วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก ตอนที่ 16

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก ตอนที่ 16

บทที่ 7 ป่าเบอร์มิวด้า, ออกล่า (1)

* * *

“ฉันตัดสินใจเองไม่ได้… ช่วยรอประมาณหนึ่งวัน แล้วจะรีบมอบคำตอบ”

จินซอยอนทิ้งท้ายและกลับไป

เธอกล่าวว่ารังไหมน่าจะฟักในอีกสามวัน แต่นั่นคือการประเมินแบบไม่ประมาท เวลาจริงจึงน่าจะนานกว่านั้น

สรุปก็คือ มีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยหนึ่งวัน

ฉันตัดสินใจแวะกลับโซลเพื่อเตรียมความพร้อม

“ปรสิต…”

ความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นในหัว ขณะดิ้นรนเอาตัวรอดในต่างโลก ฉันมีโอกาสได้สัมผัสป่าหลายแห่ง

ระหว่างการผจญภัย ฉันเคยพบปรสิตจำนวนมาก พวกมันเป็นสัตว์ร้ายที่เติบโตโดยการแย่งชิงพลังงานจากป่า

พวกมันแข็งแกร่ง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางสู้ ฉันเคยผ่านมาหมดแล้ว

การล่าสัตว์ในต่างโลกช่วยให้ฉันเรียนรู้หลายสิ่ง

สิ่งสำคัญที่สุดในการล่ามิใช่ขั้นตอนลงมือ แต่เป็นการเตรียมตัว

ความรู้ทั้งหมดที่จำเป็นถูกดึงขึ้นมาในหัวทันที

ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉันเดินออกจากประตูมิติ

“หือ?”

ฉันพบกับจินซอยอนขณะเดินออกทางประตูหลัก

“อ๊ะ! สวัสดี! คุณกลับมาที่โซลหรือ?”

“ผมต้องเตรียมตัว คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่นี่”

“คนที่ทำงานในต่างโลกมักเจอกันแถวนี้เป็นประจำ เพราะทางผ่านมีแค่ทางเดียว”

ปัจจุบันเป็นบ่ายสองโมงตรงของวันจันทร์ หรือก็คือเวลาทำงาน

“ฉันกำลังจะไปหาคุณซอนฮูพอดี โชคดีที่ไม่ต้องข้ามไปต่างโลก ขอบคุณสวรรค์”

“มาหาผม?”

“เรื่องที่คุยกันเมื่อวาน เมื่อเช้าผลออกมาแล้ว…”

พิจารณาจากสีหน้าอันหม่นหมอง ฉันเดาคำตอบได้ทันที

“ถูกปัดตกน่ะ… พวกเขาทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น”

ก็พอจะเดาได้

แต่ก็อยากฟังเหตุผลเหมือนกัน

* * *

เช้าวันที่จินซอยอนเสนอวาระเกี่ยวกับคังซอนฮู

“คุณนักวิจัยอาวุโส ผู้อำนวยการเรียกพบ”

“อ้อ… ค่ะ”

จินซอยอนตรงไปยังห้องผู้อำนวยการทันที เคาะประตูด้วยความระมัดระวัง

“ท่านผู้อำนวยการ ดิฉันนักวิจัยอาวุโสจินซอยอน ขอเข้าไปนะคะ”

“เชิญ”

พัคยองชิก ผู้อำนวยการแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) กำลังนั่งทบทวนวาระที่จินซอยอนเสนอ

“ซอยอน ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อย”

แม้จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ แต่พัคยองชิกก็สนิทสนมกับบุคคลระดับนักวิจัยอาวุโสหลายคน

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”

“ผมเห็นรายงานแล้ว… คุณจะไปถามข้อมูลจากคังซอนฮู แต่โดนเขาจับได้?”

“ใช่ค่ะ ต้องขออภัยจริงๆ ฉันพยายามปิดบังแล้ว แต่คังซอนฮูเอะใจตั้งแต่ต้น”

“สมกับที่อาศัยอยู่ในต่างโลกมาสองปี… แต่คุณไม่ควรตัดสินใจเข้าไปถามด้วยตัวเอง ถ้ายื่นรายงานก่อนและรอการอนุมัติ ใช่ว่าผมจะไม่อนุญาต”

“ขอโทษค่ะ”

“ผมรู้ดีว่าซอยอนของเราพยายามเพื่อบริษัทมากแค่ไหน แต่ยังไงเสีย พวกเราคือสำนักงานใหญ่แผนกวิจัย สิ่งที่คุณทำเป็นงานของพวกหน่วยข่าวกรอง”

“ค่ะ”

“แล้วก็… มาดูนี่”

คลิ๊ก คลิ๊ก คลิ๊ก เสียงเมาส์คลิก ผู้อำนวยการจ้องหน้าจอสักพักก่อนจะพูดต่อ

“คังซอนฮูเสนอให้จ้างเขาใช่ไหม”

“ค่ะ”

“พวกเราจะไม่ทำแบบนั้น”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบ จินซอยอนถอนหายใจยาว

พัคยองชิกเป็นคนใจกว้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน ชายคนนี้ไม่เคยอ่อนข้อ

“ผมขอปัดตกวาระที่คุณเสนอ”

“แต่คังซอนฮูดูมั่นใจมาก ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน แต่ฉันเชื่อว่า…”

“ไม่ก็คือไม่”

“…”

พัคยองชิกจ้องจินซอยอนด้วยสีหน้าหนักแน่น ตามด้วยอธิบาย

“เพียงเพราะเขาอาศัยในต่างโลกมานานสองปี เราไม่สามารถปล่อยให้คนนอกทำภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง”

“ไม่ใช่สองปีค่ะ อย่างน้อยก็เจ็ด…”

“นั่นเป็นแค่สมมติฐานของคุณ นักวิจัยไม่ควรนำข้อมูลที่ไม่แน่นอนมาคำนวณ”

ไม่เคยมีใครยอมรับสมมติฐานของจินซอยอน

ที่นี่คือสำนักงานใหญ่แผนกวิจัย หลักพื้นฐานคือการไม่เชื่อสิ่งใดจนกว่าปัจจัยบ่งชี้จะชัดเจน

“ปัญหาที่แม้แต่หน่วยพิเศษยังแก้ไขไม่ได้ เราจะปล่อยให้บุคคลที่เคยอาศัยในต่างโลกแค่สองปีมาทำแทนได้อย่างไร? พูดตามตรงนะ นั่นฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์”

ก็จริง

จากมุมมองบริษัท จินซอยอนกำลังกล่าวอ้างในสิ่งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน

“แค่เคยอาศัยในต่างโลกมาสองปี ไม่เคยฝึกฝนแบบมืออาชีพ… เขาอาจเป็นไอ้ขี้ขลาดที่เอาแต่ซ่อนตัวตลอดสองปี มิใช่นักท่องโลก ใช่ว่าทุกจุดของต่างโลกจะอันตรายเท่ากันหมด”

“…”

“คุณประเมินเขาสูงเกินไปนะ”

จะเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ?

เรามองคนผิดเพราะเห็นว่าคังซอนฮูพิเศษกว่าใคร?

“และถ้าทำแบบนั้น… มันจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการต่างโลก”

“แรงกระเพื่อม…?”

“หากมีบุคคลที่สามช่วยแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยแทนเรา, OWIC, อำนาจของ OWIC ก็จะถูกตั้งคำถาม นโยบายของรัฐบาลอาจถูกสั่นคลอนและเกิดความวุ่นวาย”

“การเมืองสินะ”

“ผมเองก็เบื่อ แต่เราทำอะไรไม่ได้”

ทำไมนักวิจัยต้องถูกลากไปเอี่ยวกับการเมืองด้วย? ทุกครั้งที่เผชิญปัญหาในทำนองเดียวกัน จินซอยอนมิอาจเก็บซ่อนความอึดอัดทางสีหน้า

“อำนาจจัดการเรื่องนี้ถูกโอนถ่ายไปยังแผนกนโยบายแล้ว ไม่ใช่ปัญหาที่พวกเราต้องเก็บมาคิด ทางนั้นได้ขอความช่วยเหลือจากแผนกที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เหตุการณ์จะลงเอยด้วยดี”

“ค่ะ”

นึกแล้วต้องลงเอยแบบนี้…

จินซอยอนเป็นเพียงนักวิจัยอาวุโสคนหนึ่งในแผนก

เธอไม่เกี่ยวข้องตั้งแต่แรก และไม่มีอำนาจที่จะผลักดันอะไร

เรื่องมันก็แค่นี้

* * *

“อาฮะ”

ได้ยินคำพูดจินซอยอน ฉันพยักหน้ารับ

“เข้าใจแล้ว ก็สมเหตุสมผลดี”

“ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ และต้องขอโทษด้วย”

ใบหน้าจินซอยอนเปี่ยมไปด้วยความเศร้า

ทำไมกันนะ?

“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผมสักหน่อย”

“แต่คุณทำธุรกิจ… เป็นธรรมดาที่จะมองหาสัญญาใหญ่แบบนี้ คงคาดหวังไว้สูงสินะคะ”

“คุณเป็นห่วงธุรกิจของผม?”

“ป…เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น… ก็แค่คิดเผื่อไว้”

ดูเหมือนว่าเธอกำลังเข้าใจอะไรผิด

“ผมไม่สนเรื่องธุรกิจ แค่ทำงานหาเงินพอประทังชีวิต ไม่ได้อยากร่ำรวยอะไร”

“งั้นหรือคะ โล่งอกไปที”

“แล้วก็… ถึงคุณจะไม่จ้าง แต่ผมก็ยังมีสิทธิ์เข้าไปล่าสัตว์”

“…คะ?”

ตอนแรกฉันเข้าใจว่าเธอเป็นคนเยือกเย็น แต่ดูเหมือนจะตกใจบ่อยกว่าที่คิด

“แต่บริษัทจะไม่สนับสนุนคุณ…”

“ผมบอกตอนไหนว่าอยากได้การสนับสนุน?”

“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ… หน่วยพิเศษของเราหายไปทั้งหน่วย…”

“เรื่องนั้นผมก็เคยได้ยิน”

“…รู้แบบนี้แล้ว คุณยังยืนกรานจะเข้าไปคนเดียว?”

ฉันพยักหน้ารับ จินซอยอนจมอยู่กับความคิดเป็นเวลานาน คล้ายกับพยายามตีความสิ่งที่ฉันพูด

ต้องตีความอะไรอีก? พูดอะไรไปก็หมายความอย่างนั้น

“…คุณทำเพื่อเบสแคมป์หรือคะ?”

ไม่ใช่แน่นอน เธอกำลังเข้าใจผิดกันไปใหญ่

ปรสิตในป่าเป็นพวกบ้าคลั่ง กระหายพลังงานไม่สิ้นสุด หากไม่รีบจัดการตอนนี้ วันหน้าคงได้ลำบากแน่

หลังจากกวาดล้างป่าทั้งหมด เป้าหมายถัดไปก็คือเบสแคมป์

นอกจากนั้น กรงเล็บของมัน เปลือกนอกที่ใช้สร้างรังไหม และด้ายไหมรอบๆ ล้วนมีประโยชน์

ต่อให้ไม่ได้เงิน ลำพังสิ่งเหล่านี้สามารถจูงใจให้ฉันเคลื่อนไหว

“คุณซอนฮูไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้นะคะ ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ขออนุญาตจ้างคุณไม่สำเร็จ”

คนสวย คุณจะเข้าใจผิดอีกนานไหม?

แต่ถึงอย่างนั้น ฉันไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจผิด

แบบนี้ก็ดีแล้วนี่?

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว มีหลายสิ่งต้องรีบไปจัดการ แล้วก็…”

เพื่อรักษาศีลธรรมขั้นต่ำ ฉันตัดสินใจทิ้งท้าย

“ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าส่งใครเข้าไป หรือถ้าจำเป็นจริงๆ อย่าลืมบอกพวกเขาให้ฉีดน้ำหอมแรงๆ ก่อนเข้า”

ในเมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว บริษัทจะตัดสินใจอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว

แต่อย่างน้อยก็อยากมอบคำแนะนำ และให้ทางนั้นกำหนดชะตากรรมของตัวเอง

จินซอยอนพยักหน้ารับด้วยสายตาเหม่อลอย ประหนึ่งกำลังขบคิดในหลายสิ่ง

* * *

ไม่กี่วันก่อน ลิลี่พยายามเข้าไปในป่าเบอร์มิวด้า

สืบเนื่องจากลมร้อนที่พัดออกจากป่า นับวันยิ่งร้อนระอุ

ในต่างโลก ลมร้อนคือสัญญาณของลางร้าย ส่วนใหญ่จะหมายถึงการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตอันตราย

เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับป่าเบอร์มิวด้า

ในค่ำคืนหนึ่ง ลิลี่ตัดสินใจเข้าไปสืบด้วยตัวเอง แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ป่าเบอร์มิวด้าปฏิเสธเธอ

ป่าเด็กที่ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเพื่อให้มีชีวิตรอดบนดินแดนอันรกร้าง ปัจจุบันกำลังสั่นกลัว

เพราะเหตุใดกัน?

ความรู้ส่วนใหญ่ของลิลี่มาจากการอ่านและการเรียนหนังสือ หลังจากอาณาจักรซินก้าล่มสลาย เธอได้ศึกษาโลกเพิ่มเติมด้วยร่างกายตัวเอง แต่ก็ยังมีความรู้ไม่มากพอเนื่องจากระยะเวลาสั้นเกินไป

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะผุดความกังวล

เธอคิดมาตลอดว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ตนควร ‘เชื่อมวิญญาณ’ กับชายที่ช่วยเธอออกมา

แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์เกี่ยวกับเลือด เลือดจึงเปรียบดังสัญลักษณ์ของชีวิตและวิญญาณ

ด้วยเหตุนี้ แวมไพร์ชั้นสูงจึงมีพิธีกรรมพิเศษที่เรียกว่า ‘เชื่อมวิญญาณ’ เพื่อสื่อสารข้ามภาษาและเผ่าพันธุ์

คิดถึงตรงนี้ เธอส่ายศีรษะแผ่วเบา

ระวังตัวเอาไว้ดีกว่า…

หากเชื่อมวิญญาณไปแล้ว จะย้อนกลับไม่ได้อีก

จะเกิดอะไรถ้าชายคนนี้ไม่ใช่ ‘โฉมแห่งนักล่า’ ?

เราอาจดูผิดก็ได้นี่?

หรือต่อให้เป็นหนึ่งในสิบสองผู้ปกครองจริง แต่ถ้าเป็นคนชั่วล่ะ?

เนื่องจากหลายสิ่งยังไม่ชัดเจน ลิลี่ตัดสินใจรอดูสถานการณ์ไปก่อน

ในคืนเดียวกัน คังซอนฮูกลับมาที่กระท่อมและเริ่มเตรียมของจำพวกน้ำมันและสิ่งจำเป็นอื่นๆ

มีดซึ่งสะท้อนแสงจันทร์จนกลายเป็นสีแดงที่เธอเพิ่งเคยเห็น, ขวานคริสตัลสีน้ำเงินที่อีกฝ่ายพกติดตัวตลอดเวลา และอีกหลายสิ่งที่เธอไม่ทราบวัตถุประสงค์การใช้งาน รวมถึงบุหรี่ประหลาดที่คังซอนฮูทำขึ้นก่อนหน้านี้

แค่ดูก็รู้ทันทีว่าเตรียมจะเข้าป่า

‘มนุษย์จะเข้าไปในป่า…?’

เธอส่ายหัวแผ่วเบา แม้แต่แวมไพร์ที่เป็นมิตรกับป่ามากกว่ายังถูกปฏิเสธ นับประสาอะไรกับมนุษย์

นอกจากนั้น คังซอนฮูในตอนนี้มิได้เผย ‘โฉมแห่งนักล่า’ โฉมวิญญาณของเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากความเงียบสงัด

จริงอยู่ อาจไม่ใช่ทุกสิ่งที่มีโฉมวิญญาณ แต่ลิลี่ไม่เคยเห็นโฉมวิญญาณของใครหายไป

‘เราตาฝาดหรือ?’

คังซอนฮูสะพายกระเป๋าเป้ ผูกเชือกรองเท้าจนแน่นและออกเดินทาง

ลิลี่ตามชายหนุ่มไป

‘ต้องสืบจนรู้ให้ได้’

เพื่อตระกูล เธอจำเป็นต้องหาโฉมของผู้ปกครอง จึงมิอาจตัดสินใจผิดพลาดเพียงเพราะขาดความอดทน

ลิลี่ต้องการเฝ้ามองจนถึงที่สุดเพื่อยืนยันความจริง

เผ่าพันธุ์เห็นแก่ตัวที่ถูกทอดทิ้งโดยเทพทั้งเก้า เธอไม่อยากยอมรับว่ามนุษย์จะครอบครองโฉมของผู้ปกครอง

หรือเราจะตาฝาดจริงๆ …?

* * *

ถึงป่าเบอร์มิวด้าแล้ว

คังซอนฮูที่วิ่งเต็มฝีเท้าโดยไม่หยุดพัก ยืนอยู่ด้านหน้ารอยต่อของป่า

ฟ้าว!

สายลมแห้งผากจากเทือกเขาโนมิน่าพัดผ่านผืนป่า ในสายตาลิลี่ สิ่งนี้ฟังดูคล้ายกับเสียงร้องของป่าขณะสัมผัสถึงผู้บุกรุกรายใหม่

เธอมองเห็นโฉมวิญญาณขนาดมหึมาของผืนป่า

ป่าเบอร์มิวด้ากำลังก้มมองคังซอนฮู

โฉมวิญญาณของป่ามีรูปร่างคล้ายแกะหนุ่ม ขนสีแดง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล

คังซอนฮูแหงนมองฟ้า ราวกับกำลังสบตาโฉมวิญญาณของป่าที่ไม่น่าจะมองเห็น

หากเข้าป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องเผชิญกลไกป้องกันที่ป่าเตรียมไว้

ผิวหนังอาจละลายจากสารพิษเข้มข้น, แก๊สที่สูดดมแล้วเห็นภาพหลอน, หรือไม่ก็ถูก ‘องครักษ์’ แห่งป่าทำร้าย ป่ามีวิธีการมากมายในการพรากชีวิตผู้บุกรุก

‘จะทำยังไงต่อ?’

ขณะเธอตั้งคำถาม

ฟ้าว!

ผืนป่าสั่นสะเทือนอีกครั้ง ทั้งที่ไม่มีลมพัดมาจากเทือกเขาโนมิน่า

อากาศกำลังลอยนิ่งโดยไม่สั่นไหว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผืนป่าสั่นด้วยตัวเอง

ลิลี่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

แกะหนุ่มร่างยักษ์ค่อยๆ ลดศีรษะลง

โฉมวิญญาณของแกะหนุ่มที่จ้องมายังคังซอนฮู กำลังแสดงความเคารพต่อมนุษย์

คังซอนฮูพยักหน้ารับ ตามด้วยก้าวขาอย่างระมัดระวัง

เป็นการขยับตัวเพียงเล็กน้อย

แค่หนึ่งก้าว แต่พฤติกรรมดังกล่าวอัดแน่นไปด้วยความเคารพเหนือพรรณนาต่อผืนป่า

ภายในระยะเวลาแสนสั้นที่ผ่านไปไวจนนับไม่ทัน เผ่าพันธุ์ซึ่งถูกทอดทิ้งและผืนป่าที่ถือกำเนิดในดินแดนอันรกร้าง ทักทายซึ่งกันและกัน

‘มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับป่า…’

แม้แต่เอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในป่ามานานหลายร้อยปีก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องประกอบพิธีกรรมที่ซับซ้อนและประณีต แต่ชายคนนี้กลับทำสำเร็จอย่างง่ายดายประหนึ่งการจ้องหน้าเมียพ่อค้านมสดในตอนเช้า

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก , 고인물은 이계가 너무 쉽다
Score 8.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก หลังจากเอาตัวรอดในต่างโลกอย่างยากลำบากเป็นเวลานาน ในที่สุดคังซอนฮู นักผจญภัยมากประสบการณ์ก็มีโอกาสได้กลับมายังโลกมนุษย์ แต่กลับต้องพบว่า เวลาบนโลกเพิ่งผ่านไปเพียงสองปี และการสำรวจต่างโลกนั้นแทบไม่มีความคืบหน้าเลย ผู้คนแทบไม่มีข้อมูลของต่างโลก ไม่เพียงเท่านั้น ภาษารูนที่มนุษย์โลกสรรเสริญประหนึ่งเวทมนตร์ คังซอนฮูกลับใช้มันได้อย่างชำนาญราวกับภาษาแม่ แถมยังมีแวมไพร์สาวสวยปริศนา ผู้สามารถมองเห็น 'โฉม' ของดวงวิญญาณได้อีก ที่ผ่านมา คังซอนฮูใช้ชีวิตแบบใดกันแน่ และสิ่งใดอยู่เบื้องหลังการดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดหลายปีของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset