วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 101 ลักลอบหนีในยามดึก เธอทนไม่ไหวแล้ว

มู่เวยเวยแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยแล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจหรอก กินดีอยู่ดีในทุกทุกวัน แต่ว่าน่าจะเป็นคุณเฉียวมากกว่าที่ต้องลำบากใจ ”

” ถ้าเธอคิดแบบนี้จริงๆ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ข้าวปลาอาหารของคนในบ้านเธอต้องลงมือทำด้วยตัวเอง! ”

มู่เวยเวยขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกเสียใจสุดสุด เธอไม่น่าปากพล่อยเลย

” ฉันทำไม่เป็น ” เธอพูดอย่างมั่นใจ

เย่ฉ่าวเฉินยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า ” ฉันจะให้ฉินหม่าสอนให้เธอ ที่เธอพูดก็ถูกนะ แทนที่จะให้เธอกินดีอยู่ดีไปวันวัน มันจะดีกว่าถ้าให้เธอทำประโยชน์ให้กับบ้านนี้สักหน่อย! ”

มู่เวยเวยหงุดหงิดแล้วพูดอย่างไม่พอใจ ” คุณไม่กลัวว่าฉันจะวางยาคุณตายหรอ! ”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราอย่างเย็นชาแล้วค่อยๆพูดออกมาทีละคำ ” ถ้าเธอกล้าทำ ฉันจะทำให้เธอต้องตกนรก! ”

มู่เวยเวยหัวเราะแห้ง แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างไม่พอใจพร้อมกับพูดอย่างเฉยเมย ” ลงนรก? คุณไม่รู้สึกหรอว่าที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้มันคือนรก ”

คุณก็คือปีศาลในนรก

เย่ฉ่าวเฉินเชยคางเธอขึ้น แล้วยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาค่อยๆพูดอย่างจริงจังว่า ” มู่เวยเวย เธอนี่มันนับวันยิ่งเหิมเกริมใหญ่แล้วนะ มันเป็นเพราะว่าช่วงนี้ฉันดูแลเธอไม่ดีพอสินะ! ”

มู่เวยเวยรู้สึกโมโหมาก เธอยื่นมาออกไปเพื่อหยุดเขา แต่ว่าเธอก็สู้แรงของเขาไม่ได้อยู่ดี เธอรู้สึกหนาวสั่นในใจ และทันใดนั้นนั้นพอรู้ตัวอีกทีเธอก็นอนอยู่ที่พื้นแล้ว……

ความเย็นจัดบนแผ่นหลังของเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น ทันใดนั้นเธอก็ได้เหลือบไปเห็นไฟฉายที่อยู่บนหัวเตียง เธอรีบยื่นมาไปหยิบมันมาแล้วส่องไปที่ตาทั้งคู่ของเย่ฉ่าวเฉิน

แสงที่สว่างจ้าขึ้นมากะทันหัน ทำให้เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นละบากไปชั่วขณะ เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ” มู่เวยเวย ยัยผู้หญิงที่น่าตายคนนี้! เธออยากให้ฉันตาบอดรึยังไง! ”

มู่เวยเวยใช้โอกาสนี้ผลักเขาออก และพุ่งตัวที่เปลือยอยู่ไปที่ห้องน้ำ แล้วล็อกประตูห้องน้ำทันที เธอรู้สึกโล่งอกไปที

มองไปที่หัวเขาที่เขียงช้ำไปหมด มู่เวยเวยก็อดไม่ได้ที่จะด่าเขาอย่างเงียบๆ: เย่ฉ่าวเฉิน ไอ้คนบ้านี้! ฉันขอสาปแช่งให้นายตาบอดไปเลย!

เย่ฉ่าวเฉินที่ปิดตาอยู่พอลืมตาขึ้นมาก็ค่อยๆเห็นภาพอย่างชัดเจน พอเห็นว่าในห้องนอนไม่มีแม้แต่เงาของเธอ ในใจของก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที

พอนึกเธอเรื่องที่เธอต่อต้านเขา เย่ฉ่าวเฉินก็โกรธมาก ยัยผู้หญิงน่าตายนี่ ตอนนี้ถึงกับกล้าต่อต้านเขางั้นหรอ?

ในที่สุดเธอก็ไม่ให้เขาแตะเนื้อต้องตัวได้! ดีมาก!

เธอจะรักนวลสงวนตัวไปเพื่อใคร? หนานกงเฮ่างั้นหรอ!

พอคิดแบบนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกคับแค้นใจมาก แล้วกวาดมือควานหาไฟฉายบนหัวเตียงนั่นจากนั้นก็โยนลงพื้นอย่างสุดแรง

มู่เวยเวยที่หลบอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเพียงเสียง ” ตึกตัก– ” เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แล้วบ่นอย่างเงียบๆ: เป็นบ้าอะไรอีก! มีปัญญาก็ตีตัวเองสิ!

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเศษที่ตกแตกอยู่ที่พื้นอย่างไม่แยแส และหันหลังเดินออกไปทางประตูห้องนอน เมื่อเขาเดินผ่านประตู เขาก็ทุบประตูอย่างแรง

มู่เวยเวยที่หลบสังเกตการณ์อยู่ข้างนอก พอได้ยินเสียงปิดประตู เธอก็แน่ใจว่าเขาออกไปแล้ว เธอรู้สึกโล่งอกแล้วค่อยๆเดินออกมาด้วยความระมัดระวัง

เมื่อมองไปที่ไฟฉายที่แตกเป็นเศษอยู่บนพื้น เธอก็รู้สึกปวดใจนิดหน่อย เธอคิดได้ว่าต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย แต่สิ่งที่เธอทำก่อนอันดับแรกคือเดินไปล็อกประตูก่อนเผื่อเขาจะเดินกลับมาอีกรอบ

พอเปิดประตูห้องแล้ว มู่เวยเวยก็เริ่มเก็บกวาดให้เรียบร้อย จากนั้นก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องอยู่นาน จากนั้นมู่เวยเวยพึ่งจะเดินออกจากห้อง

เธอเดินลงบันไดไป มู่เวยเวยอยากไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ เธอเดินผ่านห้องรับแขกก็ได้เห็นเฉียวซินโยวที่กำลังนั่งดูข่าวบันเทิงอยู่

มู่เวยเวยไม่อยากสนใจเธอ และเดินตรงไปตรงประตูทางออก แต่ความรู้สึกของเฉียวซินโยวไม่ได้เหมือนกับเธอ รู้สึกได้ว่าเมื่อกี้ที่เดินผ่านหน้าเธอ ก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากข้างหลังว่า ” นี่เธอจะไปไหนเนี่ย? คงไม่ใช่มีนัดเดทกับผู้ชายหรอกนะ? ”

มู่เวยเวยทำหน้าตึงเครียดแล้วหันหลังไปพูดกับเธอนิ่งว่า ” เฉียวซินโยวปากของเธอนี่เก็บออกมาจากส้วมหรือไง? ทำไมถึงได้พูดจาสกปรกแบบนี้?

เฉียวซินโยวยิ้มอย่างเย็นชา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก ” ปากของฉันจะพูดยังไงก็ต้องดูที่คน ถ้าเป็นคนดีฉันก็จะพูดแต่คำยกย่อง แต่ถ้าเผชิญหน้ากับคนเลวฉันก็จะพูดอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน! ”

” อ้อ หรอ? ” มู่เวยเวยตอบกลับเบาเบา ” เธอเป็นถังขยะหรอ? ยังมีการเลือกด้วยว่าจะใช้คำพูดยังไง? ”

เฉียวซินโยวหน้าเสีย แล้วลุกก้าวเดินไปข้างหน้าตลไปที่หน้ามู่เวยเวยหนึ่งที มองไปที่หน้าเธอที่ค่อยๆแดง ในใจของเธอรู้สึกสะใจมากแล้วพูดว่า ” ฉันจะสั่งสอนปากเธอแทนเอง ช่างน่าอายจริงๆ ”

มู่เวยเวยแสยะยิ้มเล็กน้อย แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ก็ยกมือขึ้นแล้วตบคืนไปที่หน้าเธอทันที มองไปที่เธอด้วยอารมณ์โกรธมากแล้วพูดขึ้นอย่างนิ่ง ” เธอมันน่าไม่อาย ฉันทำได้เพียงสั่งสอนปากของเธอ เผื่อว่าเธอจะยังไมรู้ตัวเอง! ”

เฉียวซินโยวใช้มือปิดไปที่ปากที่โดนตบเมื่อกี้ของเธอ แล้วตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ ” มู่เวยเวยนางผู้หญิงชั้นต่ำ เธอกล้าตบฉันงั้นหรอ? ”

” ใช่ ตบไปที่หน้าแสแสร้างใบนี้ของเธอนั้นแหละ! ” มู่เวยเวยพูดขึ้นพร้อมกับจ้องเธออย่างเย็นชา

หน้าของเฉียวซินโยวโกรธมากอย่างเห็นได้ชัด ตบนี้ของมู่เวยเวยถทอเป็นการตบที่อัปยศมากสำหรับเธอ ไม่มีใครเคยทำแบนี้กับเธอมาก่อน ความโกรธเกลียดในใจของเธอมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย เธอคิดว่าเธอต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง

ในตอนนี้เอง เย่ฉ่าวเฉินก็ได้โผล่มาอยู่ตรงบันได เฉียวซินโยวใช้โอกาสนี้ เธอรีบเปลี่ยนหน้าราวกับว่าเป็นนักแสดงละครเปลี่ยนหน้าอย่างงั้นเลย แสร้งทำเป็นนางเอกน่าสงสารและใช้น้ำเสียงที่น่าสงสาร

” เวยเวย ฉันว่าว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าฉัน เธอไม่อยากให้ฉันอยู่คฤหาสน์ตระกูลเย่ไม่ใช่หรอ? ฉันออกไปเองเธอพอในรึยัง? ”

มู่เวยเวยก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินพร้อมกับเฉียวซินโยว เธอก็คิดในใจว่าเฉียวซินโยวเจอที่พึ่งแล้วสินะ

มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คำพูดของเฉียวซินโยวทำให้เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามา เห็นเพียงว่าเขารีบเดินมาอยู่ข้างๆเธอ แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ” ซินโยว เธอเป็นอะไร? ”

เฉียวซินโยวที่ใช้มือปิดปากอยู่จู่ๆก็เอามือออกเผยให้เห็นหน้าที่บวมแดงและมีเลือดซิบๆออกมาเล็กน้อยของเธอ

ทำเป็นน้ำตาไหลริน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า ” ฉ่าวเฉิน คุณให้คนส่งฉันออกจากบ้านไปเถอะ ฉันอยู่ที่นี่คงไม่ค่อยเหมาะสม ”

พอพูดจบ ก็ทำเป็นมองมู่เวยเวยอย่างไม่ได้ตั้งใจ

มู่เวยเวยแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เธอไม่รู้เลยว่าตบของเธอจะแรงขนาดนี้ ถึงขั้นตอบจนเลือกซิบได้! แต่ก็เอาเถอะเธอคิดแล้วว่าจะต่อกรกับเธอจริงๆ ถือว่าไม่เสียแรง!

เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วที่เธอจงใจทำตัวเองตกบันได เลือดซิบแค่นี้มันเทียบอะไรไม่ได้เลย

แต่ว่ามู่เวยเวยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ที่เอาแต่ปิดปากเงียบ แล้วให้เย่ฉ่าวเฉินมาจัดการกับเธอต่ออีกรอบ

ถึงแม้เธอไม่อยากอธิบาย แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้ามันจำเป็น

สีหน้าของมู่เวยเวยแสดงออกมาว่าตกใจ แล้วพูดขึ้นว่า ” ซินโยว นี่เธอพูดอะไรล่ะ? อยู่ดีดีทำไมถึงจะย้ายออกไปล่ะ? ”

พอพูดประโยคนี้เสร็จ ก็ยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเองขึ้นนิดเล็กน้อย และเผยให้เห็นแก้มขวาที่บวมแดงอย่างเต็มที่ เฉียวซินโยวก็รู้สึกลอกแลกทันที

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าเคร่งขรึม พอเห็นรอยแดงบนหน้ามู่เวยเวยก็ตกใจเล็กน้อย และค่อยๆเปิดปากถามขึ้นว่า ” นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ”

เฉียวซินโยวกัดไปที่ริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อให้รู้สึกเจ็บแล้วน้ำตาก็ไหลออกมามากขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลำบากใจ ” ฉ่าวเฉิน เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเวยเวย เป็นเพราะฉันเอง ฉันอยากออกไปจากที่นี่ ”

” เพราะอะไร? ”

เฉียวซินโยวทำหน้าทำตาเสียใจ แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ” ฉันมันเป็นคนนอก จะอยู่ที่นี่ต่อไป คนอื่นจะเอาไปนินทาเปล่าๆ ”

เย่ฉ่าวเฉินเห็นถึงการแสดงออกของเธอที่เปราะบาง และรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นปากที่บวมแดงของเธอ แล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ “บอกฉันมา ใครทำให้ปากของเธอเป็นแบบนี้? ”

เฉียวซินโยวได้ยินอย่างนั้น น้ำตาก็พลุ่งพล่านออกมามากกว่าเดิมราวกับว่าโดนทำร้ายอย่างหนักหนาสาหัสมาก แล้วพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร ” ฉันทำตัวเอง! ”

เย่ฉ่าวเฉินจับมือเขาแล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันจะฟังความจริง! ”

มู่เวยเวยเงยหน้ามองไปที่สามีของเธอกับการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างเย็นชา ไม่สนใจภรรยาที่หน้ายวมแดงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับไปใส่ใจผู้หญิงอีกคนต่อหน้าเธอ!

เธอคิดในใจ เธออาจจะทำเลวเป็นเฉียวซินโยวไม่ได้ เธอไม่ได้ทำร้ายแค่คนอื่น แต่เธอทำร้ายตัวเธอเองด้วย เธอนี่มันบ้าจริงๆเลย!

ท่าทีของเฉียวซินโยว ทำให้เย่ฉ่าวเฉินหันมามองมู่เวยเวยด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดมโปว่า ” มู่เวยเวย ใช่เธอมั้ย? ”

มู่เวยเวยขมวดคิ้ว แล้วฉีกยิ้มออกพร้อมกับถามว่า ” คุณไม่เห็นรอยแดงบนแก้มขวาของฉันหรอ? หรือว่าเป็นเพราะฉันไม่ไก้ร้องไห้ คุณถึงได้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเลย? ”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไร

มู่เวยเวยยิ้มแล้วพูดอย่างเฉยเมย ” ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันขอตัวก่อนนะ ไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของทั้งสองที่จะอยู่กันตามลำพังแล้ว ”

มองไปที่มู่เวยเวยที่กำลังเดินออกไป เฉียวซินโยวไม่พอใจมาก ทันใดนั้นเธอกลับหลับตาทำราวกับว่าหมดสติไป

” ซินโยว เธอเป็นอะไรไป? ” เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย และรับร่างของเธอที่ล้มลงไว้พร้อมกับตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน ” จางเห่อ! ”

จางเห่อพอได้ยินเสียงเรียก ก็รีบตรงเข้ามาหาเย่ฉ่าวเฉิน และเห็นเฉียวซินโยวที่หมดสติไปตรงหน้า เขาตกใจเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า” คุณชาย”

” รีบไปตามคุณหมอหานมา! ”

” ครับ ”

เย่ฉ่าวเฉินอุ้มเธอขึ้นห้อง พอเดินผ่านห้องของเธอ เขาทำหน้าจริงจังทันทีแล้วสั่งกับคุณอาหวังที่ยืนอยู่ข้างๆว่า ” คุณอาหวัง หลังจากวันนี้ อย่าให้คุณหนูออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว! ”

คุณอาหวังตกใจและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า ” คุณชาย แบบนี้มันไม่ดีมั้งครับ? ”

เย่ฉ่าวเฉินจ้องเขาอย่างเย็นชา คุณอาหวังก็เงียบลงทันที เขาจึงพูดขึ้นว่า ” นายไปบอกเธอ ว่าให้ลองทบทวนดูดีดี คิดไดเมื่อไหร่ก็ค่อยออกมาเมื่อนั้น! ”

คุณอาหวังพยักหน้า แล้วพูดว่า ” รับทราบครับ ”

มู่เวยเวยโดนกักบริเวณ ประตูถูกล็อกจากด้านนอก คุณอาหวังบอกว่ากุญแจอยู่ที่เย่ฉ่าวเฉิน ซึ่งก็หมายความว่า เธอจะออกมาได้ยังไงก็ขึ้นอยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน

มองขึ้นไปบนเพดาน มู่เวยเวยก็หัวเราะออกมาด้วยความเยาะเย้ย เธอรู้สึกว่ามันน่าตลกมากช่างน่าสมเพชมากจริงๆ

เธออยากร้องไห้ แต่ทำยังไงเธอก็ร้องไห้ไม่ออก

เฉียวซินโยวตบหน้าเธอ เขาที่เป็นสามี ไม่ถามอะไรเธอเลยสักคำ

มันก็ใช่สินะ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยแคร์เธอจริงๆเลยสักครั้ง แม้แต่งานแต่งงานยังเป็นการแต่งเพื่อชดใช้เลยเขาจะใส่ใจเธอได้ยังไงกัน?

เธอไม่โทษใครเลย ถ้าจะโทษเธอขอโทษตัวเองที่อ่อนแอมาก อ่อนแอที่ไม่สามารถสู้เขาได้ อ่อนแอที่ไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้!

ในตอนนี้เธอที่เธอกำลังคิดไปต่างๆนานาเธอก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ที่แท้ก็เป็นเสียงของการเปิดประตูห้องนี่เอง

” คุณหนู อาหารจัดวางไว้ที่โต๊ะแล้ว กินเยอะๆนะ ” ฉินหม่าพูดขึ้นด้วยความนอบน้อม

มู่เวยเวยโบกมือและพูดว่า ” ฉันรู้แล้ว ฉินหม่าไม่ทำอย่างอื่นเถอะ ”

ฉินหม่าถอนหายใจแล้วพูดว่า ” โอเค ”

พอฉินหม่าออกไปแล้ว มู่เวยเวยก็มองไปที่อาหารที่ค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆ แต่เธอกลับไม่มีความอยากกินอาหารเลย

เธอก็ยังคงเป็นเหมือนนกขมิ้นที่ถูกขังไว้ในกรงเหล็ก ไม่ได้สูญเสียไปแค่อิสรภาพ แต่ยังสูญเสียศักดิ์ศรีไปด้วย

เธอไม่พอใจ!

มู่เวยเวยกำมือแน่น เธอไม่ชอบแย่งชิงอะไรกับใคร แต่ว่าเฉียวซินโยวไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เธอทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วเธอก็ยังต้องเผชิญกับหายนะจากเย่ฉ่าวเฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ค่อยๆลุกขึ้น มู่เวยเวยมองออกไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง ในใจเธอมีความคิดที่กล้าหาญผุดขึ้นมา

ฉันจะหนีออกไปจากที่นี่

พอคิดได้แบบนี้ มู่เวยเวยก็โดดลงจากเตียง แล้วพยายามหาเชือกรอบห้อง ที่เธออยู่ตอนนี้แค่ชั้นสอง เธอปีนออกไปทางหน้าต่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

แต่ว่าเธอพยายามหาทั่วห้องแล้ว แม้แต่เชือกเส้นเดียวเธอก็หาไม่เจอ ไ เชือกที่จะสามารถรับน้ำหนักตัวเธอได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ เธอโดดขึ้นเตียงสุดแรงโดยสองมือของเอจับเตียงนุ่มๆของเธอไว้ ทันใดนั้นตาเธอก็เป็นประกายขึ้นทันที และมีความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

เพราะว่างานออกแบเครื่องแต่งกาย เธอมีอุปกรณ์บางอย่างพกติดตัวไว้ เช่น กรรไกร

เธอเอากรรไกรออกจากกระเป๋า มู่เวยเวยใช้มันตัดลงบนผ้าปูที่นอนของตัวเองจนผ้าปูที่นอนแยกออกเป็นหลายๆเส้น และเธอก็ผูกปมไว้ที่ชายผ้าแต่ละเส้นเพื่อวัดความยาว และเธอก็เห็นว่ามันยังยาวไม่พอ

เธอค้นหาทั่วห้อง และไปสะดุดตากับผ้าม่านที่ลอยไปมาอยู่ เธอก้าวไปข้างหน้าและทำการตัดให้เรียบร้อย ด้วยความสามารถของเธอก็ตัดเป็นเส้นๆได้อย่างง่ายดาย

พอเตรียมทุกอย่างเส้นแล้ว มู่เวยเวยก็เอาเชือกที่ทำขึ้นซ่อนไว้ใต้เตียง และรอเวลาให้ถึงตอนกลางคืน

มุ่เวยเวยรีบกินข้าวที่เย็นแล้วอย่างมูมมาม และทันใดนั้นเธอก็คิกขึ้นได้ ระบบรักษาความปลอดภัยของเย่ฉ่าวเฉินหนาแน่นมาก เธอต้องวางแผนเส้นทางการเดินทางล่วงหน้าให้ดี

เพราะว่าเธอต้องเดินทางในตอนกลางคืน ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คือเติมพลังให้ตัวเอง มู่เวยเวยขึ้นไปนอนลงบนเตียง หลับตาแล้วเข้าสู่การหลับอย่างง่ายดาย……

เธอลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ รอบๆห้องมืดสนิทมีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกระจกห้องเข้ามา

พอมู่เวยเวยคิดได้ เธอก็รีบลุกออกจากเตียงทันที และยกนาฬิกาขึ้นภายใต้แสงจันทร์ เข็มนาฬิกาชี้ไปที่ห้าทุ่นแล้ว

มู่เวยเวยรีบไปหยิบกระเป๋าที่เตรียมทุกอย่างไว้แล้วออกมาจากตู้เสื้อผ้า ข้างในมีพวกของใช้ในชีวิตประจำวัน

เอาเชือกออกมาจากใต้เตียง เธอมัดเชือกไว้ตรงหัวเตียงอย่างแน่นหนา อีกด้านหนึ่งของเชื่อก็มัดไปที่เอวตัวเอง แล้วก็ค่อยๆพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง ใช้เชือกนั้นช่วยพยุงตัวและค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างล่าง

พอเท้าแตะที่พื้นแล้ว มู่เวยเวยก็รู้สึกโล่งใจ และปลดเชือกที่เอวออก จากนั้นก็พุ่งตัวไปที่ประตูทางออกหน้าบ้าน……

เมื่อได้ยินเสียงร้องจากพพนักงานรักษาความปลอดภัย เย่ฉ่าวเฉินก็ลืมตาขึ้น และลุกออกจากเตียงด้วยความสะลึมสะลือ

” จางเห่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว สายตาของเขาดุไม่พอใจ และพาตัวเองไปนั่ลงบนโซฟา และรอให้พวกเขาอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น

จางเห่อเอาแต่กุมหัวไว้แน่น ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี ผ่านไปหลายวินาทีจึงค่อยๆยกหน้าขึ้นแล้วพูดว่า ” คุณชาย เราจับตัวคนที่คิดจะปีนกำแพงหนีได้คนหนึ่ง คนคนนี้ก็คือ……”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว แล้วถามขึ้นด้วยเสียงแหบแต่เต็มไปด้วยพลัง ” คือใคร? ”

” คือคุณหนูครับ! คุณหนีอยากจะหนีออกไป แต่โชคดีที่โดนพี่น้องเวรยามคืนนี้สกัดไว้ได้สะก่อน ไม่ทราบว่าคุณชายจะจัดการยังไงดีครับ? ”

สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ” ไปพาตัวเธอมา ”

ก็ดี กล้าหนีงั้นหรือ ดูเหมือนว่าจะกล้าหาญมาก

ในตอนนี้เองที่มู่เวยเวยถูกพาเข้ามา เขาไปที่เธอ เขาก็ยิ้มเยาะเย้นออกมา ใส่แค่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนต์กับรองเท้าผ้าใบ เธอใส่แบบนี้ก็กล้าที่จะหนีงั้นหรอ?

มู่เวยเวยเพิกเฉยต่อสายตาของเขาแล้วมองไปทางอื่น ในใจของเธอรู้สึกผิดหวังมาก เธอรู้อยู่แล้วว่าจะโดนจับได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้!

” ดึกดื่นป่านนี้เธอจะไปไหน? “เย่ฉ่าวเฉินออกอก เขาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เยาะเย้ย

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset