วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 743 คุณไม่ควรบังคับให้ผมต้องโหดเหี้ยมมากไปกว่านี้

อันจื่อเฮ่าชำเลืองมองเธอด้วยสายตาอนุญาต

 

 

น้องชายของอวิ๋นซินไม่รู้เลยว่าเฉินซิงเยียนเป็นนักศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะ “ฉันชอบถูกสาวน่ารักๆ สัมผัสเนื้อตัวนะ…”

 

 

เปรี้ยง!

 

 

นั่นคือเสียงเดียวที่ได้ยินขณะที่เฉินซิงเยียนมอบลูกเตะเน้นๆ ให้ผู้ชายคนนั้นจนเขาร่วงจากบันได ก่อนที่น้องชายของอวิ๋นซินจะทันได้มีโอกาสดูอาการบาดเจ็บของตัวเอง เฉินซิงเยียนก็กระโดดตามลงไปและเริ่มต่อยใส่เขา จนเมื่อเธอพอใจแล้วเฉินซิงเยียนจึงลุกขึ้นยืนและกล่าวเตือน “ถ้าแกกล้ามาที่นี่อีก ฉันจะซัดแกทุกครั้งที่ฉันเจอแกเลย!”

 

 

น้องชายอวิ๋นซินไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซิงเยียนจะมีฝีมือขนาดนี้ ในขณะนั้น เขาทำได้เพียงนอนร้องโอดโอยอยู่กับพื้น ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืน

 

 

“หึ หน้าด้านกันทั้งบ้าน!”

 

 

หลังพูดจบ เฉินซิงเยียนเดินกลับไปหาอันจื่อเฮ่า ทั้งคู่เดินกลับเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์ทีละคนก่อนปิดประตูลง

 

 

“ทำแบบนี้ไม่ได้อะไรหรอก เพื่อป้องกันไม่ใช่ครอบครัวนี้มาสร้างปัญหาอะไรเพิ่มอีก ฉันจะต้องคิดหาวิธีจบเรื่องทุกอย่างในคราวเดียว” เฉินซิงเยียนจะรับมือกับคนพวกนี้ที่มาเสนอหน้าที่อะพาร์ตเมนต์ทุกวี่วันได้อย่างไร ต่อให้คนธรรมดาก็ไม่สามารถรับมือไหว ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ในสายตาประชาชนอย่างเธอหรืออันจื่อเฮ่าเลย

 

 

เมื่อเห็นเฉินซิงเยียนเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนั่งเล่น อันจือเฉ่าจึงดึงเธอเข้ามาก่อด “ฉันจะจัดการเอง ฉันจะไม่ปล่อยให้ครอบครัวน่ารังเกียจนี่มาปรากฏตัวให้เธอเห็นอีกแล้ว”

 

 

“จริงนะ” เฉินซิงเยียนทั้งเชื่อมั่นและกังขาในตัวเขา

 

 

“จริง” อันจื่อเฮ่าพยักหน้า “ไปอาบน้ำสักหน่อยเถอะ เธอมีออดิชั่นบ่ายนี้นะ พาเสี่ยวซีไปด้วยแล้วอย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะ”

 

 

“โอเค” หลังได้รับรอยจูบหนึ่งครั้ง เฉินซิงเยียนก็เดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างเชื่อฟัง ขณะที่เธอเดินพ้นไปจากสายตา ท่าทีของอันจื่อเฮ่ากลับดูโหดเ**้ยมขึ้น นี่เป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการให้จบในคราวเดียว

 

 

หลังจากเฉินซิงเยียนและเสี่ยวซีเดินทางออกจากอะพาร์ตเมนต์ อันจื่อเฮ่าก็ขับรถไปยังโรงพยาบาลที่ป้าอวิ๋นใช้บริการบ่อยครั้ง และเป็นไปตามคาดเพราะน้องชายอวิ๋นซินก็มาใช้บริการโรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อรักษาอาการกระดูกหักของเขา

 

 

เมื่อเห็นอันจื่อเฮ่าปรากฏตัว ไม่เพียงแค่ลุงอวิ๋นกับป้าอวิ๋นเพียงเท่านั้น แต่ภรรยาของน้องชายอวิ๋นซินเองก็เดือดดาลไม่แพ้กัน “แกมันพวกหมาหมู่ มาทำร้ายสามีฉันทำไม”

 

 

“อันจื่อเฮ่า กล้าดียังไงถึงมาที่นี่!” ป้าอวิ๋นตะโกนลั่น “ฉันจะแฉเรื่องของแกให้สื่อรู้ แกมันไม่ใช่คนแถมยังสถุล!”

 

 

ป้าอวิ๋นไม่มีการศึกษา จึงใช้คำพูดได้ไม่ดีนัก เมื่อเธอฉุนเฉียวคำพูดของเธอจึงค่อนข้างไม่ยั้งคิด

 

 

อันจื่อเฮ่าหัวเราะเบาๆ ชณะที่เขาเอ่ยถามป้าอวิ๋น “คุณวางแผนจะแฉอะไรกับสื่อล่ะ จะไปบอกว่าคนทั้งครอบครัวของคุณเกาะผมกินมาตลอดงั้นเหรอ หรือเรื่องเงินผมที่ลูกชายคุณเอาไปแต่งภรรยากับซื้อบ้านทั้งหมดด้วยล่ะ”

 

 

ได้ยินเช่นนั้น ใบหูของลุงอวิ๋นกับป้าอวิ๋นก็แดงเถือก พวกเขาตระหนักดีว่าคำพูดของตัวเองนั้นค่อนข้างไร้เหตุผล

 

 

ขณะนั้นเอง ภรรยาของน้องชายอวิ๋นซินหันไปมองพ่อแม่สามีของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา “ไม่ใช่ว่าอวิ๋นเฮ่าหาเงินมาได้ด้วยตัวเองงั้นเหรอ”

 

 

“เรื่องนั้น…”

 

 

“หาเงิน?” อันจื่อเฮ่ามองไปที่สองตายายด้วยสายตาเยาะเย้ยและตอบคำถามของหญิงสาวอ่อนต่อโลกคนนั้น “ด้วยความสามารถของอวิ๋นเฮ่าเมื่อไหร่ถึงจะมีปัญหาซื้อบ้านในปักกิ่งกันล่ะ ผมขอโทษนะ แต่ค่าใช้จ่ายของทุกคนในครอบครัวนี้มาจากผมทั้งนั้น ตลอดหลายปีมานี่พวกเขาไม่เคยต้องหาเงินสักแดง ดังนั้นคุณป้า คุณน่าจะเป็นฝ่ายถูกแฉเรื่องนี้มากกว่านะ ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าสื่อจะว่ายังไง”

 

 

ป้าอวิ๋นดูไม่พอใจนัก แต่เธอไม่อาจพูดอะไรได้

 

 

“งั้นมันก็เป็นความจริงสินะ ฉันรู้อยู่แล้ว” ดวงตาทั้งสองข้างของผู้หญิงคนนั้นเอ่อไปด้วยน้ำตาขณะที่เธอมองดูสองตายายตรงหน้าและพูดต่อ “ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะหย่ากับอวิ๋นเฮ่า และแน่นอนว่าฉันจะไม่เอาเด็กในท้องไว้ด้วย อย่าฝันไปเลย พวกคุณนี่มันอะไรกัน แต่เกาะคนอื่นกินก็แย่พอแล้ว พวกคุณยังหวังจะให้พวกเขามาเลี้ยงดูลูกชายตัวเองด้วยเนี่ยนะ ฉันต้องดวงซวยสุดๆ แน่ถึงได้มาแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้”

 

 

“นั่นเป็นเพราะมันเป็นสาเหตุทำให้ลูกสาวของฉันตาย มันสมควรโดนแบบนี้!”

 

 

“พอสักที หยุดดื้อด้านได้แล้ว!” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเยาะใส่ลุงอวิ๋นพลางปาดน้ำตาบนใบหน้า “ไม่นานมานี้ อวิ๋นเฮ่าบอกฉันอย่างหน้าชื่นตาบานว่าคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่สาวเขาถูกพบแล้ว แล้วนี่อะไร คุณยังวางแผนจะโทษคุณอันอีกงั้นเหรอ พอสักที ฉันจะหย่า หลังจากฉันยื่นเรื่องแล้วฉันจะให้ศาลเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ฉันอยากจะดูสิว่าพวกคุณจะยังหน้าด้านไปได้อีกนานแค่ไหน”

 

 

พูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็คว้ากระเป๋าเธอแล้วเดินตึงตังออกไปจากห้องพักคนไข้ ลุงอวิ๋นอยากจะวิ่งตามอีกฝ่ายไปแต่ป้าอวิ๋นห้ามเขาเอาไว้ “ไม่ต้องไปสนใจคนที่มองภาพกว้างไม่ออกแบบนั้นหรอก เดี๋ยวลูกชายก็หาคนที่ดีกว่านี้ได้

 

 

“พอใจหรือยังล่ะ อันจื่อเฮ่า”

 

 

เดิมทีอันจื่อเฮ่าไม่ได้วางแผนจะให้เรื่องเป็นแบบนี้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ…

 

 

ดังนั้นเขาจึงหยิบสัญญากู้ยืมเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและเอ่ยถามสองตายาย “คุณคิดจะใช้หนี้พวกนี้เมื่อไหร่”

 

 

เมื่อสองตายายเห็นสัญญาเหล่านั้น ทั้งคู่ได้แต่ยืนนิ่ง

 

 

ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของทั้งสองอยู่ภายใต้การดูแลของอันจื่อเฮ่า แต่มีหลายครั้งที่พวกเขาประสบกับช่วงที่ต้องใช้เงิน ยกตัวอย่างเช่นตอนที่พวกเขาต้องการเงินมาให้อวิ๋นเฮ่าซื้อบ้าน ในเวลานั้น พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นเงินก้อนใหญ่ พวกเขาจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะเอ่ยปากขอตรงๆ ทำให้พวกเขาเซ็นสัญญากู้ยืมเงินแบบส่งๆ ด้วยความคิดว่าอันจื่อเฮ่าจะไม่มีวันขอให้พวกเขาใช้เงินคืน

 

 

แต่บัดนี้…

 

 

“ถ้ารวมหนี้ทั่วไปทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว พวกคุณติดเงินผมประมาณสิบล้านหยวน หมู่นี้ผมบังเอิญร้อนเงินเสียด้วยสิ แล้วพวกคุณจะจ่ายเงินคืนผมได้เมื่อไหร่ล่ะ”

 

 

“มันจะมากไปแล้วนะ!” ลุงอวิ๋นขู่คำรามด้วยความโกรธ

 

 

“ผมทำตัวดีด้วยแล้วนะ ไม่อย่างนั้นผมคงส่งสัญญาพวกนี้ไปให้ทีมทนายความจัดการไปแล้ว” น้ำเสียงอันจื่อเฮ่าเย็นชาขึ้นกว่าเดิม “ในเมื่อพวกคุณสองคนไม่มีความละอายนักละก็ ผมก็ต้องจัดการเรื่องนี้แบบธุรกิจและทำเป็นว่าผมช่วยเลี้ยงหมูเลี้ยงหมามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

 

 

“แกคิดจะทำอะไร” ป้าอวิ๋นตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่เธอไม่มีทางหาเงินสิบล้านเหรียญมาคืนได้แน่

 

 

“ง่ายมาก เอาลูกชายไร้ประโยชน์ของพวกคุณไปแล้วไสหัวออกไปจากปักกิ่ง ผมไม่อยากเห็นหน้าพวกคุณอีก ถ้าพวกคุณมาให้ผมเห็นหน้าอีกละก็ ผมจะเอาสัญญาพวกนี้ไปให้ทนายความทันที ถ้าเป็นแบบนั้นอย่ามาหาว่าผมใจดำก็แล้วกัน”

 

 

“แก…”

 

 

“นี่เป็นผลที่พวกคุณทำตัวเองไม่ใช่หรือไง” อันจื่อเฮ่าชำเลืองมองครอบครัวนี้อย่างแดกดันก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ว่าไง จะไปไหม”

 

 

“ก็ได้!” ลุงอวิ๋นกล่าวด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “อันจื่อเฮ่า แกมันโหดเ**้ยมจริงๆ!”

 

 

“นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ควรบีบให้ผมต้องโหดเ**้ยมมากไปกว่านี้”

 

 

ว่าแล้วอันจื่อเฮ่าก็เก็บสัญญาเหล่านั้นและเดินตรงออกจากห้องพักคนไข้ ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระหลังจากเกี่ยวข้องกับครอบครัวอวิ๋นมาหลายปี ต่อให้อวิ๋นซินมองลงมาจากบนสวรรค์ด้วยความผิดหวัง เขาก็จะไม่ใจอ่อน เพราะตอนนี้คนเพียงคนเดียวที่เขาต้องการปกป้องคือเฉินซิงเยียน

 

 

ขณะเดียวกัน เฉินซิงเยียนกำลังอยู่ระหว่างการออดิชั่นเรื่อง ‘สุดยอดแฟนเก่า’ ซึ่งเป็นหนังตลกกำกับโดยผู้กำกับหวังผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘ราชาหนังตลก’

 

 

ในฐานะนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงเพราะโม่ถิง ผู้กำกับจึงไม่ได้คาดหวังกับการแสดงหรือทักษะอะไรของเฉินซิงเยียนมากนัก

 

 

ดังนั้นดูเหมือนว่าเธอจะไม่อาจได้บทนักแสดงสมทบได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในขณะนั้นเอง ไป๋หลินหลินได้มาปรากฏตัวในการออดิชั่นครั้งนี้ด้วย

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset