วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 709 ลูกเตะท้องฉัน

ก่อนจะเดบิวต์ ซ่งซินสาบานกับคุณปู่ของเธอว่าหากเธอไม่ได้สร้างชื่อในวงการบันเทิง เธอจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

 

 

ทว่าครอบครัวของซ่งซินนั้นมีชื่อเสียงต้องรักษา แม้ว่าผู้อาวุโสซ่งจะพยายามทำให้เธอเล่นการเมืองแทนอย่างสุดความสามารถ ชายชราก็ไม่สามารถเอาชนะความหลงใหลในด้านดนตรีและความสร้างสรรค์ของเธอได้

 

 

และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าซ่งซินเป็นคนหัวดื้อมาตั้งแต่ยังเด็ก ผู้อาวุโสซ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยวาง ให้หญิงสาวได้สำรวจความเป็นไปได้ของตัวเอง ชายชรารู้ว่าหลานสาวผู้โอหังของเขานั้นจำต้องเจอกับทางตันเสียก่อนที่จะยินยอมกลับมาอยู่เคียงข้างเขาอย่างแท้จริง

 

 

แม้ชายชราจะคาดการณ์เอาไว้ว่าหลานสาวของเขาจะได้สัมผัสเล่ห์เหลี่ยมที่อยู่ในวงการบันเทิงครบทุกรูปแบบ เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะถึงทางตันด้วยการทำลายชื่อเสียงของตัวเองจนย่อยยับ

 

 

ดังนั้นหลังจากที่ข่าวบินเทิงดังกล่าวถูกปล่อยออกมา ผู้อาวุโสซ่งจึงโทรหาซ่งซินทันที “หลานซิน กลับบ้านเถอะ ปู่จะช่วยหลานแก้ปัญหานี้เอง แต่สัญญากับปู่ได้ไหมว่าจากนี้ไปหลานจะอยู่เคียงข้างปู่ เรียนรู้จากปู่ รวมถึงเอาตัวเองออกมาจากสถานที่น่ารังเกียจนั่นและไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งเหยิงในวงการบันเทิงอีก”

 

 

ซ่งซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่บ้านแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าปู่ของเธอ “คุณปู่คะ หนูทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วค่ะ”

 

 

“ยืนขึ้นเถอะ ยืนขึ้น…” ผู้อาวุโสซ่งรู้สึกใจสลาย ชายชรารู้ว่าหลานสาวของเขาคนนี้โอหังแค่ไหน ถึงกระนั้น ใครบางคนกลับทำร้ายเธอได้อย่างแสนสาหัสเช่นนี้ “เร็วเข้า บอกปู่มาซิว่าใครทำแบบนี้ ใครรังแกหลานสาวของปู่”

 

 

ซ่งซินควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้พลางโผตัวใส่ชายชราแล้วร้องไห้ฟูมฟาย “ถังหนิงกับโม่ถิงค่ะ คุณปู่คะ หนูเป็นทุกข์เหลือเกิน คุณปู่ต้องทวงความยุติธรรมให้หนูนะคะ!”

 

 

“ใครก็ตามที่กล้ารังแกหลานสาวของปู่จะต้องชดใช้” ชายชราประคองผู้เป็นหลาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอในสภาพที่พ่ายแพ้จนหมดรูปเช่นนี้ “ซินซิน อย่าร้องไห้ไปเลย เห็นหลานเป็นอย่างนี้แล้วปู่รู้สึกแย่นะ”

 

 

ชายชราใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในแวดวงการเมืองและมีประสบการณ์ในการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางเมืองที่หลากหลาย ดังนั้นหัวใจของเขาจึงหนักแน่นและแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ลูกๆ ของเขาไม่อยู่ที่บ้านอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขามีอยู่ก็คือหลานสาวคนนี้ เป็นผลให้ชายชราทะนุถนอมเธอและไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรเธอทั้งนั้น ทว่าในตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงหน้าเขา ใครจะรับมือไหวกันล่ะ

 

 

ส่วนทุกอย่างที่ซ่งซินทำกับคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ชายชราไม่เคยใส่ใจเรื่องนั้น ตราบใดที่ซ่งซินมีพอใจและความสุข นั่นต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ

 

 

หลังจากซ่งซินผล็อยหลับไป ผู้อาวุโสซ่งก็เดินวนไปวนมา พยายามทำการตัดสินใจเรื่องบางอย่างอยู่ในห้องของเขา จากนั้นชายชราก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วสวมแว่นอ่านหนังสือเพื่อหาเบอร์โทรเบอร์หนึ่ง

 

 

“สวัสดีครับเจ้าหน้าที่หยาง…ผมมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะขอร้องคุณ มีเวลามาทานมื้อค่ำด้วยกันสักหน่อยไหมครับ”

 

 

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากซ่งซิน แน่นอนว่าถังหนิงได้พิจารณาพื้นหลังครอบครัวที่ซ่งซินมี ดังนั้น เธอจึงคาดเดาว่าซ่งซินจะขอให้ครอบครัวของตัวเองช่วยหลังจากที่เธออับจนหนทาง

 

 

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอยังไม่เอาต้วนจิ่งหงออกมาใช้

 

 

แม้ครอบครัวของถังหนิงจะเป็นอาณาจักรน้ำหอมขนาดใหญ่ คนจนก็ไม่มีวันเอาชนะคนรวยและคนรวยก็ไม่มีวันเอาชนะคนที่มีอำนาจได้ หากตระกูลซ่งตัดสินใจจะปกป้องซ่งซินจริงๆ นั่นคือตอนที่ต้วนจิ่งหงจะมีประโยชน์

 

 

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่คิดเลยว่าตระกูลซ่งจะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้!

 

 

“จากคำให้การของเหล่าคอหนัง ‘คนรักที่สาบสูญ’ เต็มไปด้วยฉากที่มีเนื้อหารุนแรงและเปื้อนเลือดมากมาย ทว่าทางต้นสังกัดกลับไม่ได้เตือนว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่เด็กดูไม่ได้ เป็นผลให้หน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่งออกมาสั่งให้พวกเขาหยุดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้และทำการแก้ไขมันเสีย”

 

 

ทันทีที่ข่าวนี้ออกมา ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที เพราะถึงอย่างไร เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับอนุญาตให้ออกฉายเพราะผ่านระบบคัดกรองเรตภาพยนตร์แล้ว ในเมื่อก่อนหน้านี้มันออกฉายได้ ทำไมจู่ๆ มันถึงถูกสั่งงดฉายล่ะ

 

 

ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกถอดออกจากโรงและขอให้แก้ไขจริงๆ

 

 

เนื่องจากพวกเขาได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากปฏิบัติตาม

 

 

หลังจากนั้น ผู้กำกับเฉิงก็ได้รับการแจ้งเตือนอันคลุมเครืออีกฉบับหนึ่งว่าให้แบนถังหนิงออกจากวงการ แน่นอนว่าทุกคนรู้ความจริงที่ไม่สามารถเอ่ยได้นี้ ซึ่งนั่นก็คือถังหนิงทำให้ใครบางคนไม่พอใจ ใครบางคนที่ไม่ใช่คนทั่วๆ ไป แต่เป็นใครบางคนที่มีอำนาจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ขณะเดียวกัน โม่ถิงโยนประกาศของทางการฉบับนั้นลงหลังจากที่อ่านมันจนจบ เนื่องจากเป็นคำสั่งจากทางการ ไห่รุ่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตาม เพราะถึงอย่างไร วงการบันเทิงและหน่วยงานวัฒนธรรมนั้นก็เป็นสองสิ่งที่อยู่แยกกันโดยสิ้นเชิง

 

 

“ท่านประธานครับ…ถึงจะไม่มีการเอ่ยชื่อ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เพ่งเล็งมาที่คุณผู้หญิง หากเป็นอย่างนั้น จากนี้ไปใครจะกล้าทำงานกับเธอล่ะครับ”

 

 

“ดูเหมือนผู้อาวุโสซ่งจะใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเลยล่ะ” โม่ถิงตอบนิ่งๆ “ถ้าพวกเขาต้องการให้เราแก้ไขภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็แก้ไขมันซะสิ ใช่ว่าเราไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายมันสักหน่อย”

 

 

โม่ถิงไม่ตอบโต้เหตุการณ์เช่นนี้ด้วยอารมณ์อีกต่อไปแล้ว เพราะถึงอย่างไร เขากับถังหนิงก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น

 

 

“นี่หมายความว่าคุณผู้หญิงเป็นนักแสดงไม่ได้อีกต่อไปแล้วหรือครับ”

 

 

“ใครว่าล่ะ” โม่ถิงถามกลับ “ใครพูดเหรอว่าเธอเป็นนักแสดงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอเคยแสดงภาพยนตร์ดีๆ มาแล้วตั้งหลายเรื่อง สำคัญด้วยเหรอว่าเธอจะถูกเชิญให้ไปร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ หรือเปล่า อย่าลืมสิว่าไม่ใช่วงการนี้ไม่ต้องการเธอ เธอไม่จำเป็นต้องไปปรากฏตัวในโปรดักชั่นของคนอื่นๆ แล้วล่ะ จากนี้ไป ถังหนิงจะเป็นนักแสดงให้กับไห่รุ่ยเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครจะเชิญเธอ เราจะปฏิเสธพวกเขาให้หมด”

 

 

นอกเหนือจากไปถ่ายทำภาพยนตร์ ถังหนิงก็แทบจะไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะมีปัญหาอะไรล่ะถ้าทั้งโลกหันหลังให้เธอ เพราะถึงอย่างไรไห่รุ่ยก็พร้อมที่จะแบกโลกทั้งใบเอาไว้เพื่อเธอ

 

 

แน่นอนว่าหลังจากได้ยินข่าวนี้ หลงเจี่ยก็วิตกเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าถังหนิง ถังหนิงกลับจับท้องของเธอเอาไว้แล้วหัวเราะ “เธอเดินไปเดินมาอย่างนั้นทำไมน่ะ”

 

 

“คุณไม่กังวลเหรอคะ คุณเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้…”

 

 

“เธอเห็นฉันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบไหนกันเหรอ” ถังหนิงเอ่ยถาม

 

 

“จากนี้ไปคุณจะเป็นนักแสดงไม่ได้แล้วนะคะ!”

 

 

“ใครบอกล่ะ” ถังหนิงมองหลงเจี่ยอย่างไม่แยแส “ฉันยังแสดงภาพยนตร์ของไห่รุ่ยได้อยู่นะ”

 

 

“คุณกำลังจะบอกว่า…”

 

 

“ฉันกำลังจะบอกว่า ตอนนี้ฉันมีภาพยนตร์ที่เคยแสดงเก็บไว้แล้วถึงสามเรื่อง ฉันไม่ได้อยู่ในช่วงที่ต้องรีบพิสูจน์ตัวเองอีกต่อไปแล้ว หลังจากเด็กคนนี้เกิดมา ฉันจะใช้พลังงานส่วนใหญ่ไปกับครอบครัวของฉัน ภาพยนตร์ปีละเรื่องน่ะเพียงพอแล้วสำหรับฉัน ถ้าฉันแสดงในภาพยนตร์ของไห่รุ่ย คนจะพูดอะไรได้ล่ะ”

 

 

“แต่หน่วยงานของรัฐนั่นจะเข้มงวดกับคุณนะคะ…”

 

 

“ฉันทำผิดกฎอะไรล่ะ ทำไมเจ้าหน้าที่พวกนั้นจะต้องมาเข้มงวดกับฉันด้วย พวกเขาแค่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากสำหรับฉันเป็นการชั่วคราวเท่านั้นละ ในทางตรงกันข้าม ตระกูลซ่งได้ทำการเสียสละอันใหญ่หลวงเกินไปแล้ว…

 

 

“ใหญ่หลวงเกินไปมากเลยล่ะ” ทว่าหญิงสาวไม่รู้สึกสงสารตระกูลซ่งเลยแม้แต่น้อย

 

 

ตระกูลซ่งต้องรู้ตัวตนที่แท้จริงของซ่งซินอยู่แล้วใช่ไหม นั่นหมายความว่าพวกเขารู้เรื่องแผนชั่วของซ่งซินและเห็นดีเห็นงามกับมัน ในเมื่อตระกูลซ่งไม่สามารถแยกแยะถูกออกจากผิดได้ ทำไมถังหนิงจะต้องสงสารพวกเขาด้วยล่ะ

 

 

“คุณวางแผนจะใช้ต้วนจิ่งหงเหรอคะ”

 

 

“โอ๊ย…” ก่อนถังหนิงจะตอบ หญิงสาวพลันกุมท้องของเธอแล้วร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

 

 

หลงเจี่ยตอบสนองทันที “อะไรคะ คุณพร้อมจะคลอดแล้วเหรอ อย่าทำฉันกลัวสิคะ…”

 

 

ถังหนิงส่ายหัวแล้วกลับมานิ่งดังเดิม “ลูกเตะท้องฉันน่ะ คงอีกไม่นานแล้ว…”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset