วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 745 พวกเขาคิดกันไปเองว่าคุณกลัวไป๋อวี๋

ไป๋อวี๋โด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อยและเคยเจอเล่ห์เหลี่ยมมาแล้วสารพัด ทำให้เธอรู้วิธีวางตัวและรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้นด้วยการใช้ไห่รุ่ยเป็นฐาน สุดท้ายเธอได้ก้าวสู่เวทีระดับโลกอย่างสง่างามและสร้างอี้ซิงฟิล์มขึ้นในที่สุด ทุกวันนี้ทั้งเธอและสามีต่างทำงานหนักร่วมกันอยู่ในฮอลลีวูด

 

 

จุดเปลี่ยนสำคัญที่โม่ถิงพูดถึงก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่ไป๋อวี๋ยังคงอยู่กับไห่รุ่ย ในเวลานั้นเธอมีชายคนรักซึ่งเธอคบหาด้วยมานานหลายปี แต่ท้ายที่สุดเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคตที่โชติช่วง เธอตัดสินใจทำแท้งและเลิกรากับนักร้องหนุ่มผู้ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้น

 

 

ในฐานะเซเลบสาว ความอ่อนเยาว์ไม่ใช่สิ่งที่คงอยู่นิรันดร์ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนที่อาชีพการงานจะทันได้เริ่มเติบโต

 

 

ส่งผลให้ในเวลานั้น ไป๋อวี๋ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เมื่อคนรักเก่าของเธอรู้เรื่องการทำแท้ง เขาก็แทบเสียสติ แต่เขาสามารถรวบรวมสติและปล่อยเธอไปในท้ายที่สุด

 

 

อาจเป็นเพราะต้องการทำให้ไป๋อวี๋รู้สึกผิด คนรักเก่าผู้ไร้ความทะเยอทะยานของเธอพลันตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงและเริ่มใช้เส้นสายในการเติบโตก้าวหน้า ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในวงการเพลง

 

 

อาจพูดได้ว่าเป้าหมายของถังหนิงและไป๋อวี๋นั้นคล้ายคลึงกันมาก แต่หากไป๋อวี๋อยู่ในจุดของถังหนิง เธอคงไม่ผันตัวมาเป็นนักแสดงในขณะที่กำลังจะได้กลายเป็นสุดยอดนางแบบระดับโลกแน่ และเธอคงไม่มีวันมีลูกในช่วงเวลาที่กำลังโด่งดังถึงขีดสุดเช่นกัน เธอไม่ได้เสียสติ มีคนตั้งมากมายแค่ไหนที่เฝ้าฝันจะมีชื่อเสียงโด่งดัง

 

 

ทำไมถังหนิงถึงไม่เห็นคุณค่าโอกาสที่เข้ามาพวกนั้น

 

 

ไป๋อวี๋ไม่ชอบถังหนิงเพราะไป๋อวี๋สูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้ได้มาถึงจุดที่ยืนอยู่ทุกวันนี้ แต่ถังหนิงดูเหมือนจะทำให้เธอเห็นว่าการตัดสินใจของเธอเป็นเรื่องผิดพลาดเสมอ

 

 

ถังหนิงกลับมาทำงานแล้ว ดังนั้น ‘ชายาหนิง’ ซึ่งได้เริ่มเตรียมการมาระยะหนึ่งได้ส่งกำหนดการทั้งหมดมาให้เธอ แม้บรรดาผู้จัดจะพูดเสมอว่าถังหนิงจะได้เล่นบทนางเอก แต่พวกเขาก็ไม่เคยประกาศเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ เพราะเหตุนี้ อันจื่อเฮ่าจึงติดต่อถังหนิงอีกครั้ง “คุณพร้อมจะมาที่กองถ่ายหรือยัง”

 

 

‘ชายาหนิง’ เป็นละครเรื่องยาวแนวย้อนยุคในราชวงศ์ ทันทีที่ถังหนิงเข้ากองถ่าย หนังเรื่องนี้น่าจะต้องใช้เวลาประมาณสามถึงหกเดือนในการถ่ายทำจนจบ ถังหนิงชอบเนื้อเรื่องแต่…

 

 

“ขอฉันคิดอยู่ก่อน” ถังหนิงตอบ เธอเป็นกังวลที่ต้องห่างลูกทั้งสองของเธอเป็นเวลานานๆ

 

 

“คุณกลับบ้านทุกวันก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องไม่ได้เจอลูกของคุณหรอก” อันจื่อเฮ่าเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายด้วยข้อเสนอที่ดึงดูดใจ “ตอนนี้มีนักแสดงหญิงหลายคนได้รับข้อเสนอของหนังเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่รีบตัดสินใจ คนอื่นอาจจะแย่งบทนี้ไปจากคุณก็ได้นะ”

 

 

“งั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น…” ถังหนิงยิ้ม

 

 

“คุณคิดว่ามีใครที่จะเหมาะกับบทนี้มากไปกว่าคุณงั้นเหรอ คุณได้สัญญาไปตั้งนานแล้วแต่คุณก็ยังไม่เซ็นมันกลับมาเสียที!”

 

 

ไม่ใช่ว่าถังหนิงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับความท้าทายเช่นนี้ แถมเธอยังไม่เคยถ่ายละครแนวย้อนยุคแบบนี้มาก่อนยิ่งทำให้มันท้าทายมากยิ่งขึ้น แต่ว่าเธอมีความกังวลใจ…

 

 

“คุณต้องให้คำตอบผมภายในพรุ่งนี้เช้านะครับ” อันจื่อเฮ่ารู้สึกร้อนใจ ขั้นตอนการเตรียมงานใช้เวลายาวนานมากเกินไปแล้ว ยิ่งพวกเขาล่าช้ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งสิ้นเปลืองทรัพยากรไปมากเท่านั้น

 

 

“ตกลง” ถังหนิงพยักหน้า “แล้วอีกอย่าง คุณเพิ่งบอกว่าซิงเยียนจะได้รับบทในละครด้วยใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง”

 

 

“เด็กคนนั้นมีอย่างอื่นที่อยากจะทำ” อันจื่อเฮ่าเผยใบหน้าโล่งใจที่เห็นได้ยากของตัวเองออกมา

 

 

ตอนนี้เฉินซิงเยียนรู้วิธีจัดการสิ่งต่างๆ มากขึ้นแล้ว เธอบอกได้ว่าสิ่งไหนเหมาะหรือไม่เหมาะกับเธอและทำให้อันจื่อเฮ่าได้เห็นความเป็นไปได้ที่เธอจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์

 

 

 

 

ถังหนิงถูกโน้มน้าวใจให้ร่วมงานกับ ‘ชายาหนิง’ แต่เมื่อเธอมองไปยังใบหน้าที่กำลังหลับพริ้มของลูกชายทั้งสอง เธอล้มเลิกความคิดเหล่านั้น

 

 

บทดีๆ เดี๋ยวก็มีมาอีก แต่เวลาที่จะได้ใช้ร่วมกับลูกทั้งสองของเธอนั้นไม่มีวันย้อนคืนกลับมาได้

 

 

โม่ถิงดูเหมือนจะสังเกตเห็นความลังเลใจของอีกฝ่าย ดังนั้นในฐานะผู้จัดการ เขาจึงตอบไปยังทีมผู้จัดเพื่อตอบรับบทดังกล่าวและบอกให้พวกเขาสามารถประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการได้ทันที

 

 

“เด็กๆ ต้องมีคนดูแล แต่คุณเองก็ต้องทำตามความฝันของคุณด้วย ผมติดต่อทีมผู้จัดไปแล้ว คุณจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ทุกวันและไม่มีใครมาห้ามไม่ให้คุณอยู่กับลูกๆ ตอนกลางคืน ระหว่างเวลากลางวันเราจะให้สองแสบอยู่กับแม่ของพวกเรา…”

 

 

เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ไป๋ลี่หวาจะดูแลเด็กสองคนได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นซย่าอวี้หลิงจึงยกถังซื่อกรุปให้ถังจิ้งเซวียนดูแลและลงมาช่วยดูแลเด็กๆ

 

 

คุณย่าของเด็กทั้งสองเป็นนักวิจัยชีววิทยา ในขณะที่คุณยายเป็นนักธุรกิจหญิงผู้มีชื่อเสี่ยงโด่งดัง ยิ่งไปกว่านั้น เด็กทั้งสองยังเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ดังนั้นจึงไม่มีข้อกังขาเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กทั้งสอง

 

 

ถังหนิงมองโม่ถิงและรู้ดีว่าชายคนนี้เข้าใจเธอมากที่สุด ดังนั้นเธอถึงไม่โต้แย้งอะไรพลางพยักหน้ารับ

 

 

“แค่การที่คุณไม่ได้อยู่ที่นี่ยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้เป็นแม่ที่ดีสักหน่อย อย่ารู้สึกผิดเลยครับ ถ้าผมมีเวลา ผมจะพาพวกเขาไปหาคุณที่กองถ่าย”

 

 

โม่ถิงรำลึกอยู่เสมอว่าถังหนิงเรียนรู้ทักษะการแสดงจากศูนย์เพราะเรื่อง ‘โง่’ ทั้งที่ตอนนั้นอีกเพียงก้าวเดียวเธอก็จะได้กลายเป็นสุดยอดนางแบบระดับโลก

 

 

ในเวลาเช่นนี้ แรงสนับสนุนจากคนรักจึงเป็นเครื่องรับรองที่สำคัญที่สุด

 

 

“โอเคค่ะ ปะป๊าถิง!”

 

 

การตัดสินใจร่วมงานกับ ‘ชายาหนิง’ ของถังหนิงนั้นได้รับการยืนยันไว้ตั้งแต่แรกแล้วและเหล่าที่งานได้เตรียมพร้อมที่จะประกาศเรื่องนี้ไว้แล้ว ขณะที่ทีมนักแสดงทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนักแสดงระดับสูงทั้งสิ้น บทพระเอกก็ไม่ใช่นักแสดงหน้าใหม่ แต่เป็นนักแสดงชายที่มากประสบการณ์เช่นกัน

 

 

แต่กลับมีสิ่งที่ไม่คาดฝัน…

 

 

…เพียงชั่วข้ามคืน ทีมผู้จัดเรื่อง ‘ชายาหนิง’ เกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน จากเดิมที่ถังหนิงจะต้องเล่นสองบทด้วยตัวเอง พวกเขากลับตัดสินใจเพิ่มนักแสดงพิเศษเข้ามาอีกหนึ่งคนและจัดการให้ถังหนิงได้เล่นเพียงบทเดียว

 

 

‘ชายาหนิง’ ได้รับการปรับบท จากเดิมที่เป็นเรื่องราวของนางสนมคนหนึ่งที่ถูกประหารด้วยการตัดหัวเนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งของราชวัง แต่เรื่องกลับหักมุมเมื่อนางสนมคนนั้นไม่ตายและฟื้นกลับมาจากความตายพร้อมอุปนิสัยที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้วกลายเป็นนางสนมที่ทุกคนต่างพากันยกย่องในที่สุด หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยศึกแย่งชิงตัวตนระหว่างสองพี่น้อง นี่คือจุดที่ทีมผู้จัดอัดฉากตบตีมากมายระหว่างสองพี่สองเข้าไป…

 

 

ความรู้สึกที่น่าดึงดูดของเรื่องกลับหมดไปในทันที…

 

 

จากบทที่มีความละเอียดอ่อนแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องของผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้จุดด่างพร้อยอันแสนน่าเบื่อ…

 

 

ดังนั้นหลังจากที่อันจื่อเฮ่านำบทละครใหม่มาให้ถังหนิง ถังหนิงอ่านคร่าวๆ และโยนมันทิ้ง “ฉันไม่สนว่าจะได้บทนางเอกหรือเปล่า แต่ตัวละครตัวนี้กลายเป็นคนที่ไม่มีมิติไปแล้ว ฉันไม่อยากเล่นอะไรที่มันเกินจริงแบบนี้”

 

 

“ละครออกมายืนยันว่าแล้วจะมีนางเอกสองคน คุณรู้ไหมว่านางเอกอีกคนคือใคร” อันจื่อเฮ่ามองหน้าถังหนิงอย่างมีนัย “ไป๋อวี๋! ไป๋อวี๋มีชื่อเสียงอยู่แล้วแถมยังยื่นข้อเสนอที่จะลงทุนให้กับละครเรื่องนี้ ดังนั้นพวกผู้จัดถึงได้รู้สึกเหมือนถูกหวย ไป๋อวี๋เป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าเป็นนักแสดงที่มีฝีมือ ดังนั้นการปรากฏตัวของเธอจึงไม่น่าจะทำให้คุณภาพของละครเรื่องนี้ลดลง”

 

 

“พุ่งเป้ามาที่ฉันสินะ” ถังหนิงยิ้มเยาะ

 

 

“ถังหนิง ละครเรื่องนี้มีบทที่สมบูรณ์และมีทีมโปรดักชั่นที่เป็นมืออาชีพ ไม่ว่าใครมาแสดงผลที่ได้จะต้องไม่ออกมาแย่แน่ แน่นอนว่าการมีนักแสดงดีๆ เพิ่มขึ้นมาก็ถือเป็นเรื่องดีด้วย ถ้าคุณปฏิเสธบทนี้แล้วละครเกิดดังขึ้นมา คนคงได้พูดไปต่างๆ นานาแน่

 

 

“พวกเขาอาจจะคิดไปถึงว่าคุณกลัวไป๋อวี๋ด้วยซ้ำ”

 

 

“ฉันจะไม่แสดงเรื่องนี้!” ถังหนิงตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “คุณรู้ว่าฉันเป็นคนยังไง ตอนที่ฉันรับบทมาดู นักแสดงคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวบทเองต่างหาก คุณบอกให้ตัวเองเล่นละครที่มีบทแบบนี้ได้ลงไหมล่ะ”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset