ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 645 องค์หญิงจีซู / ตอนที่ 646 อารามจีซู

ตอนที่ 645 องค์หญิงจีซู  

 

 

 

 

 

“นางน่ะหรือ? แน่นอนว่านางเป็นคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องจริงๆ เป็นธิดาที่กำเนิดจากหลิงอ๋องและพระชายาหลิงอ๋อง แต่คนที่ข้าพูดถึงนั้น ไม่ใช่นาง แต่คือ…” ขณะที่หนิงจื่อเย่กำลังพูด ท่าทีก็เปลี่ยนไปเป็นลับๆ ล่อๆ  

 

 

เขายังพูดไม่จบก็ถูกอวี้อาเหราตัดบทขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน “เจ้าคงจะไม่ได้หมายความว่าข้านั้นเป็นองค์หญิงจีซูที่ถือกำเนิดจากฮองเฮาแห่งราชวงศ์ก่อนหรอกใช่หรือไม่?”   

 

 

หนิงจื่อเย่ไม่ตอบ แต่สีหน้าของเขานั้นราวกับคิดเช่นนั้นจริงๆ  

 

 

อวี้อาเหราหมดคำจะเอ่ย “เจ้า…เจ้าอ่านนิยายมากเกินไปหรือ?”  

 

 

ความหมายของหนิงจื่อเย่ก็คือ นางและคุณหนูรองหลิงมีหน้าที่เหมือนกันทุกประการ และคุณหนูรองหลิงยังหน้าตาเหมือนพระชายาหลิงอ๋องเป็นอย่างมาก พระชายาหลิงอ๋องก็เหมือนฮองเฮาของราชวงศ์ก่อนเหลือเกิน ดังนั้นจึงสามารถคะเนได้ว่า นางอาจจะเป็นพระธิดาของฮองเฮาของราชวงศ์ก่อน องค์หญิงจีซู  

 

 

อย่าว่าแต่จะให้อวี้อาเหราเชื่อเลย แม้คนอื่นได้ยินเช่นนี้ก็คงจะไม่เชื่อกันหรอก  

 

 

ใครจะเชื่อคำพูดเลื่อนลอยไร้หลักฐานเช่นนี้? แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่หน้าตาเหมือนกันแน่ แต่จะบอกว่าเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนนั้น จะมีได้อย่างไร?  

 

 

ในหัวสมองของอวี้อาเหราสับสน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากันแน่  

 

 

หนิงจื่อเย่เห็นนางมีท่าทีไม่เชื่อถือถึงเพียงนี้ก็พยายามที่จะพูดต่อไปเพื่อให้นางเชื่อ  

 

 

“ยามเปลี่ยนผ่านราชวงศ์นั้น องค์หญิงจีซูเพิ่งจะมีพระชนม์ไม่กี่มากน้อย หน้าตาก็ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่คิดว่าจะต้องเหมือนพระมารดาแน่ อีกอย่างเจ้าบอดว่าคุณหนูรองหลิงกำเนิดจากพระชายาหลิงอ๋อง แล้วเจ้าเล่า? หน้าตาเหมือนคุณหนูรองหลิงถึงเพียงนี้ อาจจะเพราะเจ้าเกิดจากฮองเฮาแห่งราชวงศ์ก่อนก็เป็นได้…”  

 

 

“หึ ลำพังเพียงคำพูดของเจ้าฝ่ายเดียว อะไรก็คงจะเป็นไปได้ทั้งนั้น”  

 

 

อวี้อาเหรายังคงไม่เชื่อถือ ทั้งที่ในใจนั้นกระวนกระวายเป็นอย่างมาก  

 

 

ทำไมถึงคาดเดาเอาเพียงแค่ใช่หน้าตาเท่านั้นเล่า  

 

 

“เจ้าไม่เชื่อ หรือไม่กล้าที่จะเชื่อกันแน่? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ลองคิดดู ว่าเจ้านั้นเป็นใครกันแน่ หากไม่ใช่องค์หญิงจีซู จะมีคนอื่นที่หน้าตาเหมือนคุณหนูรองหลิงถึงเพียงนี้เชียวหรือ เจ้าบอกข้ามาสิ” น้ำเสียงของหนิงจื่อเย่เย็นชา ราวกับถูกท่าทีของนางยั่วโมโหเข้า  

 

 

อวี้อาเหรานิ่งคิดไปชั่วครู่  

 

 

คำพูดของหนิงจื่อเย่นั้นมีเหตุผลยิ่ง ในโลกนี้คงไม่มีใครที่หน้าตาเหมือนกันถึงเพียงนี้ ตอนนี้ สิ่งที่แน่ชัดที่สุดก็คือ ร่างกายของนางนั้นเป็นของใครกันแน่ จะรู้ได้อย่างไรว่านางนั้นเป็นองค์หญิงจีซูจริงๆ หรือไม่  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ที่สามารถยืนยันว่าข้านั้นคือองค์หญิงจีซู?”  

 

 

หลังจากคิดอยู่สักครู่ อวี้อาเหราก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองหน้าหนิงจื่อเย่นิ่งๆ   

 

 

“เมื่อครู่นี้ข้าเพียงคาดเดาเท่านั้น” หนิงจื่อเย่ไม่ปิดบัง พูดความจริงออกมา  

 

 

อวี้อาเหราขันนัก “เจ้าเพียงอาศัยการคาดเดาเท่านั้นแล้วมาพูดจาส่งเดชเช่นนี้หรือ? เจ้าคงจะมีแผนการอย่างอื่นกระมัง?”  

 

 

หนิงจื่อเย่เป็นคนเช่นไร เขาเป็นเจ้าสำนักเม่ยเก๋อ ก่อนหน้านี้นางเข้าใจนิสัยของเขาเป็นบางส่วน ได้ยินมาว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเขาย่อมยึดเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะเป็นคนเช่นนี้จึงได้ลากคนอื่นออกมาในสถานที่รกร้างในยามวิกาล จากนั้นก็ชี้ไปที่พระตำหนักเก่าร้าง แล้วบอกว่านั้นเป็นบ้านเก่าของเจ้าหรือไม่? เจ้าเป็นใคร?  

 

 

ไม่หรอก นอกเสียจากว่าเรื่องนี้จะมีประโยชน์ต่อเขาโดยตรง  

 

 

หรือว่า เขาได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้เสียแล้ว  

 

 

แต่เรื่องราวทั้งหมดนั้นก็ยากเหลือเกินที่จะคาดเดาได้ อารมณ์ของอวี้อาเหราวุ่นวานยเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อเรื่องอะไรดี  

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้นางเชื่อได้บ้างก็คือ ร่างกายนี้ไม่รู้ว่ามีสถานะเช่นไรมาก่อน ราวกับโผล่ออกมาจากว่องว่าง แต่ไม่มีทางเป็นร่างกายของคุณหนูรองหลิงหรือร่างกายของนางในศตวรรษที่ 21 แน่ ดังนั้นแล้ว เรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องลี้ลับอยู่ เพราะฉะนั้นร่างกายของนางก็สอดคล้องกับเรื่องขององค์หญิงจีซู  

 

 

แต่ไม่รู้ว่าทำไม ความทรงจำของนางจึงว่างเปล่า จำได้แต่เพียงเรื่องราวของคุณหนูรองหลิงเท่านั้น เรื่องอื่นๆ นางกลับจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และยิ่งไม่รู้ว่าร่างกายนี้มาจากไหน มีสถานะอย่างไร และมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 646 อารามจีซู  

 

 

 

 

 

สิ่งที่ทำให้นางไม่เชื่อ ก็คือคำพูดของเขาช่างดูเลื่อนลอยส่งเดช ยากเหลือเกินที่จะมีคนหลงเชื่อได้  

 

 

หนิงจื่อเย่เห็นท่าทีลังเลใจของนาง จึงพูดต่อไปว่า “แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานอะไร ทว่าเจ้าเคยได้ยินมาก่อนหรืรอไม่ว่าสถานที่ทางเหนือสุดของเฉิงเป่ยมีสถานที่ที่เรียกว่าพระอารามจีซูอยู่ ที่นั่นมีความลับมากมายซ่อนเอาไว้ ไม่ว่าจะอยากรู้เรื่องอะไร ที่นั่นก็สามารถตอบเจ้าได้ หากเจ้าต้องการรู้ถึงสถานะของตัวเอง ก็ลองไปที่นั่นดูสิ”  

 

 

พระอารามจีซูหรือ?  

 

 

อวี้อาเหราท่องเอาไว้ในใจ  

 

 

“หืม?” หนิงจื่อเย่ไม่ได้ยินอวี้อาเหราตอบว่าอะไร จึงก้มหน้าลงแล้วมองสีหน้าของนาง ดวงตาทั้งสองที่ซ่อนอยู่ในหน้ากากส่องประกายเจิดจ้า  

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้า “ข้าจะไปถาม แต่ว่าทำไมเจ้าถึงต้องมาบอกข้าเรื่องนี้ด้วย?”  

 

 

หนิงจื่อเย่ขยับริมฝีปาก ยามที่กำลังจะพูดออกมานั้น อวี้อาเหราก็หัวเราะเสียงเย็น “เจ้าอย่าได้บอกนะว่าอยากจะช่วยข้าเพราะปรารถนาดีเลย ข้าไม่เชื่อหรอก!”  

 

 

“เจ้าพูดถูก” หนิงจื่อเย่ยอมรับอย่างอารมณ์ดี “แต่ว่า รอให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างเสียก่อน ข้าจึงจะบอกถึงเจตนารมณ์ของข้า แต่ว่าเจ้าวางใจเถิด ข้ามีเจตนาดี ไม่ได้คิดอยากที่จะทำร้ายเจ้าเลย เพียงแค่ต้องการให้ความปรารถนาของข้าสำเร็จไปตามหวังเท่านั้น อีกอย่าง ยังสามารถทำให้เจ้าถอนหมั้นกับรัชทายาทได้อีกด้วย”  

 

 

“หมายความว่าอย่างไร?” อวี้อาเหราตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก  

 

 

เขาพูดเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกัน?  

 

 

ไม่เพียงสามารถทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ แต่ยังสามารถทำให้นางถอนหมั้นได้ด้วยหรือ?  

 

 

ยิงปืนนัดเดียวได้ยกสองตัว ทุกคนล้วนได้ประโยชน์  

 

 

ทว่า ‘เจตนาดี’ ของเขานั้นคืออะไรกันแน่?  

 

 

อวี้อาเหราไม่เข้าใจ หนิงจื่อเย่ก็ไม่ให้เวลานางได้คิดอีกต่อไป มองไปทางด้านนอก แล้วคว้าแขนของนาง “อีกไม่ช้าองครักษ์เหล่านั้นก็จะบุกเข้ามาแล้ว พวกเราต้องรีบไป”  

 

 

เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองก็ลอบออกมาโดยใช้โอกาสตอนที่สถานการณ์การต่อสู้กำลังวุ่นวายอยู่  

 

 

อวี้อาเหราหันกลับไปมองฉากการสู้รบ องครักษ์เหล่านั้นมีฝีมือการสู้รบเก่งกาจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นคนของหนิงจื่อเย่ก็ไม่ใช่คู่มือ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องของราชวงศ์ก่อนยิ่งนัก หรือว่า องค์หญิงของราชวงศืก่อนจะยังไม่ตายจริงๆ?  

 

 

หรือว่านางนั้นจะเป็นองค์หญิงจีซูจริงๆ?  

 

 

คงจะไม่บังเอิญถึงเพียงนั้นกระมัง!   

 

 

หลังจากที่ออกมาแล้ว องครักษ์หญิงชุดดำก็พากันหนีออกมาด้วย  

 

 

หลังจากที่หนิงจื่อเย่พานางมาส่งที่จวนหลิงอ๋องแล้ว ก็จากไป  

 

 

อวี้อาเหราเดนอยู่คนเดียวท่ามกลางถนนสายมืด ในใจหนักอึ้ง ราวกับนางไม่อาจควบคุมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้เลย นับตั้งแต่ที่หนิงจื่อเย่ปรากฏกาย แล้วรู้ว่านางนั้นไม่ใช่คุณหนูรองหลิงตัวจริง และยังบอกว่าสถานะที่แท้จริงของนางอาจจะเป็นองค์หญิงจีซูจองราชวงศ์ก่อนอีก  

 

 

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?  

 

 

เมื่อมองท้องฟ้ามืดดำ สมองของนางก็มีร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้น  

 

 

นักพรตชรา นักพรตคนนี้ คือนักพรตที่เกี่ยวข้องกับหยกเลือด เขาอาจจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นได้  

 

 

ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ราวกับเกิดขึ้นเพราะใครบางคนเป็นคนบงการ แม้แต่เรื่องที่นางข้ามภพมาก็คงไม่ได้เป็นเรื่องง่ายถึงเพียงนั้นเลย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?  

 

 

อวี้อาเหรากำหมัดแน่น นางค้นหานักพรตชราผู้นั้นไม่พบแม้แต่เงา ก่อนหน้านี้ที่นางไปยังเมืองตะวันตกเฉิงซีเพื่อหาคนนั้น นางพบเพียงนักพรตชราคนชั่วเท่านั้น ใช่แล้ว ตาแก่นั่น หากเรื่องอำนาจวิเศษของนักพรตผู้นั้นขยายกว้างออกไป จะทำให้เขารู้หรือไม่ว่านางนั้นกำลังตามหาเขาอยู่ ดังนั้นจึงไม่อยากให้ผู้อื่นทราบ จึงทำตัวเป็นนักพรตเช่นนั้น  

 

 

แต่ความเป็นจริงแล้ว นักพรตผู้นั้นไม่มีท่าทีศักดิ์สิทธิ์ของเทพเซียนอย่างที่นักพรตพึงมีเลยมิใช่หรือ?  

 

 

แม้แต่หมอผีทั่วไป เขาคงเป็นไม่ได้เลย!  

 

 

ไม่ได้ นางจะต้องไปยังเมืองตะวันตกเฉิงซีอีกครั้ง เพื่อถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กระจ่าง แม้จะเป็นจะตายอย่างไรก็ต้องรู้ถึงร่องรอยของนักพรตผู้นั้นให้ได้  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset