วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 748 ตัวเลือกสำหรับบทพระเอก

“ถ้าฉันอ้วนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ คุณจะยังเลือกฉันเป็นนางเอกอยู่ไหม” ถังหนิงถามพร้อมรอยยิ้มก่อนเชิญให้ถังเซี่ยวนั่งลง

 

 

“ไม่มีทางหรอกค่ะ คุณเป็นคนมีวินัยกับตัวเองอย่างดีมาตลอด เพราะอย่างนั้นฉันถึงเชื่อมั่นในตัวคุณ ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะดูดีได้ขนาดนี้ต่อให้เพิ่งจะคลอดลูกก็ตาม” ถังเซี่ยวอยู่ในชุดกระโปรงสีดำ มีแว่นตากรอบทองวางอยู่บนดั้งจมูก เธอดูขี้อายเล็กน้อยตามแบบฉบับนักเขียนที่มักจะอยู่แต่ในบ้านและแถมไม่ออกมาข้างนอกหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครเท่าไร

 

 

“คุณอยากจะเจอลูกฉันไหม” ถังหนิงถามหลังจากชงกาแฟเสร็จ

 

 

“ได้เหรอคะ” ถังเซี่ยวดูประหลาดใจและยินดีในเวลาเดียวกัน ตามองมายังถังหนิงด้วยท่าทีน่ารักใสซื่อ

 

 

ถังหนิงพยักหน้ารับ หลังจากนั้นก็อุ้มเด็กทั้งสองออกมาจากห้อง ทันทีที่ถังเซี่ยวตระหนักได้ว่ามีเด็กถึงสองคน เธอถึงกับอึ้ง “คุณ… คุณคลอดลูกฝาแฝดงั้นเหรอคะ พวกเขาหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลย!”

 

 

“ใช่ ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับสื่อ” ถังหนิงพยักหน้า “ฉันอยากให้เด็กสองคนนี้ได้มีวัยเด็กที่สงบสุข”

 

 

“พวกเขาน่ารักจังเลยค่ะ…”

 

 

ถังเซี่ยวอายุยี่สิบสามแต่เธอเขียนนิยายมานับล้านคำแล้ว นิยายเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหารือกันในตอนนี้ ที่จริงครอบครัวของถังเซี่ยวไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร และพ่อแม่เธอก็มักจะทะเลาะกันต่อหน้าเธออยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเธอจึงเส้นทางการเป็นนักเขียนเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง ตอนที่เธอได้เรียนรู้เรื่องราวของถังหนัง ถังเซี่ยวกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำที่สุดของชีวิต แต่ขณะที่เธอมองดูถังหนิงค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาสู่จุดปัจจุบันอย่างทุกวันนี้ ตัวเธอเองได้ตั้งสติและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นนักเขียนที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในตอนนี้

 

 

จากนั้นหญิงสาวทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน ถังเซี่ยวตระหนักได้ว่าถังหนิงไม่เปิดประเด็น เธอจึงรีบบอกถึงเจตนาดั้งเดิมสำหรับ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ให้ถังหนิงฟัง ซึ่งทำให้ทั้งสองพบว่าทั้งคู่มีมุมมองแบบเดียวกันและต่างรู้สึกเสียดายที่พวกเธอไม่ได้เจอกันให้เร็วกว่านี้ ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไร ทั้งสองก็ยิ่งเข้ากันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

 

 

“ฉันมั่นใจว่าคุณจะต้องแสดงเป็นชิงหลานได้ดีมากแน่ๆ แต่คุณต้องเตรียมตัวเหนื่อยไว้ด้วยนะคะ ถ้าเราต้องการถ่ายทำนิยายเรื่องนี้ให้ออกมาดี คุณจะต้องเหนื่อยอีกเยอะเลย”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็ตอบรับด้วยรอบยิ้มอันอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงค่ะ บทอันมีค่าของคุณได้ช่วยฉันเอาไว้ ฉันจะทุ่มสุดตัวแน่นอน”

 

 

“นั่นเพราะคุณเองก็ช่วยเหลือฉันไว้ในอดีตเช่นกันค่ะ” ถังเซี่ยวกล่าวขอบคุณถังหนิงด้วยความจริงใจ “คุณไม่รู้หรอกว่าคุณมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด คุณเป็นคนเดียวที่แสดงให้ฉันเห็นว่าความพยายามจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ ถ้าทุกคนบนโลกนี้เห็นคุณค่าของชีวิต ฉันเชื่อว่าจะมีอีกหลายคนที่จะได้รับแรงบันดาลใจจากมัน

 

 

“อีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าคุณจำเป็นต้องใช้บทของฉันมาช่วยคุณหรอกค่ะ เพราะคุณเป็นตัวของตัวเองมาตลอด แล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาลือกันเลยสักนิด”

 

 

จากนั้นถังหนิงและถังเซี่ยวพูดคุยกันต่ออีกหลายชั่วโมง จนท้ายที่สุดทั้งสองได้เห็นภาพอันชัดเจนว่าความคาดหวังของละครเรื่องนี้คืออะไร

 

 

สุดท้าย ถังเซี่ยวสังเกตว่าเวลาล่วงเลยไปมากแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้นเพื่อลากลับ เพราะหากเธอไม่ทำเช่นนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะคุยกันต่อไปอีกนานแค่ไหน

 

 

“อ้อ ว่าแต่เรื่องบทพระเอก คุณมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

 

 

“เดิมทีฉันค่อนข้างชอบเป่ยเฉินตงนะคะ แต่พวกคุณสองคนเคยร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้วและภาพลักษณ์ของเขาไม่ค่อยเหมาะกับชุดย้อนยุคเท่าไหร่ ฉันเลยจะให้พวกคุณเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้แล้วกันค่ะ”

 

 

“คุณไม่มีใครอื่นในใจแล้วจริงๆ เหรอ” ถังหนิงถามขณะที่ถังเซี่ยวกำลังจะกลับ

 

 

“อืม… ที่จริงฉันมีคนหนึ่งในใจ แต่ฉันไม่คิดว่ามันเป็นไปได้” ถังเซี่ยวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเธอโน้มตัวมากระซิบบอกชื่อคนคนนั้นที่ข้างหูของถังหนิง

 

 

เป็นไปตามคาด…

 

 

… ถังหนิงจ้องหน้าถังเซี่ยวตาไม่กะพริบ

 

 

“เขาเกิดมาพร้อมภาพลักษณ์ทรงพลังราวกับราชา ถึงแม้จะไม่ใช้ทักษะในการแสดง เขาก็ยังสามารถจูงใจทุกคนและแฟนๆ ของนิยายเรื่องนี้ได้!”

 

 

แต่การที่จะคัดตัวคนที่เธอคิดไว้ในใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จ

 

 

“มันเป็นไปไม่ได้จริงไหมคะ ฉันเองก็ไม่คิดว่ามันเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะดูไม่มีทีท่าว่าเขาจะมาแสดง ฉันก็เลยให้พวกคุณเลือกคนอื่นแทนดีกว่า ตราบใดที่พวกคุณคิดว่านักแสดงคนนั้นเหมาะสมกับคุณ ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วละค่ะ”

 

 

ถังเซี่ยวเชื่อมั่นในตัวพวกเขามากเหลือเกิน

 

 

นักเขียนคนอื่นมักจะมีความกังวลกับหลายสิ่งอย่างเมื่อต้องถ่ายทำนิยายของตัวเองและมีข้อเสนอแนะมากมายต่อบรรดานักแสดง แต่ถังเซี่ยวเป็นคนที่งานด้วยได้ง่าย เธอเพียงแค่วางชื่อคนที่เป็นไปไม่ได้ไว้เบื้องหลัง สลัดมันทิ้งและเดินต่อไป

 

 

ไม่ใช่ว่าคนที่ถังเซี่ยวเสนอจะแสดงละครไมได้ เพียงแต่…

 

 

 

 

ในขณะที่กองถ่ายของ ‘ชายาหนิง’ กำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายทำ ข่าวอันน่าตื่นเต้นได้ปรากฏขึ้นบนหน้าข่าวบันเทิงไปทั่วปักกิ่ง ถังหนิงได้ตกลงร่วมงานกับละครเรื่องใหม่ซึ่งได้รับการดัดแปลงมาจากนิยายที่กำลังเป็นที่นิยมที่ชื่อ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ แต่งโดยถังเซี่ยว ทันทีที่ข่าวนี้ได้รับการเผยแพร่ สื่อต่างแห่กันมาที่ไห่รุ่ยเพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าว ท้ายที่สุดหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ยได้ออกมาบอกให้ทุกรอฟังการประกาศอย่างเป็นทางการและจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ในเวลานี้

 

 

ข่าวนี้สร้างความวุ่นวายให้กับ ‘ชายาหนิง’ เพราะทีมงานหลายคนต่างเคยอ่านนิยายเรื่องนี้ ที่มีบางคนที่กำลังไล่อ่านผลงานล่าสุดของถังเซี่ยวอยู่ด้วย ดังนั้นจึงสามารถเห็นปฏิกิริยาของทีมงานได้อย่างง่ายดายว่านิยายเรื่องนี้โด่งดังมากแค่ไหน

 

 

สำหรับไป๋อวี๋ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ จึงไม่เคยเห็นนิยายเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงเอ่ยถามผู้ช่วยของเธอ “’ หวงเฟยยอดสตรี’ นั่นดีกว่า ‘ชายาหนิง’ หรือเปล่า”

 

 

ผู้ช่วยคนนั้นตัวแข็งทื่อ เธอไม่คิดว่าไป๋อวี๋จะถามคำถามเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงผงกหัวอย่างเหนียมๆ

 

 

“บอกความจริงฉันมา”

 

 

“มันสนุกมากเลยค่ะ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยากจะเอาชนะได้” ผู้ช่วยคนนั้นอธิบายอย่างซื่อตรง “อีกอย่าง ฉันได้ยินมาว่าถังเซี่ยวเป็นคนเขียนบทด้วยตัวเอง ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องน่าตื่นตาตื่นใจมากแน่ๆ”

 

 

“เธอตั้งหน้าตั้งตารอดูหรือเปล่า”

 

 

ผู้ช่วยมองท่าทีของไป๋อวี๋และเลือกที่จะโกหกในท้ายที่สุด “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะคะ ถังเซี่ยวอาจจะอยากดัดแปลงนิยายของตัวเองแต่ก็ควรจะคิดด้วยว่าแฟนๆ จะยอมรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า นักอ่านทุกคนต่างมีความคิดหวังของตัวเองเกี่ยวกับบทนางเอกอยู่แล้ว ถ้าถังหนิงอยากจะเล่นละครเรื่องนี้ ก่อนอื่นเธอจะต้องผ่านบรรดาแฟนๆ ไปให้เสียก่อน ถังหนิงจะต้องเจอเรื่องลำบากอีกเยอะเลยละค่ะ…”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋อวี๋ก็รู้ดีว่าผู้ช่วยของเธอกำลังโกหก แต่เธอก็รู้สึกว่าคำพูดของอีกฝ่ายค่อนข้างมีน้ำหนัก เพราะถึงยังไงก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้บรรดาแฟนคลับพอใจ

 

 

แล้วก็เป็นไปตามคาด เพราะทันทีที่ข่าวกระจายไปถึงหูแฟนๆ ความเห็นมากมายได้ก่อตัวขึ้น…

 

 

[คุณพระ! ในที่สุด… นิยายเรื่องโปรดกับดาราที่ฉันชอบก็…]

 

 

[ให้ตายสิ สุดท้ายนิยายเรื่องนี้ก็ถูกเอาไปทำเป็นละครจนได้ โชคดีที่ได้ถังหนิงมาเป็นนางเอก อย่างน้อยก็ค่อยสบายใจได้หน่อย]

 

 

[ตื่นเต้นจังเลย! ถังหนิงกำลังจะเล่นเป็นชิงหลาน! โอ๊ย! สมบูรณ์แบบสุดๆ!]

 

 

[น่าดีใจจริงๆ ฉันรู้มาตลอดว่าถังเซี่ยวเป็นแฟนของถังหนิง]

 

 

แต่แน่นอนว่าแฟนคลับบางส่วนยังคงรู้สึกไม่เชื่อมั่น

 

 

[ถังหนิงเพิ่งจะคลอดลูกเมื่อไม่นานมานี้เองนี่ จะมาแสดงเป็นชิงหลานผู้ทรงเสน่ห์ของเราได้ยังไงกัน]

 

 

[ฉันกลัวว่าถังหนิงไม่น่าจะเข้ากับชุดแนวย้อนยุคหรอก จริงไหม]

 

 

[ฉันยอมรับในความสามารถด้านการแสดงของถังหนิงนะ แต่ฉันยอมรับหุ่นที่เหมือนหัวไชเท้าของคนที่เพิ่งคลอดลูกไม่ได้หรอก]

 

 

[ไม่มีใครสามารถมาเล่นเป็นชิงหลานในจินตนาการของฉันได้ทั้งนั้น ฉันขอร้องล่ะถังหนิง ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ มีนิยายตั้งหลายเรื่องที่พังไม่เป็นท่าเพราะถูกเอาไปดัดแปลงเป็นละคร นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดของฉัน ขอร้องล่ะอย่าทำมันพังไปด้วยเลย!]

 

 

 

 

ทุกคนต่างยอมรับในการแสดงของถังหนิง

 

 

แต่พวกเขาไม่เชื่อมั่นในรูปร่างและสภาพของเธอ!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset