ลืมรักเลือนใจ – ตอนที่ 89 ให้ฉันขับ / ตอนที่ 90 ฉันก็คือฉัน ดอกไม้ไฟดวงเดิมแต่เปลี่ยนสี

ตอนที่ 89 ให้ฉันขับ
 
 
ตัวตัวตื่นตระหนกสุดขีด “ทำไงดี? ถ้าโดนตามทัน พวกเราซี้แหงแก๋!”
 
 
หลินเยียนครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ขณะที่สำรวจถนนเบื้องหน้า เธอหันหลังกลับไปมองรถที่อยู่ด้านหลังก่อนเอ่ยว่า “ลุงจัง พอถึงแยกหน้า ลงจากรถแล้วให้ฉันขับนะคะ!”
 
 
ลุงจังตกใจมาก “หือ? ให้เธอขับ?”
 
 
ตัวตัวโมโหจัด “หลินเยียน เป็นอะไรของพี่อีกเนี่ย? ฉันนึกว่าพี่ขับรถไม่เป็นซะอีก”
 
 
หลินเยียนตอบ “ขับเป็นสิ”
 
 
ตัวตัวจ้องมองเธอ “พูดจาเหลวไหลอีกแล้ว หยุดโกหกฉันสักที! จำตอนที่เรามีคนขับรถไม่พอแล้วพี่หลิงบอกให้พี่ขับรถกลับบ้านไม่ได้หรือไง? แล้วสุดท้าย พี่ปฏิเสธไปใช้รถสาธารณะจนถูกแอนตี้แฟนดักทำร้าย!”
 
 
ถ้าเป็นเรื่องนั้น…หลินเยียนรู้ดีว่าตัวเองทำผิดเต็มประตู
 
 
ตัวเธอในตอนนั้นไม่สามารถขับรถได้จริงๆ เพราะยังเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอยู่ เธอจะรู้สึกวิงเวียนทุกครั้งที่สัมผัสกับรถ จึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากโดยสารรถสาธารณะแทน
 
 
หลินเยียนตอบได้เพียง “เมื่อก่อนยังขับไม่เป็น แต่ตอนนี้มีใบขับขี่แล้ว”
 
 
แต่ลุงจังไม่ค่อยพอใจนัก “ฉันขับรถมานานหลายปียังสลัดพวกนี้ไม่หลุด มือใหม่อย่างเธอจะทำได้ไง เด็กสมัยนี้ชักจะอวดดีเกินไปแล้ว!”
 
 
ในระหว่างที่โต้เถียงกัน รถของพวกเธอก็แล่นมาถึงสี่แยก
 
 
หลินเยียนรู้ว่าเธอไม่มีเวลาอธิบายอะไรแล้ว เธอจึงเปิดประตูแล้วลงจากรถ
 
 
ตัวตัวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ “หลินเยียน! บ้าไปแล้วรึไง”
 
 
หลินเยียนย้ำคำพูด “ลงมา”
 
 
ลุงจังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสละที่นั่งคนขับ
 
 
ในชั่วขณะนั้นเอง สัญญาณไฟแดงกำลังจะเปลี่ยนสีแล้ว
 
 
ห้า…
 
 
สี่…
 
 
สาม…
 
 
สอง…
 
 
หนึ่ง…
 
 
สัญญาณไฟสีเขียวสว่างวาบขึ้น
 
 
หลินเยียนเหยียบคันเร่งแล้วแซงหน้ารถคันอื่นไปอย่างรวดเร็วจนเกือบเฉี่ยวชนกัน
 
 
ตัวตัวใช้มือกำเข็มขัดนิรภัยแน่นอย่างหวาดกลัวพลางตะโกนลั่น “หลินเยียน! ใจเย็น! ฉันยอมโดนนักข่าวล้อมดีกว่าตายกับพี่!”
 
 
หลินเยียนยื่นมือมาคลึงที่หูของเธอ “ตัวตัว ถ้าขืนยังตะโกนเสียงดังขนาดนั้น ฉันน่าจะตายเพราะเสียงเธอก่อนขับรถชนซะอีก”
 
 
ตัวตัวกรีดร้อง “อย่าขับมือเดียวเซ่!”
 
 
เสียงโหยหวนของตัวตัวหยุดลงเมื่อหลินเยียนดริฟต์รถเลี้ยวที่มุมถนนและกลับมาตั้งลำได้อย่างสวยงาม
 
 
“อ๊ากกก!” ตัวตัวร้องเสียงหลง
 
 
แม้แต่ลุงจังยังต้องกำราวจับไว้แน่นเพื่อรักษาชีวิต “ผู้อำนวยการจ้าวไปหาคนบ้าดีเดือดขนาดนี้มาจากที่ไหนเนี่ย?”
 
 
และในไม่ช้า ทั้งคู่ก็สังเกตเห็นว่า…
 
 
อาจจะดูเหมือนหลินเยียนกำลังขับรถสะเปะสะปะเอาแรงเข้าว่า แต่ที่จริงแล้วเธอสามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์ราวกับใช้รีโมตคอนโทรลบังคับ เธอแซงรถไปทีละคันได้อย่างแม่นยำ ไม่เฉี่ยวชน และยังปฏิบัติตามกฎจราจรและสัญญาณต่างๆ ไปด้วยเช่นกัน
 
 
ตัวตัวลอบมองหลินเยียนผ่านทางกระจกมองหลัง
 
 
หลินเยียนจะสวมหน้ากากจนบดบังใบหน้าส่วนใหญ่ ดวงตาของเธอแฝงแววสงบเยือกเย็นราวกับน้ำแต่เฉียบแหลมราวกับกริช ตัวตัวไม่เคยเห็นหลินเยียนเป็นแบบนี้มาก่อน
 
 
เธอรู้สึกสบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ…
 
 
ตัวตัวตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งเมื่อหลินเยียนหักเลี้ยวเข้าสู่ถนนแคบๆ ได้อย่างสวยงาม
 
 
ถนนสายนี้แคบมากเสียจนอาจทำให้รถพุ่งตกทุ่งนาข้างๆ ได้ทุกเมื่อหากไม่ระมัดระวังพอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเร็วเลย
 
 
หลินเยียนขับรถต่อไปอย่างราบรื่นราวกับม้าป่าที่กำลังควบตะบึงอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่โดยไม่มีบังเ**ยนควบคุม
 
 
หลินเยียนสลัดรถคันอื่นได้สำเร็จในเวลาต่อมา เธอจึงขับรถตรงไปข้างหน้าต่อไป…
 
 

 
 
ตอนที่ 90 ฉันก็คือฉัน ดอกไม้ไฟดวงเดิมแต่เปลี่ยนสี
 
 
หลินเยียนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาฉวัดเฉวียนผ่านป่าและตรอกซอกซอย ด้านตัวตัวและลุงจังที่เพิ่งตื่นจากภวังค์เองก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าไม่มีปาปาราสซี่และแอนตี้แฟนไล่ตามมาอีกแล้ว
 
 
และในที่สุด หลินเยียนก็แน่ใจว่าเธอสามารถสลัดขบวนรถที่ไล่ตามมาได้แล้ว แต่ตัวตัวกับลุงจังก็ยังเหม่อลอยและพยายามกู้คืนสติจากอาการช็อก
 
 
ลุงจังทำหน้าที่ขับรถมานานสิบกว่าปี เขาจึงดูออกว่าหลินเยียนเป็นนักขับรถที่เก่งมาก เขามองเธออย่างพินิจพิจารณาราวกับกำลังเปลี่ยนความคิด “คุณหลินไปเรียนขับรถมาจากไหน ดูไม่เหมือนมือใหม่เลยนะ…”
 
 
ตัวตัวบ่นพึมพำ “พวกนักข่าวนั่นติดหนึบอย่างกับกาว ถ้าขืนโดนจับได้ละก็สลัดไม่หลุดแน่ นี่เราโชคดีมากเลยนะที่พี่ขับรถหนีมันมาได้…”
 
 
ตัวตัวจ้องหลินเยียนอย่างเคร่งเครียดก่อนพูดว่า “ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้พี่ขับรถแบบนี้อีกเด็ดขาด! วันนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ”
 
 
ตัวตัวนึกไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหลินเยียนขับรถแบบนี้อีก
 
 
หลินเยียนตอบรับมั่นเหมาะในทันที “ได้ค่ะ คุณนายตัวตัว!”
 
 

 
 
ณ อะพาร์ตเมนต์ลำน้ำเมเปิล…
 
 
หลินเยียนเริ่มร่างแผนคร่าวๆ หลังกลับถึงบ้าน
 
 
แม้ว่าบริษัทสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์จะไม่ได้ใหญ่โต แต่การหาเงินให้ได้มากที่สุดภายในสามเดือนก็ยังถือว่าเป็นงานช้าง
 
 
และถึงแม้ว่าเจี่ยงซือเฟยจะออกไปแล้ว แต่ทางบริษัทก็ยังมีดาราระดับกลางอีกมากมายที่มีฝีมือและมีความสามารถ หรือถ้าว่ากันตามตรง ดาราระดับล่างเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสักเท่าไร
 
 
ส่วนหลินเยียนที่ถึงแม้จะเป็นที่รู้จักพอตัวแต่ชื่อเสียงทั้งหมดของเธอล้วนแต่เป็นชื่อเสีย ดังนั้น หากเธอไม่จัดการกับวีรกรรมเก่าๆ หรือเลิกทำพฤติกรรมซ้ำซาก เธอก็คงจะติดอยู่ในบ่วงแห่งดารายอดข่าวฉาวไปตลอดกาล
 
 
นอกเหนือจากการเปลี่ยนภาพพจน์และจัดการกับเรื่องอื้อฉาวแล้ว ยังเหลืออีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้เธออยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างมั่นคง นั่นคือการพัฒนาทักษะการแสดง
 
 
การเปลี่ยนภาพลักษณ์อาจต้องใช้เวลา แต่ความสามารถและทักษะจะช่วยให้เธอยืนหยัดต่อสู้กับคำวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างองอาจ
 
 
เมื่อย้อนมองกลับไปในช่วงที่หลินเยียนเพิ่งกลับบ้านเกิดใหม่ๆ เธอเสียเวลาไปกับการคร่ำครวญจากการถูกบงการและถูกแทงข้างหลังจนต้องใช้ชีวิตราวกับเปลือกนอกที่ไร้วิญญาณอยู่เป็นปีๆ
 
 
หลินเยียนรับหน้าที่ดูแลทั้งครอบครัวมาตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี เธอต้องออกไปผจญภัยต่างบ้านต่างเมืองเมื่อตอนอายุ 18 ปี ก่อนตกต่ำจากจุดสูงสุดของชีวิตหน้าที่การงานในวัย 22 ปี และเมื่ออายุ 23 ปี เธอก็ถูกคนที่เธอรักมากที่สุดหักหลัง…
 
 
เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตมาแล้ว เธอยังจะต้องกลัวอะไรอีก?
 
 
อย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ เธอทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำสอง
 
 
ก่อนหน้านี้ หลินซูหย่าควบคุมและบงการเธออย่างหมดจด แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้วางแผนชีวิตของตัวเองแล้ว
 
 
หลินเยียนตัดสินใจเริ่มต้นที่เว่ยป๋อ
 
 
บัญชีเดิมนั้นสร้างโดยหลินซูหย่า เธอจึงรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะใช้มันสักเท่าไร นอกจากนี้ เนื้อหาและโพสต์ทั้งหมดในบัญชีนั้นยังดูน่าตลกและชวนให้อับอายมาก
 
 
ดังนั้น หลินเยียนจึงสมัครบัญชีใหม่แล้วใช้ชื่อเล่นว่า ‘หนทางดับทุกข์คือความรวย’
 
 
เธอใช้ภาพประจำตัวเป็นรูปลูกแมวที่เคยเลี้ยง หลินเยียนเก็บแมวข้างถนนมาเลี้ยงมากมาย และตอนนี้เด็กๆ ก็อยู่สุขสบายดีในศูนย์พักพิง
 
 
หญิงสาวโพสต์ครั้งแรกบนเว่ยป๋อว่า ‘ฉันก็คือฉัน ดอกไม้ไฟดวงเดิมแต่เปลี่ยนสี!’
 
 
หลังจากที่โพสต์เช่นนั้น หลินเยียนสลับไปใช้บัญชีเก่าเพื่อสร้างโพสต์ประกาศ ‘แฟนๆ ที่รักคะ ฉันเลิกใช้บัญชีนี้แล้วนะ ขอต้อนรับสู่เว่ยป๋อใหม่ของฉัน!”
 
 
ไม่นานหลังจากที่โพสต์ข้อความนั้น บรรดาแอนตี้แฟนต่างรวมตัวแสดงความคิดเห็นใส่เธอราวรัวกระสุน
 
 
‘ถุย! ใครคือแฟนๆ ที่รักของหล่อน? ทุเรศ! จะอ้วก!’
 
 
‘นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่พยายามหลอกชาวบ้านอีกแล้วนะ!’
 
 
‘คิดว่าเปลี่ยนเว่ยป๋อแล้วจะลบความผิดในอดีตได้หรือไง ยัยโง่!’
 
 

 
 
บัญชีใหม่ของหลินเยียนมีผู้ติดตามใหม่จำนวนหลายพันคนอย่างรวดเร็ว
 
 
หลินเยียนกวาดตาอ่านชื่อบัญชีผ่านๆ ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับผู้ ‘ภักดี’ ที่มักจะด่าหลินเยียนเสียๆ หายๆ ทุกที่ที่มีเธอ
 
 
และในไม่ช้า บัญชีใหม่ของหลินเยียนก็เต็มไปด้วยข้อความจงเกลียดจงชังที่ประเดประดังเข้ามาอย่างท่วมท้น
 
 
หลินเยียนชื่นชมความสร้างสรรค์ของสารพัดข้อความที่สรรหามาด่าทอ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดเข้ากับข้อความหนึ่งซึ่งดูโดดเด่นกว่าอันอื่นๆ

ลืมรักเลือนใจ

ลืมรักเลือนใจ

หลินเยียน นักกีฬาแข่งรถแนวหน้าของวงการต้องถึงคราวตกต่ำเพราะข่าวฉาวที่ถูกจัดฉากขึ้น มิหนำซ้ำแฟนหนุ่มที่ทำให้เธอต้องก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อสนับสนุนเขายังหักหลังนอกใจไปคบกับน้องสาวของเธอเองอีกด้วย! แต่แล้วโชคชะตาก็ดลบันดาลให้เธอก็ได้พบกับ เผยอวี้เฉิง ประธานเครือบริษัทข้ามชาติเจเอ็ม คอร์เปอเรชัน ที่ทั้งเดาอารมณ์ยาก เย็นชาและไม่ชอบข้องเกี่ยวกับใคร วันดีคืนดีจู่ๆ เขาก็เกิดสูญเสียการควบคุมตัวเองไปดื้อๆ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะพาเขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้ การพบกันครั้งแรกของเธอและเขาทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอและเขาเคยพบกันมาก่อนหน้านี้เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และเธอก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะ ‘ลืมเลือน’ เขาไปด้วยตัวเอง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset