วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 995 ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าถังหนิง

ท่ามกลางสนามหญ้าอันเงียบสงบในปักกิ่ง ภายในบ้านสวนอันเป็นเอกลักษณ์ ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าแล็ปท็อป อ่านข้อมูลของถังหนิงอย่างเป็นจริงเป็นจัง

ผู้จัดการของเขาที่กำลังช่วยเขาเก็บของยืนอยู่ด้านหลัง เธอถามขึ้นขณะที่เดินผ่าน “ทำไมอยู่ๆ ถึงสนใจถังหนิงขึ้นมาล่ะคะ”

“ตอนนี้เธอออกจากจู้ซิงมีเดียและไห่รุ่ยแล้ว คิดว่าเธอจะไปไหนล่ะ”

ผู้จัดการถือเอกสารปึกใหญ่เอาไว้พลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขา “คุณป่วยหรือเปล่าคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณถามถึงผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยนะ”

“แต่ฉันสนใจผู้หญิงคนนี้…”

“ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ เธอแต่งงานแล้ว และก็กำลังจะคลอดลูกคนที่สามแล้วด้วยนะคะ” เธอหัวเราะ “ถ้าคุณว่างนัก ก็ควรตั้งใจกับผลงานชิ้นล่าสุดแทนนะคะ คุณหันที่รัก”

“คิดว่าเธอจะสนใจคนนามสกุลหันไหม ยังไงแฟนคนแรกของเธอก็ชื่อหันอวี้ฝานนี่”

ผู้จัดการกลอกตามองบนก่อนส่ายหน้า “ฉันว่าเธอคงจะนึกรังเกียจมากกว่านะคะ อีกอย่างถังหนิงก็ต่างกับเรามาก คุณอย่าไปหาเรื่องจะดีกว่าค่ะ สนใจงานล่าสุดของคุณแทนดีกว่านะ”

“เธอนี่พูดมากจังเลย…ช่วยฉันสืบหน่อยว่าตอนนี้ถังหนิงอยู่ที่ไหน”

เธอถึงกับอึ้งไป นี่เขาเอาจริงหรือ เขากำลังวางแผนจะแย่งผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ

ยังไม่ต้องพูดถึงการตัดสินใจของถังหนิง หากมีใครบอกให้เลือกระหว่างเขากับโม่ถิง ทุกคนต่างก็รู้ว่าใครจะชนะ

ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องเดือดร้อน ผู้จัดการจึงไม่ทำตามที่เขาขอ ล้อเล่นไปแล้วหรือไง! เขากำลังพยายามจะทำลายครอบครัวแสนสุขของคนอื่น! เธอคงไม่มีทางไปมีส่วนร่วมกับเรื่องผิดศีลธรรมอย่างนี้เด็ดขาด เธอจึงไม่รับฟังสิ่งที่เจ้านายของตัวเองสั่ง

ทว่าหากเขาต้องการรู้ข่าวล่าสุดของถังหนิงจริงๆ มันจะไปยากอะไร

เขาเพียงแค่หาช่างภาพแอบถ่ายสักคนก็รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว

ระหว่างที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ถังหนิงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านบทและคอยตรวจสอบกระบวนการหลังการถ่ายทำของมดราชินี  ทั้งยังอ่านข่าวบันเทิงดูความคืบหน้าของจู้ซิงมีเดียเพื่อดูว่าหลงเจี่ยจัดการเรื่องทุกอย่างได้ราบรื่นดีอยู่บ้างเป็นครั้งคราว

ถังหนิงไม่อนุญาตให้คนของจู้ซิงมีเดียมาเยี่ยมเธอ พวกเขาต่างเป็นคนที่มีชื่อเสียง เธอจะให้พวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวเพราะเธอไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอได้ลาวงการชั่วคราว เธอคงจะปล่อยให้คนภายนอกพูดถึงเธอไม่ได้อีก

หากแต่ช่วงนี้ผู้อาวุโสโม่ได้มาเยี่ยมเธอครั้งหนึ่ง

ปู่กับหลานชายพูดคุยกันอย่างมีความสุขเมื่อได้พบหน้ากัน

“ฉันได้ยินเรื่องของเธอผ่านข่าวอยู่ เธอไม่ได้ผิดหรอก เชื่อฉันสิ” ชายสูงวัยในชุดดั้งเดิมนั่งลงก่อนโบกมือไปมา “เมื่อก่อนฉันเองก็เบื่อกับการวางแผนและตบตากันไปมา ฉันถึงได้ส่งต่อธุรกิจให้โม่ถิง เจ้าเด็กแสบนี่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้นักล่ะ”

“คุณปู่คะ ได้ดูหนังไซไฟบ้างไหมคะ”

“โอ้ เธอยังไม่ได้ล้มเลิกอีกเหรอ” เขาชะงักไปเล็กน้อยกับจุดยืนของถังหนิง “ฉันคิดว่าเธอจะยอมแพ้หลังจากที่เฉียวเซินตายแล้วซะอีก”

“ตอนนี้ตลาดในประเทศไม่ค่อยมีหนังไซไฟดีๆ ฉันเลยหวังว่าจะเติมเต็มส่วนนี้และสร้างผลงานชิ้นเอกขึ้นมาให้ได้น่ะค่ะ”

เขามองสำรวจถังหนิงก่อนหยุดสายตาที่หน้าท้องของเธอ “ตอนนี้เธอท้องอยู่ อย่าหักโหมมากเกินไปเลย แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะช่วยเธออย่างแน่นอน ฉันจะลองดูว่ามีใครที่มีความสามารถในด้านนี้ให้แล้วกันนะ”

“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ

“ตอนนี้ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว เธอก็พูดถูกนะ มีบริษัทข้ามชาติหลายแห่งที่เติบโตไปมากกว่าเรา ถ้าไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้เลยมันจะน่าอายขนาดไหนกัน”

หลังจากเหลือบมองถังหนิงครั้งหนึ่ง ชายสูงวัยก็จากไปด้วยท่าทีสบายๆ

ดูเหมือนว่าเขาจะดูสุขุมอย่างนั้นตลอดเวลา

ถังหนิงระบายยิ้ม ทันใดนั้นเองก็รู้สึกหนักศีรษะ หัวใจเต้นระรัวพร้อมกับเสียงที่ดังก้องในหู… ก่อนจะหมดสติในจังหวะต่อมา

โม่ถิงได้รับโทรศัพท์จากถังอี้เฉินในขณะที่อยู่กลางห้องประชุม เมื่อเห็นชื่อของปลายสาย เขายกเลิกประชุมและออกไปจากบริษัททันที

ไม่มีใครสามารถขัดขวางเวลาที่โม่ถิงทำบางอย่างได้ ทว่าถังหนิงเป็นข้อยกเว้นเพราะเธอคือคนสำคัญที่สุดของเขา

ถังอี้เฉินโทรบอกเขาว่าถังหนิงหมดสติไป

โม่ถิงรีบปิดการประชุมและขับรถมุ่งหน้ามาโรงพยาบาล

“เธอเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ได้เป็นอันตรายแล้วล่ะ” ถังหนิงอี้เฉินตอบ

“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติกับร่างกายเธอเหรอ”

“อาการของความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์น่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอาการแบบนี้” ถังอี้เฉินบอกกลับ “อาการนี้เป็นทั้งอาการที่รุนแรงและไม่รุนแรงได้ในเวลาเดียวกัน ถ้ามันรุนแรงขึ้นมา…ทั้งแม่และลูกอาจจะตายไปพร้อมกัน”

“รักษาได้ยังไงบ้าง” โม่ถิงขมวดคิ้วมุ่น “เธอได้รับสารอาหารครบถ้วนตามสั่ง แล้วยังคอยระวังการกินระหว่างที่ตั้งท้องด้วย”

“ฉันรู้ แต่ระหว่างการตั้งครรภ์มักจะมีอาการพวกนี้เกิดขึ้นกับแม่เด็กอยู่แล้ว แต่ละคนก็มีอาการต่างกันไป ควบคุมไม่ได้หรอก… และนักวิทยาศาสตร์เองก็พยายามหาสาเหตุกันอยู่ แม้ว่าฉันจะรับปากว่าจะช่วยให้เธอได้คลอดตามกำหนดไว้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่เธอจะต้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งฉันคิดว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอกับลูก

“ฉันเองไม่เคยคิดอยากตบหน้าตัวเองอย่างนี้มาก่อนเลย

“มีทางไหนพอจะบรรเทาอาการได้ไหม” โม่ถิงถามหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ

ตอนนั้นเองที่เขาไม่ใช่โม่ถิงผู้โหดเหี้ยมที่ทุกคนรู้จักอีกต่อไป แต่เป็นสามีที่โทษตัวเองและพ่อที่อับจนหนทาง

“ฉันกลัวว่าจะเห็นเธอเจ็บ…”

ถังหนิงอี้เฉินสบตาโม่ถิงและพลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา

ชายคนนี้รักภรรยาจนแสดงท่าทีขอร้องขนาดนี้มากเพียงไหนกัน

เธอชะงักไปชั่วขณะก่อนตอบ “ตอนนี้ทางเลือกในการรักษาก้าวหน้าไปมากแล้ว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ แม้ลูกของคุณจะยังไม่ถึงแปดเดือนดี เราก็รับรองได้ว่าเธอจะปลอดภัยค่ะ

“แต่ว่า…การคลอดก่อนกำหนดก็อาจจะมีผลกับตัวเด็กบ้าง ก็มีความเป็นไปได้อยู่ คุณต้องเตรียมใจเอาไว้สักหน่อยนะคะ”

“การเตรียมใจมันไม่จำเป็นหรอก ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าถังหนิงแล้ว”

การตั้งครรภ์ของถังหนิงไม่ได้ราบรื่นนัก ต่อให้เธอคลอดเจ้าตัวแสบสองคนออกมาแล้ว มันก็ยังคงไม่ง่ายดายนัก

หากแต่บางครั้งการคลอดลูกก็เหมือนการเล่นพนันกับความตายของผู้หญิง

“พอถังหนิงฟื้นแล้ว คุณพูดเรื่องนี้กับเธอก็ได้ค่ะ… ยังไงเธอก็ต้องยอมตกลงก่อน”

โม่ถิงกุมมือถังหนิงไว้และพยักหน้าให้ ก่อนถังหนิงจะฟื้นขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทีของโม่ถิงก็บอกได้ว่าเธอคงทำให้เขากลัวอีกแล้ว

ถังหนิงสบตาโม่ถิงและส่งยิ้มให้ “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ สุดท้ายฉันก็ฟื้นขึ้นมาไม่ใช่เหรอคะ”

โม่ถิงรั้งกายเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างโหยหา “ถ้าผมรู้ว่าการมีลูกหมายถึงการที่ต้องแลกกับสุขภาพของคุณ ผมคงจะไม่อยากมีแม้แต่คนเดียว”

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ถังอี้เฉินบอกว่าคุณมีอาการของความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ คุณเลย…ต้องคลอดก่อนกำหนดครับ”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset