ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 541 หลับตาลง / ตอนที่ 542 ยั่วโมโหซื่อจื่อ

ตอนที่ 541 หลับตาลง  

 

 

 

 

 

ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำเหมือนลูกแอปเปิ้ล แดงก่ำเสียจนเกือบจะปริออกมาของนางแล้ว เขาก็หลุดขำด้วยเสียงหัวเราะต่ำๆ เสียงนั้นราวกับว่าเปล่งออกมาจากอก จนเหมือนระเบิดที่พุ่งออกมาจากอกของเขา  

 

 

เสียงหัวเราะนี้ ฟังดูแล้วช่างน่าลุ่มหลงและเมามาย เสียงแบบนี้หรือว่าจะทำให้คนท้องได้หรือเปล่านะ?  

 

 

อวี้อาเหราไม่รู้ว่าตนกำลังถามคนอื่นหรือถามตัวเองอยู่กันแน่ เพียงแต่รู้สึกว่าจู่ๆ เสียงของเขาก็น่าฟังขึ้นมา ราวกับว่าไพเราะกว่าเสียงของผู้ใด ทั้งสงบนิ่งและยังเย้ายวน บุรุษที่หน้าตางดงาม แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอก็ช่างไพเราะไม่เหมือนผู้ใด  

 

 

ดวงตาของเขาก็ดูงดงามเช่นเดียวกัน เมื่อเขายกยิ้มขึ้น ดวงตาก็จะโค้งลงราวกับพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งจะปรากฏออกมาเมื่อเขาหัวเราะอย่างเต็มที่เท่านั้น  

 

 

นางก็ไม่เคยเห็นเขาที่ยิ้มจนดวงตาโค้งงอเช่นนี้มาก่อนเลย  

 

 

อวี้อาเหรามองอย่างแปลกใจ แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกตลกเลยแม้แต่น้อย แต่เหตุใดเขาจึงหัวเราะขึ้นมาเช่นนี้นะ  

 

 

ผ่านไปชั่วครู่ นางจึงค่อยเข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้เขาก็หัวเราะนางนี่เอง!  

 

 

นี่ก็ทำให้นางขำไม่ออกเลยทีเดียว  

 

 

คงจะนึกถึงเรื่องตลกขึ้นมากระมัง ก็เลยหัวเราะออกมาอย่างเบิกบานได้ถึงเพียงนี้  

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดฉู่ป๋ายก็หยุดหัวเราะแล้ว เวลาดูราวกับผ่านไปเนิ่นนานนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วเพิ่งจะผ่านไปเพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง เขาไม่ค่อยหัวเราะออกมาเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยามเขาหัวเราะก็ทำเพียงยิ้มมุมปาก ซึ่งเป็นการเผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ครั้งนี้เขากลับหัวเราะออกมาให้ได้ยินเสียง  

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงหันมาสนใจนางขึ้นมาอีกครั้ง  

 

 

การกระทำของเขานั้นช่างกะทันหันยิ่งนัก จนอวี้อาเหราตกใจนึกว่าจะถูกจูบอีกรอบ เช่นนั้นจึงรีบยกมือขึ้นบดบังใบหน้าทันที  

 

 

ฉู่ป๋ายทำหน้าจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “เจ้าจะทำอะไร คิดว่าข้าจะจูบเจ้าหรืออย่างไรกัน วางใจเถิด ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าควบคุมตัวเองไม่อยู่…แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนเช่นครั้งนั้นแล้ว แต่เจ้าน่ะ คิดว่ายกมือขึ้นมาเช่นนี้แล้วข้าจะจูบเจ้าไม่ได้หรือ?”  

 

 

ควบคุมตัวเองไม่ได้? เขาจูบนางเพราะคุมตัวเองไม่ได้หรือ  

 

 

อวี้อาเหราโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา หรือเพียงเพราะว่ายามนั้นข้างกายเขาไม่มีสตรีอื่นใดอยู่เลย จึงทำให้บุรุษเช่นเขาไม่อาจทนได้เมื่อเข้าใกล้ผู้หญิง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะจูบนาง? เขาจะกล้าพูดเช่นนี้อีกครั้งหรือไม่ แต่ก็ช่างเถิด อย่างน้อยๆ ก็ถือว่านางหน้าตาไม่เลว ไม่เช่นนั้นเขาคงควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้  

 

 

ตอนนั้นเอง นางก็เริ่มที่จะมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองขึ้นมา   

 

 

อวี้อาเหราถอนหายใจออกมาหนักๆ   

 

 

ฉู่ป่ายดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้นางตรงหน้า “รับไปเสียสิ”  

 

 

อวี้อาเหราชะงักไปเล็กน้อย “เอามาให้ข้าทำไมกัน”  

 

 

ฉู่ป๋ายทำเพียงชี้ไปที่มุมปาก  

 

 

อวี้อาเหรายังคงมึนงง คิดว่าคงมีเศษอาหารติดมุมปากของตน ดังนั้นจึงยกขึ้นเช็ดเล็กน้อย แต่ยามที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนเขานั้น ฉู่ป๋ายกลับส่ายหน้า “เจ้าเก็บไว้เถิด”  

 

 

“อ้อ” อวี้อาเหราไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าเขาคงถือที่นางเอาของของเขาไปเช็ดปากแล้วเท่านั้น  

 

 

“เจ้าหลับตาก่อนสิ ข้ามีของจะให้” ฉู่ป๋ายว่าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด   

 

 

อวี้อาเหราไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี “จะให้ข้าหลับตาทำไม ข้าไม่หลับหรอก ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะ…”  

 

 

“จะทำไมหรือ?” ฉู่ป๋ายยกยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านางนั้นยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่รู้ตัว มุมปากก็ยกโค้งขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ทันใดนั้นเขาก็ก้มลงมา ประทับจูบลงบนมือของนาง เมื่อเห็นนางจ้องมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อแล้วเขาก็หัวเราะ “ครั้งนี้จะถือว่าเป็นการสั่งสอนเจ้า ต่อไปจะได้ไม่คิดว่าหากเอามือกันไว้แล้วข้าจะจูบเจ้าไม่ได้”  

 

 

“เจ้า!” อวี้อาเหราโกรธขึ้ง สั่งสอนอะไรกันเล่า?  

 

 

ถ้าเช่นนั้น หากนางจับเขามาตีสักยก แล้วบอกว่านี่เป็นการสั่งสอน อย่างนั้นก็ได้ใช่หรือไม่?  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 542 ยั่วโมโหซื่อจื่อ  

 

 

 

 

 

นางโดนจูบโดยไม่ได้ตั้งตัวอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงการจูบมือ แต่ไม่ว่าอย่างไรลมหายใจก็ปะทะมือนางอยู่ดี  

 

 

ทว่าเมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ นางก็ไม่อาจตอบโต้ได้ ดังนั้นจึงได้แต่สบถออกมาเบาๆ  

 

 

“ไปเถิด” ใบหน้าของฉู่ป๋ายพรายไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน  

 

 

อวี้อาเหราสะบัดตัวหนีอย่างโกรธๆ นึกอยากจะต่อยใบหน้าที่ยิ้มระรื่นของเขาเพื่อระบายอารมณ์สักครั้ง  

 

 

เมื่อนางเดินจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่ป๋ายก็ค่อยๆ จางหายไป บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่นี้ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความเยือกเย็น มองไปยังแผ่นหลังของอวี้อาเหรา ความเย็นชาในสายตาก็เพิ่มขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ร้องตะโกนออกไปด้านนอก “หานสือ”  

 

 

หานสือเดินเข้ามาในทันที เมื่อเห็นสีหน้าไม่น่ามองของเขา ก็คิดว่าโรคกระหายโลหิตของเขากำเริบ รีบเข้าไปเอ่ยถามในทันที “ซื่อจื่อ ไม่เป็นไรนะขอรับ ท่านต้องการ…”  

 

 

“ไม่ต้อง” ฉู่ป๋ายโบกมือตัดบท น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น “เจ้าไปตรวจสอบว่าในช่วงนี้องค์รัชทายาทไปสร้างเรื่องเสเพลอะไรที่ไหนมาบ้าง แล้วรายงานให้จวินจื่อหร่านรู้ทั้งหมด ต้องให้เขาเปิดเผยให้ได้ ให้รู้ไปทั่วทั้งแผ่นดินเลยยิ่งดี”  

 

 

“…ขอรับ” หานสือลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรับคำ  

 

 

เมื่อฟังจากเสียงของซื่อจื่อแล้ว เขาคงจะถูกองค์รัชทายาทยั่วโมโหขึ้นมา แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ซื่อจื่อนั้นเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เสมอมา หากไม่แตะในเรื่องที่สุดทนจริงๆ ก็ไม่มีทางโกรธขึ้นมาได้ หากเปิดเผยเรื่องทั้งหมดของรัชทายาทให้องค์ชายใหญ่ได้ฟัง องค์ชายใหญ่ที่ไม่พอใจรัชทายาทอยู่แล้ว ไม่ช้าหรือเร็วก็คงคิดที่จะกำจัดเขาเป็นแน่ เมื่อเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หากองค์รัชทายาทไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต  

 

 

เขาไปทำให้เรื่องอะไรให้เซิ่นซื่อจื่อโมโหกันนะ?  

 

 

หานสือึรุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเองก็อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่เมื่อเห็นซื่อจื่ออยู่ในอารมณ์ที่ดุดันเช่นนี้แล้ว จึงได้แต่กลืนถ้อยคำทั้งหมดที่คิดเอาไว้ลงคอไปจนหมด  

 

 

เชื่อเถิดว่า หากเขาถามอะไรมากไปกว่านี้ คนที่จะตายก็คงเป็นเขาเอง  

 

 

อวี้อาเหราเพิ่งจะเดินออกมา นางก็พบเข้ากับพวกฉู่เกอ เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์สามคน  

 

 

หลังจากที่เห็นนางเดินออกมาแล้ว ฉู่เกอก็อดไม่ได้ที่จะเดินขึ้นหน้ามาด้วยความสงสัย “พี่เหราเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้ฉู่ฉู่คุยอะไรกับท่านหรือ หรือว่าพวกท่านทำอะไรกัน รีบบอกข้าเร็วๆ เข้าซี!”  

 

 

“ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรด้วย” อวี้อาเหราเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร ใบหน้าของนางงอง้ำ นิสัยคนที่ชอบอยากรู้อยากเห็นนั้นเหมือนกันหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีชาติกำเนิดเป็นถึงท่านหญิงแห่งจวนอ๋องก็ตาม แต่กลับหนักกว่าคนอื่นเสียอีก  

 

 

ฉู่เกอได้ยินนางว่าเช่นนี้ก็รู้ว่านางไม่อยากจะพูด แต่เมื่อเห็นอวี้อาเหราตอบคำด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยนเช่นนี้ นางก็เชื่อได้ทันทีว่าพวกเขาคงไม่ได้พูดอะไรหรือทำอะไรแน่ เพราะว่าหากมีอะไรจริงๆ คงไม่ได้ออกมาเร็วเช่นนี้  

 

 

อวี้อาเหรามองเห็นนางแล้วก็หมดคำที่จะเอ่ย เด็กคนนี้เหตุใดถึงอยากรู้อยากเห็นถึงเพียงนี้นะ  

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าของนางแล้วก็รู้ว่าในใจของนางนั้นกำลังคิดเรื่องสนุกอะไรอยู่เป็นแน่  

 

 

อวี้อาเหราหันไปทางเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ “พวกเราไปกันเถิด”  

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนู” เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์พยักหน้ารับ  

 

 

ฉู่เกอทำเพียงมองส่งพวกนางจากไป  

 

 

อวี้อาเหราขึ้นรถม้าแล้วก็เดินทางออกไปจากจวนเซิ่นอ๋อง  

 

 

ภายในรถ เจาเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะมองอวี้อาเหราด้วยสายตาสงสัย มองแล้วก็มองอีก  

 

 

อวี้อาเหราเบื่อหน่าย “เจาเอ๋อร์ เจ้านี่เหมือนกับฉู่เกอจริงๆ นะ อยากจะถามข้าใช่หรือไม่ว่าเมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”  

 

 

“คุณหนูเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่…” เจาเอ๋อร์ได้ยินแล้ว ก็รีบส่ายหน้าทันที  

 

 

อวี้อาเหราระบายลมหายใจออก น้ำเสียงฟังดูดีขึ้นมาก “แล้วเจ้าจะพูดอะไรเล่า”  

 

 

เจาเอ๋อร์มองไปทางเมี่ยวอวี้ด้วยความลำบากใจ  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset