ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 423 เชิดหน้าชูคอ / ตอนที่ 424 ยุแยงตะแคงรั่ว

ตอนที่ 423 เชิดหน้าชูคอ  

 

 

 

 

 

เมื่อฉู่ป๋ายรับรู้ได้ถึงสายตานั้น ก็รีบทำสีหน้าขรึมในทันใด “องค์ชายใหญ่”  

 

 

เสียงของเขานี้แม้ว่าฟังดูแล้วไม่ค่อยแปลกเท่าไรนัก แต่เมื่อจวินจื่อหร่านได้ยิน และยิ่งเห็นสายตาของฉู่ป๋าย ใจของเขาก็สั่นระรัว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาในทันที  

 

 

ฉู่เกอนั้นงดงาม แต่เขาก็เกือบจะลืมไปเสียแล้วว่าพี่ชายของนางเป็นใคร พี่ชายของนางก็คือเซิ่นซื่อจื่อ ที่แม้แต่เสด็จพ่อยังต้องเกรงใจอยู่หลายส่วน และเมื่อครู่นี้เขาก็เพิ่งจะมีความคิดเช่นนั้นต่อฉู่เกอ ในใจก็เกิดกระวนกระวายขึ้นมา  

 

 

คำพูดของฉู่ป๋ายเมื่อครู่นี้เป็นการเตือนอย่างนิ่มๆ หากทำให้เขาโกรธขึ้นมา คงจบไม่สวยเป็นแน่  

 

 

จวินจื่อหร่านเมื่อเข้าใจแล้วก็รีบยิ้มออกมาในทันที “วันนี้เซิ่นซื่อจื่อก็ดูผ่อนคลายยิ่งนัก พวกเราเข้ามารบกวนเช่นนี้ คงไม่ถือสากระมัง”  

 

 

“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ เชิญองค์ชายใหญ่ตามสบาย” ท่าทีของฉู่ป๋ายนั้นมองไม่ออกเลยว่ากำลังอยู่ในอารมณ์เช่นใด  

 

 

เขาซ่อนอารมณ์ตัวเองเอาไว้จนลึก ยามปกติก็จะไม่เปิดเผยอารมณ์ใดๆ ออกมา หากคนทั่วไปเพียงแต่ใช้ตามองก็คงมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ยิ่งเป็นคนมีความคิดลึกซึ้งเช่นนี้ก็ยิ่งรับมือได้ยาก  

 

 

คนที่อยู่ในที่นี้คือบุคคลที่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ในใต้ฝ่าเท้าของโอรสสวรรค์ที่ปากอย่างใจอย่าง แน่นอนว่าล้วนเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ แน่นอนว่าต้องพบคนมามากมาย และแน่นอนว่าจะต้องเข้าใจจิตใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย แม้แต่พวกเขาเองก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครเข้าใจถึงจิตใจของฉู่ป๋ายได้ ซึ่งเป็นข้อดีของเขา ที่ไม่อาจให้ผู้ใดมองเห็นถึงความในใจได้โดยง่าย  

 

 

เงียบงันไปชั่วครู่ คนทั้งหมดเหล่านั้นก็ไม่มีใครพูดจาอะไรออกมา  

 

 

มีเพียงฉู่เกอที่มีจิตใจกระวนกระวาย ไม่ง่ายดายเลยกว่าที่นางคิดที่จะเล่นว่าวเช่นนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีแขกเหรื่อเข้ามาเยี่ยมเยือนในจวนของนางมากมาย หากเป็นผู้อื่นนางก็ไม่ว่ากระไร เพราะว่านางก็คุ้นชินเสียแล้ว แต่ตัวจวินจื่อหร่านนี้เอง ไม่รู้ว่าทำไม นางมองเขาแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้เข้าอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่เมื่อมองสายป่านว่าวในมือแล้ว ทำอย่างไรก็คงต้องปล่อยไป  

 

 

สายตาของจวินอู๋เหินกวาดมองคนนั้นคนนี้ไปมา ทันใดนั้นก็หัวเราะเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ “พวกเจ้าจะนิ่งอึ้งอยู่ทำไมกัน ยามนี้หิมะยังไม่ตก หากพวกเจ้าคิดจะปั้นตุ๊กตาหิมะก็คงทำไม่ได้แล้ว”  

 

 

“นั่นสิ ปีนี้หิมะก็ตกช้านัก ถึงเวลาแล้วก็ยังไม่เห็นตก จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วนั้นตกลงมาตั้งนานแล้ว” ฟู่เส่าชิงเอ่ยขึ้นเออออตาม  

 

 

“ตอนนั้นเราเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ยอมกลับจวน จนเมื่อใช้เงินจนหมดแล้วจึงค่อยกลับ แต่เสด็จพ่อของเราก็ใจร้ายยิ่งนัก ไม่ยอมให้เราเข้าไป ทำให้เราต้องคุกเข่าอยู่ด้านนอกนานเป็นวัน ประจวบเหมาะกับหิมะแรกที่ตกลงมาพอดี สุดท้ายก็หนาวจนตัวแข็ง จึงค่อยให้คนหามข้าออกไป” จวินอู๋เหินว่า ราวกับย้อนกลับไปในเหตุการณ์ตอนนั้น เมื่อคิดถึงเขาก็กระชับเสื้อผ้าให้แน่นขึ้น ราวกับเหตุการณ์ตอนตัวแข็งนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้า  

 

 

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา  

 

 

หัวเราะเพราะคิดว่าเขานั้นสมควรที่จะได้รับโทษแล้ว เที่ยวเล่นไม่ยอมกลับบ้าน ช่างกล้าเหลือเกิน  

 

 

ก่อนหน้านี้ที่อวี้อาเหราไปที่เมืองตะวันตกก็ถูกกักบริเวณเสียแทบแย่ หากหายไปเป็นเดือนคงต้องโดนหลิงอ๋องเฆี่ยนตีเป็นแน่  

 

 

ฟู่เส่าชิงพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “นี่เจ้ายังจะชอบเที่ยวเล่นอยู่อีกหรือ”  

 

 

“หือ? เจ้าเองกล้าที่จะพูดเช่นนี้กับข้าหรือ” จวินอู๋เหินหัวเราะ จากนั้นก็กลอกตา “ไม่รู้ว่าใครกันที่ไม่ยอมกลับเป่ยเจียงตั้งสิบกว่าปี แต่ยังใช้ตำแหน่งองค์ชายแห่งเป่ยเจียงเที่ยวเล่นไปทั่ว”  

 

 

“เจ้าน่ะสิเที่ยวเล่นไปทั่ว!” ฟู่เส่าชิงว่าเสียงเย็น “ก็เราเป็นองค์ชายแห่งเป่ยเจียงสมชื่อและฐานะจริงๆ นี่”  

 

 

“แน่แท้ทีเดียว ‘สมชื่อและฐานะ’ ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจ้าถูกจักพรรดินีแห่งเป่ยเจียงขับไล่ออกมา จนไร้หนทาง จึงมาหาข้าที่ต้าเยี่ยน คนอื่นยังไว้หน้าเจ้าจนทำให้เชิดหน้าชูคอ แต่เราไม่ใช่คนที่ว่าง่ายๆ เช่นนี้”   

 

 

 

 

 

ตอนที่ 424 ยุแยงตะแคงรั่ว  

 

 

 

 

 

“เจ้า!” ฟู่เส่าชิงถูกยั่วจนโกรธ ตามไปหมายจะทำร้าย “วันนี้ข้าต้องถลกหนังเจ้าให้ได้!”  

 

 

อวี้อาเหรามองพวกเขาที่พูดไปพูดมาก็จะตีกันเสียแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ต้องห้ามหรือไม่”  

 

 

“ไม่ต้องๆ ให้พวกเขาตีกันไปเถิด ให้ตีกันจนบาดเจ็บไปเลย อย่างนี้ข้าไล่เตะซ้ำด้วยคงจะดี!” ฉู่เกอหัวเราะอย่างร้ายกาจ  

 

 

อวี้อาเหราเหยียดยิ้มมุมปาก หากดูจากนิสัยชอบยุแยงตะแคงรั่วเช่นนี้แล้วก็รู้เลยว่าฉู่ป๋ายและฉู่เกอเป็นพี่น้องกันจริงๆ วิธีการคิดที่ร้ายกาจนี่เหมือนกันยิ่งนัก ด้านหนึ่งนางก็สงสารจวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงที่ต้องมาเจอพี่น้องสองคนนี้ นี่ก็ช่างถือเป็นโชคร้ายเสียจริงๆ  

 

 

จวินจื่อหร่านมองมาที่ฉู่เกออีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย  

 

 

ฉู่เกออดไม่ได้ที่จะถลึงตาจ้องตอบ หากอีกฝ่ายไม่ใช่องค์ชายใหญ่ นางก็คงไล่ตีไปนานแล้ว  

 

 

แต่อีกฝ่ายคือใครกัน? เป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้ทรงรักใคร่มากที่สุด นางไม่เคยกลัวใคร แม้แต่องค์ชาย นางก็กล้าที่จะลงมือ แต่เพราะนางกลัวว่าจะทำให้จวนเซิ่นอ๋องเดือดร้อน ตอนนี้สุขภาพของฉู่ฉู่ก็ไม่เหมือนเดิม ไม่อาจใส่ใจเรื่องเช่นนี้ได้อีก เพราะฉะนั้นนางจำต้องอดทนเอาไว้ เพื่อทำตัวให้สมกับเป็นท่านหญิงน้อยผู้ใจกว้าง  

 

 

จวินจื่อหร่านเห็นนางจ้องกลับมาเช่นนี้ จึงถอนสายตากลับมา  

 

 

เมื่อย้ายสายตามองไปยังร่างของอวี้อาเหรา แน่นอนว่านางมีรูปร่างหน้าตาไม่เลวนัก เมื่อเทียบกับฉู่เกอแล้วก็ไม่ห่างจากกันมากเท่าไร แต่ร่างของนางกลับมีรังสีที่ไม่ชวนเข้าใกล้ เพียงมองนางก็ทำให้เกิดความรู้สึกเหน็บหนาวที่สันหลัง เพราะอวี้อาเหรานั้นไม่ธรรมดาเรียบง่ายเหมือนที่เห็นภายนอก  

 

 

จากที่โดนหว่านล้อมให้ส่งเสบียงกรังให้ก็น่าจะรู้  

 

 

แต่เดิมเขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก ถูกอวี้อาเหราล่อลวงด้วยคำพูดให้ยินดี แต่หลังจากนั้นจึงค่อยรู้ตัวว่าตัวเองนั้นตกหลุมพรางของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงเข้าใจว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ  

 

 

แต่ฉู่เกอนั้นไม่เหมือนกัน นางนั้นมีกระแสสดใสติดตัวเป็นนิสัย  

 

 

เมื่อมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องมองอีก แม้ว่าจะรู้ดีว่านางไม่ใช่คนที่จะสามารถรังแกได้ง่ายๆ ก็ตาม  

 

 

อวี้อาเหรารู้สึกรังเกียจจวินจื่อหร่านผู้นี้เอาแต่จ้องมองนางและฉู่เกออยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะพยายามหลบซ่อนสายตาเอาไว้อย่างเต็มที่ แต่เพราะประกายของดวงตาที่แรงกล้า นางจึงเริ่มรู้สึกรังเกียจเฉกเช่นเดียวกับที่ฉู่เกอรู้สึก  

 

 

ความรู้สึกเมื่อเปรียบเทียบกับจวินฉางอวิ๋นแล้ว นางยังรู้สึกว่าจวินฉางอวิ๋นยังมองแล้วเข้าตากว่ามาก  

 

 

อย่างน้อยๆ จวินฉางอวิ๋นนั้นก็ไม่ปิดบังอารมณ์รักหรือเกลียด แม้ว่าเขาจะพบกับหญิงสาวหน้าตาดี ก็ไม่มีทางจ้องมองด้วยสายตาหยาบคาย ดูแล้วคุณหนูรองหลิงตัวจริงก็คงจะสายตาแหลมคมอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องตาต้องใจจวินจื่อหร่าน ถ้าเป็นอย่างนั้นนางคงจะร่ำไห้ไร้น้ำตา เพราะสิ่งที่นางรังเกียจที่สุดก็คือสายตาอันธพาลเช่นนี้  

 

 

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง นางก็มองไปที่เขาอย่างโกรธเคือง “ไม่ทราบว่าองค์ชายใหญ่ทอดพระเนตรพอหรือยัง”  

 

 

“เรา…” จวินจื่อหร่านยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ก็ถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน  

 

 

น้ำเสียงของอวี้อาเหราเย็นชา “องค์ชายใหญ่นั้นคงจะไม่อาจเอ้อระเหยลอยชายได้เหมือนพวกเรา คงจะมีกิจธุระให้ทำเสียมากมาย คงไม่มาเที่ยวเล่นเหมือนเราๆ เชิญกลับไปพักผ่อนมิดีกว่าหรือเพคะ”  

 

 

“เจ้า…” จวินจื่อหร่านไม่คิดว่านางจะพูดออกมาตรงๆ เช่นนี้ ชั่วนาทีนั้นเขาลืมที่จะตอบสนอง คำพูดนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ต้อนรับเขาอย่างชัดเจน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เป็นองค์ชายองค์หนึ่ง แล้วจะยอมให้คุณหนูแห่งจวนอ๋องพูดจาหลู่เกียรติเช่นนี้ได้หรือ?  

 

 

ยามที่เขากำลังจะเอ่ยปากกล่าววาจานั้น ฉู่ป๋ายก็พูดรับขึ้นว่า “เหราเอ๋อร์กล่าวได้ถูกต้อง องค์ชายใหญ่ยังต้องปฏิบัติภารกิจแทนฝ่าบาท พระองค์เพิ่งกลับมาถึงเฟิ่งเฉิง แน่นอนว่าต้องมีหลายเรื่องที่รอให้พระองค์จัดการ เพราะรัชทายาทเอาแต่สำราญเป็นวันๆ”  

 

 

 

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset