วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก ตอนที่ 5

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0005

บทที่ 2 ไม่คิดว่าจะต้องกลับไปทันทีที่กลับมา (2)

ชั่วขณะหนึ่ง ฉันมองไปยังประกายไฟที่บินผ่านป่าดิบชื้นในต่างโลก ป่าที่แสงสว่างยากจะส่องถึงเนื่องจากมีใบไม้หนาทึบ

มาร์คาม่า ทูรอสโต เดอโมห์ส marlkaama to rosto de mohs

แปลคร่าวๆ ได้ว่า ‘กลายเป็นไฟและไล่ตามหัวใจแห่งผืนป่า’

ใช่แล้ว ภาษารูนสามารถประกอบกันกลายเป็นประโยค

สำหรับที่นี่ ‘หัวใจแห่งผืนป่า’ หมายถึง ‘คริสตัลสีดำ’ ซึ่งเป็นจุดหมายของการสอบ

ชาวต่างโลกเรียกมันว่าหัวใจแห่งผืนป่า แต่ดูเหมือนว่าคนของโลกจะยังไม่ทราบ

กล่าวคือ พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่า ตัวตนที่แท้จริงของคริสตัลสีดำคืออะไร

“เฮ้อ… เป็นการสอบที่อันตรายชะมัด”

เนื่องจากเป็นการทดสอบใบอนุญาตง่ายๆ สนามสอบจึงปลอดภัยมาก และไม่มีปัญหาแม้จะหลงทาง

คำกล่าวที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจข้างต้น คือเครื่องยืนยันว่าพวกเขายังไม่รู้จักป่าในต่างโลกดีพอ

ฉันอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

แต่ไม่มีเวลามัวคิดมากแล้ว

ห้าชั่วโมง ถ้าผ่านได้ในสามชั่วโมงก็จะได้คะแนนสอบเกินแปดสิบ

ในกรณีสอบผ่านแบบธรรมดา ก็ต้องสอบเพิ่มเติมในรอบที่สอง ซึ่งฉันไม่อยากเสียเวลาโดยใช่เหตุ

หลังจากผูกเชือกรองเท้าเสร็จ ฉันเริ่มวิ่งตามเส้นทางที่ประกายไฟนำพา

ผ่านไปสักระยะ ฉันพบหน้าผาหินสูงเท่าอาคารหลายชั้น

คนสามคนกำลังรวมตัวกันและแหงนหน้ามองบางสิ่ง เมื่อลองเงี่ยหูฟัง ฉันได้ยินเสียงของพวกเขา

“เฮ้อ… เจอแบบนี้ตั้งแต่เริ่มเลยหรือ”

“พวกเราเริ่มต้นในจุดที่ค่อนข้างแย่”

“ในท้ายที่สุด การสอบปฏิบัติก็ยังเป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย… หลังจากนี้ก็คงได้เจออุปสรรคทำนองเดียวกันอีกมาก”

“ตรงนี้แน่ใช่ไหม?”

“ใช่… ทุกคนนำอุปกรณ์ปีนเขาออกมา ฉันจะปีนขึ้นไปพลางตอกตะปู”

“ที่นี่คงใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง… ตึงมือชะมัด”

“ไม่ต้องไปคิดมาก มาเริ่มกันเลย”

หากประเมินแล้วว่าไม่ได้เป็นศัตรูกัน มีแนวโน้มที่ผู้คนจะร่วมมือ

“ร่วมมือสินะ…”

ฉันไม่เคยทำมาก่อน แต่ถ้ามีโอกาส ฉันก็คงทำเพื่อเพิ่มโอกาสอยู่รอดบนต่างโลก

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม การสอบคราวนี้ถึงไม่ได้ใส่กติกาความเป็นคู่แข่งระหว่างผู้เข้าสอบ

ขณะฉันจ้องพวกเขา สายตาของเราประสานกันอย่างเป็นธรรมชาติ ชายคนหนึ่งมองฉันด้วยแววตาแปลกประหลาด

คล้ายแปลกใจที่ฉันไม่ได้นำกระเป๋าสะพายมาด้วย

หรือบางทีอาจเป็นสายตาสมเพช ที่มองมายังเด็กใหม่ผู้เข้าสอบโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่

“นั่นสินะ… ถ้าพกมาด้วยก็คงสะดวกกว่า”

ฉันเคยคิดแบบนั้น

แต่ระหว่างที่ดำรงชีวิตในต่างโลก ไม่มีเลยสักครั้งที่ฉันได้รับความช่วยเหลือจากพวกมัน

แปะ แปะ

หลังจากปรบมือสองครั้งและรวบรวมสมาธิ ฉันคว้าก้อนหินที่ยื่นออกจากหน้าผาและเริ่มปีน

กึก-

และเมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดและมองลงมา ผู้เข้าสอบบางคนที่สัมผัสถึงการจ้องมอง รีบแหงนหน้าพร้อมกับอ้าปากค้าง

“ได้ยังไง…?”

“เขาขึ้นไป… ตั้งแต่ตอนไหน?”

“ไม่มีอุปกรณ์ปีนเขาไม่ใช่หรือ”

พิจารณาจากท่าที พวกเขาดูจะไม่เชื่อว่าฉันปีนมือเปล่า

“ขอให้โชคดีในการสอบ!”

ขณะฉันเตรียมจากไป

“เด็กใหม่ ระวัง! ทางนั้นมันหนองน้ำ! อันตรายมาก!”

“หนองน้ำ?”

ฉันที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า ก้มหน้ากลับลงไปอีกครั้ง

“ฉันมาสอบเป็นครั้งที่สองแล้ว การสอบครั้งแรกอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้านายไปทางซ้ายจะเจอหนองน้ำ!”

“จริงหรือ?”

“คริสตัลสีดำน่าจะอยู่ฝั่งตรงข้ามหนองน้ำ! แม้เครื่องตรวจจับคริสตัลจะยังหาไม่พบ แต่… ฉันเคยตรวจพบในการสอบครั้งแรก”

“อ้อ…”

เมื่อฉันเงยหน้าขึ้น ประกายไฟแผ่ขยายออกไปทางซ้าย

ตัวฉันสามารถระบุตำแหน่งของคริสตัลได้อย่างคร่าว แต่การได้รู้ว่าระหว่างทางมีหนองน้ำ ถือเป็นข้อมูลที่ล้ำค่า

หากด้านหน้ามีหนองน้ำรออยู่จริง เกรงว่าแม้แต่ฉันก็ต้องเตรียมตัว

“นี่คุณลุง!”

“ว่าไง…?”

“ปืนลำบากใช่ไหม? โยนเชือกขึ้นมาสิ”

เชือกที่พวกเขาโยนขึ้นมา ฉันมัดไว้กับต้นไม้ ผูกให้แน่นและตอกตะปูยึดไว้กับพื้น

นี่คือกลไกความปลอดภัยสามชั้น เป็นมาตรฐานทั่วไปของการปืนผา

“ปืนเชือกขึ้นมาได้เลย! ระวังอย่าลื่นก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมาก ขอให้สอบผ่าน!”

“คุณก็เหมือนกัน!”

ผู้เข้าสอบไม่ได้เป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว การตกรอบของคนอื่นไม่ได้ช่วยให้ฉันสอบผ่าน

นอกจากนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายหยิบยื่นความช่วยเหลือก่อน ก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องใจดำ

ฉันเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง ร่างกายที่เคยเฉื่อยชาเริ่มร้อนรุ่มจากการปีนหน้าผา กล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นคอยผลักดันร่างกายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วดุจดังสปริง

* * *

“โอ้ก…”

ผู้เข้าสอบจำนวนสี่คน ซึ่งเริ่มต้นจากรอยแยกฝั่งทิศตะวันออก เกิดอาการคลื่นไส้ขณะมองไปทางหนองน้ำเบื้องหน้า

แม้แต่ชายร่างใหญ่ที่ดูจิตใจเข้มแข็ง ก็ยิ่งมิอาจเก็บซ่อนสีหน้าอันบิดเบี้ยว

“ต้องข้ามไป… จริงหรือ?”

“ทางนี้ไม่ผิดแน่”

สตรีที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ก็มิอาจเก็บซ่อนความกังวล

“จะย้อนกลับก็ได้ แต่กว่าจะอ้อมเสร็จ หมดเวลาสอบก่อนแน่นอน”

“อ…อุก”

กลิ่นเหม็นเน่าที่แผ่มาจากหนองน้ำ ทำให้พวกมันไม่กล้าก้าวขาข้ามไป

“ความลึกนี้… ไม่ธรรมดาเลย”

พิจารณาจากต้นไม้ใหญ่ริมหนองน้ำ ที่ลำต้นงอกขึ้นมาจากผิวน้ำ บางที ที่นี่อาจลึกหลายเมตร

และหากก้าวพลาดแม้เพียงนิดเดียว ก็มีโอกาสจะติดอยู่ที่นี่ตลอดกาล

ไม่ใช่แค่เรื่องความกล้า แต่ต้องคำนึงถึงโอกาสสำเร็จด้วย

“แล้วเราต้องทำยังไง…”

ขณะพวกเขากำลังคิด

“ฮ่าห์!”

“อึ๋ย!”

ใครบางคนโผล่ศีรษะขึ้นจากผิวน้ำใต้ฝ่าเท้าพวกเขา

ผู้เข้าสอบทั้งสี่ต่างพากันสะดุ้ง

สัตว์ประหลาดต่างโลก? จระเข้?

พากันคาดเดาไปต่างๆ นานา

“หือ…? คน!”

“อาจเป็นสัตว์ต่างโลกก็ได้! ระวัง…”

ในเวลาเดียวกัน ชายที่ปีนขึ้นจากหนองน้ำ ปัดดินโคลนบนร่างกายด้วยท่าทีผ่อนคลาย มิได้แยแสกลุ่มผู้เข้าสอบที่ยืนอึ้งอยู่ไม่ห่าง

จากนั้น ชายคนเดิมยกขวานขึ้น

“…ขวาน?”

“เอาขวานเข้าสอบได้ด้วยหรือ?”

“ไม่ได้… จำกัดแค่มีดยาวไม่เกินสิบเซนติเมตร… เดี๋ยวนะ นั่นมัน?”

“มีบางอย่างแปลกๆ”

คมขวานทำจากคริสตัลสีฟ้าโปร่งใส ไม่ใช่ใบเหล็กตามปรกติ

ใช้เวลาไม่นาน ทุกคนเริ่มตระหนักถึงตัวตนของคริสตัลสีฟ้า

“…คริสตัลสีฟ้า?”

“เครื่องตรวจจับคริสตัล สามารถตรวจจับเจ้านี่ได้ด้วยไม่ใช่หรือ? เท่าที่ฉันรู้ มันไม่มีวันถูกทำลาย…”

เพราะไม่มีวันถูกทำลาย จึงถูกใช้เป็นวัตถุสำหรับอ้างอิงตำแหน่ง

แต่ชายคนนี้กลับถือขวานที่ดูเหมือนจะสร้างจากคริสตัลสีฟ้า

โดยไม่สนใจบทสนทนารอบตัว ชายคนเดิมถ่มน้ำลายใส่ฝ่ามือตัวเอง กำขวานแน่น มองไปทางต้นไม้ต่างโลกที่เติบโตอยู่ริมหนองน้ำ

“ทุกคนระวัง”

และจากนั้น

ปึก—!

ชายคนดังกล่าวกระหน่ำสับขวานใส่โคนต้นไม้

ในการเหวี่ยงแต่ละครั้ง ลำต้นจะถูกสับลึกหลายเซนติเมตร เศษไม้ปลิวกระจายไปทุกทิศ

เขาคิดจะทำอะไร? กลุ่มผู้เข้าสอบทำได้เพียงยืนมองฉากดังกล่าว

ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!

ในตอนแรกดูคล้ายกับการสับมั่วๆ แต่เพียงไม่นาน พวกเขาเริ่มตระหนักว่าทุกสิ่งถูกคำนวณไว้อย่างแม่นยำ

ครืน—

ต้นไม้ที่สูงตระหง่านราวกับยักษ์ เริ่มเอนล้มไปทางริมหนองน้ำอีกฝั่ง

โครม!

มันกลายเป็นสะพานข้ามหนองน้ำในทันที

โดยไม่รอให้ท่อนซุงยักษ์หยุดสั่นสะเทือน ชายคนดังกล่าวออกวิ่งอย่างรวดเร็ว

“นี่…”

ชายที่วิ่งไปถึงฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็วสูง หันกลับมาพูดกับทุกคน

“ฟู่ว… กลิ่นดีขึ้นแล้ว… พวกคุณไม่ข้ามมาหรือ?”

“อ๊ะ… ปะ…ไปสิ!”

“ผมไม่ใช่คนใจดำอะไร พวกคุณจะใช้ต้นไม้ข้ามมาก็ได้นะ… หรือถ้าทรงตัวลำบาก ให้ค่อยๆ ใช้สองมือเกาะแล้วคลานมา น้ำแถวนี้ลึกมาก”

“ขะ… ขอบใจ!”

* * *

คำว่า ‘หัวใจแห่งป่า’ ถูกบัญญัติไว้ชัดเจนในภาษารูน

ด้วยเหตุนี้ การใช้เวทมนตร์ไล่ตามหัวใจแห่งป่า จึงเป็นเรื่องที่กระทำได้

แม้จะไม่แม่นยำในระยะทางไกล แต่ถ้ายิ่งเข้าใกล้เป้าหมาย ประกายไฟของ ‘โมห์ส’ ก็จะยิ่งระบุพิกัดได้ชัดเจน

และ

“…ใกล้ถึงแล้ว”

พื้นที่รอบๆ หัวใจแห่งป่า สามารถคาดเดาได้อย่างคร่าวจากภูมิประเทศ

เป็นการยากที่จะระบุเอกลักษณ์อย่างเจาะจง แต่หลังจากอาศัยในต่างโลกเป็นเวลานาน ฉันก็เริ่มมี ‘เซนส์’ เกี่ยวกับมัน

กึก— กึก—

หากจะให้ยกตัวอย่าง

ประการแรก ซากใบไม้เน่าเปื่อยจะพบได้ยากกว่าปรกติ ทั้งที่ไม่มีใครคอยทำความสะอาด

กึก— กึก—

หัวใจแห่งป่าจะเร่งการเสื่อมสลายของอินทรียวัตถุโดยรอบ

เหตุผลไม่ซับซ้อน

เพื่อนำสารอาหารไปบำรุงหัวใจแห่งป่า

กึก— กึก—

นั่นคือเหตุผลที่พบเห็นซากใบไม้เน่าเปื่อยได้ยาก

ยิ่งอินทรียวัตถุเสื่อมสภาพเพียงใด กระบวนการสูญสลายก็ยิ่งรวดเร็ว

กึก— กึก—

ประการที่สอง…

ประการที่สอง…

สภาพแวดล้อมในปัจจุบันทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการขบคิด จึงตัดสินใจมองกลับไปด้านหลัง

“อ๊ะ…!”

“ส…สวัสดีครับ แหะแหะ”

คนที่สบตากับฉัน รีบฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะแห้ง

“เอ๋? นายก็มาสอบเหมือนกันหรือ?”

“เอ้า? นายก็ด้วย?”

“ชู่ว… เงียบหน่อย มันรบกวนสมาธิเขา”

ไม่เลย ไม่รบกวนเลยสักนิด

โดยไม่รู้ตัว มีผู้เข้าสอบสิบกว่าคนแอบตามฉันมาจากด้านหลัง

ผู้เข้าสอบทั้งหมดมีประมาณหนึ่งร้อย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราวสิบเปอร์เซ็นต์กำลังตามฉันมา

พวกเขาไม่ได้สร้างความรบกวนแต่อย่างใด ไม่สิ เรียกได้ว่าค่อนข้างมีประโยชน์

คนสิบคนทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เช่นการช่วยกันยกหินยักษ์ที่ปิดปากถ้ำ จนสามารถเดินลัดเข้าไปในภูเขาหิน แทนที่จะต้องอ้อมไกล

อะไรทำนองนั้น

“ห…เห็นแล้ว!”

เสียงเชียร์ดังขึ้น

แต่ในเวลาเดียวกัน เสียงตัดพ้อดังตามมา

“…อีกแล้ว?”

“ไม่ใช่แค่นั้น คราวนี้สูงกว่าเดิมมาก…”

หน้าผา

คราวนี้เป็นหน้าผาลาดลง

แน่นอนว่าดีกว่าการปีนขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องใช้เวลานาน

“ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแน่นอน…”

และในกรณีนี้ ฉันไม่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าสอบคนอื่นได้เหมือนทุกครั้ง

เมื่อเป็นเช่นนั้น

“คุณลุง”

“ว…ว่าไง?”

“ขอยืมถุงมือได้ไหม? ถุงมือผ้าน่ะ”

“ได้สิ มีอยู่หนึ่งคู่… ฉันถูกช่วยไว้มาก แค่นี้ให้ได้อยู่แล้ว”

หลังจากรับถุงมือผ้าจากชายคนหนึ่ง ฉันมัดข้อมือจนแน่นเพื่อไม่ให้พวกมันหลุด

“ไปก่อนนะ!”

“หา…?”

ฉันกระโดดลงไปทั้งอย่างนั้น

แน่นอน ฉันไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ ถ้าตกลงพื้นด้วยความสูงระดับนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ็บหนักแน่นอน

ดังนั้นตั้งแต่แรก ฉันเล็งไปทางต้นไม้ใหญ่ริมหน้าผา ขณะร่อนลง ฉันกวาดสายตาเลือกกิ่งไม้ที่ดูเหมาะสมที่สุดและใช้มือคว้าไว้

เป๊าะ!

กิ่งไม้หัก แต่ก็ช่วยลดความเร็วในการร่วงหล่นได้มาก และนั่นก็เพียงพอ

กึก—

หลังจากลงจอด ฉันแหงนหน้ามองกลับไป พบว่าใครบางคนกำลังเตรียมเชือกนิรภัยอย่างกระตือรือร้น และบางคนเอาแต่อ้าปากค้างขณะก้มมองมาทางฉัน

แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก็มีความหมาย ฉันจึงเตรียมโบกมือลา

แต่ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ฉันไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พบ ดึงดูดความสนใจของฉันไปทั้งหมด

ด้านหลังศีรษะของกลุ่มผู้เข้าสอบที่ก้มมองลงมา

บนท้องฟ้า

มันกำลังล่องลอยอย่างเชื่องช้า

เป็นระยะทางที่ไกลเกินกว่าคนปรกติจะมองเห็น

แต่ระหว่างดำรงชีวิตในต่างโลก ประสาทสัมผัสของฉันเฉียบคมขึ้นด้วยเหตุผลบางประการ

ฉันจึงมองเห็น

บางที คงดีจะกว่าหากไม่บังเอิญเห็นมันเข้า

“…วิลสัน?”

หมอนั่นมาทำอะไรแถวนี้?

แล้วทำไมถึงยังอยู่ในสภาพดี?

“…”

ฉันยืนเหม่อเป็นเวลานาน

ราวกับสมองหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการผ่านบททดสอบ และรีบกลับบ้านไปอาบน้ำ

“…จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย”

ที่นี่คือต่างโลก

ในระหว่างยังมีลมหายใจ ฉันใช้ข้อคิดนี้เตือนสติตัวเองเสมอ

ฉันสลัดความคิดไร้สาระทิ้งไปและเริ่มออกวิ่ง ตอนนี้ทุกคนคงทราบทิศทางที่ถูกต้องแล้ว

แต่ตามความเห็นของฉัน คงไม่ใช่ทุกคนที่จะสอบผ่าน

ระหว่างผู้เข้าสอบและจุดหมายปลายทาง ยังมีขวากหนามต้นใหญ่เป็นอุปสรรคขวางกั้น

* * *

เมื่อการสอบเริ่มขึ้น หอประชุมที่ว่างเปล่าถูกครอบงำด้วยความเงียบสงัด ผู้คุมสอบสองคนช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่

“ซังคยุน เครื่องกำเนิดรอยแยกขากลับอยู่ไหน? ถึงเวลาต้องเปิดมันแล้ว”

“อ้อ… อยู่ตรงนั้น”

ผู้คุมสอบรุ่นพี่ลงมือทันที ทำการหมุนหมายเลขประหนึ่งไขรหัสตู้นิรภัย จนกระทั่งรอยแยกขากลับปรากฏขึ้น

ขอบของรอยแยกไม่สม่ำเสมอ แถมยังส่งเสียงไม่พึงประสงค์

“มันจะคงสภาพได้นานสามชั่วโมง เราคงว่างกันไปอีกสักพัก… ตอนนี้การสอบผ่านไปกี่นาทีแล้ว”

“หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาทีนับตั้งแต่กลุ่มผู้สอบถูกส่งเข้าไป…”

ผู้คุมสอบรุ่นน้องกล่าวขณะมองไปทางผู้คุมสอบรุ่นพี่

“พี่หิวไหม? ฉันไม่ได้กินอาหารกลางวัน ไปซับเวย์กัน”

“หืม…”

“พวกเราน่าจะว่างไปอีกหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย… แค่รีบกินให้เสร็จก็พอ วันนี้รุ่นพี่ก็ยังไม่ได้ดื่มกาแฟใช่ไหมล่ะ?”

อันที่จริงก็ไม่ผิดนักหรอก

จริงอยู่ ผู้คุมสอบต้องคอยเฝ้ารอยแยกขากลับไว้ตลอดเวลา แต่ทุกสิ่งก็ต้องดำเนินบนพื้นฐานความสมเหตุสมผล ฉันเองก็ไม่อยากเป็นรุ่นพี่บ้ากฎในสายตารุ่นน้องสักเท่าไร

“งั้นไปกันเลยไหม? อ๊ะ… เดี๋ยวก่อน ฉันขอเขียนใบนี้ให้เสร็จ…”

ทันใดนั้นเอง

เปรี้ยะ!

มีบางสิ่งโผล่ออกจากรอยแยก ผู้คุมสอบอาวุโสสะดุ้งเฮือกพร้อมกับโยนปากกา

“น…นั่นมันอะไร!”

ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือ ชายผมบ๊อบสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์

ร่างกายเต็มไปด้วยโคลน มือข้างหนึ่งถือสิ่งที่น่าจะเป็นกิ่งต้นหลิว

“…”

“…”

เนื่องจากไม่เข้าใจสถานการณ์ ผู้คุมสอบทั้งสองคนทำได้เพียงยืนตัวแข็ง

ชายที่มีสภาพซอมซ่อ ปัดดินโคลนออกจากใบหน้าพร้อมกับเปิดปาก

“ผมทำอะไรผิดรึเปล่า?”

“ม…ไม่ผิด… ช่วยรอสักครู่นะ”

ผู้คุมสอบต้องพกเครื่องจับเวลาไว้กับตัวเสมอ เพราะต้องระบุเวลาที่ใช้ผ่านสอบอย่างแม่นยำ

ผู้คุมสอบรุ่นพี่ค่อยๆ ยกเครื่องจับเวลาบนโต๊ะขึ้น

กริิ๊ก

“คุณเป็น… ผู้เข้าสอบใช่ไหม?”

“ใช่”

“เอ่อ… คุณชื่ออะไร”

“คังซอนฮู”

“ซังคยุน ไปหยิบ… กระดาษบันทึกผลมาหนึ่งแผ่น”

“ครับ!”

จนกระทั่งผู้คุมสอบรุ่นน้องนำกระดาษบันทึกผลกลับมา ผู้คุมสอบรุ่นพี่ก้มมองเวลาที่บันทึกได้อีกครั้ง

<1 ชั่วโมง 21 นาที 12 วินาที>

การสอบห้าชั่วโมง ที่แค่กลับมาภายในสามชั่วโมงก็จะได้คะแนนเกือบเต็มร้อย

และสถิติของชายคนนี้คือหนึ่งชั่วโมง ยี่สิบเอ็ดนาที

“…”

เป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดสอบ ชนิดที่ไม่มีผู้ใดใกล้เคียง

“ผมกลับบ้านได้หรือยัง?”

“อะ… ด…ได้สิ คุณสอบผ่านแล้ว ผมจะออกใบรับรองชั่วคราวให้ที่ล็อบบี้ กรุณารอรับด้วย… ใบอนุญาตตัวจริงจะถูกส่งไปที่บ้านตามหลัง”

“ครับ ขอบคุณ”

ชายผู้ก้มศีรษะและเดินจากไป รอยเท้าที่เต็มไปด้วยโคลนของมัน ถูกประทับไว้เป็นทางยาว

สิ่งที่น่ารำคาญใจก็คือ ฉันยังกลับบ้านไม่ได้เพราะติดขั้นตอนจุกจิก

แต่สถานการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น ทำให้สมองของฉันมัวขบคิดอยู่กับเรื่องอื่น

“เขาทำได้ยังไง… ไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง?”

“ซังคยุน”

“ครับ?”

“ไว้กินข้าวทีหลัง”

“…เข้าใจแล้วครับ”

สถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ทำให้สองผู้คุมสอบตื่นตัวจนไม่กล้าลุกออกไปไหน

* * *

“…หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที?”

“ใช่”

กลุ่มพนักงานที่นั่งล้อมวง ต่างทำตาลุกวาวพร้อมกับหันไปทางหน้าจอ

“สถิติแบบนี้ เป็นไปได้ด้วยหรือ?”

“…สมรู้ร่วมคิดกับผู้คุมสอบรึเปล่า?”

“โกงการสอบสินะ? หืม…”

บรรดาพนักงานไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง

แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาได้สรุปว่า ในปัจจุบันยังไม่มีช่องทางสำหรับโกงการสอบ

“การสอบสมรรถภาพร่างกาย ไม่มีช่องทางให้โกงได้อยู่แล้วนี่? หรือถ้าเขานำวัตถุที่ฝ่าฝืนกฎเข้าไป… ฝ่ายที่คอยตรวจสอบสัมภาระก็ไม่ใช่ผู้คุมสอบสักหน่อย คงไม่ได้รวมหัวกันโกงหรอก”

“อา…”

“และถ้ามีการโกง ก็คงไม่สร้างสถิติเหลวไหลแบบนี้ขึ้นมา เพราะมันโฉ่งฉ่างเกินไป”

สมเหตุสมผล

“เขาเป็นใคร? ไม่ใช่พวกพาธไฟน์เดอร์หรือฮาวนด์*มาสอบขำๆ หรอกหรือ?” (Hound – หมาล่าเนื้อ)

“ชื่อคังซอนฮู… นี่เป็นการสอบครั้งแรกของเขา ถ้าเป็นนักสำรวจมืออาชีพ ก็ต้องมีประวัติการสอบในอดีตอยู่บ้าง… และในบรรดาคนพวกนั้น ฉันนึกไม่ออกว่าใครสามารถสร้างสถิติแบบนี้ได้”

“อา…”

“ได้ยินมาว่า เขาไม่ได้พกกระเป๋าสะพายหรือมีดสักเล่มเข้าสอบ แต่กลับวิ่งเข้าใส่จุดหมายเป็นเส้นตรงได้เหมือนกับรถไถ?”

ผู้รับผิดชอบผลการสอบ รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

“ชายที่ชื่อคังซอนฮู… เราควรส่งชื่อเขาไปให้เบื้องบนไหม?”

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก , 고인물은 이계가 너무 쉽다
Score 8.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก หลังจากเอาตัวรอดในต่างโลกอย่างยากลำบากเป็นเวลานาน ในที่สุดคังซอนฮู นักผจญภัยมากประสบการณ์ก็มีโอกาสได้กลับมายังโลกมนุษย์ แต่กลับต้องพบว่า เวลาบนโลกเพิ่งผ่านไปเพียงสองปี และการสำรวจต่างโลกนั้นแทบไม่มีความคืบหน้าเลย ผู้คนแทบไม่มีข้อมูลของต่างโลก ไม่เพียงเท่านั้น ภาษารูนที่มนุษย์โลกสรรเสริญประหนึ่งเวทมนตร์ คังซอนฮูกลับใช้มันได้อย่างชำนาญราวกับภาษาแม่ แถมยังมีแวมไพร์สาวสวยปริศนา ผู้สามารถมองเห็น 'โฉม' ของดวงวิญญาณได้อีก ที่ผ่านมา คังซอนฮูใช้ชีวิตแบบใดกันแน่ และสิ่งใดอยู่เบื้องหลังการดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดหลายปีของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset