ลืมรักเลือนใจ – ตอนที่ 101 ทำอย่างอื่นบ้างนอกจากจดๆ จ้องๆ ฉัน / ตอนที่ 102 ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น

ตอนที่ 101 ทำอย่างอื่นบ้างนอกจากจดๆ จ้องๆ ฉัน
 
 
หลังจากที่เผยอวี้เฉิงยอมทำตามที่หลินเยียนขอ ผู้ช่วย บอดี้การ์ด เผยหนานซวี่ และเผยอวี่ถังก็ทยอยออกจากห้องไป ทิ้งให้ชายหนุ่มและหญิงสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนั่งเล่นนั้น
 
 
หลินเยียนคิดมาตลอดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นไม่เหมือนคนรักกันจริงๆ และเธอยังรู้สึกว่าเผยอวี้เฉิงช่างอยู่ไกลแสนไกลจนเธอเอื้อมไม่ถึง หลินเยียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะเปลี่ยนใจเพียงเพราะแค่คำขอร้องของเธอ
 
 
เผยอวี้เฉิงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ด้านนอกหน้าต่าง หลินเยียนเดินตามเขาไปติดๆ
 
 
อากาศในตอนกลางคืนนั้นเย็นเฉียบ ผืนน้ำเบื้องล่างสะท้อนแสงดาวระยิบระยับ
 
 
“คุณเผย…ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
 
 
“อะไรเหรอ”
 
 
“คือ…ทำไมคุณถึงรับรักฉันในแทบจะทันที แล้วยังให้ฉันเป็นแฟนของคุณอีกต่างหาก” หลินเยียนต้องการไขข้อข้องใจข้อนี้
 
 
เธอสงสัยมากจริงๆ ว่าเพราะอะไร ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามคิดหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอธิบาย แต่เธอก็ยังคิดว่ามันช่างน่าเหลือเชื่ออยู่ดี
 
 
เผยอวี้เฉิงหันมามองหญิงสาวด้วยสายตาลึกซึ้งราวกับไม่อยากให้เธอเอ่ยวาจาใดๆ กับชายหน้าไหนอีก “เธอคิดว่า…ฉันแค่ตอบรับไปส่งๆ อย่างนั้นเหรอ”
 
 
หลินเยียนตกใจ เธอโบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่ใช่ ไม่ใช่นะคะ! ฉันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นพวกใจง่าย! ฉันแค่รู้สึกประหลาดใจมากเพราะคุณไม่ใช่คนเดินดินทั่วไป เราสองคนแทบจะมาจากดาวคนละดวง อีกอย่าง คุณไม่ติดต่อมาหาฉันเลย…ฉันก็นึกว่าคุณไม่ได้จริงจังอะไรซะอีก
 
 
อันที่จริง ฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วนะคะ ฉันยังรู้สึกผิดอยู่เลยที่ดันล้ำเส้นไปสารภาพรักกับคุณเมื่อวันนั้น ฉันแค่อยากจะมองคุณจากที่ไกลๆ เท่านั้น แต่ฉันกลับทำเรื่องหน้าไม่อายตอนที่เมาซะได้ ฉันกล้าสาบานเลยว่าความชื่นชมที่ฉันมีต่อคุณน่ะทั้งบริสุทธิ์และไม่ได้มีอย่างอื่นแอบแฝงเลย ไม่คิดว่าคุณจะตอบตกลงด้วยซ้ำ…ดังนั้น…”
 
 
เผยอวี้เฉิงมองเธอด้วยท่าทีไม่ยี่หระ “ดังนั้น?”
 
 
หลินเยียนกลืนน้ำลาย
 
 
‘ดังนั้น…เราเลิกกันไหมคะ?’ หลินเยียนคิดกับตัวเอง
 
 
เธอเกือบจะโพล่งประโยคนั้นออกมาแล้วแต่กลับเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย “ดังนั้น…ดังนั้น…ฉันจะให้ความสำคัญกับคุณมากกว่านี้…รักคุณมากกว่านี้…และฉันจะซื่อสัตย์กับคุณ…”
 
 
เผยอวี้เฉิงสังเกตเห็นท่าทีสั่นกลัวของหญิงสาวจึงคลี่ยิ้มออกมา “เธอกลัวฉันเหรอ”
 
 
หลินเยียนหัวเราะแห้งๆ ระคนวิตก “เปล่า…ฉันไม่ได้กลัวค่ะ…แค่รู้สึกเคารพนับถือมาก…สำหรับฉันแล้ว คุณเหมือนเทพเจ้าที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปุถุชนคนธรรมดาอย่างพวกเรา…คุณจะมองดูเราจากไกลๆ และไม่มีใครหน้าไหนสัมผัสคุณได้ทั้งนั้น…ฉันรู้สึกว่าคุณอาจจะมัวหมองได้ถ้าคบกับฉันน่ะค่ะ…”
 
 
กะอีแค่บอกเลิก ทำไมมันยากนักนะ
 
 
ท่านคะ! ฉันมันไม่คู่ควรกับท่านจริงๆ นะ!
 
 
เผยอวี้เฉิงเงียบไปครู่ใหญ่
 
 
หลินเยียนไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้ เธอรู้สึกกระวนกระวายในขณะที่แอบเหลือบมองเขาจนสบตาเข้าด้วยความบังเอิญ ดวงตาของชายหนุ่มเป็นสีดำสนิทราวกับยามราตรี…
 
 
“จะไม่ทำอย่างอื่นนอกจากจดๆ จ้องๆ กันแบบนี้เหรอ?” ชายหนุ่มถาม
 
 
หลินเยียนรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกจากร่าง เขา…จะสื่ออะไรกันแน่?
 
 
ใช่อย่างเดียวกับที่เธอกำลังคิดหรือเปล่านะ?
 
 
เผยอวี้เฉิงยื่นมือมาสัมผัสบนลำคอของหญิงสาวอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก ฉันให้สัญญากับเธอแล้วไงว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่กระทบกับชีวิตของเธอเลย มุมมองหรือความคิดที่เธอมีต่อฉันจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้ เธอจะพูดกับฉันเหมือนอย่างที่เคยก็ได้ เธอไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้เธอรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับฉันก็พอ”
 
 
หลินเยียนวางแผนที่จะบอกเลิกกับเขาในตอนแรก แต่ความคิดทั้งหมดก็มีอันต้องสลายหายไปเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม
 
 
แฟนหนุ่มของเธอช่างประเสริฐเลิศล้ำอะไรขนาดนี้!
 
 
เพราะอย่างนี้นี่เอง เผยอวี้เฉิงจึงไม่เคยขอให้เธอเปลี่ยนวิธีที่เธอพูดกับเขาเลย และเขายังเรียกเธออย่างสุภาพเหมือนเดิมว่า ‘คุณหลิน’ เพื่อให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดใจนั่นเอง
 
 

 
 
ตอนที่ 102 ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น
 
 
หลินเยียนไม่รู้ว่าเธอกลับมาถึงที่อพาร์ตเมนต์ได้ยังไง
 
 
เธอรู้สึกราวกับเพิ่งเดินทางถึงบ้านด้วยการล่องลอยอยู่ตลอดเวลา
 
 
แม้ว่าหลินเยียนจะเคยคบหากับหันอี้เซวียนอยู่หลายปี แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย!
 
 
เอาล่ะ ใจเย็นๆ ก่อน พรุ่งนี้เธอยังมีนัดถ่ายแบบ และเธอยังต้องลองแต่งหน้ากับลองเสื้อผ้าในบทของเธอด้วย
 
 
หลินเยียนทิ้งตัวลงบนเตียงในเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์ของเธอสั่นเป็นเจ้าเข้าพอดี
 
 
‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [พี่สะใภ้ใหญ่ครับ ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่! ขอแค่พี่เรียกใช้ผม ผมก็จะบุกป่าฝ่าดงไปหาพี่อย่างแน่นอน!]
 
 
‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [แต่พี่สะใภ้ใหญ่ครับ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับพี่ใหญ่ดูคืบหน้าแบบเอื่อยเฉื่อยชอบกล ทำไมพี่สองคนยังเรียกอีกฝ่ายว่าคุณอยู่ล่ะ]
 
 
‘รถคันนี้ไม่ใช่รถรับส่งเด็กอนุบาล’ : [ให้ผมช่วยประเคนพี่ใหญ่ถึงเตียงพี่เลยดีไหม ถ้าอยากสนิทกันไวๆ วิธีนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะครับ พี่สะใภ้ใหญ่คิดว่าไง?]
 
 
หลินเยียนพูดไม่ออก
 
 
ทำไมถึงมาคุยเรื่องพรรค์นี้ตอนดึกดื่น แบบนี้เธอจะหลับลงได้ยังไงกัน
 
 
‘นครในสายหมอกยามอาทิตย์อัสดง’ : [ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ!]
 
 
หลินเยียนตีหน้ายักษ์ในขณะที่พิมพ์ตอบกลับก่อนจะไสโทรศัพท์ไปห่างๆ ตัวแล้วจึงข่มตานอน
 
 
หลินเยียนตื่นแต่เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น
 
 
บนโต๊ะเครื่องแป้งของหลินเยียนมีเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลากหลายแบรนด์ นอกจากชิ้นที่ได้รับมาจากสปอนเซอร์แล้ว ชิ้นที่เหลือต่างมีที่มาจากการหยิบสุ่มๆ ของเธอทั้งสิ้น หลินเยียนไม่สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ
 
 
หญิงสาวคุ้ยๆ หาขวดโทนเนอร์จากกองเครื่องสำอางแล้วหยิบมาทาบนใบหน้า
 
 
โทนเนอร์แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ท้องถิ่น เธอเลยจำมันได้ จากนั้น หลินเยียนทาครีมบำรุงผิวพื้นๆ ทั่วไปจนเสร็จเรียบร้อย เธอรู้ดีว่าไม่สามารถแต่งหน้าด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน เธอจึงไม่คิดจะแตะเครื่องสำอางเลย
 
 
หลินเยียนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเริ่มกวาดตามอง เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเธอเป็นสีดำและมีทรงหลวมเพราะเธอจัดลำดับความสำคัญให้ความสบายมาก่อนแฟชั่น ดังนั้นเมื่อเธอสวมเสื้อผ้าพวกนี้ เธอก็ดูเหมือนเป็นอาซิ้มเจ้าของตลาดไปในทันที
 
 
หลินเยียนใช้เงินค่าจ้างส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเช่าห้อง ส่วนที่เหลือเธอก็โอนเข้าบัญชีของแม่หมดแล้ว เงินที่มีติดตัวตอนนี้ไม่พอซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่แน่ๆ
 
 
หลังจากที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดหลินเยียนก็เลือกเดรสยาวสีขาวมาสวม
 
 
หลินเยียนจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอไปพบเผยอวี้เฉิงในชุดกางเกงหลวมโพรกและเสื้อเชิ้ตที่ทำให้เธอดูเหมือนผู้ชายไม่มีผิด
 
 
รสนิยมของเผยอวี้เฉิงน่าจะมีปัญหาหรือเปล่านะ?
 
 
“หลินเยียน…” วังจิ่งหยางเคาะประตูห้อง
 
 
หลินเยียนเดินไปเปิดประตูเมื่อเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
 
 
วังจิ่งหยางมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าดูถูกดูแคลนตามปกติ “เธอเงียบกริบไปตั้งหลายวันจนฉันนึกว่าเธอโดนพวกแอนตี้แฟนรุมทึ้งตายไปแล้วซะอีก!”
 
 
หลินเยียนกลอกตา “ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันกำลังฝึกการแสดง…”
 
 
“วันนี้มีถ่ายแบบไม่ใช่หรือไง ให้ไปส่งเปล่า?” วังจิ่งหยางถาม
 
 
หลินเยียนส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันห้ามอยู่ใกล้ผู้ชายทุกคนเกินระยะสิบก้าว”
 
 
มุมปากของวังจิ่งหยางกระตุกเล็กน้อย “โอเค งั้นก็ระวังตัวด้วย”
 
 
หลินเยียนโบกมือ “โอเค!”
 
 
วังจิ่งหยางมองดูเธอด้วยความลังเลใจ “อย่าฝืนตัวเองนักล่ะ! ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็เลิกซะ! อีกอย่าง…เธอยังมีฉันนะ…”
 
 
หลินเยียนพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณพลางตบไหล่วังจิ่งหยาง “เข้าใจแล้ว! ขอบคุณนะ! นายนี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย!”
 
 
วังจิ่งหยางพูดไม่ออก
 
 
เพื่อน?
 
 
นี่ดูไม่ออกหรือไงว่าฉันกำลังพยายามจีบเธออยู่น่ะ?

ลืมรักเลือนใจ

ลืมรักเลือนใจ

หลินเยียน นักกีฬาแข่งรถแนวหน้าของวงการต้องถึงคราวตกต่ำเพราะข่าวฉาวที่ถูกจัดฉากขึ้น มิหนำซ้ำแฟนหนุ่มที่ทำให้เธอต้องก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อสนับสนุนเขายังหักหลังนอกใจไปคบกับน้องสาวของเธอเองอีกด้วย! แต่แล้วโชคชะตาก็ดลบันดาลให้เธอก็ได้พบกับ เผยอวี้เฉิง ประธานเครือบริษัทข้ามชาติเจเอ็ม คอร์เปอเรชัน ที่ทั้งเดาอารมณ์ยาก เย็นชาและไม่ชอบข้องเกี่ยวกับใคร วันดีคืนดีจู่ๆ เขาก็เกิดสูญเสียการควบคุมตัวเองไปดื้อๆ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะพาเขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้ การพบกันครั้งแรกของเธอและเขาทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอและเขาเคยพบกันมาก่อนหน้านี้เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และเธอก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะ ‘ลืมเลือน’ เขาไปด้วยตัวเอง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset