วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 126 ความจริงที่ถูกเปิดเผย หลังดื่มเหล้าเข้าปาก

เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่ เฉียวซินโยวมีทีท่าสงสัย ประหลาดใจ และไม่อยากจะเชื่อว่าท่าทีที่เธอแสดงออกมาล้วนถูกจับจ้องด้วยสายตาของเขา และแน่นอนว่ายังมีความกลัวแวบขึ้นมาชั่วครู่

เฉียวซินโยวเบนสายตาออกมองทางด้านข้าง ทำให้สีหน้าของสงบลงพร้อมกับน้ำเสียงของความรู้สึกผิด “ฉ่าวเฉินนี่ไม่ใช่ความจริง คุณต้องเชื่อฉันนะ แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยทำเรื่องพวกนี้เลย!”

เย่ฉ่าวเฉินได้ฟังคำแก้ตัวข้างๆคูๆของเธอแล้ว ท่าทีเย็นชาก็ลดลง ที่จริงแล้วเขาได้ให้จางเห่อไปจัดการก็อปปี้แผ่นซีดีมาอีกชุดและได้นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตรวจสอบ และผลปรากฏว่า:เป็นของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันไม่มีร่องรอยของการแก้ไขหรือการถูกดัดแปลงใดๆแม้แต่น้อย

แต่ทว่าการประเชิญหน้ากับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เธอยังสามารถที่จะทำตบตาให้ผ่านไปได้ หรือเธอคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินคนนี้จะถูกใครก็ได้มาหลอกเอาง่ายๆอย่างงั้นหรือ?!

“ของสิ่งนี้ฉันได้พิสูจน์มาแล้ว PSไม่มีร่องรอยใดๆ เธอยังมีอะไรที่อยากจะพูดอีกไหม?”เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ได้ฟังเขาพูดเช่นนั้นแล้ว เฉียวซินโยวรู้ลึกหนักใจอย่างกะทันหัน แต่เธอก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเธอให้กลับมาปกติได้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า“อันที่จริงแล้วฉันไปได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยินเข้า ดังนั้นลู่จื่อหางจึงได้ขู่ฉันพร้อมกับให้ฉันจ่ายเงินห้าหมื่นหยวนให้กับเขา ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะเปิดโปงฉัน!”

หากมองที่การแสดงของเธอและยังไม่ได้ทำการตรวจสอบล่วงหน้า ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเชื่อในคำพูดของเธอก็เป็นได้

“รู้ไหมว่ามันเป็นใคร?”

เย่ฉ่าวเฉินจับจ้องเธอด้วยสายตาไม่ไหวติงพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

หลังจากที่ได้ฟังเขาถามจบ ในใจของเฉียวซินโยวเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก เธอกลืนน้ำลายเล็กน้อยพร้อมกับตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ฉ่าวเฉินคุณยอมที่จะเชื่อคนอื่นแต่ก็ไม่ยอมที่จะเชื่อฉัน?”

มือทั้งสองที่มองเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจนของเย่ฉ่าวเฉิน กับท่าทางที่เก่เก่กังกังกระดกคางของเฉียวซินโยวขึ้น น้ำตาเธอไหลรินลงมาความรู้สึกเจ็บปวด แต่เย่ฉ่าวเฉินก็มิได้มีความสงสารเธอเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ความเกลียดชังที่ถูกโกหกและความเย็นชา!

มองใบหน้าที่กำลังเจ็บปวดอันไร้เลือดฝาดของเธอ เย่ฉ่าวเฉินยังคงพูดต่อไปว่า“ซินโยว เธอรู้ไหมว่าสิ่งที่คนอื่นทำให้ฉันเกลียดมากที่สุดคืออะไร?นั่นก็คือการโกหกไง!ไหนเธอลองพูดมาสิว่า หลังจากที่เธอได้ทำตามแผนของเธอแล้ว เธอรู้สึกพอใจกับมันมากแค่ไหน?!”

เฉียวซินโยวพยายามอย่างมากที่จะเก็บความกลัวเอาไว้ในใจ แล้วพยายามใช้แรงของเธอส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดว่า“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!ฉันไม่ได้เป็นคนทำ!แม้ว่าเรื่องจะเป็นอย่างนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันรักคุณไม่ใช่หรอ……ฉันต้องการที่จะอยู่กับคุณ……”

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินผู้เย็นชาถึงกับต้องดึงมือกลับ พร้อมกับกดเธอลงบนโต๊ะทำงาน การแสดงออกที่ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน มีเพียงแค่ความเย็นชาที่ไม่ลดละ “ดังนั้นเธอจึงคิดแผนการต่างๆนานาเพื่อที่จะให้ท่าฉันอย่างนั้นหรือ?เพียงแค่ต้องการอยากจะให้ฉันทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ?!”

เมื่อได้ฟังคำพูดเขาที่จี้ใจดำเธออย่างเห็นได้ชัด หน้าของเฉียวซินโยวรู้สึกเจ็บๆแสบๆ ประหนึ่งเหมือนกับว่าถูกเขาผู้ไร้ความรู้สึกตบเข้าที่ใบหน้าหนึ่งครั้งอย่างจัง!

ทำไมเขาถึงได้พูดกับเธอเช่นนี้?จริงอยู่ที่ว่าเธอทำไม่ถูกต้อง แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะว่าเธอรักเขายังไงล่ะ!

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่เมื่อก่อนเคยได้ยินคนอื่นพูดเสมอว่า ความรักในโลกใบนี้สำหรับผู้ชายมักจะมีเหตุผลมากกว่าผู้หญิงเสมอ ไม่ว่าผู้หญิงจะรักมากแค่ไหน หากว่าผู้ชายเลือกที่จะเย็นชาใส่แล้วเขาจะเลือกจับผิดเฉพาะสิ่งที่ไม่ดีของเราอย่างไม่มีลดละ !

“เพราะว่าฉันรักคุณ!”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าและยังพูดต่อไปว่า“ฉ่าวเฉิน คุณหนะลืมไปแล้วหรือว่า?คุณคือผู้ชายคนแรกของฉัน ?คุณคิดว่าสิ่งที่ฉันจ่ายให้กับคุณมันมีเพียงแค่เยื่อพรหมจรรย์อย่างนั้นหรอ?มันยังมีความหวังและความภาคภูมิใจทั้งหมดของฉันอีก!”

ในใจลึกๆของเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสั่นไหว เขาเกือบจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วแต่ตอนนี้กลับนึกขึ้นมาได้ เขาทบทวนคำพูดของเฉียวซินโยว มันยิ่งน่าสงสัย ถ้าเป็นก่อนนี้ความทรงจำมันค่อนข้างเลื่อนลาง

แต่ถ้าเป็นตอนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า ผู้หญิงที่อยู่ในคืนนั้นดูไม่เหมือนเธอจริงๆ เพียงแต่ในตอนนี้เขายังไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างได้……

“หรือบางทีผู้ชายอย่างพวกคุณอาจจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก แค่ถือว่ามันเป็นความต้องการของร่างกาย แต่ว่าฉันกลับโง่ที่ตกหลุมรักคุณ ฉ่าวเฉิน ไหนคุณลองบอกฉันมาสิว่า ฉันผิดอะไร?!”

เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขาถึงกับแสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมกับทีท่ายิ้มเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ซินโยว เธอในตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันจะเชื่อถือได้เลย”

ได้ฟังเขาพูดเช่นนั้น เฉียวซินโยวถึงกับต้องตะลึงและถามออกไปอย่างมึนงงว่า“หมายความว่าอย่างไร?”

“หากว่าเป็นแค่เรื่องนั้นฉันจะไม่เถียงเลยแม้แต่น้อย แต่เรื่องที่เธอโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า มันทำลายความเชื่อมั่นของฉันลงไปหมดแล้ว!”

รูม่านตาของเฉียวซินโยวหดเล็กลง เวลานั้นในใจของเธอเหมือนกับว่าถูกสองมือกดเธอไว้ แผลที่หน้าอกทำให้เธอเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ !

“ฉ่าวเฉิน ฉันไม่ได้ทำ——”

เย่ฉ่าวเฉินผู้เย็นชาส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเอานิ้วชี้ว่างไว้ที่ปากและไม่สงเสียงใดๆ เขามองไปที่เฉียวซินโยวที่มีทีท่าสงบลง

จากนั้นก็เริ่มพูดต่อไปว่า“ ไม่ต้องรีบร้อนปฏิเสธหรอก ถึงฉันจะไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่เรื่องเกี่ยวกับประวัติของเธอล่ะ เธอไม่อยากอธิบายให้ฟังหน่อยหรอ?ที่ว่าพ่อแม่ของเธอมาจากชนบทก็คือเรื่องโกหกอย่างนั้นใช่หรือเปล่า?”

หลังจากที่ฟังเย่ฉ่าวเฉินพูดจบ เฉียวซินโยวถึงกับต้องถอยหลังไปสองก้าวทันที มือทั้งสองวางลงบนหน้าออกอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หรือว่าแม้แต่เรื่องนี้เขาก็รู้ความจริงแล้ว?!

เธอรู้จักเย่ฉ่าวเฉินดีว่าถ้าหากเรื่องที่เขาไม่มั่นใจเขาจะไม่พูดออกมา นอกเสียจากว่าเรื่องนี้เขามีหลังฐานที่น่าเชื่อถืออยู่ในมือ!

เฉียวซินโยวรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่เธอพยายามที่จะควบคุมตัวเองให้สงบลง แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยออกมาก็ไม่เป็นไร เธอพยายามปลอบใจตัวเอง ขอเพียงแค่เธอยังอยู่ในตระกูลเย่ ขอเพียงแค่เธอยังคง‘เป็นผู้หญิงคนแรก’ของเย่ฉ่าวเฉิน เพียงเท่านี้เขายิ่งไม่สามารถที่จะทอดทิ้งเธอได้!

เมื่อควบคุมสติลงได้ สติปัญญาของเฉียวซินโยวก็กลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นความไม่รอบคอบของตัวเอง เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกถึงความเคียดแค้น“ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยเป็นคนบอกเรื่องพวกนี้กับคุณใช่ไหม?”

ได้ยินคำพูดของเธอเช่นนั้นแล้ว เย่ฉ่าวเฉินถึงกับรู้สึกผิดหวังในตัวเธอเป็นอย่างมาก ภาพของเฉียวซินโยวผู้จิตใจดีอ่อนโยนคนนั้นที่อยู่ภายในใจของเขา ราวกับดอกกุหลาบที่สวยสดงามกลับกลายเป็นเหี่ยวเฉาและโรยรา

จนกระทั่งแผนการถูกเปิดเผย เธอไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับความผิดซึ่งเป็นสิ่งแรกที่เธอควรทำ แต่เธอกลับพยายามที่จะแก้ตัวเพื่อให้พ้นผิด ถึงขนาดที่ลากเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!

เห็นเย่ฉ่าวเฉินไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้เฉียวซินโยวมั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้องและในใจของเฉียวซินโยวตอนนี้ก็กำลังด่ามู่เวยเวยอยู่ แต่เธอกลับพูดออกมาว่า“ดูเหมือนว่าบางครั้งการที่ฉันอยู่ที่บ้านตระกูลเย่อาจทำให้ในใจของเวยเวยมีอคิตกับฉันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ฉันก็เข้าใจ”

“ฉ่าวเฉินคุณรู้ไหมว่า?บ้านของฉันจนมาก มากขนาดที่ว่าปีปีหนึ่งไม่ได้เนื้อกิน สองปีกว่าก็ไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่ จนกระทั่งฉันมาอยู่ที่นี่มันทำให้ฉันเปลี่ยนไปมาก ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะสลัดทิ้งชีวิตที่เฮงซวยแบบเมื่อก่อนออกไป!”

“ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ผิดอะไร และคุณคงจะคิดว่าฉันชอบชื่อเสียงทรัพย์เงินทอง แต่อันที่จริงแล้วคุณไม่เคยผ่านการใช้ชีวิตที่ลำบากเลยสักครั้ง หากว่าคุณลองไปเรียนรู้ด้วยตัวเองดู คุณก็จะเข้าใจในความรู้สึกของฉันเอง ……” เมื่อพูดถึงตรงนี้น้ำตาของเฉียวซินโยวยิ่งไหลทะลักออกมามากขึ้น

“ข้อเท็จจริงที่ฉันต้องกุเรื่องขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่าการทำงานหนักในเมืองนี้ หากมีคนรู้เรื่องนี้เข้าจะทำให้ฉันหางานยากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยาม!ฉ่าวเฉิน คุณต้องเชื่อฉันนะ……ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกจริงๆ……”

เย่ฉ่าวเฉินเลือกที่จะเงียบไม่พูดไม่จาและเผชิญหน้ากับเฉียวซินโยวที่กำลังสำนึกผิด เขาควรจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็เกลียดการที่เฉียวซินโยวปิดบังและโกหกเขา ส่วนอีกด้านก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจเธอ

และไม่ว่าจะยังไง ท้ายที่สุดแล้วเธอก็คือผู้หญิงของเขา เขาไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำใจอย่างไรในการเผชิญหน้ากับเธอ เวลาผ่านไปพักใหญ่เขาก็พูดเบาเบาออกมาว่า“เธอออกไปเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากเย่ฉ่าวเฉินสี่คำนี้แล้ว ในใจของเฉียวซินโยวถึงกับผ่อนคลายขึ้น เธอเช็ดน้ำตาออกเบาเบาและมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินออกไป

อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดที่จะขุดคุ้ยความผิดที่เธอทำทั้งหมดมาคิดบัญชี และไม่ได้มีทีท่าที่ชัดเจนว่าจะให้เธอออกจากบ้าน นั่นหมายความว่าในใจของเขานั้นยังคงมีที่สำหรับเธออยู่!

เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วในใจของเฉียวซินโยวก็เข้าใจได้ทันที แม้วันนี้จะมีเรื่องที่น่าหวาดเสียว แต่การลองวัดใจของเย่ฉ่าวเฉินว่ายังมีเธออยู่ไหมนั้น และผลที่ได้มามันเกินคาด!

เพียงแต่ต่อไปจะทำการใดๆ เธอต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเฉียวซินโยวก็เปื้อนไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะฆ่า

ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มู่เวยเวยทำจริงๆล่ะก็ งั้นเธอก็เตรียมรอรับผลกรรมของเธอได้เลย!

……

เหม่ยเย่บาร์

แสงสลัวๆที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของบาร์ ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงเพลงที่อึกทึก ชายหญิงที่กำลังเต้นบนฟลอร์อย่างเร่าร้อน คลอเคลียไปทั่วทั้งห้องโถง ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง หลงไหลและฮึกเหิม

ที่มุมหนึ่งของเคาท์เตอร์ให้บริการเครื่องดื่มในบาร์มีสาวสวยเร่าร้อนนั่งอยู่ ร่างกายของเธอก็ดึงดูสายตาของเหล่าคนที่นั่งรอบๆข้าง เพียงแต่ว่าเธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดี เหล้าที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงถูกเธอดื่มลงไปราวกับว่าเป็นน้ำต้มสุกธรรมดาแก้วแล้วแก้วเล่า

“เฮ้ คนสวยไม่ทราบว่าอยากเชิญคุณออกมาเต้นจะได้ไหม?”ชายผู้มีผมสีเขียวเดินออมเข้ามาทางด้านข้างของเธอและมีทีท่าว่าสนใจในตัวเธอ

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”หญิงผู้ไม่มีทีท่าสนใจพร้อมพูดตัดบทด้วยความเฉยชา ชายผู้ซึ่งมายั่วยุทำได้เพียงเดินจากไปอย่างเมินเฉย

หญิงคนนั้นยังคงรินเหล้าดื่มต่อไปแก้วแล้วแก้วเล่า หน้าของเธอเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัด สุดท้ายเธอก็เมามาก เธอพยายามตะเกียดตะกายที่จะลุกขึ้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังของเธอ มันดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเธอ

“ซินโยว ทำไมคุณถึงได้มาดื่มเหล้าที่นี่คนเดียวล่ะ?”

เฉียวซินโยวหันหลังกลับตามเสียง ตาที่เคลิ้มจากความเมามองไปที่ชายผู้อยู่ทางด้านหลังของเธอ หลังจากมองอย่างละเอียดสองถึงสามครั้ง เธอรู้ตัวเลยว่าเธอนั้นเมามากแล้วจริงๆ เมาจนขนาดมองเห็นไม่ชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร “คุณเป็นใคร?”

เย่ฉ่าวเหยียนมองเธอที่เมามากอย่างขบขัน และเข้ามาประคองเธอด้วยหวังดีพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า“ผมคือฉ่าวเหยียนไง”

ทันทีที่ได้ยินเย่ฉ่าวเหยียนพูดจบ เฉียวซินโยวก็ดูเหมือนว่าน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบลงมาบนใบหน้าและน้ำเสียงที่ดูแปลกใจ “ฉ่าวเฉิน……คุณใช่ไหม?คุณมารับฉันกลับบ้านใช่หรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อของพี่ชาย เย่ฉ่าวเหยียนถึงกับส่ายหน้าอย่างจำใจ ตอนแรกก็อยากจะบอกความจริงกับเธอ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น จึงทำได้เพียงแค่โอบที่เอวของเธอด้วยความระมัดระวังและพาเธอออกจากบาร์แห่งนี้ไป

แก้มของเฉียวซินโยวแนบกับอกด้านซ้ายของเย่ฉ่าวเหยียน“ไม่น่าเชื่อคุณคือฉ่าวเฉินจริงๆและกลิ่นตัวของคุณก็หอมเอามากๆ ”

ได้ยินเธอพูดดังนั้น เย่ฉ่าวเหยียนถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เขาประคองเธอไปนั่งที่เก้าอี้ข้างคนขับพร้อมทั้งยังรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วย จากนั้นก็ค่อยๆออกรถไป

ที่จริงวันนี้เข้ามาที่นี่เพื่อพบใครคนหนึ่ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเจอเฉียวซินโยวที่นี่ และเรื่องที่ตลกกว่านั้นคือเธอคิดกว่าเขาเป็นเย่ฉ่าวเฉิน เมื่อนึกมาถึงตรงนี้เย่ฉ่าวเหยียนถึงกับขำไม่หยุด

เมื่อเทียบกับพี่ชายที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง การมีตัวตนอยู่สำหรับเขาก็คงไม่จำเป็น

ขณะนั้นเองเฉียวซินโยวที่นั่งเก้าอี้ข้างคนขับก็แสดงท่าทางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่ไหลอาบลงบนใบหน้า และปากที่พึมพำว่า“ฉ่าวเฉิน……อย่าไปจากฉันนะ……ฉันรักคุณมาก……มากกว่าที่มู่เวยเวยรักคุณเสียอีก……”

เมื่อได้ยินเธอพร่ำเพ้อไม่หยุด เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกขำสิ้นดี ไม่คิดเลยว่าคนที่ปกติเพียบพร้อมและสง่างามอย่างเฉียวซินโยวตอนเมาจะกล้าทำได้ถึงเพียงนี้!

“ฉ่าวเฉิน……จริงๆแล้วคุณเชื่อฉันหรือเปล่า?สุดท้ายแล้วคุณจะเชื่อฉันไหม!”บางครั้งก็ไม่ได้ยินคำตอบ เฉียวซินโยวจึงชะโงกหัวไปมองทางเย่ฉ่าวเหยียนพร้อมกับน้ำเสียงที่มีความโมโห

มันทำให้เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป เย่ฉ่าวเหยียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากพูดว่า“ผมเชื่อคุณ”

เมื่อได้ยินคำตอบของ‘เย่ฉ่าวเฉิน’ความรู้สึกของเฉียวซินโยวก็กลับมาดีขึ้น เธอสงบลงมากและบางครั้งการที่เธอไม่มีสติก็ทำให้เธอพูดคุยกับเขาไม่หยุด

“เรื่องของวันนี้ฉันอยากจะขอโทษคุณ และคุณต้องให้อภัยฉันนะ……เชอะ!มู่เวยเวยชั่งเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน!นังคนนั้นเป็นคนที่ต้องการจะทำลายความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน ฉ่าวเฉิน……คุณต้องอย่าโดนมันหลอกเอานะ!”

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวหยียนถึงกับอึ้งไปสักพัก ท่าทางของเขาที่กำลังครุ่นคิดพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิงว่า“ที่คุณพูดมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผีมืของอมู่เวยเวยอย่างนั้นหรอ?”

เมื่อได้ยินเย่ฉ่าวเหยียนถามเช่นนั้น เฉียวซินโยวก็พยักหน้าอย่างจริงจัง ตอนนี้เธอเมาและรู้สึกสับสนมาก ความคิดเธอไม่เหมือนกับคนที่มีสติปกติ เธอเพียงต้องการเอาความรู้สึกที่เก็บอยู่ภายในใจของเธอทั้งหมดระบายออกมา

“ถูกต้อง!มู่เวยเวยนังสารเลวคนนั้น……เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นผีมือของมัน……มันเป็นคนทำ……”เมื่อพูดถึงตรงนี้เฉียวซินโยวก็เกิดสะอึกขึ้น มือทั้งสองของเธอทุบลงบนหน้าผากอย่างต่อเนื่อง และพูดด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความทรมานว่า“หน้าผากฉัน ปวดหัวจัง……ฉ่าวเฉิน……หัวของฉันมันปวดมากๆ……”

เมื่อได้ยินเธอร้องตะโกนว่าปวดหัว เย่ฉ่าวเยียนก็รีบหยุดรถข้างทาง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปนวดเบาๆที่หน้าผากของเธอ พร้อมกับน้ำเสียงที่หลอกล่อแล้วถามขึ้นว่า“ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?”

“ดีขึ้นแล้ว……”

“งั้นคุณบอกกับผมได้ไหมว่า มู่เวยเวยกำลังทำเรื่องอะไรอยู่?”

เมื่อได้ยินคำพูดของ‘เย่ฉ่าวเฉิน’ด้านหนึ่งเฉียวซินโยวก็กำลังรู้สึกดีกับการนวดของเขาและอีกด้านหนึ่งก็ทนไม่ได้ที่จะพูดแขวะเขา“มันทำเรื่องอะไรตอนกลางวันฉันก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่หรอ……แต่เรื่องพวกนี้ที่ฉันรู้ คุณกลับไม่รู้!”

เฉียวซินโยวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เย่ฉ่าวเหยี่ยนมองเธอด้วยท่าทางที่แฝงไปด้วยความคิดอันชั่วร้ายของเขาพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก และถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า“เรื่องที่ผมไม่รู้?”

“อือ อือ”

“ไหนคุณลองบอกมาสิ”

เมื่อได้ยิน‘เย่ฉ่าวเฉิน’พูดเช่นนั้น เฉียวซินโยวก็ไม่เก็บความลับเอาไว้ในใจอีกต่อไป ตอนนี้เธอกระตือรือร้นที่จะพูดเพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของมู่เวยเวยที่อยู่ในใจของเย่ฉ่าวเฉินกลายเป็นคนเลว!

และเธอก็เริ่มพูดต่อไปว่า“คุณรู้ไหมว่ามู่เวยเวยเสียตัวให้กับใครเป็นคนแรก?”

เย่ฉ่าวเหยียนขมวดคิ้วพร้อมกับส่ายหน้า ทั้นทีที่เธอมองมาที่เขา เขาก็ตอบกลับไปว่า“ผมไม่รู้”

“เหอะเหอะ……ผู้ชายคนนั้นก็คือหนานกงเฮ่าเพื่อนสนิทที่สุดของคุณไง!”

เมื่อฟังเฉียวซินโยวพูดจบ เย่ฉ่าวเหยียนถึงกับชะงัก เขานึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ออกจากปากของเฉียวซินโยวจะเป็นเรื่องที่ร้อนแรงขนาดนี้!

แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงสงสัยว่า มู่เวยเวยคนที่เขารู้จักดูไม่เหมือนว่าจะทำเรื่องพวกนี้ได้ หรือว่าเขาจะมองเธอผิดไป?

เขาอาศัยประโยชน์จากการที่เธอเมาไม่ได้สติ เย่ฉ่าวเหยียนถามต่อไปว่า“เธอรู้ได้ยังไงว่า มู่เวยเวยเสียตัวครั้งแรกให้กับหนานกงเฮ่า?”

เมื่อ‘เย่ฉ่าวเฉิน’ถาม เฉียวซินโยวไม่เอะใจแม้แต่น้อย เธออดไม่ไหวที่จะประกาศเรื่องที่น่าอับอายของมู่เวยเวยออกมาให้เย่ฉ่าวเฉินได้รับรู้ ทำให้เขาเกลียดเธอและรีบหย่ากับเธอซะ!

“แน่นอนว่าหนานกงเฮ่าเป็นคนบอกเรื่องนี้กับฉัน”

เมื่อได้ฟังเธออธิบาย เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกว่าคำพูดของเฉียวซินโยวยังเต็มไปด้วยข้อน่าสงสัย ก่อนเกิดเรื่องเขาจำได้ว่าพี่ชายและหนานกงเฮ่ามีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

เย่ฉ่าวเหยียนยังไม่ทันได้ถามต่อ เฉียวซินโยวรีบอธิบายต่อว่า“เมื่อสองสามปีก่อนหนานกงเฮ่าเคยช่วยชีวิตมู่เวยเวยไว้ ดังนั้นมู่เวยเวยต้องแต่งงานกับหนานกงเฮ่า แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายมู่เวยเวยจะได้มาแต่งงานกับคุณแบบนี้……”

“แน่นอนว่าหนานกงเฮ่าต้องไม่ยอมแน่ เขาต้องการที่จะครอบครองมู่เวยเวย ตอนแรกที่มู่เวยเวยยังไม่ได้แต่งงาน เขาใช้วิธีการต่างๆเพื่อที่จะได้เสียกับเธอ!ฉะนั้นฉันจึงรู้สึกเห็นใจคุณ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่มีมลทินอย่างนังมู่เวยเวยคนนี้!ฉ่าวเฉิน……คุณควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้……”

เย่ฉ่าวเหยียนพยายามวิเคราะห์ในสิ่งที่เขาได้ยินมา ตอนนี้ในใจของเขากำลังทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ต่างๆอย่างเป็นลำดับ แต่ต่อจากนั้นไม่นานเขาพบว่ายังมีจุดที่เขาไม่เข้าใจ จึงถามต่อไปว่า“คุณรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นความคิดของหนานกงเฮ่า?”

“แน่นอนว่าเขาเป็นคนบอกกับฉันเอง”

“เขาเป็นคนบอกกับคุณงั้นหรอ?แล้วทำไมเขาถึงบอกเรื่องนี้กับคุณล่ะ?”เย่ฉ่าวเหยียนตามหาเบาะแส เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นตุตุของแผนการนี้จึงอยากถามต่อ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้เฉียวซินโยวดื่มมากเกินไป

เธอพูดคำว่า‘ เพราะว่า’ซ้ำไปมาหลายรอบ หลังจากนั้นเธอก็หลับไป

เมื่อมองดูใบหน้าเหนื่อยล้าของเธอที่กำลังนอนหลับ เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เป็นเพราะรู้เรื่องราวเบื้องหลังไม่น้อย จึงทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เขาเลื่อนกระจกรถลงเบาเบา พยายามสรุปใจความสำคัญที่ได้ยินมาของเรื่องวันนี้ จากนั้นก็ลวงกระเป๋าหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา และโทรออกไปที่หมายเลขหนึ่ง รอคนปลายสายรับสายจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า“อาเจี๋ย คุณช่วยสืบเรื่องบางเรื่องให้ผมหน่อย……”

เมื่อมอบหมายงานเสร็จ เย่ฉ่าวเหยียนก็ขับรถไปส่งเเฉียวซินโยวกลับบ้าน จากนั้นเขาก็ไปหาเพื่อนและคุยเรื่องที่วันนี้ไปเจอเฉียวซินโยวอารมณ์ไม่ดีแล้วดื่มหล้าคนเดียว แต่ไม่ได้บอกเรื่องที่เธอเมาและพูดความจริงบางอย่าง เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ได้สงสัยอะไร

เมื่อกลับถึงห้อง เย่ฉ่าวเหยียนนอนไม่ค่อยหลับ แม้ว่าจะมีเบาะแสมากมาย แต่เขารู้สึกว่ามันยังคงไม่เพียงพอ เขาบอกกับตัวเองว่า!เบื้องหลังยังต้องมีเรื่องที่เขายังไม่รู้อีกเป็นแน่ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคอยดูอย่างเงียบๆ เพื่อป้องกันการแหวกหญ้าให้งูตื่น!

……

“มู่เวยเวย มาหาฉันที่ห้องทำงานหน่อย”

เสียงของเย่ฉ่าวเฉินดังออกมาจากโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง มู่เวยเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอกำลังจะปฏิเสธแต่ถูกเขารู้ทัน วินาทีที่เธอจะบอกปฏิเสธออกไปสายโทรศัพท์ก็ถูกตัด

สองวันก่อนหน้านี้ เธอไม่เพียงส่งแฟ้มงาน ชงกาแฟ แต่ยังต้องไปทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนเขาอีกด้วย แม้เธอจะไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่มีโอกาสให้เธอพูดว่า‘NO’ แถมยังชอบยั่วยุให้มู่เวยเวยโมโห!

เมื่อยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้เป็นเวลา11.15นาทีแล้ว มู่เวยเวยถอนหายใจอย่างจำใจ เธอลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่เธอนั่งแล้วตรงไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปที่ห้องท่านประธาน

เธอไม่ทันได้สังเกตว่าเฉียวซินโยวมองเธอจากทางด้านหลัง สายตาที่มองมาเต็มความความอิจฉาริษยาและมีทีท่าที่เย่อหยิ่ง หลังจากนั้นเธอออกไปขึ้นลิฟต์อีกตัวตรงไปที่ชั้นที่28

เธออยากรู้ว่ามู่เวยเวยขึ้นไปหาเย่ฉ่าวเฉินครั้งแล้วครั้งเล่าที่จริงแล้วมีเรื่องอะไร!

มู่เวยเวยมาถึงประตูห้องของท่านประธานและเคาะประตูเป็นปกติ ไม่นานก็มีเสียงตอบกลับและเธอก็ผลักประตูเข้ามา ทันใดนั้นก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่บนโซฟา

สองมือของเขากอดที่หน้าอก มือข้างขวาถือแก้วคริสตัลและมีของเหลวสีแดงเข้มที่มีกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่ว

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอเบาเบาด้วยสายตาที่อ่อนโยน พร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปากและน้ำเสียงที่มีเสน่ห์บวกกับรอยยิ้มที่น่าหลงไหล“มาแล้วหรอ นั่งลงก่อนสิ”

ใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความท่าทีเมินเฉย พร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา“ที่คุณเรียกฉันมาในเวลานี้ก็คงไม่พ้นต้องการให้ฉันมาทานอาหารเป็นเพื่อนอีกล่ะสิ?”

“ถูกต้อง”

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้นแล้ว มู่เวยเวยถึงกลับมีทีท่าเปลี่ยนเป็นเย็นชา อันที่จริงแล้วเธอไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา มันไม่มีความหมาย

มู่เวยเวยเปิดริมฝีปากเบาเบาแล้วพูดว่า“ได้ วันนี้ฉันหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปถ้าเป็นเรื่องทานอาหารอะไรพวกนี้ เชิญคุณไปหาเฉียวซินโยวจะดีว่า ฉันคิดว่าเธอน่าจะทำได้ดีกว่าฉัน!”

คางที่ได้รูปของเขาค่อยๆเงยขึ้นมาพร้อมกับแสยะยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจและน้ำเสียงที่ไม่แยแส“หึงหรอ?รู้ตัวว่าเฉียวซินโยวทำได้ดีกว่าเธอ งั้นเธอก็ต้องรู้จักเรียนรู้ ฉันกลับรู้สึกว่าเธออาจทำได้ดีกว่า!”

เมื่อมองเห็นท่าทางอันยั่วยุของเขา ก็ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกโมโหจนอยากจะระเบิดออกมา!

เมื่อก่อนเขาแสร้งเป็นคนเย็นชาต่อหน้าเธอ หลายครั้งที่เขาทำร้ายเธอ ก็เพื่อเฉียวซินโยว !ตอนนี้เขาคงเป็นบ้าไปแล้ว ถึงได้เริ่มใช้วิธีที่‘อ่อนโยนขึ้น’กับเธอ และทำให้เธอได้รับบาดเจ็บน้อยลง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย!

ไม่รู้หรือว่าในใจของเธอนั้นรังเกลียดเขามากแค่ไหน แต่ทำไมเขาถึงได้ไม่รู้ตัวเลยสักนิด?

“เย่ฉ่าวเฉิน ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้ฉันอับอายและทรมานก็เชิญเลย ไม่ต้องพยายามเก็บซ่อนไว้ เพราะมันไม่คุ้ม!”มู่เวยเวยพูดตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา

“ทำไมเธอคิดแบบนั้นล่ะ?ฉันไม่ได้กำลังออกคำสั่งกับเธอ แต่ฉันกำลังเชิญเธอ หรือว่าหัวของเธอมันงอกออกมาเป็นหญ้าถึงได้ดูไม่ออก?”ฉันหวังดีแต่เธอกลับไม่เห็นค่า เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกไม่พอใจพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห

เขารู้สึกสงสัยว่าสมองของมู่เวยมันมีปัญหาหรือยังไง ดูไม่ออกหรือว่าเขาหวังดีกับเธอ?ฉัน เย่ฉ่าวเฉินจะรับมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่จะเป็นต้องพยายามเขาหาทั้งที่เธอเย็นชาขนาดนั้น?!

ตั้งแต่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเฉียวซินโยว ที่เย่ฉ่าวเฉินได้ทำการตรวจสอบอย่างลับๆด้วยตัวเอง และพบว่าเฉียวซินโยวไม่ได้บริสุทธิ์งดงามอย่างที่เขาคิด เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนที่ทำลงไปกับเธอเพื่อความสุขเฉียวซินโยวแล้ว โดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะฟังคำอธิบายของเธอ!

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะต้องชดใช้ให้กันเธอ แต่ผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจคนนี้ วันวันไม่เพียงทำหน้าเมินเฉยใส่เขาแถมยังชอบใช้คำพูดที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกโมโห บ่อยครั้งที่เขาคิดจะยอมแพ้ แต่เย่ฉ่าวเฉินคนนี้จะยอมให้คนดูถูกเหยียดหยามง่ายๆได้ยังไงกัน!

ทุกครั้งที่เธอทำเป็นไม่สนใจ มันก็ทำให้เขาถึงกับไม่สบอารมณ์อย่างมากและทำให้เขายิ่งไม่อยากจะยอมแพ้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าสมองของมู่เวยเวยจะเหมือนกับก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไร้ซึ่งความรู้สึก มีเรื่องอะไรบ้างที่เขาทำไม่ได้ กับอีแค่รับมือกับผู้หญิงคนเดียวทำไมจะทำไม่ได้ !

เชิญเธองั้นหรอ?

เมื่อได้ยินเย่ฉ่าวเฉินพูดเช่นนั้น มู่เวยเวยถึงกลับปฏิเสธไม่ลง เธอตกใจเล็กน้อย!

สีหน้าของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยความสงสัยพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาว่า “ทำไมคุณถึงต้องการเชิญฉันมาทานอาหารกลางวันด้วยล่ะ?ผู้หญิงที่คุณรังเกลียดที่สุดมานั่งทานอาหารอยู่ตรงหน้า แล้วคุณยังจะทานมันลงอยู่หรอ?!”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset