ลืมรักเลือนใจ – ตอนที่ 117 ด้วยฝีมือการแสดง / ตอนที่ 118 ความมั่นอกมั่นใจระดับสิบ

ตอนที่ 117 ด้วยฝีมือการแสดง
 
 
หลินเยียนรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ฉันจะขอสัมภาษณ์พวกคุณตอนนี้เลยนะ ไม่ทราบว่าเรียนจบมาจากที่ไหนกันคะ? ใครเป็นคนสอนวิชาการใช้เหตุผลให้กับพวกคุณ? บอกเรามาเลย เพราะสถาบันที่สอนพวกคุณมาน่ะมันห่วยแตก!”
 
 
เหล่านักข่าวเคยมองเห็นหลินเยียนเป็นเพียงดาราบ้องตื้นที่รู้แต่วิธีล่อลวงผู้ชายเพื่อสร้างข่าวฉาวเท่านั้น
 
 
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเป็นคนที่มีไหวพริบและมีเหตุผลเช่นนี้
 
 
หลินเยียนสามารถทำให้นักข่าวหลายคนหุบปากได้เพียงแค่การพูดไม่กี่ประโยคเท่านั้น แม้แต่นักข่าวผู้มากประสบการณ์จากนิตยสารรายใหญ่ก็ยังพูดอะไรไม่ออก
 
 
หลินซูหย่าหน้าเหยเกไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยคิดว่าหลินเยียนที่เคยเป็นคนเงียบขรึมจะกลายเป็นคนเฉียบแหลมและดุดันอย่างกะทันหันอย่างนี้
 
 
ราวกับว่าหลินเยียนถูกหลินซูหย่าไล่บี้ไปจนถึงทางตัน เธอจึงต้องสู้ยิบตาแม้จะสิ้นหวัง
 
 
หลินซูหย่าสบตากับนักข่าวที่สวมแว่น เธอส่งสายตาเปี่ยมความนัยให้แก่เขา
 
 
นักข่าวคนนั้นเข้าใจในทันที เขากัดฟันกรอดก่อนลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มเย้ยหยัน “หล่อนเองก็เรียนจบแค่ม.ปลาย เรียกได้ว่าเป็นคนไร้การศึกษาดีๆ นี่เอง ช่างกล้าวิจารณ์ถึงสถาบันของคนอื่นเหลือเกินนะ!
 
 
ไม่รู้ว่ายังปากดีกล้าโต้เถียงให้เราไขว้เขวต่อได้ยังไง ซูหย่าใจดีกับหล่อนขนาดนี้…เธอจะกล้าทำร้ายหล่อนลงคอได้ยังไง
 
 
แต่ในเมื่อหล่อนบอกว่าพวกเราไม่มีหลักฐาน งั้นเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันก็ได้ ถ้าเป็น…เรื่องที่หล่อนเที่ยวโกหกว่าคบอยู่กับหันอี้เซวียนแล้วใส่ร้ายซูหย่าว่าเป็นมือที่สามล่ะ หล่อนเคยยอมรับเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วนะ ไม่มีใครกล่าวหาหล่อนเลยสักคน
 
 
ไหนจะเรื่องบทในหนัง ‘พานพบคนที่ใช่’ อีกล่ะ ใครๆ ก็รู้ว่าผู้กำกับเจียงอีหมิงเป็นคนเข้มงวดในการออดิชันคัดเลือกดาราสำหรับทุกบทมาก ไม่ทราบว่าหล่อนใช้วิธีไหนถึงงาบเอาบทแบบนี้มาได้ทั้งๆ ที่แสดงได้น่าทุเรศสิ้นดี ถ้าไม่ได้ซูหย่าช่วย หล่อนก็คงไม่ได้แสดงหนังฟอร์มยักษ์แบบนี้หรอก!”
 
 
หลินเยียนมองนักข่าวที่สวมแว่นก่อนอธิบาย “ประการแรก ฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนพูดเรื่องนั้นจริง แต่พวกคุณไม่มีหลักฐานว่าฉันใส่ร้ายหลินซูหย่า ส่วนประการที่สอง ฉันได้บทใน ‘พานพบคนที่ใช่’ ด้วยความสามารถของฉันล้วนๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหลินซูหย่าเลยแม้แต่น้อย”
 
 
ผู้สื่อข่าวพากันส่งเสียงหัวเราะร่วนเมื่อหลินเยียนพูดจบ
 
 
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฉันไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่าหลินเยียนจะหน้าด้านได้ขนาดนี้!”
 
 
“ได้บทด้วยฝีมือการแสดงของหล่อนเนี่ยนะ? หล่อนหมายถึงฝีมือการแสดงในละครขยะชวนแหวะพวกนั้นรึเปล่า”
 
 
“ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าหล่อนน่ะแสดงได้แย่ขนาดไหน นี่คิดอะไรอยู่ถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมา”
 
 

 
 
เจียงอีหมิงตั้งใจว่าจะไม่เข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้ แต่เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
 
 
“หลินเยียนได้บทนี้เพราะฝีมือการแสดงของเธอ!” เขาพึมพำ
 
 
“ผู้หญิงคนนี้เก่งมากจริงๆ นะครับ เธอถึงได้บทไปโดยไม่มีข้อกังขา”
 
 
เฝิงอันหวารู้ดีว่าเจียงอีหมิงจะตอบโต้อย่างไร เขาจึงรีบขัดจังหวะก่อนที่ผู้กำกับจะมีโอกาสได้พูดต่อ “ผู้กำกับเจียงครับ อย่าโมโหกับเรื่องพวกนี้สิ! เราปล่อยให้เขาตีกันต่อไปก็ได้…”
 
 
“ทำไมล่ะ มันไม่ยุติธรรมต่อหลินเยียนนะ!” เจียงอีหมิงคัดค้านเสียงดัง
 
 
เฝิงอันหวาตอบกลับอย่างเหนื่อยใจ “คิดหน่อยสิคร้าบ ถ้าผู้กำกับออกโรงปกป้องหลินเยียน พวกนักข่าวก็จะมารุมทึ้งหาหลักฐานจากคุณนะ แล้วคุณจะโชว์เทปบันทึกการออดิชันให้พวกเขาก็รู้เรื่องโจวเฟิงหรือไง…”
 
 
เจียงอีหมิงเงียบกริบ เขาไม่พูดอะไรอีกเลย
 
 

 
 
ตอนที่ 118 ความมั่นอกมั่นใจระดับสิบ
 
 
ในพริบตาต่อมา เหล่านักข่าวก็พากันจ่อไมค์ไปที่เจียงอีหมิง
 
 
“ผู้กำกับเจียงคะ คุณมีความเห็นยังไงเกี่ยวกับฝีมือการแสดงของหลินเยียนคะ”
 
 
“หลินเยียนอ้างว่าหล่อนได้บทเพราะฝีมือล้วนๆ เรื่องจริงรึเปล่าครับ?”
 
 
“ผู้กำกับเจียงรู้เรื่องพี่น้องตระกูลหลินอยู่แล้ว ที่ให้บทนี้กับหลินเยียนเป็นเพราะหลินซูหย่าใช่ไหมคะ!”
 
 

 
 
เจียงอีหมิงยังคงนิ่งเงียบและเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามที่ประเดประดังเข้ามา
 
 
เขาเองก็อยากจะแก้ไขสถานการณ์ให้หลินเยียน แต่เรื่องของโจวเฟิงที่เกี่ยวข้องกับซัมมิทเอนเตอร์เทนเมนต์อาจแดงขึ้นมาจนนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย เขาจึงไม่อาจปริปากพูดอะไรให้นักข่าวรู้ได้
 
 
จนแล้วจนรอด เจียงอีหมิงก็ยังไม่ยอมพูดอะไรและปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
 
 
หลินซูหย่ายิ้มอย่างผู้มีชัย เพราะเธอคาดไว้แล้วว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้
 
 
เธอรู้จักหลินเยียนดี และเธอรู้ว่าพี่สาวนั้นแสดงละครได้แย่ขนาดไหน
 
 
หลินซูหย่าคิดว่าหลินเยียนน่าจะใช้โชคดีอีกหนจนได้บทมาในตอนที่ทางบริษัทจับได้ว่าโจวเฟิงทุจริตในหน้าที่ เจียงอีหมิงจึงรีบให้บทนี้กับหลินเยียนอย่างรวดเร็ว
 
 
เหล่านักข่าวทึกทักว่าการเงียบของเจียงอีหมิงคือการยอมรับ ทุกคนจึงแสดงท่าทางตื่นเต้น
 
 
“ดูสิ! ขนาดผู้กำกับเจียงยังยอมรับเลย!”
 
 
“กล้าโกหกได้ขนาดนี้เลยนะ ช่างเป็นคนที่ปลิ้นปล้อนจริงๆ!”
 
 
“หลินเยียน! หล่อนมีอะไรจะพูดอีกไหมล่ะ?”
 
 

 
 
หลินเยียนยักไหล่ เธอเข้าใจดีว่าทำไมเจียงอีหมิงถึงไม่กล้าพูดแทนเธอ “ไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้นแหละค่ะ รอจนกว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายแล้วกัน ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะได้เห็นฝีมือการแสดงของฉันเอง นั่นแหละคือเครื่องพิสูจน์ชั้นดี ฉันหวังว่า…เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ฉันหวังว่านักข่าวทุกคนที่พูดจาว่าร้ายฉันในวันนี้โดยไม่มีหลักฐานคงจะบากหน้ามาขอโทษฉันด้วยตัวเองนะคะ”
 
 
เหล่านักข่าวมองหลินเยียนราวกับมองเห็นคนสติไม่สมประกอบ
 
 
“ขอโทษหล่อนเหรอ บ้าไปแล้วมั้ง!”
 
 
“ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือสำนึกสักนิดเลยเหรอ หล่อนน่าจะเสียสติไปแล้วจริงๆ ทุเรศ!”
 
 
“ขอโทษเหรอ? ฉันพนันเลยว่าถ้าเวลานั้นมาถึง หล่อนนั่นแหละที่จะเป็นคนร้องห่มร้องไห้มาขอโทษเพราะเห็นผู้ชมพากันขอคืนเงินค่าตั๋วหนังก็เพราะหล่อน!”
 
 
นักข่าวหนุ่มที่สวมแว่นยิ้มกว้างอย่างเยาะเย้ยพลางพูดจาแดกดัน “ได้ ถ้าหล่อนพิสูจน์ได้จริงว่าหล่อนมีดี ฉันจะคุกเข่าขอโทษหล่อนเอง”
 
 
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ฉันด้วย!”
 
 
เสียงหัวเราะดังสนั่นไปทั่วห้องอีกครั้ง
 
 
หลินเยียนกวาดตามองกล้องและอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เธอมีพยานหลักฐานมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็คงไม่กล้าพลิกลิ้นทำผิดสัญญาแน่นอน
 
 

 
 
ในที่สุดสตูดิโอก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากที่การสัมภาษณ์สิ้นสุดลงและเหล่านักข่าวพากันออกจากพื้นที่ไปจนหมด
 
 
หลินซูหย่าพูดคุยกับเจี่ยงซือเฟยเล็กน้อยก่อนผละออกไปในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
 
 
ก่อนที่เธอจะกลับ ผู้เป็นน้องส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามถึงหลินเยียนอยู่ครู่ใหญ่ “พี่คะ แล้วพบกันใหม่”
 
 
เจี่ยงซือเฟยเองก็ส่งสายตาแฝงความนัยให้จ้าวหงหลิงในทันทีที่หลินซูหย่ากลับไป ดาราสาวคุยกับจูมั่นเชี่ยนว่า “ฉันเคยคิดว่าจ้าวหงหลิงเป็นคนฉลาดนะ แต่โง่ถึงขนาดพยายามปั้นกองขยะให้เป็นดาราเพื่อรักษาตำแหน่งงานไว้แบบนี้ ฉันว่าฉันคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ”
 
 
“แหม! ก็บอกแล้วไงจ๊ะว่าจ้าวหงหลิงน่ะเป็นปลิงที่เกาะดูดเลือดเธอเท่านั้นแหละ! น้องซือเฟยไม่รู้เหรอว่าหล่อนน่ะวางเดิมพันกับผู้จัดการคนอื่นๆ ด้วยนะว่าจะปั้นหลินเยียนให้ติดอันดับดาราทำเงินสูงสุดของบริษัทภายในสามเดือน ถ้าทำไม่ได้ หล่อนจะลาออก!”
 
 
“ตายแล้ว! นี่บ้าหรือเปล่าเนี่ย!”
 
 
ดาราสาวกับผู้จัดการซุบซิบนินทาเสียงดังจนถึงคิวลองชุดของเจี่ยงซือเฟย เธอหมุนตัวไปรอบๆ บนรองเท้าส้นสูงอย่างหยิ่งผยองก่อนจะเดินนวยนาดออกไป
 
 
ตัวตัวแสดงสีหน้าหมดหวัง “พี่เยียน ทำไมพูดจาอะไรแบบนั้นล่ะ ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงพวกเราจะทำไงกันดีล่ะคะ”
 
 
หลินเยียนเคยประกาศเรื่องทำนองเดียวกันนี้ต่อหน้าผู้จัดการหลายรายของสังกัด และคราวนี้เธอก็เพิ่งทำแบบเดียวกันต่อหน้ากองทัพนักข่าว…
 
 
หลินเยียนกะพริบตาอย่างงุนงง “ทำไง? เธอไปถามพวกนั้นดีกว่าไหมว่าทำไง? พวกนักข่าวสิที่ต้องกังวล ไม่ใช่เรา!”
 
 
ตัวตัวพูดไม่ออก…
 
 
ทำไมเธอถึงมั่นอกมั่นใจได้ขนาดนี้นะ?

ลืมรักเลือนใจ

ลืมรักเลือนใจ

หลินเยียน นักกีฬาแข่งรถแนวหน้าของวงการต้องถึงคราวตกต่ำเพราะข่าวฉาวที่ถูกจัดฉากขึ้น มิหนำซ้ำแฟนหนุ่มที่ทำให้เธอต้องก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อสนับสนุนเขายังหักหลังนอกใจไปคบกับน้องสาวของเธอเองอีกด้วย! แต่แล้วโชคชะตาก็ดลบันดาลให้เธอก็ได้พบกับ เผยอวี้เฉิง ประธานเครือบริษัทข้ามชาติเจเอ็ม คอร์เปอเรชัน ที่ทั้งเดาอารมณ์ยาก เย็นชาและไม่ชอบข้องเกี่ยวกับใคร วันดีคืนดีจู่ๆ เขาก็เกิดสูญเสียการควบคุมตัวเองไปดื้อๆ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะพาเขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้ การพบกันครั้งแรกของเธอและเขาทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอและเขาเคยพบกันมาก่อนหน้านี้เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และเธอก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะ ‘ลืมเลือน’ เขาไปด้วยตัวเอง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset