วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 907 นักแสดงตัวน้อย

เด็กหญิงตัวน้อยนับได้ว่ามีความสามารถทางการแสดงที่แท้จริง อายุเพียงเท่านี้เธอก็เริ่มปรากฏตัวบนหน้าจอโทรทัศน์เพื่อช่วยพ่อของตัวเองหารายได้แล้ว ทว่าจริงๆ แล้วมันก็แตกต่างจากการแสดงในภาพยนตร์มากนัก

 

 

แม้ว่าโคโค่จะเป็นลูกครึ่ง หากแต่ในความเป็นจริงเธออยู่กับพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น ด้วยแม่ของเธอเห็นว่าพ่อของเธออ่อนแอและไม่มีอนาคต สุดท้ายเธอจึงทิ้งเขาไปแต่งงานกับนักธุรกิจที่ร่ำรวยในฐานะภรรยาคนที่สอง แต่โคโค่ตัวน้อยนั้นเข้มแข็งไม่น้อย ทันทีที่พ่อของเธอรู้ว่าเธอมีความสามารถด้านการแสดง เธอตัดสินใจช่วยทำงานแบ่งเบาภาระพ่อของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ตอนนี้เธอจึงค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการ

 

 

อย่างไรถังหนิงเองก็เป็นแม่คน ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินว่าโคโค่ลีมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาก เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจเด็กสาวคนนี้ ในที่สุดเมื่อพวกเธอได้พบกัน ถังหนิงยกมือลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว

 

 

บางทีถังหนิงคงไม่มีทางลืมครั้งแรกที่พบกับเด็กสาวคนนี้ได้ ดวงตากลมโตสดใสและแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น

 

 

“แม้ว่าผมจะรู้สึกขอบคุณที่คุณถังมอบโอกาสที่ดีให้กับโคโค่ แต่ที่ผมได้อ่านเรื่องย่อหนัง ผมคิดว่าเธอไม่น่าจะถ่ายทำไหวหรอกครับ” คุณพ่อลีลูบศีรษะลูกสาวของตัวเอง “ในฐานะพ่อของเธอ ผมสูญเสียแม่ของเธอไปแล้ว ผมเสียเธอไปไม่ได้อีกครับ ผมถึงต้องปกป้องลูกสาวของตัวเองเอาไว้”

 

 

“โคโค่ หนูคิดยังไงคะ หนูอยากลองไหมคะ” ถังหนิงก้มลงมองก่อนเอ่ยถามเด็กสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่

 

 

เธอมีผมยาวดำขลับพร้อมประกายความเฉลียวฉลาด หลังครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เธอเงยหน้าขึ้นและบอกกับพ่อของตัวเอง “พ่อคะ หนูอยากลองค่ะ”

 

 

“แต่ว่าถ้าหนูกลัวขึ้นมาล่ะ…”

 

 

“พ่อคะ อย่าพูดอะไรตลกแบบนั้นสิ กองถ่ายมีคนเยอะแยะ ถ้ามีคนอยู่รอบข้างหนูไม่กลัวหรอกค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ “อีกอย่างหนูเชื่อใจว่าคุณน้าจะปกป้องหนูค่ะ”

 

 

อันที่จริงคุณพ่อลีรู้ว่าลูกสาวของตัวเองกลัว หากแต่เขารู้ว่าเธอกำลังพยายามช่วยเขาอยู่

 

 

ด้วยความรู้ไม่เท่าทันคนอื่นในอดีตของเขา ในตอนที่เขาทำธุรกิจของตัวเองจึงถูกเพื่อนของตัวเองโกงและต้องล้มเหลวพร้อมหนี้ก้อนโต

 

 

“อย่างนั้นก็ได้”

 

 

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเลยค่ะ” ถังหนิงเอ่ยขณะที่ส่งสัญญาให้คุณพ่อลี “คุณสามารถให้ทนายความตรวจสอบสัญญานี้ให้คุณได้นะคะ”

 

 

เขาได้อ่านสัญญามามากมายก่อนหน้านี้เพราะลูกสาวของตัวเอง เขาจึงดูออกว่าถังหนิงพยายามดูแลพวกเขาอย่างดีที่สุด

 

 

“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมจะเซ็น”

 

 

ถังหนิงชอบโคโค่มากจริงๆ ใครจะอดไม่ชอบเธอได้นะ

 

 

ดังนั้นก่อนที่คุณพ่อลีจะพาเด็กสาวกลับไป ถังหนิงเอ่ยอย่างจริงใจกับเขา “คุณลีคะ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกกับคุณค่ะ”

 

 

“ว่ามาสิครับ คุณถัง”

 

 

“ตอนนี้โคโค่อายุเจ็ดขวบ แต่ในอนาคตเธอจะต้องได้รับความสนใจมากกว่านี้ คุณจะต้องเข้มแข็งกว่านี้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่สามารถปกป้องเธอได้ค่ะ…

 

 

…ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทางเราสืบเรื่องของคุณและรู้ว่าตอนนี้คุณเป็นหนี้อยู่ เรายังรู้อีกว่าคุณไม่ควรต้องมาชดใช้เงินจำนวนนี้ ทำไมคุณต้องยอมรับผิดชอบด้วยละคะ”

 

 

“เอาจริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าผมเล่นแง่ไม่เก่งเองแหละครับ” คุณพ่อลีตอบอย่างสิ้นหวัง “พอมีคนเอาโคโค่มาขู่ผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย”

 

 

“เพราะอย่างนี้โคโค่ถึงพยายามทำตัวเข้มแข็งอย่างหนักและลุกขึ้นมาปกป้องพ่อของเธอยังไงละคะ” ถังหนิงตอบ จากนั้นจึงหันไปมองโคโค่ “ถ้าหนูมีเงิน หนูจะเอาไปใช้ทำอะไรจ๊ะ”

 

 

“หนูจะจ้างบอดี้การ์ดให้พ่อค่ะจะได้ไม่มีคนมาทำร้ายได้อีก จากนั้นหนูจะจ้างทนายความจะได้สั่งสอนบทเรียนให้กับคนที่รังแกพ่อของหนูค่ะ”

 

 

“ดูสิคะ แม้แต่โคโค่ยังรู้ว่าต้องทำยังไงเลย แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นแค่ปัจจัยภายนอก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจะเข้มแข็งจากภายในได้ยังไงต่างหากค่ะ”

 

 

คุณพ่อลีคิดอยู่ชั่วขณะและดูเหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นได้ จากนั้นเขาจึงรีบกล่าวขอบคุณถังหนิงและพาโคโค่ออกไป

 

 

ถังหนิงรู้สึกปวดใจในขณะที่เธอมองพ่อลูกเดินจากไป

 

 

หลังได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น โม่ถิงขมวดคิ้วมุ่นก่อนถามขึ้น “คุณรู้สึกปวดใจเพราะพวกเขาเหรอครับ”

 

 

ถังหนิงรู้ว่าโม่ถิงคิดอะไรอยู่ พลันทุบเขาเข้าที่อกทันที “คิดไปถึงไหนแล้วคะ นี่เป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติในการปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าต่างหากค่ะ”

 

 

เขาเอื้อมแขนออกมารั้งร่างของเธอมานั่งบนตัก เขาเข้าใจว่าแม้ภรรยาของตัวเองจะเคยโดนหันอวี้ฝานทำร้ายมาในอดีตและภายนอกอาจดูเฉยชา หากแต่ภายในใจของเธอยังคงอบอุ่นอยู่ โดยเฉพาะเมื่อได้กลายมาเป็นคุณแม่แล้ว เธอยิ่งอ่อนไหวกับเรื่องความสัมพันธ์ของผู้คนมากขึ้น

 

 

“คุณจะต้องชอบเด็กผู้หญิงคนนี้แน่ๆ เลยค่ะ”

 

 

โม่ถิงไม่ได้ตอบอะไรขณะที่จดจ่ออยู่กับงานของตัวเองและหลับไปพร้อมกับถังหนิงในอ้อมแขน

 

 

สามวันต่อมา เฉียวเซินนัดโคโค่ลีมาเพื่อออดิชัน แม้ว่าเด็กหญิงคนนี้จะมีทักษะการแสดงที่ดี แต่ประธานโม่ก็ทำเพียงกล่าว “ฝึกฝนได้” ก่อนที่จะตกลงให้เธอรับบทในฐานะนางเอกเรื่อง  มดราชินี

 

 

พูดกันตามจริงเธอเป็นนางเอกตัวน้อยต่างหาก

 

 

จากนั้นโม่ถิงไปนั่งอยู่ด้านข้างพลางอ่านบทของตัวเอง ตามปกติแล้วเขามักไม่อนุญาตให้ใครมารบกวนเขา ทว่าเมื่อโคโค่เห็นเขา เธอเดินไปหาและเอ่ยถาม “คุณอาคะ หนูนั่งที่นี่ได้ไหมคะ”

 

 

เขาเงยหน้ามองเด็กหญิงตัวจ้อยแต่ไม่ได้ตอบกลับ ความเงียบของเขาถือเป็นคำอนุญาต

 

 

โคโค่นั่งลงไม่ห่างจากเขามากนัก เธอเท้ามือลงบนเก้าอี้ก่อนเลื่อนสายตาไปยังบทในมือของโม่ถิง

 

 

“หนูได้ยินจากพวกพี่ชายว่าคุณอาแสดงเก่งมากเลย สอนหนูหน่อยได้ไหมคะ”

 

 

โม่ถิงเอียงบทของเขาไปทางซ้ายเล็กน้อยให้เด็กหญิงมองเห็น เขาจำเป็นต้องฝึกการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนนี้ ถึงอย่างไรเขาเองก็กำลังจะมีลูกสาว

 

 

ทันทีที่ทีมงานเห็นดังนั้นพวกเขาถึงกับอึ้งไปไม่น้อย น้อยนักที่จะได้เห็นใครกล้าเข้าหาโม่ถิง

 

 

หากแต่โคโค่ตัวน้อยกลับไม่กลัวเลยสักนิด

 

 

ทีมงานคนหนึ่งถึงกับถ่ายรูปเก็บไว้ นี่มันผิดกับโม่ถิงในยามปกติไปมากโข พวกเขาตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

 

 

“ถังหนิงเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”

 

 

จากนั้นบางคนเข้ามาถามโคโค่ “หนูไม่คิดว่าคุณอาคนนั้นน่ากลัวบ้างเหรอคะ”

 

 

เธอส่ายหน้า “ไม่ค่ะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่มีเหตุผลที่คุณอาจะทำอะไรหนูเลยค่ะ ใช่ไหมละคะ”

 

 

สิ่งมีชีวิตตัวน้อยคนนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดู ในตอนนั้นเองที่ทุกคนในกองถ่ายรู้สึกว่าไม่อาจสู้เด็กเจ็ดขวบตัวเล็กๆ คนนี้ได้เลย

 

 

 

 

ย้อนกลับไปเรื่องการถ่ายทำ ตอนนี้ตัวละครหลักได้เปลี่ยนจากคู่รักเป็นคู่พ่อลูกแล้ว อันที่จริงมันยิ่งง่ายที่จะปูเรื่องเข้าสู่เนื้อเรื่องหลัก เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างสถานการณ์ช่วงที่ตัวละครทั้งสองยังไม่คุ้นเคยกัน

 

 

สุดท้ายภาพยนตร์จึงกลายเป็นเรื่องราวของพ่อที่เข้าไปช่วยลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไปในดินแดนปริศนา ในขณะที่ต่อสู้กับโจรลักพาตัว ใครบางคนได้บังเอิญปลุกสิ่งมีชีวิตลึกลับให้ตื่นขึ้น มดสีขาวขนาดใหญ่ยักษ์!

 

 

ฉากแรกเป็นฉากที่ลูกสาวถูกลักพาตัวไป โคโค่ไม่มีประสบการณ์ในการถ่ายภาพยนตร์มาก่อน ดังนั้นระหว่างการถ่ายทำฉากแรกเธอจึงหกล้มและได้แผลถลอกมา

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset