วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 117 ความผิดพลาดของการตั้งครรภ์

หลังจากเย่ฉ่าวเฉินพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมจากโซฟา และพูดอย่างใจเย็นว่า “ซินโยว ฉันจะไปโรงพยาบาล คุณกินเสร็จแล้วก็ลงไปทำงานต่อเถอะ”

สีหน้าของเฉียวซินโยวก็ดูมืดมนลง แต่ก็ถูกเธอเก็บซ่อนไว้อย่างรวดเร็ว เธอจึงพูดว่า “ฉ่าวเฉิน เวยเวยคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันก็เป็นห่วงอาการของเธอ คุณช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลด้วยได้ไหม ?”

เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมา มองเธอด้วยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเขาอย่างชัดเจน และพูดขึ้นว่า “ตกลง พวกเราไปกันเถอะ”

“อืม”

เมื่อถึงหน้าห้องผ่าตัด จางเห่อก็บอกว่ามู่เวยเวยยังอยู่ในระหว่างการผ่าตัด สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินดูมืดมนลง และถามอย่างเฉยเมยว่า การผ่าตัด จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ?

จางเห่อส่ายหัว และพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวใดๆ อาการของคุณหนูในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักพัก”

เย่ฉ่าวเฉินไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆที่เก้าอี้ตรงทางเดิน รออย่างเงียบๆ

ผ่านไป 1 ชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก มู่เวยเวยถูกล้อมไปด้วยหมอหลายคน และเข็นเธอไปห้องพัก VIP ของเธอ

เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นยืน เมื่อมองเห็นผู้อำนวยการหลี่ที่อยู่ในชุดผ่าตัด เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้อำนวยการหลี่ ตอนนี้อาการเธอเป็นอย่างไรบ้าง ?”

ผู้อำนวยการหลี่ถอดหน้ากากออก สีหน้าเขาสงบนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงยินดีว่า “เย่ฉ่าว คุณวางใจเถอะ การผ่าตัดคุณมู่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เนื่องจากการได้รับบาดเจ็บที่ขาก่อนหน้านี้ ทำให้เธออ่อนแอลงมาก ทางที่ดีให้เธอนอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลสักพัก”

เมื่อได้ยินผู้อำนวยการหลี่พูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก พยักหน้าและพูดอย่างใจเย็นว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ละกัน”

ผู้อำนวยการหลี่พยักหน้า และพูดต่อว่า “เนื่องจากเธอเพิ่งผ่าตัดกระเพาะอาหาร ทำให้ไม่กี่วันนี้คุณมู่จะไม่สามารถกินอะไรได้ ได้แต่พึ่งพาแร่ธาตุสารอาหารเท่านั้น”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าที่เย็นชาของเขาเป็นประกาย และพูดด้วยเสียงลดต่ำลง “ถ้ายังมีอะไรที่ต้องระวังอีก คุณสามารถบอกกับจางเห่อได้ ”

“ตกลง งั้นเย่ฉ่าว ฉันไปทำงานก่อนละ”

“อืม”

เมื่อผู้อำนวยการจากไป เย่ฉ่าวเฉินก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ หันกลับมาและสั่งกับจางเห่อว่า คุณไปจ้างพยาบาลสองสามคน มาดูแลเธอในช่วงนี้ คุณเป็นผู้ชายมันจะไม่ค่อยสะดวก

เมื่อได้ยินคำสั่งของเย่ฉ่าวเฉิน จางเห่อก็รู้สึกโล่งใจ และพูดอย่างใจเย็นว่า “ครับ”

เมื่อเฉียวซินโยวได้ยินคำสั่งของเย่ฉ่าวเฉิน ในใจเธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่แสดงปฎิกิริยาอะไรออกมา และเดินตามเขาเข้าไปในห้องผู้ป่วย

มู่เวยเวยที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเธอซีดเซียว เดิมทีหน้ากลมๆของเธอซูบลงไปมาก แม้แต่คางของเธอก็แหลมขึ้น สิ่งนี้ทำให้ใจที่หดหู่ในระหว่างทางของเฉียวซินโยวรู้สึกดีขึ้นมาก

มู่เวยเวย เธอก็ยังมีวันนี้ ดูเถอะ นี่เป็นราคาที่เธอและฉันต้องจ่าย !

การแสดงออกเฉียวซินโยวซ่อนความภูมิใจไว้ ในตอนนี้มู่เวยเวยยังอาการโคม่า และเหมือนจะไม่รู้เรื่องราวภายนอก

การแสดงออกของเย่ฉ่าวเฉินดูมืดมนไปมาก เขามองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเธอ เขาหันกลับเดินออกจากห้องไป ความตกใจที่อยู่ภายในใจทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

แม้ว่าเธอจะนอนอยู่เงียบๆ แต่เหมือนเธอจะตำหนิในใจ ราวกับว่าเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา !

เฉียวซินโยวเหลือบมองไปที่เธอ มุมปากตระตุกยิ้ม และหันหลังเดินจากไป

เฉียวซินโยวไม่ได้ตรงกลับบ้าน แต่เธอไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่ เมื่อเห็นเขากำลังทำงาน รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปาก และพูดว่า “ผู้อำนวยการหลี่ ขอขัดจังหวะสักสองสามนาทีได้ไหม ?”

ผู้อำนวยการหลี่เงยหน้าขึ้น ยิ้มที่มุมปากและพูดขึ้นว่า “คุณเฉียวนี่เอง คุณมีอะไรก็พูดมาเถอะ ”

เฉียวซินโยวพยักหน้า จากที่เธอตกบันไดครั้งที่แล้ว ก็เป็นผู้อำนวยการหลี่นี่แหล่ะที่ผ่าตัดเธอ ทำให้ทั้งสองเจอกันโดยบังเอิญมาครั้งสองครั้งแล้ว

เธอพูดตรงๆว่า “ฉันอยากถามว่า ในช่วงนี้มู่เวยเวยมีอาการคลื้นไส้อาเจียนตลอดเวลา ต่อมาตรวจเช็คดูเหมือนว่าเธอจะตั้งครรภ์แล้ว ฉันอยากถามว่า ในการผ่าตัดครั้งนี้มีผลกระทบอะไรรึเปล่า ?”

เมื่อผู้อำนวยการหลี่ได้ยินเธอพูด ก็มองไปที่เธอครู่หนึ่ง และพูดว่าต่อว่า “ก่อนพวกเราทำการผ่าตัด ได้ตรวจเช็คร่างกายของคุณมู่หมดแล้ว พบว่าเธออาเจียนเพราะโรงกระเพาะอักเสบ และไม่พบความผิดปกติอื่นๆ ”

เฉียวซินโยวดูอึ้งไป และพูดต่อว่า “คุณหมายความว่า เวยเวยไม่ได้ตั้งครรภ์ ?”

ผู้อำนวยการหลี่พยักหน้า และสีหน้าของเฉียวซินโยวมืดมน เธอคิดและพูดต่อไปว่า “ผู้อำนวยการหลี่ เรื่องนี้คุณอย่าบอกกับใคร เพราะเย่ฉ่าวและเวยเวยรอคอยเด็กคนนี้ ถ้าหากรู้เรื่องมันจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา ”

เมื่อผู้อำนวยการหลี่พูดอย่างเข้าใจหลังฟังจบว่า “ฉันเข้าใจ”

“ถ้างั้นคุณทำงานเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน ”

“ตกลง”

เฉียวซินโยวเดินไปตามทางด้วยอารมณ์ที่คลุมเครือ ถ้าหากก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินทั้งสองทะเลาะกัน เธอคงจะดีใจมาก เพราะรู้ว่ามู่เวยเวยไม่ได้ท้องลูกของฉ่าวเฉิน สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี !

แต่ตอนนี้ ข้อเท็จจริงกับตรงกันข้าม มู่เวยเวยกำลังตั้งครรภ์กับผู้ชายตระกูลอื่น แค่จับจุดนี้ ในอนาคตเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยก็จะอยู่ไม่นาน ถึงแม้ว่าจะไม่หย่า แต่มู่เวยเวยก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีอีกเลย !

แต่ตอนนี้ล่ะ ที่เธอจินตนาการทั้งหมดหายไป……เธอไม่พอใจจริงๆ…….

ไม่ได้ เธอยังมีโอกาส อย่างน้อยตอนนี้ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวย ยังไม่รู้ความจริงเรื่องนี้ เธอต้องรีบคว้าโอกาสนี้ เพื่อขับไล่มู่เวยเวยออกจากตระกูลเย่ !

ไม่รู้ตัว เฉียวซินโยวก็เดินกลับมาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง เธอมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของมู่เวยเวย ในใจก็รู้สึกดี

มู่เวยเวย ดูใบหน้าที่ทำให้คนขยะแขยงของคุณตอนนี้ !จะบอกคุณว่า นี่คือสิ่งที่คุณทำให้เฉียวซินโยวคนนี้โกรธ !

ตอนที่จะก้าวขาออกไป ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เฉียวซินโยวสังเกตเห็นโทรศัพท์สีขาวบนหัวเตียง เธอรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว โดยหน้าจอแสดงเบอร์แปลก

“ฮัลโหล ?”

ปลายสายทำให้นึกถึงเสียงผุ้หญิงที่คมชัด และได้ยินเธอพูดว่า สวัสดีค่ะ ใช่คุณมู่เวยเวยไหมคะ ?

เฉียวซินโยวเลิกคิ้ว และพูดด้วยเสียงต่ำว่า ใช่ค่ะ ฉันเอง นี่ใครคะ ?

“คือแบบนี้ค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ เนื่องจากความผิดพลาดของฉันในวันนั้น ทำให้ผลของคุณผิดพลาดกับของผู้ป่วยรายอื่น ทำให้ผลออกมาเป็นแบบนี้ฉันขอโทษจริงๆ……”

จากคำอธิบายของหมอ เฉียวซินโยวก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ผิดพลาดนี้

ที่แท้ภาพถ่ายของมู่เวยเวยในวันนั้น มีอีกคนที่ชื่อเดียวกันกับมู่เวยเวยก็ไปพบหมอด้วย เนื่องจากทั้งสองมีชื่อเหมือนกัน ตัวเลขของทั้งสองคนจึงผิดพลาด ทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิงขึ้น หมอที่นามสกุลตู้ลืมเปลี่ยนข้อมูล ทำให้ผลของทั้งสองคนเกิดความผิดพลาด

หลังจากเหตุการณ์นั้นผู้หญิงที่ชื่อมู่เวยเวยได้มาที่โรงพยาบาล ปรากฎว่าเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่น ตรวจพบว่าเธอตั้งครรภ์ จากนั้นหมอตู้ถึงได้รู้ความจริงเรื่องนี้ เลยโทรหาตอนนี้เพื่อขอโทษโดยเฉพาะ

เฉียวซินโยวขมวดคิ้ว มองไปที่มู่เวยเวยที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาคลุมเครือ และพูดต่อว่า “ก็หมายความว่า มู่…..ฉันไม่ได้ตั้งครรภ์ ?”

“ใช่ พวกเราขอโทษเป็นอย่างสูง แต่คุณอายุยังน้อย ยังมีโอกาสอีกมาย”

ก่อนหน้านี้เฉียวซินโยวก็รู้ผลอยู่แล้ว และคาดว่าจะมีโทรศัพท์สายนี้มา จึงพูดต่อไปว่า “ไม่เป็นไร”

“ขอบคุณมาก ขอให้คุณมีความสุข”

หลังจากวางโทรศัพท์ เฉียวซินโยวก็ลบบันทึกการโทร ในที่สุดก็ยืนยันในใจว่า มู่เวยเวยไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆ ที่เธอคลื่นไส้อาเจียนก่อนหน้านี้ เป็นเพียงสาเหตุของอาการโรคกระเพาะอักเสบ

เพียงแค่ขั้นตอนนี้ ก็ทำให้เฉียวซินโยวยิ้มเยาะ มู่เวยเวยคุณจะโชคร้ายเกินไปรึเปล่า ? แค่ลงทะเบียนยังเจอเรื่องแบบนี้ คนมันโชคร้าย ทำยังไงมันก็โชคร้าย !

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เฉียวซินโยวรู้สึกโชคดีคือ โชคดีที่เธอรับโทรศัพท์สายนี้ ไม่อย่างนั้นการแสดงครั้งใหญ่ในฉากต่อไปคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้

เฉียวซินโยวหยิบโทรศัพท์ออกมา และโทรออกอย่างรวดเร็ว เมื่อปลายสายรับ เธอก็พูดด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อยว่า “กงเฮ่า พวกเรามาเจอกันหน่อย ฉันมีเรื่องสำคัญจะปริกษาคุณ ”

“ตกลง เจอกันที่เดิม เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากปลายสาย

……

ณ ร้านกาแฟกุหลาบแดง

เมื่อเฉียวซินโยวเปิดประตู ก็ตรงไปยังที่นั่งที่คุ้นเคย มองเห็นหนานกงเฮ่ากำลังจิบกาแฟอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ และพูดขึ้นว่า “คุณกับมู่เวยเวยตอนนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ?”

สายตาของหนานกงเฮ่าดูมืดมนลง นิ้วที่สง่างามของเขากำลังกวนกาแฟ ดวงตามองออกไปที่คนขี่ม้านอกหน้าต่าง และพูดอย่างไม่ตั้งใจว่า “คุณเรียกผมมามีเรื่องอะไรกันแน่ ?”

เมื่อเห็นเขาไม่อยากพูด เฉียวซินโยวก็ไม่กล้าถามอะไรอีก จึงบอกเรื่องที่มู่เวยเวย ‘ไม่ได้ตั้งครรภ์’ กับหนานกงเฮ่า และพูดเสริมไปอีกประโยคหนึ่งว่า ”ต่อไปพวกเราจะทำยังไงดี ?“

สายตาของหนานกงเฮ่าดูมืดลง ดวงตาสีดำเปล่งประกาย และพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธว่า “มู่เวยเวยได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณทำไมเพิ่งมาบอกผมตอนนี้ ?”

ใจของเฉียวซินโยวสั่นไหว สายตาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและพูดว่า “ฉันคิดว่าคุณรู้นานแล้ว เมื่อก่อนทุกครั้งที่มู่เวยเวยได้รับบาดเจ็บ คุณก็รีบไปทันทีไม่ใช่เหรอ ?”

เมื่อฟังเธอพูดแบบนี้ หนานกงเฮ่าก็สงบลง ก่อนหน้านี้เขาส่งคนไปติดตามมู่เวยเวย แต่เมื่อความสัมพันธ์กับมู่เวยเวยเริ่มห่างเหิน เขาจึงเรียกคนติดตามกลับมา

ในอีกแง่หนึ่งเขาก็ไม่อยากห่างเหินกับมู่เวยเวยไปมากกว่านี้

ในทางกลับกัน เขาต้องการตัดข่าวสารของเธอออกทั้งหมด ไม่ต้องการให้เธอมารบกวนอารมณ์จิตใจของเขา…….ในเมื่อมู่เวยเวยไม่เชื่อว่าเขารักเธอจริง ถ้างั้นเขาก็อยากตรวจสอบว่า เขาจะสามารถปล่อยเธอไปได้หรือไม่

แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ หลังจากตัดข่าวสารของเธอไปหมดแล้ว ทำให้เขากลัวและรู้สึกอึดอัดมากขนาดไหน !

เขาเอาเธอไว้ต่อหน้าต่อตานานแล้ว ตอนนี้เขาหลับตาลงและในหัวก็ไม่มีภาพรอยยิ้มของเธอ สำหรับเขาแล้วทุกวินาทีเป็นความทุกข์ทรมานมากสำหรับเขา !

ในทีสุดก็ได้รู้อาการของเธอ มีแต่คนบอกว่าอาการของเธอแย่แค่ไหน และทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเย่ฉ่าวเฉิน หนานกงเฮ่าแทบจะทนไม่ได้ที่จะไปสั่งสอนเขา !

แต่เขาก็ต้องอดทนไว้ เป้าหมายของเขาไม่ใช่การกำจัดเย่ฉ่าวเฉิน แต่เพื่อให้ได้มู่เวยเวย ดังนั้นสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำตอนนี้ คือการได้รับความรู้สึกดีๆจากเวยเวยกลับคืนมา

ในก่อนหน้านี้ เขาไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม

หนานกงเฮ่าสงบสติลง จ้องมองไปที่เฉียวซินโยว และพูดว่า “เรื่องนี้คุณทำได้ดีมาก ยังไม่ต้องประกาศเรื่องนี้ออกไป จะใช้โอกาสนี้ พวกเราต้องจัดการอย่างรวดเร็ว”

เมื่อได้ยินแผนการของหนานกงเฮ่า แววตาของเฉียวซินโยวก็เป็นประกายด้วยความภูมิใจ

มู่เวยเวย เธอจะต้องออกไปเร็วๆนี้แน่ !

……

เมื่อมู่เวยเวยตื่นขึ้นมา ใบหน้าของหนานกงเฮ่าก็ปรากฎขึ้นบนหน้า เธอรู้สึกถึงท่าทีที่เป้นห่วงจากสายตาของเขา ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกอุ่นใจ

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หลังจากพบเจอกับความเจ็บปวดอย่างมาก เธอรู้สึกถึงความห่วงใยจากผู้อื่น ทำให้เลือดที่แสนเย็นชาของเธอดูอบอุ่นลง

“เวยเวย คุณตื่นแล้วเหรอ ? ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ?”

สายตาของหนานกงเฮ่าดูซีดเซียว โดยเฉพาะรอยคล้ำใต้ดวงตาสีพีชที่สวยงามของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาดูหนื่อยล้า มีรอยยับมากมายบนเสื้อที่ดูสะอาดของเขา เมื่อเห็นเธอตื่นขึ้นมา แววตาประหลาดใจก็ฉายผ่านดวงตาสีเข้ม

มู่เวยเวยเม้มริมฝีปากที่แห้ง และคอที่แหบแห้ง “ฉันโคม่าไปนานแค่ไหนแล้ว ?”

สีหน้าของหนานกงเฮ่าดูยิ้มเป็นประกายและพูดว่า คุณหลับไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว แม้หมอจะบอกว่าเป็นเพราะร่างกายคุณอ่อนแอ แต่ผมก็กังวลว่าคุณจะไม่ฟื้นขึ้นมา

มู่เวยเวยพยายามยิ้มออกมา และพูดออกไปเบาๆว่า “ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันคิดว่าคุณเหนื่อยมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินว่าเธอเป็นห่วง หนานกงเฮ่าก็ใจเต้น รอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายผุดขึ้นที่มุมปาก และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณไม่ต้องห่วงฉัน ฉันสบายดี ”

เวลาต่อมา ทั้งสองก็อยากที่จะสนทนาอย่างมีความสุข

มู่เวยเวยเพิ่งฟื้นคืนสติ จึงไม่เหมาะที่จะพูดอะไรมาก ดังนั้นส่วนใหญ่จึงได้แต่ฟัง หนานกงเฮ่าเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจในการเดินทาง ทุกครั้งที่เล่าเรื่องสนุก มู่เวยเวยก็จะหัวเราะไปด้วย

บรรยากาศภายในห้องดูกลมกลืนกันมาก พวกเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นข้างนอกประตู ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ถูกจับตามองด้วยดวงตาที่เศร้าหมองคู่หนึ่ง

“คุณชาย ไม่กี่วันมานี้คุณชายหนานกงมาอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูตลอด เดิมที่ฉันบอกให้เขาหยุดแต่เขาก็ไม่ฟัง สีหน้าจางเห่อเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และน้ำเสียงเขาก็ดูจะเป็นกังวล

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนไปนิ่งราวกับน้ำ แต่น้ำเสียงของเขาทุ้มลง “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ นิสัยของหนานกงเฮ่าผมเข้าใจดี เขาจะทำเรื่องอะไรแล้วคุณก็หยุดเขาไว้ไม่ได้”

เมื่อได้ยินเย่ฉ่าวเฉินพูด จางเห่อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เรื่องที่ฉันให้คุณสืบมีความคืบหน้าหรือไม่ ?

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ สายตาจางเห่อก็ระมัดระวังตัวขึ้น เขาสังเกตดูสถานการณ์ภายในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนอยู่รอบๆ ถึงเปิดปากพูดว่า “คนของเราได้ทำการตรวจสอบออกมาแล้ว เด็กคนนั้นไม่ใช่ลู่จื่อหางจริงๆ”

ไม่ใช่ลู่จื่อหาง ?

เธอเคยมีแค่ลู่จื่อหางเป็นแฟนคนเดียว ? ข้อมูลผิดรึเปล่า ? เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยสีหน้าที่ดูมืดมน

“จากการตรวจสอบ ทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน ดังนั้นพ่อของเด็กจึงน่าจะเป็นคนอื่น”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแน่น สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

มู่เวยเวย สรุปแล้วคุณมีกี่คน

เหอะ !เห็นได้ชัดว่ามีแฟนอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไร้ยางอายปีนขึ้นไปบนเตียงคนอื่น !ไม่แปลกใจว่าลู่จื่อหางจะทิ้งเธอ และไปลงเอยกลับมู่อี้เหยา

จากครั้งนี้ มู่เวยเวยในใจของเย่ฉ่าวเฉิน ก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘หญิงดอกทอง’อีกครั้ง

เธอเริ่มเรียนรู้ด้วยการหลอกล่อเขาด้วยเงินหนึ่งล้าน หรือว่าแม้แต่คำสามคำนี้ก็ยังไม่คู่ควรกับเธอ !

……

ภายในห้อง

เนื่องจากมีหนานกงเฮ่ามาอยู่เป็นเพื่อน ทำให้อารมณ์ของมู่เวยเวยค่อยๆผ่อนคลายลง ในตอนเช้าทุกวันหมอจะมาตรวจเช็คร่างกายเธอ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการฟื้นตัวของขาเธอ หลังจากกายภาพไประยะหนึ่ง ขาขวาของมู่เวยเวยก็ฟิ้นตัวดีขึ้น

วันนี้ก็เหมือนปกติ หลังจากหมอหวางตรวจขาของมู่เวยเวยแล้ว ก็พูดต่อว่า “คุณมู่ ขาของคุณฟื้นตัวได้ดี เพราะกำลังซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อขาคุณลีบ จากวันนี้เป็นต้นไปคุณสามารถออกกำลังกายง่ายๆได้”

หลังจากที่หมออธิบายเสร็จ มู่เวยเวยก็อารมณ์ดี รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก และพูดว่า “ฉันสามารถลงเตียงได้ไหม ?”

ได้แล้วแต่ตอนนี้ต้องคุมเวลาอย่างเคร่งครัด และออกกำลังกายครึ่งชั่วโมงทุกวัน เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อตึงเกินไป

มู่เวยเวยพยักหน้า และพูดว่า “อืม ฉันรู้แล้ว”

เมื่อหมอจากไป มู่เวยเวยก็รอไม่ไหวแล้ว เธอหยิบไม้ค้ำข้างโต๊ะหัวเตียงมา นี่เป็นสิ่งที่หนานกงเฮ่าเตรียมให้เธอเป็นพิเศษ เธอขยับขาขวาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ใช้หัวเตียงค้ำพยุงเธอลุกขึ้นมา

บางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกายนาน ในตอนแรกมู่เวยเวยไม่สามารถขยับขาได้ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในที่สุดเธอก็สามารถใช้ไม้ค้ำยันเพื่อเริ่มออกกำลังกายได้

เดินช้าๆไปตามทางเดินโรงพยาบาล ผ่านไปไม่นาน มู่เวยเวยก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

เดิมฉันอยากนั่งพักที่เก้าอี้นั่งข้างๆ แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนแตะที่ไหล่ ฉันรู้สึกว่าร่างกายคดงอ บวกกับขาที่ไม่มีแรง ทำให้ฉันจะล้มไปข้างหน้า

“ระวัง !”ได้ยินเสียงผุ้ชายที่น่าหลงไหลผ่านเข้ามาในหูของเธอ ไม่รอให้เธอตอบสนองกลับ เธอก็รู้สึกเหมือนร่างกายเธอลอยขึ้น

มู่เวยเวยกำลังจะกล่าวขอบคุณ เมื่อเห็นท่าทางของคนที่มา สติฉันก็หายไปชั่วขณะ เหมือนว่าจะมีความรู้สึกคุ้นเคย

ชายคนนี้มีผมหยักโศกสีบลอนเข้ม ลักษณะดูบอบบาง ดวงตาสีเข้มของเขาสว่างราวกับสีนิลงาม ดั้งจมูกที่เป็นสัน ริมฝีปากที่ค่อนข้างหนาของเขา แต่แฝงไปด้วยสน่ห์ที่เย้ายวน

เขามีรูปร่างผอมสุงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงสูทสีดำ และรองเท้าที่ดูสะอาดสะอ้าน ท่าทางของเขาแสดงถึงความสง่างามและมีเสน่ห์จนหาใครเปรียบไม่ได้

หน้าคุ้นจังเลย……..

มู่เวยเวยขมวดคิ้ว และลืมที่จะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ จนกระทั่งชายหนุ่มพูดขึ้นมาว่า “คุณโอเคใช่ไหม ?”

เธอมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มบางเบา ราวกับดวงอาทิตย์ในเดือนสาม แม้แต่ความร้อนก็ส่งผ่านไปหาคนอื่นได้ ทำให้ใจของมู่เวยเวยดูอบอุ่นขึ้นมา และพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ”

ชายหนุ่มส่ายหัว เขาสังเกตเห็นเท้าที่ดูเดินไม่สะดวกนักของเธอ จึงพูดขึ้นว่า “ห้องของคุณอยู่ไหน ผมจะไปส่งคุณกลับ ?”

มู่เวยเวยไม่คิดว่าเขาจะใจดี และไม่อยากถากถางน้ำใจเขา จึงพูดไปว่า “ห้องฉันอยู่ทางด้านตะวันออก”

ด้วยความช่วยเหลือของชายคนนั้น มู่เวยเวยจึงกลับมาถึงห้อง เธอกำลังจะพูดขอบคุณเขาอีกครั้ง แต่ก็พบว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังสนใจกับไม้ค้ำข้างๆเธอ เธอจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “ไม่ค้ำมีปัญหาอะไรรึเปล่า ?”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset