ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 361 เยี่ยมไข้ / ตอนที่ 362 สงสัยในตัวไทเฮา

ตอนที่ 361 เยี่ยมไข้  

 

 

 

 

 

“คุณหนู อย่าได้คิดเช่นนั้นเชียวนะเจ้าคะ!” เมี่ยวอวี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปเสียหมด “เมื่อก่อนบ่าวก็เห็นท่านชอบองค์รัชทายาทมากเลยมิใช่หรือเจ้าคะ…”  

 

 

“นั่นมันเมื่อก่อน แต่นับตั้งแต่ครั้งที่เขาใจร้ายผลักข้าตกหน้าผาจนข้าแทบจะสิ้นชีวิต เจ้าก็คิดว่าคนเช่นนั้นข้าควรจะแต่งด้วยหรือ? แม้ว่าตอนนี้ข้าจะยังไม่ได้ป่วยตาย แต่ไม่ช้าก็เร็วคงจะต้องถูกเขาทรมานจนตายเป็นแน่ แล้วเจ้าจะทนมองข้าแต่งงานกับเขาได้จริงๆ หรือ” อวี้อาเหราถามกลับ  

 

 

“บ่าว…” ท่าทีของเมี่ยวอวี้ดูลังเลขึ้นมาบ้างแล้ว  

 

 

“เอาเช่นนี้ก็ได้ หากต้มยามาแล้วข้าจะขอดื่มเพียงครึ่งถ้วย ส่วนที่เหลือก็เททิ้งไป ให้อาการป่วยหายช้าๆ หน่อยเป็นอย่างไรเล่า” อวี้อาเหราต่อรอง  

 

 

“ก็ได้เจ้าค่ะ แต่คุณหนูห้ามลดตัวยาลงนะเจ้าคะ” ในที่สุดเมี่ยวอวี้ก็ยอมรับข้อเสนอของนาง  

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้าลงยอมรับอย่างแข็งขัน จากนั้นก็หันหน้ามามอง “วันนี้ยามที่คนในจวนรู้ว่าข้าป่วยเป็นไข้แล้วมีท่าทีอย่างไรบ้างเล่า”  

 

 

“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ส่ายหน้า “เมื่อครู่นี้มัวแต่ดูแลคุณหนู เพราะอย่างนั้นจึงไม่ได้สนใจคนอื่นเลย”  

 

 

อวี้อาเหราไม่ได้พูดอะไรออกมา หากอนุรองและอนุสามรู้ว่านางป่วยก็คงจะยินดีเป็นอย่างมาก นี่ก็ไม่ต้องสงสัยเลย แต่พวกนางทั้งคู่ก็รู้ว่าต่อหน้าควรจะทำสีหน้าอย่างไร หากจะมองก็คงมองไม่เห็นถึงสีหน้ายินดี เมื่อนางกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ที่ด้านนอกก็มีเสียงบ่าวรับใช้รายงานขึ้น  

 

 

“คุณหนูรอง อนุสามมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”  

 

 

เมี่ยวอวี้ชะงักไป แล้วยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน “อนุสามผู้นี้ พอได้ยินว่าท่านป่วยก็คงไม่กล้าชักช้า คงจะรีบมาดูอาการป่วยของท่านแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ”  

 

 

“ถ้าเช่นนั้นก็ให้นางเข้ามาเถิด” อวี้อาเหรายิ้มออกมาอย่างเกียจคร้าน ในเมื่ออยากเห็นนางป่วย ก็ให้นางดูเสียให้พอเถิด คงจะเป็นอนุรองที่ส่งมาเพื่อดูว่านางป่วยจริงหรือแกล้งป่วย  

 

 

อนุสามเดินนวยนาดเข้ามาด้านใน แล้วทำความเคารพอย่างรู้ธรรมเนียม “ข้าน้อยขอคารวะคุณหนูรองเจ้าค่ะ”  

 

 

“ลุกขึ้นเถิดอนุสาม” อวี้อาเหรานั่งอยู่บนเตียงแล้วฝืนยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าอยู่ๆ อนุสามก็มาถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือ ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้ว ไม่อยู่ทานอาหารเย็นที่ห้องของตัวเองหรืออย่างไร”  

 

 

“คุณหนูรองพูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะ ข้าน้อยได้ยินว่าท่านป่วย เช่นนั้นจึงรีบเดินมาโดยไม่ได้พักเลย ไหนเลยจะสนใจเรื่องทานข้าวได้ ท่านเป็นธิดาเอกของจวนเรา สุขภาพของท่านเป็นเรื่องสำคัญ ไม่สามารถมองข้ามได้แม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”  

 

 

“ขอบคุณอนุสามที่ใส่ใจ เป็นเพราะร่างกายของข้าอ่อนแอ เช่นนั้นจึงไม่อาจลุกขึ้นขอบคุณอนุสามด้วยตัวเองได้ ที่เรือนข้ามีขนมมากมาย เมี่ยวอวี้ก็ไปหยิบมาให้อนุสามลองชิมหน่อยเถิด” หลังจากที่อวี้อาเหราพูดจบ ก็หันไปบอกเมี่ยวอวี้  

 

 

เมี่ยวอวี้ยกขนมออกมา “เชิญอนุสามเจ้าค่ะ”  

 

 

อนุสามเมียงมองตาม จากนั้นก็ส่ายหน้า “ข้าน้อยไหนเลยจะควรค่ากับขนมดีๆ เช่นนี้ เดี๋ยวสักครู่ก็คงจะกลับไปทานข้าวแล้ว เช่นนั้นคงจะอิ่มจนเกินไป จริงสิเจ้าคะคุณหนูรอง ท่านป่วยถึงเพียงนี้ ให้หมอหลวงมาดูอาการหรือยังเจ้าคะ”  

 

 

“มาแล้วล่ะ” อวี้อาเหราพยักหน้า ก่อนจะส่งสายตาสื่อความนัยไปทางเมี่ยวอวี้  

 

 

“เมื่อคุณหนูล้มป่วย ข้าก็เข้าไปเชิญหมอหลวงในวังทันทีเจ้าค่ะ ไทเฮาทรงพระกรุณา จึงรีบส่งหมอหลวงมาดูอาการ จากนั้นจึงค่อยจ่ายยาเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้อธิบายอย่างละเอียด  

 

 

อนุสามแสดงท่าทีริษยาขณะที่พูดขึ้น “ไทเฮาทรงพระกรุณาส่งหมอหลวงมาดูอาการ คงจะทรงเอ็นดูคุณหนูรองจริงๆ นะเจ้าคะ เพียงแต่อาการป่วยของคุณหนูรองเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ดูแล้วคงจะเป็นหนักยิ่งนัก หากหมอหลวงวินิจฉัยอาการไม่ตรง เช่นนั้นข้าน้อยจะเชิญหมอที่มีฝีมือจากภายนอกมาดู เพื่อช่วยรักษาคุณหนูเจ้าค่ะ”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 362 สงสัยในตัวไทเฮา  

 

 

 

 

 

“ไม่ต้องลำบากอนุสามหรอก หมอหลวงที่ไทเฮาทรงส่งมาด้วยพระองค์เองนั้นย่อมมีฝีมือมากอย่างไม่ต้องสงสัย” อวี้อาเหราตอบปฏิเสธนิ่งๆ อนุสามคิดอยากหาหมอมาดูอาการนาง เกรงว่าคงจะไม่ได้ต้องการที่จะวินิจฉัยโรคของนางจริงๆ หรอกกระมัง  

 

 

ใครเล่าจะรู้ถึงจุดประสงค์ของนางได้ เรื่องในใจของนางยังไม่มีใครรู้  

 

 

อวี้อาเหรายกมือขึ้นมากุมขมับเอาไว้ “ไม่ทราบว่าอนุสามยังมีธุระอะไรอีกหรือไม่ ข้าเองก็รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างแล้ว หากไม่มีอะไร ข้าก็ขอตัวพักผ่อน ไม่อาจรับรองอนุสามได้แล้ว เชิญกลับระวังด้วย”  

 

 

นี่เท่ากับเป็นการไล่แขกอย่างเห็นได้ชัด อนุสามมองมาที่นางเงียบๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัว ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “ในเมื่อสุขภาพของคุณหนูรองไม่อำนวย เช่นนั้นก็ให้ข้าน้อยเชิญหมอมาตรวจดูอาการให้เถิดนะเจ้าคะ”  

 

 

เมี่ยวอวี้พลันโกรธขึ้นมาในทันที “อนุสาม อาการป่วยของคุณหนูนั้นมีหมอหลวงที่ไทเฮาทรงส่งมาดูอาการแล้ว ไม่ต้องรบกวนให้อนุสามเชิญหมออะไรมาอีก หรือที่อนุสามยังคงรบเร้าอยู่เช่นนี้ ก็เพราะสงสัยในความสามารถของหมอหลวงที่ไทเฮาส่งมาหรือเจ้าคะ”  

 

 

เมี่ยวอวี้พูดเน้นย้ำขึ้นทีละคำ อนุสามหน้าซีดแล้วซีดอีก ก่อนจะมองไปทางอวี้อาเหรา  

 

 

“ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ไหนเลยจะกล้าสงสัยในตัวไทเฮาได้”  

 

 

“เมี่ยวอวี้เจ้าถอยไปก่อนเถิด” อวี้อาเหราโบกมือ ก่อนจะยิ้มให้กับอนุสาม “บ่าวรับใช้ของข้าถูกข้าตามใจจนเหลิง ขอให้อนุสามโปรดอภัยด้วย เพียงแต่หมอหลวงที่องค์ไทเฮาทรงส่งมานั้น…”  

 

 

สีหน้าของอนุสามกลับมาเป็นปกติ ยิ้มแล้วพูดขัดขึ้น “ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่คิดว่าแม้ฝีมือของหมอหลวงจะสูงส่งก็จริง เพียงแต่ขาดความรู้ในเชิงกว้าง อาจจะมีสูตรยาที่สามารถขจัดโรคของคุณหนูรองก็เป็นได้ เป็นเพราะข้าน้อยเป็นกังวลสุขภาพของคุณหนูจึงได้กล้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ มิเช่นนั้นไหนเลยจะกล้าสงสัยในตัวหมอหลวงที่ไทเฮาทรงส่งมา คุณหนูรอง ท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ”  

 

 

“…” อวี้อาเหราทำเพียงขมวดคิ้วไม่พูดอะไรออกมา ความหมายของอนุสามนั้นชัดเจนว่าเพราะคิดว่านางนั้นแสร้งป่วย จึงจะต้องให้คนมาตรวจดูจึงจะแน่ใจ คงจะเป็นคำชี้แนะของอนุรองเป็นแน่ แต่ในใจของนางเองเข้าใจดีว่าที่อนุรองให้อนุสามออกหน้าเช่นนี้ หากมีเรื่องอะไรจะได้ไม่ลากเข้ามาเกี่ยวข้องกันตัวเอง  

 

 

นางลอบหัวเราะเสียงเย็นในใจ เมื่อกำลังนึกจะปฏิเสธ ที่ด้านนอกนั้นก็มีเสียงหนึ่งส่งเข้ามา  

 

 

“คุณหนูรอง ท่านอ๋องมาเยี่ยมเจ้าค่ะ”  

 

 

อวี้อาเหราที่กำลังกลั้นเสียงไปถึงกับกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ แล้วมองไปด้านนอก  

 

 

หลิงอ๋องก้าวยาวๆ เข้ามา เมื่อเห็นอนุสามก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไป “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”  

 

 

“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ” อนุสามรีบทำความเคารพ “หม่อมฉันได้ยินมาว่าคุณหนูรองป่วยหนัก ไม่อาจลุกจากเตียงได้ เพราะอย่างนั้นจึงได้มาเยี่ยมโดยเฉพาะเพคะ”  

 

 

“เจ้าช่างมีน้ำใจนัก” หลิงอ๋องไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แล้วเดินไปหาอวี้อาเหราบนเตียง “เจ้าลุกขึ้นมาทำไมกัน ยังไม่รีบพักผ่อนอีก”  

 

 

“ลูกไม่เป็นอะไร ในเมื่ออนุสามมาเยือนก็ต้องต้อนรับเพคะ” อวี้อาเหรายิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง เมื่อหลิงอ๋องเห็นสีหน้าของนางแล้วก็ปวดใจ หันไปดุอนุสามอย่างไม่พอใจ “เจ้ามาเยี่ยมก็เยี่ยมแล้ว ยังจะนั่งอยู่ทำไมอีก ในเมื่อรู้ว่าอาเหราป่วยถึงเพียงนี้ทำไมไม่ให้นางพักผ่อนเสียเล่า”  

 

 

เมื่ออนุสามถูกดุเข้าให้ ก็มีท่าทีลังเล “แต่หม่อมฉัน…”  

 

 

“แต่อะไร?” หลิงอ๋องขมวดคิ้ว  

 

 

ไม่ต้องรอให้อนุสามตอบ เมี่ยวอวี้ก็รีบพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ท่านอ๋อง อนุสามเอาแต่พูดเรื่องจะเชิญหมอจากภายนอกมาดูอาการของคุณหนู แม้คุณหนูจะป่วยถึงเพียงนี้ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามามาก มีหมอหลวงคอยดูอาการก็เพียงพอแล้ว จะให้หมอที่ไหนมาดูอาการอีกเล่า? แต่อนุสามก็ยังไม่ยอมไป เอาแต่ยืนยันคำเดิม…”  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset