วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 839 มาดูกันว่าเธอยังจะกล้าเข้าแข่งขันไหม

[ใครคือซิงหลานเหรอ]

 

 

[เธอเป็นผู้เข้าเข้าแข่งขันรายการประกวดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้ายไปล่วงหน้าน่ะ…]

 

 

[โอ้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันล่ะ]

 

 

[เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันในรายการประกวดเมื่อสามปีก่อนเพราะเธอขโมยของจากผู้จัดงานน่ะ ใครจะไปคิดว่าสามปีต่อมาเธอจะเปลี่ยนชื่อมาเข้าประกวดอีก]

 

 

[หมายถึงเธอเป็นขโมยเหรอ แล้วเธอผ่านเข้ารอบมาขนาดนี้ด้วยอดีตดำมืดอย่างนั้นได้ยังไงกัน]

 

 

[เธอต้องหน้าด้านแน่ๆ เธอคิดว่าคงไม่มีใครจำเธอได้ถ้าเธอเปลี่ยนชื่อและปลอมตัวล่ะมั้ง แต่ยังไงเธอก็ถูกจับได้จนได้ นี่แหละที่เรียกว่ากรรมตามสนอง…]

 

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เข้าประกวดรายการรูปแบบนี้มีข่าวฉาว ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง หากแต่นี่เป็นครั้งที่สองของซิงหลานที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องอื้อฉาวและตกเป็นข่าว ดังนั้นจึงมีคนออกมาให้ความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตมากมาย ไม่ว่าอย่างไรการขโมยของก็เป็นสิ่งที่สังคมไม่ให้การยอมรับและหลายๆ คนก็ต่อต้านเรื่องนี้อย่างรุนแรง

 

 

[เธอเป็นพี่สาวหลี่ชั่น ราชินีเพลงบัลลาดนี่ พี่น้องสองคนต่างกันขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ]

 

 

[หลี่ชั่นมีความสามารถมาก เธอไปมีพี่สาวที่น่าขายหน้าแบบนี้ได้ยังไง]

 

 

[ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรแต่ฉันจะไม่สนับสนุนหัวขโมยเด็ดขาด!]

 

 

[หลี่ซินน่าจะตกรอบไปซะ]

 

 

[ตกรอบไปซะ! อย่ามาทำให้เวทีต้องแปดเปื้อน]

 

 

 

 

ทั้งหมดนี้เป็นการโจมตีและกระแสกดดันที่ถังหนิงต้องการให้ซิงหลานทนผ่านไปให้ได้ แผลเก่าจึงถูกฟื้นฝอยขึ้นมาอีกครั้ง เดิมทีซิงหลานคิดว่าหลังจากที่เรื่องผ่านไปสักพักแล้วเธอจะไม่เจ็บปวดมากนักเป็นครั้งที่สอง หากแต่มันกลับยังสาหัสเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ไม่เปลี่ยน

 

 

เมื่อเห็นซิงหลานมีท่าทางจิตตก หลินเฉี่ยนตบไหล่เธอเบาๆ และเอ่ยให้กำลังใจ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ อย่ากลัวไปเลยนะคะ”

 

 

“หลี่ชั่นต้องหัวเราะอย่างสะใจอยู่แน่เลยค่ะ” ซิงหลานพูดพลางกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ “ฉันไม่ได้ขโมยอะไรไปจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ทำ… ไม่ว่าจะเป็นเมื่อสามปีก่อนหรือตอนนี้ก็ตาม ฉันไม่เคยเอาของของคนอื่นไปเลยนะคะ”

 

 

“เรารู้ค่ะ”

 

 

ไม่มีทางเลือกอื่น หากเธอต้องการล้างชื่อให้ตัวเอง เธอต้องยอมรื้อฟื้นแผลเก่าของเธอ แม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ซิงหลานต้องเจ็บปวดอีกครั้ง แต่มันก็มอบโอกาสครั้งที่สองในชีวิตให้เธอเช่นกัน

 

 

ไม่นานหลังจากเรื่องลุกลามไปทั่วโลกออนไลน์ ในที่สุดผู้คนบนอินเทอร์เน็ตก็พากันออกมาให้ความเห็นว่าซิงหลานควรถอนตัวจากการประกวดและไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีก ทางรายการเองได้รับผลกระทบก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเริ่มถกประเด็นในเรื่องนี้กัน หากแต่ด้วยก่อนหน้านี้ประธานโม่ได้สั่งให้ลู่เช่อจับตามองความโปร่งใสของการประกวด ทางเจ้าหน้าที่จึงลงมติกันว่าจะทำการตัดสินหลังจากเรื่องนี้ได้รับการสืบสวน

 

 

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศบนโลกอินเทอร์เน็ตกลับตกอยู่ในความโกลาหล ทำไมพวกเขาถึงยังสนใจความจริงอยู่กัน

 

 

พวกเขาไม่เชื่อว่ามันเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูล หากใครสักคนจะกล่าวหาคนอื่น แสดงว่าพวกเขาก็ต้องทำอะไรผิดไปสักอย่างจนสมควรที่ถูกทำเช่นนั้น

 

 

เมื่อนักร้องชื่อดังเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่นานหลังจากนั้นนักข่าวจึงรีบติดต่อหลี่ชั่น

 

 

ตอนแรกหลี่ชั่นไม่ได้ตอบรับอะไรและทำให้นักข่าวต้องกลับไปมือเปล่าด้วยข้ออ้างต่างๆ นานาของเธอ หากแต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเธอ การไม่ออกมาตอบโต้อะไรหมายความว่าเธอยอมรับ การโจมตีของสาธารณชนจึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ด้วยเธอเกรงว่านักข่าวจะหมดความอดทนจึงออกมาให้สัมภาษณ์ในท้ายที่สุด

 

 

“คุณหลี่คะ เราอยากจะสอบถามคุณเรื่องที่พี่สาวของคุณเคยเป็นขโมยค่ะ”

 

 

“เป็นเรื่องจริงค่ะ” หลี่ชั่นตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “พี่สาวฉันยังเด็กอยู่ ฉันหวังว่าทุกคนจะให้โอกาสและเลิกคุกคามเธอนะคะ เธอจะถอนตัวจากการประกวดค่ะ”

 

 

ถอนตัวหรือ

 

 

ใครไปตกลงไว้อย่างนั้นกัน

 

 

“ว่าแต่ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ล่ะคะ” นักข่าวถาม

 

 

“ฉันกำลังรอให้พี่สาวของฉันรับสารภาพน่ะค่ะ แต่เธอก็ยังไม่ทำ ฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากออกมาเผิดเผยเรื่องทุกอย่างแทนเธอ” หลี่ชั่นพูดหน้าตาเฉย “ผิดก็ว่าไปตามผิดค่ะ คุณไม่สามารถปิดบังความจริงโดยการเปลี่ยนชื่อและหน้าตาได้หรอกค่ะ นั่นคือสิ่งที่ฉันเชื่อ มันมีเส้นแบ่งระหว่างผิดถูกชัดเจนอยู่นะคะ

 

 

“และฉันก็หวังว่าทุกคนจะให้พี่สาวของฉันได้มีที่ยืนบ้างนะคะ…ขอบคุณค่ะ”

 

 

การออกมาเปิดเผยของหลี่ชั่นเป็นเรื่องใหญ่

 

 

เธอได้บอกใบ้ว่าซิงหลานปฏิเสธที่จะยอมรับผิดและพยายามหลบซ่อนความจริงโดยการเปลี่ยนตัวตนของตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือเธอทำให้ตัวเองดูเป็นคนเปิดเผย ในขณะที่ซิงหลานถูกมองเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่เพียงแต่จะเป็นหัวขโมยแต่ยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเองอีกด้วย

 

 

[พระเจ้าช่วย หลี่ซินอายบ้างหรือเปล่าเนี่ย]

 

 

[ ซิงหลาน คนนี้ ต่อให้เธอไปศัลยกรรมมาก็ไม่สามารถซ่อนความจริงที่เธอแอบเอาไว้ได้หรอก]

 

 

[ฉันละสงสัยว่าเธอจะยังกล้าพอจะมาประกวดไหม]

 

 

เธอกล้าหรือเปล่าน่ะหรือ

 

 

ทำไมจะไม่กล้าล่ะ

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเองถังหนิงสั่งให้หลินเฉี่ยนติดต่อผู้จัดการประกวด และทุกคนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปการณ์ใดไว้แล้ว ดังนั้นก่อนจะถึงกำหนดการของการแข่งขันรอบหน้า พวกเขาจะให้ซิงหลานเข้าร่วมกิจกรรมตามปกติ

 

 

ทว่าก่อนที่ทุกคนจะรู้ความจริงผู้กำกับก็ได้เอ่ยเตือนหลินเฉี่ยน “ดูแลซิงหลานให้ดีๆ นะครับ เธอมีความสามารถมาก ก่อนที่ทุกอย่างจะกระจ่างเธอจะต้องไม่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนแน่ ปกป้องเธอไว้ให้ดีนะ”

 

 

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะคะ” หลินเฉี่ยนส่งยิ้มมีเลศนัยให้อีกฝ่าย “จู้ซิงมีเดียจะดูแลรับผิดชอบเธออย่างถึงที่สุดค่ะ”

 

 

“ดีครับ อย่างนั้นผมก็เบาใจ หลังจากซิงหลานได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนนนิยมรายการด้วย”

 

 

“คุณนี่เล่นมุกเก่งนะคะ ผู้กำกับ มีรายการไหนที่คุณทำแล้วไม่ได้รับความนิยมบ้างคะ”

 

 

เมื่อเห็นหลินเฉี่ยนทำปากหวานใส่เขาก็หัวเราะออกมา ไม่ว่าอย่างไรเขาเองก็ได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว

 

 

ในเวลานี้หลินเฉี่ยนมุ่งหน้าไปยังโรงถ่ายรายการด้วยตัวเองเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแทนซิงหลาน ทันทีที่ออกมาจากบ้านเธอก็ถูกผู้สื่อข่าวล้อมรอบทันที แน่นอนว่าเธอจงใจที่จะปรากฏตัวบนหน้าจอ

 

 

“นั้นผู้จัดการของซิงหลานนี่ หลินเฉี่ยน เธอออกมาแล้ว”

 

 

“นั่นน้องสาวของเฉวียนจื่อเยี่ย เร็วเข้า!”

 

 

หลินเฉี่ยนเตรียมใจที่จะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แน่นอนว่าเธอต้องการสัมผัสถึงพลังของสื่อมวลชนมานานแล้ว

 

 

“หลินเฉี่ยน ในฐานะผู้จัดการของซิงหลาน คุณมีอะไรจะพูดไหมครับ”

 

 

“ผ่านมากว่าสิบชั่วโมงตั้งแต่ความแตกแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องออกมาชี้แจงแล้วนะคะ”

 

 

“ชี้แจงเหรอคะ” หลินเฉี่ยนเหยียดยิ้มเมื่อกล่าวถึงคำนี้ “ฉันอยากจะขอบคุณผู้สื่อข่าวทุกท่านที่ให้ความสนใจซิงหลานนะคะ เราถูกโจมตีจากสาธารณชนแต่เรามั่นใจว่าทุกคนจะโดนตอกกลับอย่างสาสมแน่นอนค่ะ

 

 

“ถ้าคุณคิดว่าซิงหลานเป็นขโมย มีหลักฐานอะไรหรือเปล่าล่ะคะ”

 

 

“แต่ว่า หลี่ชั่น…”

 

 

“กรุณาอย่าพูดชื่อนี้ต่อหน้าฉันอีกนะคะ เมื่อสามปีก่อนหลี่ชั่นเข้าร่วมการประกวดกับพี่สาวของเธอ และหาว่าพี่สาวของตัวเองเป็นขโมยก่อนที่เธอจะเกือบจะได้รับรางวัล ซิงหลานถึงได้ถูกตราหน้าว่าเป็นขโมย ในขณะที่หลี่ชั่นกลับบ้านไปพร้อมกับรางวัลชนะเลิศและกลายเป็นราชินีเพลงบัลลาด

 

 

“ฉันหวังว่าทุกคนจะส่งข้อความไปถึงหลี่ชั่นว่าไม่นานความจริงจะถูกเปิดเผยแน่ และฉันก็หวังว่าผู้สื่อข่าวทุกคนจะติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ”

 

 

ทันทีที่หลินเฉี่ยนกล่าวเช่นนี้…

 

 

…เหล่านักข่าวรู้ว่าคำพูดของเธอมีความหมายแฝงอยู่ เธอบอกให้รู้เป็นนัยว่าหลี่ชั่นใส่ความพี่สาวของตัวเองเพราะอยากได้รางวัลมาเป็นของเธอ

 

 

พระเจ้าช่วย… ดูท่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เห็นเสียแล้ว

 

 

ซิงหลานเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ หรือ คนผิดที่แท้จริงคือหลี่ชั่นหรือ

 

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset