจ้ายังไม่รีบไปอีกหรือ!” เมื่อเห็นเมี่ยวอวี้ยืนบื้อกลั้นยิ้มอยู่ อวี้อาเหราจึงเอ่ยเร่งรัดขึ้น  

 

 

“คุณหนู ท่านแสร้งป่วยเช่นนี้ หากถูกเปิดโปงในภายหลังจะลำบากเอานะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้มองทักษะการแสดงแสนห่วยของคุณหนูตัวเองอย่างจนใจ  

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกน่า” อวี้อาเหราส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ ตอนนี้จะไปสนทำไมว่าใครจะมองออกหรือมองไม่ออก แกล้งป่วยเพื่อหลบไทเฮาก่อนเถิดค่อยว่ากัน ในเมื่อต้องการจะยกเรื่องแต่งงานมาพูด นางก็จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้แน่ หากไม่สามารถถอนหมั้นได้นางก็จะแสร้งป่วยไปเช่นนี้ หากถอนหมั้นไม่ได้ทั้งชีวิต นางก็คงต้องแสร้งทำไปตลอดชีวิต  

 

 

“บ่าวน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ” สีหน้าของเมี่ยวอวี้ฉายแววจนใจอยู่บ้าง  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 358 แสร้งป่วย  

 

 

 

 

 

เรื่องที่จู่ๆ อวี้อาเหราก็ป่วยเป็นไข้ลมหนาวแพร่กระจายไปทั่วในชั่วข้ามคืน หลิงอ๋องเมื่อได้ยินก็รีบร้อนมาดูนาง เมื่อเห็นนางนอนซมอยู่บนเตียง พยายามจะหยัดกายขึ้นมาเพื่อคารวะแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง เช่นนั้นก็รีบดันตัวนางเอาไว้ “ในเมื่อร่างกายของเจ้ายังคงไม่แข็งแรงดี เช่นนั้นก็นอนคุยเถิด”  

 

 

“เพคะ” เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้อาเหราก็นอนนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน  

 

 

หลิงอ๋องขมวดคิ้ว “เมื่อครู่เจ้าก็ยังดูสบายดีอยู่เลยนี่ เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เป็นไข้ลมหนาวเสียได้”  

 

 

“คงเป็นเพราะที่เมืองตะวันตกทุรกันดาร ทานอะไรก็ไม่สะอาด ไม่สบายเหมือนอยู่ในจวน และร่างกายของลูกก็ยังอ่อนแอเป็นทุนเดิม เมื่อต้องลมเย็นก็ทำให้ร่างกายหนาวเย็นเป็นธรรมดา เมื่อมาเจอกับอากาศอบอุ่นที่นี่จึงล้มป่วยได้เพคะ” อวี้อาเหรากะพริบตา ก่อนจะพูดแจกแจงรายละเอียด ราวกับกำลังป่วยอยู่จริงๆ  

 

 

เช่นนั้นหลิงอ๋องก็พลันกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจนัก “พ่อให้เจ้าอยู่ในจวนดีๆ เจ้าก็ไม่ฟัง ยามนี้ก็ป่วยเสียแล้ว เจ้านี่นะ หากไม่ทำให้พ่อเป็นกังวลเจ้าจะอยู่ไม่สงบหรืออย่างไร เหอะ!” แม้ว่าจะเป็นคำดุว่า แต่กลับแฝงไว้ด้วยความรักใคร่เอ็นดูอย่างลึกซึ้ง  

 

 

อวี้อาเหราฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะคลายปมคิ้วที่ขมวดแน่น “ใครให้เสด็จพ่อรักลูกถึงเพียงนี้เล่าเพคะ จริงสิเพคะเสด็จพ่อ…”  

 

 

“มีอะไรหรือ” หลิงอ๋องเผยยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ  

 

 

“ลูกป่วยถึงเพียงนี้ แม้แต่ลงจากเตียงก็ยังทำไม่ได้ ได้ยินมาว่าองค์ไทเฮาทรงส่งคนมาเรียกลูกให้เข้าเฝ้า หากไม่เข้าวังตามพระเสาวนีย์ก็เท่ากับไม่ให้ความภักดี แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดีเล่าเพคะ รอให้พรุ่งนี้อาการของลูกดีขึ้นเสียหน่อย ค่อยเข้าวังไปดูดีหรือไม่เพคะ มิเช่นนั้นคนอื่นคงได้กล่าววาจาค่อนแคะว่าลูกนั้นถือว่าตัวเองเป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง จึงไม่เห็นพระเสาวนีย์ขององค์ไทเฮาอยู่ในสายตา”  

 

 

“ไม่ได้” หลังจากหลิงอ๋องได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าทันที “เจ้าป่วยถึงขนาดนี้แล้วจะเข้าวังอีกทำไมกัน หากใครกล้าพูดเรื่องที่เจ้าถือยศถือศักดิ์ว่าเป็นธิดาเอกอะไรนั่น พ่อจะไม่ปล่อยมันไว้แน่! เจ้าเพียงแต่อยู่ในห้องดูแลรักษาตัวเองให้ดีเถิด เรื่ององค์ไทเฮา พ่อจะเข้าวังไปอธิบายด้วยตัวเอง คิดว่าอย่างไรเสียพระองค์คงจะเข้าพระทัยความลำบากของเจ้า”  

 

 

“ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ!” อวี้อาเหรายิ้มอย่างยินดี ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนสายตายินดีของตัวเองทันที  

 

 

หลิงอ๋องเห็นท่าทีของนางแล้วก็ชะงักไป “เจ้าก็คงไม่ได้แสร้งป่วยเพื่อตบตาไทเฮาหรอกใช่หรือไม่”  

 

 

ใจของอวี้อาเหราหล่นวูบ พยายามฝืนยิ้มให้อยู่บนหน้า “เสด็จพ่อทรงกล่าวอะไรเช่นนั้นเพคะ”  

 

 

หลิงอ๋องพิจารณาใบหน้าเล็กๆ ของนางแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติก็ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ดูท่าพ่อคงคิดมากไปเอง ในเมื่อเจ้าป่วยก็รักษาตัวดีๆ กินยาแต่โดยดีเถิด แล้วอย่าได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีก ที่เจ้าไปเมืองตะวันตกครั้งนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งมากมาย พ่อไม่ไว้ใจเรื่องความปลอดภัยของเจ้าเลย”  

 

 

“ลูกเจ้าใจแล้วเพคะ” อวี้อาเหราถอนหายใจออกมา ยังดีที่หลิงอ๋องดูไม่ออก แต่เมื่อครั้งที่แล้วที่นางลอบออกจากจวนเขายังให้เมี่ยวอวี้ตามไปอารักขา ดูแล้วเขาคงจะไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ หรือมิเช่นนั้นก็คงรู้แล้วว่านางแกล้งป่วย แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยไป  

 

 

ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ แต่หากเขาไม่ได้เปิดเผยออกมา เช่นนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปเถิด  

 

 

หลิงอ๋องลุกยืนขึ้น มองไปทางด้านนอก “เมี่ยวอวี้ไปไหนกัน เหตุใดถึงไปตามหมอหลวงนานนัก”  

 

 

“หมอหลวงหรือเพคะ” อวี้อาเหราชะงัก   

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าป่วยหนักเช่นนี้ หากเป็นหมอธรรมดาก็คงเชื่อถือไม่ได้มาก เช่นนั้นพ่อก็เลยให้เมี่ยวอวี้ไปตามหมอหลวงในวังมาดูอาการเจ้าอย่างไรเล่า” หลิงอ๋องกล่าว  

 

 

อวี้อาเหราเงียบไปในทันที นางก็ไม่ได้ป่วยเลยแม้แต่น้อย หากตามหมอหลวงมาดูอาการ เช่นนั้นก็จะมิถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกหรอกหรือ?  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset