วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 998 เธอโกรธจริงๆ เหรอ

ถังอี้เฉินจงใจเน้นย้ำสถานะของเธอ

เธอเป็นถึงคุณหนูรองตระกูลถัง

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นอี้เฉินโอ้อวดฐานะของเธออย่างนั้นมาก่อน ทว่าในครั้งนี้เธอบอกกับเขาชัดเจนว่าเธอคือคุณหนูรองตระกูลถัง

“ก็ได้ ในเมื่อครอบครัวของเธอต้องการเธอ ฉันก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว แต่ยังไงโรงพยาบาลทหารก็ต้อนรับเธอเสมอนะ”

“ขอบคุณค่ะ ผู้อำนวยการ” ถังอี้เฉินเอ่ยก่อนเดินจากไป

“ถ้าเป็นเรื่องสถานะทางสังคมน่ะ แกยังห่างชั้นกับถังอี้เฉินเยอะ เธออาจไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ตระกูลถังก็ไม่ใช่คนที่แกจะรับมือด้วยได้หรอก ตอนนี้ถังอี้เฉินไม่อยู่แล้ว แกคงตามตื๊อผู้ชายของแกได้สบายใจแล้วล่ะสิ น่าขายหน้าจริงๆ! ”

ถังอี้เฉินไม่สนใจว่าพ่อลูกจะพูดอะไรลับหลังเธออีกต่อไป อีกทั้งเธอยังไม่ได้ตั้งใจจะบอกลาทีมงานที่โรงพยาบาลด้วย

อย่างไรก็ตาม คนที่สนิทสนมกับเธอตกใจเมื่อได้ยินว่าเธอยอมรับว่าตัวเองเป็นคุณหนูรองตระกูลถัง พวกเขาแอบนึกยินดีอยู่ในใจ

“ลูกสาวผู้อำนวยการคิดว่าจะทำอะไรตามใจชอบได้จริงๆ เหรอ เธอไม่ควรลืมว่าอี้เฉินของเราเองก็มาจากตระกูลชั้นสูงที่ร่ำรวยเหมือนกัน! ”

“ฉันรู้น่า ว่าไหมล่ะ เธอก็ทำได้แต่เที่ยวโอ้อวดตัวเองจะได้ออกคำสั่งคนอื่นได้ ตอนนี้อี้เฉินพูดถึงฐานะของตัวเองบ้างแล้ว เธอจะได้รู้ซึ้งสักทีว่าอำนาจที่แท้จริงมันเป็นยังไง”

“อี้เฉินของฉันช่างทรงอำนาจจริงๆ! ”

ผู้คนทั้งโรงพยาบาลต่างแอบชื่นชมถังอี้เฉิน อย่างไรเสียลูกสาวผู้อำนวยการก็ทำตัวหยิ่งยโสเกินไป เธอถือดีไปกดขี่คนอื่นตามใจชอบ ถึงแม้ว่าถังหนิงจะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็ตาม เธอต้องเหนื่อยกับการใช้ชีวิตอย่างนี้มานาน อย่างไรก็ตามถังอี้เฉินไม่ได้มีเวลามาคิดเรื่องนั้น

ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าที่เธอจะสิ้นสุดหน้าที่ในโรงพยาบาลนี้อย่างเป็นทางการ ทว่าถังอี้เฉินต้องจัดการเรื่องของถังหนิงเสียก่อน เธอจึงจำเป็นต้องลางานเป็นเวลาห้าหกวัน

หลังจากนั้นเธอก็จัดการให้ถังหนิงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลของอาจารย์หมอในสมัยเรียนแพทย์ของเธอ

แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเทียบกับโรงพยาบาลใหญ่ไม่ได้ หากแต่ก็สะดวกสบายและเป็นกันเอง

ไม่นานถังหนิงก็ได้พบกับอาจารย์หมอที่ถังอี้เฉินพูดถึง หญิงวัยกลางคนที่ดูจริงใจและเป็นมิตรคนนี้ได้สร้างความประทับใจที่ดีแต่แรกพบกับถังหนิง

“ตอนนี้คุณรักษาตัวอยู่ที่นี่แล้ว คุณก็รอลูกคลอดออกมาได้อย่างสบายใจเลยนะคะ อี้เฉินเล่าอาการของคุณให้ฉันฟังคร่าวๆ แล้ว ฉันจะทำให้สุดความสามารถค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ หมอหลิน”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ อี้เฉินเองก็เหมือนลูกสาวของฉัน”

หลังจากหมอหลินอธิบายให้ฟังเล็กน้อย เธอก็เดินออกจากห้องไป โม่ถิงรู้แล้วว่าถังหนิงตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาล ตอนนี้เขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ข้างเธอ เขาได้ตามสืบเรื่องของหมอหลินแล้วเธอก็มีชื่อเสียงในด้านดีจริงๆ

“อาจารย์ของฉันบอกว่าเธอจะปรึกษากับหมอคนอื่นๆ เพื่อตัดสินใจวิธีผ่าตัดที่เสี่ยงน้อยที่สุดให้เธอ แล้วจะวางแผนให้เธอเอง เธออาจต้องรอไปอีกไม่กี่วันนะ”

“เธอจะไม่กลับไปโรงพยาบาลทหารจริงๆ เหรอ” ถังหนิงพลันเอ่ยถามขึ้น “เธอจะไม่เสียดายเหรอ”

“ไม่มีอะไรต้องเสียดายหรอก” ถังอี้เฉินตอบกลับเสียงหนักแน่นพลางสบตามองถังหนิง “บางอย่างมันก็เกินที่ฉันจะควบคุมได้น่ะ”

“เธอไม่เสียใจก็พอแล้วล่ะ!”

ในขณะที่ถังหนิงย้ายไปโรงพยาบาลใหม่ โม่ถิงจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยให้แน่นหนาขึ้น หากแต่มันไม่ได้ส่งผลกับความเชื่อใจของเธอที่มีต่อหมอหลิน

แม้ว่าโรงพยาบาลใหม่นี้จะไม่ได้อยู่ในระดับชั้นนำ แต่ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไข้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่โม่ถิงพึงพอใจ

ในขณะเดียวกันลู่กวงหลียังไม่รู้ว่าถังอี้เฉินได้ลาออกจากโรงพยาบาลจนกระทั่งในคืนถัดมา เดิมทีเขานึกว่าเธอแค่ย้ายตัวถังหนิงไปรักษาตัวกับอาจารย์ของเธอ ทว่าเมื่อเสร็จจากการผ่าตัด เขาเอ่ยกับผู้ช่วยของเขา “แจ้งให้ทุกคนรู้ให้เร็วที่สุดว่าจะมีประชุมทีมพรุ่งนี้” ผู้ช่วยของเขาถามขึ้น “ผมต้องแจ้งหมอถังด้วยไหมครับ”

“ทำไมจะไม่ต้องแจ้งล่ะ”

“เพราะผู้อำนวยการบอกว่าเธอลาออกแล้วไงครับ” อีกฝ่ายตอบกลับ

ลู่กวงหลีถึงกับตกตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขานึกไม่ถึงว่าถังอี้เฉินจะลาออกจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่บอกเขาสักคำ เธอคงไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้ว

พวกเขาอยู่ด้วยกันมาหลายปี ต่อให้จะเป็นแค่เพื่อน อย่างน้อยเธอก็ควรมาบอกลาสักหน่อยไม่ใช่หรือ

ลู่กวงหลีจึงรีบไปที่โรงพยาบาลใหม่ของถังอี้เฉินหลังเลิกงาน เมื่อเขาเห็นว่าเธอช่วยงานอยู่ที่นั่น เขาจึงพุ่งตรงเข้าไปถามเธอ “ทำไมเธอถึงไม่บอกว่าจะลาออก”

“ฉันแค่ลาไม่กี่วันเอง เดี๋ยวฉันจะกลับไปส่งมอบงานที่โรงพยาบาลหลังจากเสร็จจากที่นี่” ถังอี้เฉินตอบ “ฉันเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกอะไรใคร อีกอย่างฉันก็ตัดสินใจได้เองโดยไม่จำเป็นต้องให้คุณอนุญาตด้วย”

“เธอโกรธขนาดนั้นจริงๆ เหรอ”

ถังอี้เฉินสูดหายใจลึกก่อนพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ”

“ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่เปลี่ยนใจเหรอ”

เธอส่ายหน้า “ถังหนิงพูดถูก ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังเป็นคุณหนูรองตระกูลถัง ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องทนทรมานตัวเองสักหน่อย”

หลังจากว่าเช่นนั้น ถังอี้เฉินชะงักไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยกับลู่กวงหลี “ต่อไปนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน”

“ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงน่า”

“หือ” ถังอี้เฉินไม่ค่อยเข้าใจคำตอบของเขาเท่าไรนัก

“ดูแลตัวเองด้วยนะ” ว่าแล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป

เธอออกอาการเศร้าสร้อย แต่ไม่ได้นึกเสียดายที่เรื่องกลายมาเป็นอย่างนี้ มีบางอย่างที่ไม่เคยเป็นของเธอมาตั้งแต่ต้น ทำไมเธอต้อนตัวเองให้จนมุมกันด้วยล่ะ

แน่นอนว่าถังอี้เฉินไม่รู้ว่าลู่กวงหลีวางแผนอะไรเอาไว้และไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นด้วยซ้ำ…

เธอเห็นว่าโม่ถิงได้มาถึงแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องคนไข้ของถังหนิง จึงตัดสินใจไม่เข้าไปด้านในเพื่อไม่ให้เป็นก้างขวางคอ ก่อนนั่งลงบนม้านั่งในสนามหญ้าก่อนเงยหน้าขึ้นมองดวงดาว

ไม่ห่างออกไป ลู่กวงหลีอยู่ในรถของตัวเอง ขณะที่เฝ้ามองถังอี้เฉินจากด้านข้างพร้อมความคิดบางอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัว

วันถัดมาลูกสาวผู้อำนวยการมาหาลู่กวงหลีถึงห้องทำงานของเขา

“หมอลู่คะ ไหนๆ อี้เฉินก็ลาออกไปแล้ว ฉันว่าฉันทำหน้าที่แทนเธอได้นะคะ…”

ลู่กวงหลีกำลังเขียนบันทึกการรักษาอยู่ เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเธอก็เงยหน้าขึ้นก่อนเอ่ย “ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ช่วยออกไปแล้วปิดประตูด้านหลังคุณด้วยครับ”

“หมอลู่…”

“ถ้าผมไม่ได้ยินยอม ไม่มีใครแทนที่หมอคนไหนของผมได้ทั้งนั้นครับ”

“แต่ว่าเธอลาออกแล้วนะคะ”

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญครับ! ” ลู่กวงหลีว่าเสียงหนักแน่น

“ฉันสู้เธอไม่ได้ตรงไหนคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงไปตรงมา

“ผมไม่เคยเทียบพวกคุณสองคนเลยครับ…เพราะคุณไม่มีสิทธิ์ไปเทียบกับเธอ! ” พูดจบเขาก็ชี้นิ้วไปทางประตู “ออกไปครับ! ”

ลูกสาวผู้อำนวยการโดนว่าเข้าให้ขนาดนั้น เธอจึงปล่อยโฮออกมาขณะที่ออกจากห้องของเขาไป…

และในตอนนั้นเขาได้แต่รู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ!

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทุ่มเทอีกมากเพื่อพายัยตัวแสบกลับมาอยู่ข้างเขา…

เขาจะยอมรับว่าวิธีที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ผลนักก็ได้

หากแต่เขาแค่อดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่เธอเล่นนี่!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset