วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1061 โม่ถิงเข้าใจเธอ

บางทีอาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นของเธอ หรืออาจเป็นเพราะว่าเธออยู่ในวงการมานาน ถังหนิงที่มีประสบการณ์โชกโชนจึงเกลียดการแต่งตัวเพื่อออกงาน อย่างไรเสียทุกคนก็รู้ดีว่าคนดังต่างก็ทำเป็นรักกันดีบนพรมแดงทั้งนั้น แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังกลับแก่งแย่งชิงดีกัน และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับความสนใจ  

 

 

ทว่าสำหรับถังหนิงหากเธอมีเวลาว่างพอจะเรียกร้องความสนใจ เธอคงจะใช้เวลานั้นในการอยู่เป็นเพื่อนลูกๆ หรือทดลองเรื่องต่างๆ กับทีมงานฝ่ายตัดต่อภาพยนตร์เสียมากกว่า!  

 

 

เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปว่าตัวเองจะใส่ชุดอะไรไปออกงาน ตราบใดที่มันดูสง่างามและน่านับถือเธอก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุดหรือไม่  

 

 

อย่างไรก็ตามเธอเองก็เป็นเจ้าของรางวัลเฟยเทียนสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมสองสมัยซ้อน เป็นตำนานของวงการ และตอนนี้ยังเป็นผู้สร้างด้วย การปรากฏตัวของเธอจึงเป็นสิ่งที่ถูกคาดหวังที่สุดในงานเทศกาลภาพยนตร์ นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไปไม่ได้  

 

 

คืนนั้นสื่อใหญ่ทุกสำนักเริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับงานนี้  

 

 

“ไม่กี่วันมานี้การเตรียมงานเทศกาลภาพยนตร์ประจำปีนี้ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ด้านหลังของฉันคือสถานที่จัดงานเทศกาลในปีนี้ โบสถ์คริสต์ออร์โธดอกซ์ งานนี้คงจะมีสีสันและน่าตื่นตาตื่นใจอย่างเช่นในปีก่อนๆ ในปีนี้มีการพูดกันหนาหูว่าถังหนิงจะมาพร้อมกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ  มดราชินี  ที่งานแห่งนี้…”  

 

 

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ถังหนิงนอนรอโม่ถิงอยู่บนเตียง ทันทีที่เห็นคนรกของตัวเองกลับมาที่ห้องพร้อมผ้าขนหนูที่พันรอบเอว เธอปิดโทรทัศน์ก่อนเอ่ยขึ้น “ก่อนจะไปร่วมงานเทศกาลหนัง ฉันมีที่หนึ่งที่อยากจะไปน่ะค่ะ”  

 

 

โม่ถิงพลิกผ้าห่มก่อนขึ้นไปบนเตียงและรั้งถังหนิงเข้ามาในอ้อมแขน “อย่างนั้นก็ไปเถอะครับ”  

 

 

เมื่อได้ยินดังนี้ ถังหนิงซบลงที่อกแน่นของเขาแล้วหลับตานอน  

 

 

เธอรู้ว่าโม่ถิงคงจะเข้าใจเธอ!  

 

 

ตั้งแต่ที่ มดราชินี เสร็จสมบูรณ์ เธอยังไม่ได้บอกข่าวดีนี้ให้เฉียวเซินได้รู้ ดังนั้นก่อนงานเทศกาลจะเริ่มเธอจึงอยากไปเยี่ยมเขาที่สุสาน  

 

 

เช้าวันถัดมา ถังหนิงกับหลงเจี่ยมาถึงสุสานพร้อมกับดอกไม้สดช่อใหญ่และ  มดราชินี  ฉบับสำเนา  

 

 

ถังหนิงต้องการให้เฉียวเซินจากไปอย่างสงบมาโดยตลอด…  

 

 

“เฉียวเซิน…ฉันกลับมาแล้วนะคะ หนังเสร็จสมบูรณ์แล้วล่ะค่ะ คุณเห็นไหม  

 

 

“ฉันทำอย่างที่รับปากเอาไว้แล้วนะคะ ฉันมั่นใจว่าคุณต้องมีความสุขที่รู้เรื่องนี้อยู่บนสวรรค์แน่ๆ เพราะฉันรู้ว่าคุณอยากเห็นหนังเรื่องนี้โลดแล่นบนหน้าจอขนาดไหน  

 

 

“ฉันได้เติมเต็มความปรารถนาของคุณได้แล้วค่ะ แต่ฉันจะกอดเก็บความฝันของคุณและเดินหน้าต่อไปนะคะ!”  

 

 

หลงเจี่ยยืนอยู่ด้านหลังถังหนิงขณะที่มองเธอพูดคุยกับเฉียวเซิน เธอสะเทือนใจไม่น้อยด้วยรู้ว่าการจากไปของเฉียวเซินทิ้งรอยแผลเป็นในใจถังหนิงที่ทำให้ต้องรู้สึกผิดกับเขาตลอดไป  

 

 

“ไปกันเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณจะสายเอานะคะ” หลงเจี่ยเอ่ยเตือน  

 

 

ถังหนิงจ้องมองหลุมศพของเฉียวเซินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปเอ่ยกับหลงเจี่ย “ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถตู้!”  

 

 

“จื่อเฮ่ากำลังมาค่ะ เดี๋ยวเราก็คงได้เจอกันแล้ว”  

 

 

เดิมทีในฐานะนักแสดงนำชาย โม่ถิงน่าจะเข้าร่วมงานเช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาถึงตัวตนของเขาและเรื่องที่เขาไม่ได้เป็นนักแสดงมืออาชีพ เขาจึงอยู่ประชุมที่ไห่รุ่ยต่อ  

 

 

ไม่นานถังหนิงก็กลับมาที่รถตู้ ระหว่างทางเธอแต่งตัวและแม้กระทั่งแต่งหน้าเองได้อย่างราบรื่น  

 

 

“ดูคุณทำเข้าสิคะ คุณอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตัวประกอบได้ง่ายๆ เลยนะ คุณดูไม่สนใจฐานะของตัวเองเลย ดูศิลปินคนอื่นสิคะ พวกเขาเรียกช่างแต่งหน้ามาตั้งสองคน ว่ากันจริงๆ แล้วช่างแต่งหน้าพวกนี้ใช้คนทั้งทีมแค่เพื่อทำให้ศิลปินของพวกเราเฉิดฉายด้วยซ้ำ!”  

 

 

เทียบกันในแง่นี้แล้วถังหนิงยิ่งดูทำตัวเรียบง่ายมากขึ้นไปอีก  

 

 

“แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ ด้วยฐานะของคุณในตอนนี้ ต่อให้คุณสวมชุดกระสอบใส่มันฝรั่งก็ยังทำให้ทุกคนตกตะลึงได้อยู่ดี!”  

 

 

ถังหนิงหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมเอ่ยเตือนหลงเจี่ยให้ระวังหน้าท้องในตอนที่อยู่ในที่คนพลุกพล่านด้วย อย่างไรเสียเธอเองก็ตั้งท้องอยู่จึงไม่มีสิ่งใดที่สำคัญมากไปกว่าร่างกายของเธอ  

 

 

หลงเจี่ยพยักหน้ารับขึงขัง หลังจากเกิดเรื่องกับตระกูลลู่ เธอได้เรียนรู้ที่จะใส่ใจคนรอบข้างขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงการหย่าร้างกันของคุณพ่อลู่กับคุณนายลู่ มันยิ่งทำให้เธอหมายมั่นว่าจะใช้ชีวิตให้มีความสุข  

 

 

ในไม่ช้าถังหนิงกับหลงเจี่ยก็มาถึงจุดที่นัดพบกับอันจื่อเฮ่า เขามาถึงพร้อมกับโคโค่ลีตัวน้อยที่น่าเอ็นดูซึ่งเขาแวะไปรับมาระหว่างทาง  

 

 

เด็กๆ มักเติบโตเร็ว ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนตั้งแต่ที่พบกันครั้งล่าสุด เด็กสาวตัวน้อยก็สูงขึ้นบ้างแล้ว  

 

 

ทว่าทันทีที่อันจื่อเฮ่าเห็นถังหนิง เขาชี้เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนเอ่ยถาม “คุณจะไปปรากฏตัวแบบเรียบง่ายอย่างนี้เหรอครับ”  

 

 

ถังหนิงอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเงินพร้อมผมลอนคลายที่ทิ้งตัวไปตามแผ่นหลังของเธอ และเครื่องสำอางบนใบหน้าที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น รวมถึงไม่มีเครื่องเพชรเข้ากับชุดของเธอแม้แต่ตุ้มหูสักคู่ มีเพียงแหวนแต่งงานของเธอ  

 

 

“ฉันไปเยี่ยมเฉียวเซินมาน่ะค่ะ แต่งตัวใหญ่โตเกินไปคงไม่เหมาะเท่าไร”  

 

 

“ก็ได้ครับ” อันจื่อเฮ่าพยักหน้ารับ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสดงท่าทีให้เกียรติ  

 

 

ถังหนิงเป็นคนกตัญญู นี่เป็นสิ่งที่อันจื่อเฮ่าชื่นชมมาตลอด  

 

 

เธออาจจะดูเรียบง่าย แต่ราศีของเธอนั้นอยู่เหนือขึ้นไปอีกขั้น…  

 

 

อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนต่างจับตามองว่าอดีตนางแบบจะปรากฏตัวในชุดอะไร ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอจะพาภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธอมาให้ทุกคนรู้จัก และยังเป็นการกลับมาอย่างเป็นทางการของเธอ เธอคงต้องหาทางทำให้ทุกคนต้องทึ่งกันใช่ไหม  

 

 

มีศิลปินคนไหนที่ไม่พยายามทำให้ตัวเองโดดเด่นบ้างล่ะ  

 

 

“เร็วเข้า! ดูสิ! ถังหนิงมาแล้ว…ถังหนิง…เร็วเข้า…”  

 

 

“ในที่สุดเธอก็มาถึงแล้ว…” สื่อที่อยู่รายล้อมต่างเริ่มหันกล้องมาเก็บภาพอย่างบ้าคลั่ง  

 

 

หากแต่เมื่อถังหนิงก้าวออกมาบนพรมแดง ทุกคนต่างอึ้งกับการปรากฏตัวอย่างเรียบง่ายของเธอ  

 

 

เห็นได้ชัดว่าถังหนิงอยู่เงียบๆ มาตลอด แต่ในปีนี้สื่อก็ยังคาดหวังให้เธอมีท่าทีสวนทางออกไป ในทางกลับกันเมื่อเธอทำตัวธรรมดา เธอจึงดูเรียบง่ายและบริสุทธิ์ การแต่งกายที่ขับเน้นสีนัยน์ตาของเธอยิ่งเสริมให้เธอดูงดงามกว่าการที่เธออยู่ในชุดหรูหรา  

 

 

ในขณะเดียวกันศิลปินหญิงคนอื่นๆ เดินผ่านไปด้วยความขายหน้า ทำไมพวกเธอต้องแต่งตัวมาแข่งกันเพื่อให้ได้รับความสนใจ ในเมื่อพวกเธอแค่แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้  

 

 

ผิวพรรณสุขภาพดีของถังหนิง  

 

 

ร่างกายสะอาดสะอ้านไร้ที่ติ พร้อมดวงตาที่งดงามราวกับเพชร…  

 

 

ผู้คนบนโลกออนไลน์ที่ชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศการเดินพรมแดงถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา  

 

 

“พวกดาราสาวปีนี้ต่างพยายามใส่ชุดมาแข่งกันเด่นอย่างกับขบวนแห่ของฝูงไก่แหนะ! แต่การปรากฏตัวเรียบๆ ของถังหนิงกลับกลบรัศมีพวกเธอซะมิดเลย น่าทึ่งสุดๆ!”  

 

 

“คุณพูดไม่ถูกนะ! การเดินพรมแดงปีนี้เป็นงานประกวดเครื่องเพชรที่ไม่มีใครเทียบแหวนแต่งงานบนนิ้วของถังหนิงได้ต่างหาก!”  

 

 

“ปีนี้ทีมงานที่ทำงานกับคนดังพวกนี้พังไม่เป็นท่าเลย น่าขำสิ้นดี!”  

 

 

“ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่ไหมเนี่ย ศิลปินคนนี้อยู่สังกัดไหนกัน เธอกล้าใส่ชุดเดียวกับถังหนิงได้ยังไง”  

 

 

“เธอกำลังจะปะทะกับถังหนิงเหรอ!”  

 

 

“ถ้าพวกเขาไม่มีใครให้เทียบด้วยก็ไม่ตายหรอกนะ การปรากฏตัวของถังหนิงก็ดึงดูดความสนใจได้ตลอดอยู่แล้ว เธอทั้งไร้ราคีและบริสุทธิ์อย่างกับเทพีจากสวรรค์เลย! แต่มันก็ยังดูแปลกๆ ที่แต่งตัวชนกันในงานอย่างนี้ ถ้าทั้งสองคนไม่บังเอิญเจอกันคงจะเป็นการดีที่สุด!”  

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset