วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 128 เธอคือยาแก้พิษของเขา และความจริงของเสี่ยวจื่อ

เมื่อคิดว่าเขาเคยอยู่ห้องนี้ ปฎิบัติกับมู่เวยเวยอย่างอ่อนโยน ในใจของเฉียวซินโยวก็รู้สึกหึงขึ้นมา !

ไม่ว่าจะด้วยวิธีการอะไร ขอแค่เธอสามารถบรรจุเป้าหมายในคืนนี้ ความไม่เต็มใจและอับอายนี้ เฉียวซินโยวสามารถรับมันได้ !

หลังจากเต้นรำไปประมาณสองครั้ง เย่ฉ่าวเฉินก็ค่อยๆรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เขารู้สึกร้อนวูบวาบภายในท้อง ล้อมรอบตัวเขา เย่ฉ่าวเฉินตระหนักได้ทันทีว่า เขาโดนวางยา!

เย่ฉ่าวเฉินผลักเฉียวซินโยวอยากกะทันหัน ฤทธิ์ของยาที่รุนแรงทำให้เขาหายใจเร็วขึ้น และเกิดความกระหายลึกๆภายในร่างกาย เขาพยายามจ้องมองเฉียวซินโยว และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ คุณวางยาผมเหรอ ? ”

เมื่อเฉียวซินโยวได้ยินเขาพูด ในใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขาสามารถรับรู้ได้ถึงฤทธิ์ของยา เชื่อว่าเขาคงทนได้อีกไม่นาน

เธอไม่โง่พอที่จะยอมรับ แต่มองเขาด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ และถามด้วยความประหลาดใจว่า “ฉ่าวเฉิน วางยาอะไร ? ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด ?”

เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมา เดินตรงไปที่ประตู แต่ก็ถูกเฉียวซินโยวกอดเอวของเขาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปราถนาว่า “ฉ่าวเฉิน คุณโดนคนวางยาเหรอ ? ฉันได้ยินมาว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถแก้พิษได้ ฉันเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าคุณจะใช้ฉันเป็นยาแก้พิษ……”

เมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญที่กล้าหาญของเธอ ใจของเย่ฉ่าวเฉินก็บีบแน่น เขารู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานจากข้างหลังอย่างรุนแรง ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะสมาธิมั่น บางทีอาจจะโยนเธอลงไปแล้วก็ได้

ยังไงก็ตาม เมื่อคิดได้ว่าคนที่วางยาคือเธอ……..

เย่ฉ่าวเฉินดึงมือเธอออก และเดินไปที่ประตูด้วยความสั่นไหว เฉียวซินโยวเลิกตามโดยธรรมชาติ ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะได้โอกาสที่ดีแบบนี้ จะปล่อยเขาไปง่ายๆได้อย่างไร !

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เธอใส่ยาไปในปริมาณที่เยอะ เชื่อว่าเขาคงทนได้อีกไม่นาน จึงวิ่งไปหยุดเขาไว้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉ่าวเฉิน…….ได้โปรดคุณอย่างไปเลย………”

“ไปให้พ้น!”เย่ฉ่าวเฉินทรมานอย่างเจ็บปวดจากฤทธิ์ของยา เขาพยายามระงับความปราถนาในใจไว้ น้ำเสียงของเขาแหบแห้งและอ่อนแรง

“ฉ่าวเฉิน ฉันรักคุณมากขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางยาคุณ แต่ว่าตอนนั้นคุณสามารถต้องการฉันได้ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้ล่ะ ? ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เขารู้ว่าเขาสามารถทนต่อได้อีก10นาที เขาจึงผลักเฉียวซินโยวออกอย่างแรง และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ฉ่าวเฉิน !!”

ใจของเฉียวซินโยวบีบแน่น เธอรีบเปิดประตูไปวิ่งตาม แต่ปรากฎว่าบนทางเดินขนาดใหญ่นี้ไม่มีใครอยู่เลย ในใจเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ หรือว่าเขาจะจากไปแล้ว ? !

ในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้ ? !

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฉียวซินโยวก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่า : จะเป็นไปได้อย่างไร ? ทางเดินนี้ยาวอย่างน้อยร้อยแปดสิบเมตร จะเป็นไปได้อย่างไรเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หายไปแล้ว……

………..

ทางด้านเย่ฉ่าวเฉิน หลังจากเขาออกมาจากโรงแรม ก็รีบขับรถออกไปในทันที และขับด้วยความเร็ว200ไมล์ตลอดทาง

เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการกลับมาคฤหาสน์ตระกูลเย่ และใช้เวลาพียงสิบนาที เย่ฉ่าวเฉินก็จอดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์

เขาเดินโซเซลงมาจากรถ คุณอาหวังตกใจ “คุณชาย คุณเป็นอะไรไป ?”

เย่ฉ่าวเฉินผลักมือเขาออกไป และจับราวบันไดวิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ยาถอนพิษของเขา อยู่ที่นั่น……..

เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ในตอนเย็น เย่ฉ่าวเฉินกับเฉียวซินโยวยังไม่กลับมา ทำให้มู่เวยเวยดีใจมาก เธอจึงรีบอาบน้ำอย่างสบายและเตรียมตัวเข้านอนเร็ว ตอนกลางวันวันนี้เธอถูกเย่ฉ่าวเฉินคนบ้านั่นทรมาน เธอจึงรู้สึกเหนื่อย

ในขณะที่กำลังเคลิ้ม มู่เวยเวยก็ร้สึกได้ถึงร่างกายอุ่นๆที่กดทับร่างของเธอ ไม่ทันที่จะได้ลืมตา ความเจ็บปวดจากการฉีกขาดก็เข้ามา……..

เมื่อลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ปรากฎขึ้นในกลางดึก

“เย่ฉ่าวเฉิน คุณปล่อยฉันนะ !”มู่เวยเวยผลักอกเขาอย่างแรง ไอ้คนบ้า เขาไม่ได้นัดเจอกับเฉียวซินโยวเหรอ ?

จะมาปรากฎตัวที่นี่ได้อย่างไร ?

เมื่อมู่เวยเวยคิดว่าเขากำลังออกมาจากเตียงของเฉียวซินโยว เธอก็รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วก

“เย่ฉ่าวเฉิน เฉียวซินโยวไม่สามารถทำให้คุณพอใจได้เหรอ ? เธอมีความสามารถมากไม่ใช่เหรอ ความสามารถเธอจะแย่ขนาดนี้ได้อย่างไร ?”

เย่ฉ่าวเฉินขยับอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเธอพูดถึงเฉียวซินโยวก็พลางนึกไปถึงเรื่องที่เขาโดนวางยาในคืนนี้ และอดไม่ได้ที่จะโกรธ “อย่าพูดถึงเธอ !”

มู่เวยเวยเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา เอนหัวไปกัดที่แขนของเขาอย่างรุนแรง แต่ความเจ็บปวดกลับไปกระตุ้นประสาทเขา จากนั้นเขาก็รุนแรงขึ้นเป็นสองเท่า

ในที่สุดมู่เวยเวยก็เหนื่อยมากจนแทบทนไม่ไหว และหลับไป

ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกค่อยๆเลือนลางลง…….

………..

มู่เวยเวยตื่นขึ้นมาด้วยความแหบแห้ง หันศีรษะไปมอง เห็นชายในชุดนอนของเขานอนหันหลังให้กับเธอ ไหล่กว้างและเอวคอด

มู่เวยเวยนึกถึงสิ่งที่เขาทำเมื่อคืน เธอโกรธ และยกเท้าไปทางเขา

ถีบออก อยากให้เขาตกเตียงไป แต่ร่างกายของเย่ฉ่าวเฉินกลับไม่ตก แต่กลับค่อยๆลุกขึ้น

มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหวาดกลัว เขาเขาเขา……

ชายคนนั้นหันมาครึ่งตัว จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา มันเป็นดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง

“เสี่ยวจื่อ ?”มู่เวยเวยเบิกตาโต “ไม่ใช่ ทำไมคุณถึงมาอยู่ในห้องฉัน ?”

มุมปากของเสี่ยวจื่อยิ้มออกมาบางๆ ยืดตัวและพูดว่า “หลับสบายจริงๆ”

ตอนนี้ในจิตใจของมู่เวยเวยเริ่มสับสน กลางคืนเมื่อวานเธอรู้สึกได้ชัดว่าเป็นเย่ฉ่าวเฉิน ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเสี่ยวจื่อ ?

“คุณลงมาก่อน……..”มู่เวยเวยชี้ไปที่เขาและพูดว่า “ฉันรู้สึกเวียนหัว คุณลงมาเถอะ”

เสี่ยวจื่อลอยลงมาอย่างเชื่อฟังมายืนอยู่บนพื้น “คุณใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยพูดไหม ?”

มู่เวยเวยก้มศีรษะลง รอยแดงๆบนตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน เธอรีบใส่เสื้อผ้า พลางพูดว่า “คุณพูดมาให้ชัดเจน คุณทำไมถึงมาอยู่ในห้องฉันตั้งแต่เช้าตรู่ ? เมื่อคืนคุณ………. ”

เสี่ยวจื่อชี้นิ้วขึ้น เสื้อคลุมของมู่เวยเวยก็ลอยขึ้นจากพื้นและบินวนอยู่ในอากาศ “ผมนอนละเมอ ,ไม่รู้ตัวว่ามาถึงห้องของคุณ พูดจบ เสื้อคลุมก็ตกลงมาบนหัวของเธอ”

“นอนละเมอ ?”มู่เวยเวยดึงเสื้อคลุมออก โดยไม่อยากจะเชื่อ คุณเป็นผียังนอนละเมอ ? คุณกำลังหลอกใครอยู่ ?

“คุณไม่ใช่ผี คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผีไม่ละเมอ ?” เสี่ยวจื่อถามเธอกลับ

มู่เวยเวยตกตะลึง ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ แต่นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนคุณกับฉันได้……….”มู่เวยเวยไม่กล้าพูดออกมา

เสี่ยวจื่อจับริมฝีปากของเธอและยิ้มอย่างพอใจว่า “เวยเวย ผมเป็นเซียนจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณได้อย่างไร ? จะถูกสววรค์ประณามเอา”

“สวรรค์ประณาม ? เรื่องแบบนี้สามารถให้พระเจ้าลงมาดูได้ด้วยเหรอ ? ทันใดนั้นก็คิดอะไรได้ มู่เวยเวยจึงพูดกับเขาว่า “คุณมานี่ ”

เสี่ยวจื่อเดินเข้ามาอย่างช้าๆ “ทำอะไร ?”

มู่เวยเวยคว้าแขนของเขาขึ้น และดึงชุดนอนของเขาขึ้นไป มีรอยลื่นบางๆที่แขน แต่ไม่มีร่องรอยอะไรเลย เมื่อมองไปที่แขนอีกข้างก็ไม่พบรอยกัดใดๆ

มู่เวยเวยไม่เชื่อ เธอลุกขึ้นและเปิดคอเสื้อของเขา ที่คอและหลังก็ไม่พบรอยอะไร…….

เป็นไปไม่ได้ เธอจำได้อย่างงุ่นงงว่า ตอนนั้นเธอโกรธมากจนกัดเขา ถึงแม้ว่าจะฟื้นตัวเร็ว แต่ก็ไม่มีทางที่จะไม่เหลือร่อยรอยใดๆ หรือว่าจะจริงอย่างที่เสี่ยวจื่อพูด เขานอนละเมอ ?

เสี่ยวจื่อใส่เสื้อผ้า และก้มหน้าไปพูดกับเธอ “บอกแล้วว่าผมนอนละเมอคุณก็ยังไม่เชื่อ ? ช่างเถอะ ไม่เล่นกับคุณแล้ว !”

ทันทีที่สิ้นเสียง ดวงตาสีม่วงคู่นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

จิตใจของมู่เวยเวยดูสับสนวุ่นวาย คนเมื่อคืนเป็นเย่ฉ่าวเฉินไม่ผิดแน่ แต่เมื่อตื่นมาตอนเช้ากลับเป็นเสี่ยวจื่อ ทั้งสองคนยังเหมือนทุกอย่าง หรือว่า……พวกเขาจะเป็นคนคนเดียวกัน ?

เมื่อความคิดนี้เข้ามาในหัว มู่เวยเวยก็รีบปฎิเสธตัวเอง

เสี่ยวจื่อเป็นทั้งคนใจดีน่ารักเหมือนนางฟ้า เย่ฉ่าวเฉินเป็นเหมือนปีศาจที่คลานออกมาจากขุมนรก ทั้งสองคนนอกจากหน้าตาแล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน ไม่มีทางที่จะเป็นคนเดียวกัน !

อย่างไรก็ตาม สัญชาติญาณของผู้หญิงบอกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะต้องมีอะไรที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกัน

มู่เวยเวยลากร่างกายที่บอบชำของเธอเดินไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่เธอทำความสะอาดร่างกายก็พบว่าช่วงล่างนั้นทรุดโทรมอย่างหนัก แค่สัมผัสกับน้ำก็ต้องหายใจเข้า

“เขาเปลี่ยนแปลงเป็นสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง !” มู่เวยเวยสาปแช่งด้วยเสียงต่ำ ถึงแม้ว่า “เปลี่ยนแปลง”สองคำนี้จะเป็นข้อห้ามสำหรับเย่ฉ่าวเฉิน แต่โดยส่วนตัวแล้วมู่เวยเวยคิดว่าไม่มีคำอธิบายใดสำหรับเขาดีไปกว่าสองคำนี้อีกแล้ว

ในขณะเดียวกัน เย่ฉ่าวเฉินกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขาพับแขนเสื้อขึ้น ทำให้เห็นรอยฟันอย่างชัดเจน

ในตอนเช้าตรู่เฉียวซินโยวรีบกลับมา เดิมทีอยากจะไปพูดคำอ่อนหวานสองสามคำข้างกายเย่ฉ่าวเฉิน แต่ก็ถูกเขาหลีกเลี่ยงอยากเงียบๆ

เฉียวซินโยวกัดฟันเธอข้างใน และถามอย่างระวังว่า “ฉ่าวเฉิน เมื่อคืนคุณวิ่งออกไปอย่างกะทันหัน ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆ คุณไปไหนเหรอ ?

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอและพูดอย่างเย็นชา “แน่นอนว่ากลับบ้าน หรือว่าจะให้ไปหาผู้หญิง ?”

กลับบ้าน ?

เขากลับมา…….หามู่เวยเวย ?

สายตาจ้องมองไปที่แขนของเขา และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมา:หญิงแพศยาคนนั้นมีดีอะไร ? เธอส่งตัวเองไปให้เขาถึงหน้าห้อง แต่เขาก็ฝืนกลับมาหาเธอ

ในขณะนี้ มู่เวยเวยก็เดินมาจากชั้นสอง ใต้ตามีความคล้ำ แม้ว่าเธอจะใช้แป้งพัฟแบบหน้า แต่เฉียวซินโยวก็ยังสังเกตเห็นรอยบนคอสีขาวของเธอได้ในพริบตาเดียว

เวยเวย ในที่สุดคุณก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินรอคุณไปทำงาน “เฉียวซินโยวลุกขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ที่อ่อนโยนบนหน้า แต่ดวงตามีพิษสงราวกับงู ”

มู่เวยเวยเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบๆ ทำงาน ? ฉันจะโดนไอ้บ้านั่นทรมานตายแล้ว วันนี้จะมีกะจิตกะใจที่ไหนไปทำงาน ?

“วันนี้ฉันลา ไม่รบกวนคุณทั้งสองแล้ว พวกคุณไปเถอะ”

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยิน สายตาก็ดูมืดมนลง “ลา ? ขออนุญาติฉันรึยัง ?”

มู่เวยเวยหันกลับมามองเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้างั้นฉันลาตอนนี้ ตกลงไหม ? ประธานเย่ ?”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เย่ฉ่าวเฉินคงจะว่าเธออย่างไร้ความปราณี แต่ตอนนี้เขาเห็นหน้าที่ซีดเซียวของเธอ คำพูดเหล่านั้นก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

“เวยเวย พวกเรารอคุณตั้งนาน ไม่พูดขอบคุณยังไม่พอ ทำไมถึงยังทำปฎิกิริยาแบบนี้กับฉ่าวเฉิน ? ” เฉียวซินโยวพูดยั่วยุ นี่เป็นวิธีที่ได้ผลของเธอ

มู่เวยเวยยิ้มอย่างเย็นชา “เฉียวซินโยว ฉันไม่ไปบริษัทก็เป็นการสร้างโอกาสดีที่ให้กับพวกคุณ ? คุณยังไม่ดีใจอีกเหรอ ?”

“พอแล้ว !”เย่ฉ่าวเฉินขัดจังหวะเธอขึ้นมา โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะชา และเดินออกไป

เขาไม่ได้พูดว่าอนุมัติหรือไม่อนุมัติ มู่เวยเวยเลยสันนิษฐานว่าเขาอนุญาติแล้ว

เฉียวซินโยวรีบเดินตามไป ในขณะที่รอคนขับรถที่หน้าประตู เธอก็อยากจะทำให้บรรยากาศทั้งสองดูผ่อนคลายขึ้น จึงพูดว่า “ฉ่าวเฉิน เมื่อคืนคุณเดินไปเร็วมากเลย ฉันกำลังวิ่งออกไปคุณก็หายไปแล้ว ฉันเป็นกังวลว่าคุณจะเกิดเรื่องยังตามหาที่โรงแรมตั้งนาน”

มู่เวยเวยเดินถือแก้วนมเตรียมจะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ แต่เธอกลับชะงักเมื่อได้ยินเรื่องนี้

เย่ฉ่าวเฉินหายตัวไปอย่างกะทันหัน ?

เย่ฉ่าวเฉินไม่ตอบคำถามของเฉียวซินโยว เมื่อรถมาถึง คนรับใช้ก็เปิดประตูรถให้เขา

“รอเดี๋ยว……..”มู่เวยเวยวิ่งเข้ามา มือจับประตูรถไว้ และจ้องมองไปที่ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินคู่นั้น “คุณรู้จักเสี่ยวจื่อไหม ?”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธออย่างไม่แยแส ดวงตาสีฟ้าไม่หยับ “ใครคือเสี่ยวจื่อ ?”

มู่เวยเวยแสดงท่าทีไม่ปล่อยเขา “คุณไม่รู้จักเหรอ ? เขากับคุณเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นเพียงดวงตาสีม่วง”

เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างเยาะเย้ย “มู่เวยเวย คุณเสียสติไปแล้วเหรอ ? บนโลกใบนี้จะมีคนเหมือนกับฉันได้อย่างไร ?”

“ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่คนล่ะ ?”

เฉียวซินโยวหัวเราะออกมาเบาๆ “เวยเวย จะเป็นอะไรได้อีกถ้าไม่ใช่คน ? ผีเหรอ ? หรือว่าสัตว์ประหลาด ?”

มู่เวยเวยอยากจะเทนมแก้วนี้ใส่จริงๆ ผีก็ยังพอทน เธอยังบอกว่าเสี่ยวจื่อเป็นสัตว์ประหลาด ?

“เฉียวซินโยว โลกนี้มันใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตอีกมากมาย และหัวใจของเธอนั้นสามารถมองเห็นแค่สิ่งที่น่าเกลียด แต่มองไม่เห็นสิ่งที่สวยงาม”

มีความผันผวนที่มองไม่เห็นในดวงตาของเย่ฉ่าวเฉิน

เวยเวย คุณปากร้ายเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย เฉียวซินโยวทำเหมือนได้รับบาดเจ็บ ทำตัวเด็กดึงแขนเสื้อเย่ฉ่าวเฉินเบาๆ “ฉ่าวเฉิน คุณดูเธอ…….”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เย่ฉ่าวเฉินคงจะสั่งสอนมู่เวยเวยแทนเฉียวซินโยว แต่วันนี้เขากลับมองดูเงียบๆและไม่เข้าไปยุ่ง

มู่เวยเวยไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ จึงหันไปทางเย่ฉ่าวเฉิน “คุณไม่รู้จักเสี่ยวจื่อจริงๆเหรอ ?”

“อะไรเสี่ยวจื่อเสี่ยวป๋าย ฉันไม่รู้จักทั้งนั้น แต่……..”เย่ฉ่าวเฉินดึงคอเสื้อมู่เวยเวยขึ้นมา พร้อมด้วยสายตาที่ดุร้าย “คุณควรทำหน้าที่ให้ผมดีกว่า ถ้าหากผมรู้ว่าคุณกับเสี่ยวจื่อเสี่ยวป๋ายอะไรนี่มีความสัมพันธ์กัน ผมฆ่าคุณแน่ !”

มู่เวยเวยมองตรงไปที่ตาสีฟ้าของเขา ภายในมีแต่ความโหดร้ายและเย็นชา ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่น

เธอโง่จริงๆ ไม่คิดว่าชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกว่าเสี่ยวจื่อก็คือเย่ฉ่าวเฉิน แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการดูถูกเสี่ยวจื่อ

ขณะที่รถออกจากคฤหาสน์ เฉียวซินโยวก็สังเกตใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉิน ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาแปลกอย่างเห็นได้ชัด เธอจะทำให้เขาเชื่อคำพูดของมู่เวยเวยไม่ได้อีกต่อไป

ฉ่าวเฉิน คุณเริ่มเย็นชาใส่ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า ? เฉียวซินโยวบีบน้ำตาเล็กน้อย

สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินดูเย็นชาและไม่พูดอะไร

ในใจของเฉียวซินโยวตื่นตระหนก และออกไห้ออกมาอย่างจริงจัง “เมื่อวานเป็นวันเกิดของฉัน ความปราถนาสูงสุดของฉันคือคุณสามารถใช้เวลาอยู่กับฉันทั้งคืน มีความทรงจำที่ดีที่สุดให้กับฉัน แต่สุดท้ายมันกลับถูกทำลาย…….”

เย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่คนโง่ที่ถูกเธอหลอกอีกต่อไป เขาใช้นิ้วยันศีรษะรู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นคนวางยา แต่เห็นเธอร้องไห้เป็นสายฝนขนาดนี้ เขาก็ทนไม่ได้

เอื้อมมือไปกอดเธอ และปลอบเบาๆว่า “คุณคิดมากเกินไปแล้ว ช่วงนี้ผมแค่ยุ่งกับงานเท่านั้น”

เฉียวซินโยวเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมน้ำตา “จริงเหรอ ?”

“อย่าคิดมากเลย”

เฉียวซินโยวกระซิบเบาๆ “อืม” และพิงที่อกของเขา แล้วยกมุมปากขึ้นอย่างเงียบๆ

ขอแค่เขายังสนใจเธอ เธอก็ยังมีโอกาส

……

ไม่มีคนที่น่าขยะแขยงทั้งสองคนต่อหน้าแล้ว แรงบันดาลใจของมู่เวยเวยก็เกิดขึ้น เธอนั่งวาดรูปอยู่ที่สวนดอกไม้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เธอหยิบขึ้นมาดู หนานกงเฮ่า

มู่เวยเวยยังไม่ทันคิดก็กดวางสาย !

เขาโทรมาอีกครั้ง เธอก็ตัดสายอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่รู้ว่าที่เธอเผชิญมาทั้งหมดเป็นแผนการที่หนานกงเฮ่าอยู่เบื้องหลัง มิตรภาพเล็กๆที่เธอมีให้กับเขาก็หายไป เหลือเพียงแต่ความผิดหวัง

“ทำไมไม่รับ ?”เย่ฉ่าวเหยียนสอดมือในกระเป๋าและเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

“ไม่อยากรับ”

เย่ฉ่าวเหยียนมานั่งข้างๆเธอ เมื่อโทรศัพท์ดังเขาก็เหลือบตาไปมอง : หนานกงเฮ่า

อ่อ…….อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องอะไรบ้างแล้ว

“ไม่อยากรับก็เอาเข้าบัญชีดำสิ” เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มพูด

เมื่อมู่เวยเวยได้ยินคำพูดนั้น ใช่สิ ทำไมเธอคิดไม่ถึงนะ ดังนั้นเธอจึงเอาเบอร์ของหนานกงเฮ่าใส่เข้าไปในบัญชีดำ

“เรียบร้อย โลกเงียบสงบแล้ว” มู่เวยเวยถอนหายใจจากความอัดอั้น

เย่ฉ่าวเหยียนหยิบภาพออกแบบขึ้นมาดู และอุทานขึ้นว่า “วาดได้ไม่เลวเลยนี่ ”

“ชมเกินไปแล้ว นี่เป็นเพียงความคิดเริ่มต้น คุณดูตรงนี้ รู้สึกถึงความว่างเปล่า ฉันกำลังคิดว่าจะเติมลวดลายอะไรดี” มู่เวยเวยพูดถึงแบบร่างการออกแบบของตัวเอง ทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง

……

วันรุ่งขึ้น มู่เวยเวยไปทำงานตามปกติ ไม่รู้ว่าเฉียวซินโยวไปไหนแล้ว ไม่มีคนมาพูดเยาะเย้ยล้อเลียนข้างๆหู ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกอากาศดีขึ้นมาก

ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว มู่เวยเวยไม่อยากถูกดึงไปทานข้าวกับใคร ไม่รอเลขามาเรียก เธอก็รีบลงไปชั้นล่างเพื่อทานอาหารกลางวัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าในตอนที่กำลังออกจากประตูบริษัท ก็มีรถเฟอร์รารี่สีขาวมาจอดเทียบที่ข้างๆเท้าของเธอ

มู่เวยเวยถึงกับผงะ และจำได้ว่านี่เป็นรถของหนานกงเฮ่า แต่ตอนนี้คนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดก็คือเขา เธอเดินไปข้างหลังรถอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังถูกเขาหยุดไว้

“เวยเวย” หนานกงเฮ่าวิ่งมาพยายามจะดึงมือเธอไว้ แต่เธอก็หลบได้อย่างรวดเร็ว

“เวยเวย !ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”หนานกงเฮ่าปิดทางอย่างแน่นหนา ไม่ให้เธอออกไปได้

มู่แวยเวยยืนนิ่ง มองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ตกลง มีอะไรคุณก็พูดมา ฉันจะฟัง”

หนานกงเฮ่าไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ และรู้สึกกังวลนิดๆในใจ “เวยเวย ผมโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายครั้ง ทำไมคุณถึงไม่รับล่ะ ?”

“ครั้งที่แล้วฉันก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ? ต่อไปพวกเราไม่ต้องติดต่อกันอีก” มู่เวยเวยพูดอย่างเย็นชา

“ถึงคุณอยากให้ผมลืมคุณ ก็ให้เวลาผมหน่อยได้ไหม ? ปล่อยคุณไปแบบนี้ ผมทำไม่ได้จริงๆ”

เดิมทีมู่เวยเวยไม่อยากเปิดเปยใบหน้าที่น่าเกลียดของเขาต่อหน้า นี่เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เจ้าเล่ห์ของเขา เธอก็อดไม่ได้

“หนานกงเฮ่า คุณไม่ต้องพูดเรื่องโกหกเหล่านี้อีกแล้ว คุณกำลังโกหกฉันหรือว่าโกหกตัวเองกันแน่ ? ”

หนานกงเฮ่าตกตะลึง และมองไปที่มู่เวยเวยด้วยความประหลาดใจ ? พูดโกหกอะไรกัน ? เวยเวยทุกคำที่ผมพูดล้วนจริงใจ

มู่เวยเวยยิ้มอย่างประชดประชัน “จริงใจ ? หนานกงเฮ่าคุณมีเจตนาดีเหรอ ? โอ้……..ฉันรู้แล้ว ความจริงใจของคุณก็คือร่วมมือกับเฉียวซินโยวเพื่อออกแบบให้ฉัน ให้ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครช่วยได้ ”

หนานกงเฮ่าตกตะลึง ไม่นึกเลยว่าเธอจะรู้แล้ว ?

จะเป็นไปได้อย่างไร ? เห็นได้ชัดว่าเป็นความลับของพวกเขามาก สรุปแล้วตรงไหนที่โผล่ออกมา ?

ในเมื่อเรื่องได้เลยเถิดมาถึงตอนนี้ เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปิดบังอีกแล้ว “เวยเวย คุณฟังผมอธิบาย……..”

อธิบายอะไร ? หนานกงเฮ่า คุณไม่ต้องโกหกอีกแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่เชื่อคุณสักคำ !มู่เวยเวยรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย

“หนานกงเฮ่า ฉันคิดว่าคุณเป็นเพื่อนมาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ฉันแปลกใจมาก เมื่อคุณกับเฉียวซินโยวร่วมมือทำร้ายฉัน หลังจากเกิดเรื่องก็แสร้งมาปลอบใจฉัน คุณไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอ ? !”

เมื่อเผชิญกับข้อกล่าวหาของเวยเวย สีหน้าของหนานกงเฮ่าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด รูม่านตาสีดำเป็นประกายมืดลึก เขาก้าวไปข้างหน้าและดึงแขนมู่เวยเวยไว้ บังคับให้เธอหันกลับไปมองเขา ด้วยความไม่พอใจ

“เวยเวย ผมขอให้คุณใจเย็นเย็นก่อน !ผมร่วมมือกับเฉียวซินโยวก็จริง แต่ว่าผมไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคุณ !จุดประสงค์ของผมคือเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เธอต้องการเย่ฉ่าวเฉิน และผมต้องการคุณ !”

“เหอะเหอะ…….”มู่เวยเวยหัวเราะอย่างเยือกเย็น มองไปที่หนานกงเฮ่าด้วยความผิดหวัง “แต่คุณก็รู้ใช่ไหม? เฉียวซินโยวจะทำเช่นนั้น ผลที่ตามมาของฉัน แต่คุณใช้ความอับอายของฉัน เพื่อบรรลุจุดประสงค์ของคุณ !”

เมื่อเห็นมู่เวยเวยเริ่มมีอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ และยังดึงดูดผู้คนจำนวนมากมอง หนานกงเฮ่าพยายามไม่ตกใจและพูดอย่างมี“เหตุผลว่า เวยเวย พวกเราไปหาที่เงียบๆฟังผมอธิบาย ตกลงไหม ?”

มู่เวยเวยดึงแขนออกทันที และมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างไม่แยแสว่า “ไม่ต้อง ไม่จำเป็นเลย หนานกงเฮ่า ฉันมู่เวยเวยคนนี้เลิกคบกับคุณอย่างเป็นทางการ ต่อไปอย่ามายุ่งกับฉันอีก !”

เมื่อมองไปที่เธอด้วยท่าทางไร้อารมณ์ ในใจของหนานกงเฮ่าก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เขาใช้แรงดึงเธอไว้ พร้อมคำวิงวอนว่า “เวยเวย คุณไม่โหดร้ายแบบนี้ได้ไหม ?”

สรุปว่าฉันโหดร้ายหรือว่าคุณโหดร้าย !ฉันแนะนำให้คุณปล่อยมือ !หนานกงเฮ่า ฉันจะแจ้งคุณอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าสักวันฉันกับเย่ฉ่าวเฉินจะต้องหย่ากันจริงๆ ฉันก็ไม่มีทางที่จะอยู่กับคุณ !

มู่เวยเวยตะโกนด้วยความโกรธ พูดถึงดารดิ้นรถเธออยากจะหนีจากการพัวพันของหนานกงเฮ่า แต่ไม่ว่าจะใช้แรงเท่าคน ไม่ว่าจะดิ้นหนีขนาดไหนก็ไม่สามารถหนีได้

“หนานกงเฮ่า ปล่อยมือฉัน !”

“ไม่ปล่อย เว้นแต่ว่าคุณจะให้โอกาสผมอธิบาย !”พูดจบ หนานกงเฮ่าก็ลากมู่เวยเวยไปอีกด้านหนึ่งของบริษัท เขาจำเป็นต้องรีบอธิบายให้เธอเข้าใจอย่างชัดเจน มิฉะนั้นเขารูว่า ยิ่งปล่อยเวลานานไป ระหว่างพวกเขาก็จะเป็นไปไม่ได้อีกเลย

“ไม่มีทาง ! ปล่อยมือ !ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ !”

“คุณแจ้งเถอะ…….”

เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีที่หวาดระแวงของหนานกงเฮ่า มู่เวยเวยกัดฟันด้วยความเกลียดชัง เรื่องมาถึงขึ้นนี้แล้ว เขาทำแบบนี้ยิ่งทำให้ตัวเอง เกลียดเขาขึ้นไปอีก !

‘เอี๊ยด——’

ในขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงยางเสียดสีกับพื้นดังเข้าหูมา จากนั้นก็เห็นรถลัมโบร์กินีคันเท่หยุดที่ข้างพวกเขาสองคน ประตูรถเปิดออก และร่างของเย่ฉ่าวเหยียนก็ค่อยๆลงมา

“ฉ่าวเหยียน”มู่เวยเวยดูตกตะลึงเล็กน้อย และใช้โอกาสนี้กำจัดหนานกงเฮ่า เธอเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว และถามด้วยท่าทางสงสัยว่า “คุณจะไปไหน ?”

โง่รึเปล่า แน่นอนว่าผมมาช่วยคุณสิ……..

ปากของเย่ฉ่าวเหยียนกระตุกเล็กน้อย สายตาของเขาจ้องมองไปที่หนานกงเฮ่า และพูดด้วยน้ำอ่อนโยนเสียงปกติว่า “หนานกง คุณจะพาพี่สะใภ้ผมไปไหน ?”

สีหน้าของหนานกงเฮ่าดูประหลาดใจ เขาได้ยินคนพูดว่าเย่ฉ่าวเหยียนกลับมาตระกูลเย่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันแบบนี้ เมื่อพบกันในสถานการณ์แบบนี้ ใบหน้าเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่าเบาๆว่า “ฉันกับเวยเวยมีเรื่องเข้าใจผิดที่ต้องแก้ไขกัน”

“เข้าใจผิด ? เขาใจผิดอะไร ? พูดมาเถอะผมจะได้ช่วยพวกคุณแก้ไขเอง คนนอกจะเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ฉ่าวเหยียน ในใจของหนานกงเฮ่าก็ดูมืดมนลง แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งและพูดว่า “ไม่ต้องแล้ว ผมนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระอื่นต้องไปทำ ถ้างั้นผมไปก่อนนะ ฉ่าวเหยียยน มีเวลามาหาผมไปดื่มเหล้ากัน”

เมื่อเผชิญพูดของหนานกงเฮ่า เย่ฉ่าวเหยียนก็ไม่ได้ขัดอะไร และตอบไปว่า“ ตกลง พวกเราสามคนไม่ได้ดื่มด้วยกันมานานแล้ว คิดถึงจริงๆ !”

สามคนนี้ แน่นอนว่ารวมถึงเย่ฉ่าวเฉินด้วย

เมื่อเผชิญกับความหมายที่เย่ฉ่าวเหยียนพูด หนานกงเฮ่าก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ และพูดขึ้นว่า “ตกลง”

พูดจบก็หันไปมองมู่เวยเวย ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความมืดมน และพูดออกมาด้วยความขุ่นเคืองว่า “เวยเวย ไว้ผมจะโทรหาคุณ”

ต่อหน้าเย่ฉ่าวเหยียน มู่เวยเวยไม่ได้ขัดอะไรเขา แต่ก็ไม่ตอบอะไร เธอหวังว่าหนานกงเฮ่าจะรียนรู้ที่จะปล่อยมือ และอย่าทำให้กันและกันต้องอับอาย พวกเขาเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว และหวังว่าจะไม่กลายเป็นศัตรูกัน !

เมื่อหนานกงเฮ่าจากไป มู่เวยเวยก็หันกลับไปมองเย่ฉ่าวเหยียน และสังเกตเห็นเขาจ้องมอง ใจของมู่เวยเวยก็รู้สึกบีบแน่น และพูดเบาๆว่า “ขอบคุณนะฉ่าวเหยียน แต่ตอนนี้ใจฉันสับสนมาก ไว้วันหลังจะอธิบายให้คุณฟัง”

เมื่อได้ยินมู่เวยเวยพูด เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่บังคับเธอ เขากระตุกยิ้มมุมปากและพยักหน้าเบาๆว่า ยังไงก็สายอยู่แล้ว “พวกเราไปหาที่นั่งกันเถอะ ”

มู่เวยเวยยกมือขึ้นมองนาฬิกา ลังเลครู่หนึ่งและพูดว่า “ตกลง”

……..

หนานกงเฮ่านั่งอยู่ในรถของเขา ในใจก็รู้สึกอึดอัด เขาใช้มือกระแทกไปที่พวงมาลัย และโดนที่แตรโดยไม่ทันระวัง ทำให้เสียงดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของผู้ที่สัญจรไปมา

หนานกงเฮ่าอ้าปากค้าง สายตากวาดมองไปข้างหน้า ดวงตาสีดำเปื้อนไปด้วยสีแดงฉาน เขาไม่เข้าใจจริงๆเลยว่า ทำไมมู่เวยเวยถึงมองไม่เห็นสิ่งที่เขาทำ ทุกอย่างเพื่อใครกัน !

เขารักเธอมากขนาดไหน ทำไมเธอถึงเลือกที่จะเพิกเฉยเขา ตลอดชีวิตของเขาหนานกงเฮ่า เขาปฎิบัติต่อผู้หญิงคนหนึ่งอย่างหนัก แต่ก็ถูกเธอปฎิเสธที่จะทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอปฎิบัติต่อเธอเช่นนั้นได้อย่างไร !

จิตใจของหนานกงเฮ่าเต็มไปด้วยคำพูดที่ไร้ความรู้สึกของมู่เวยเวย ทันใดนั้นก็เกิดความอ้างว้างในใจขึ้นมา

เวยเวย ไม่ว่าคุณจะทำร้ายผมขนาดไหน ผมก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับคุณ ผมไม่ทางปล่อยไปง่ายๆแน่ !

ลมหายใจของเขาค่อยๆสงบลง หนานกงเฮ่าหยิบโทรศัพท์ออก และรีบกดเบอร์อย่างรวดเร็ว รอปลายสายรับ เสียงที่ต่ำทุ้มก็พูดออกไปว่า “แผนเปลี่ยน”

มีอะไรเหรอ ? เสียงงงงวยของเฉียวซินโยวดังขึ้นมาจากปลายสาย

หนานกงเฮ่าจ้องมองไปที่กลุ่มคนนอกหน้าต่าง และพูดออกมาด้วยความเหนื่อยล้าว่า “เวยเวยรู้แผนการของพวกเราแล้ว ดังนั้นพวกเราต้องรีบแล้ว ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อเรา”

“อะไรนะ ?”เฉียวซินโยวที่ดื่มน้ำอยู่ รีบวางแก้วลง และพูดด้วยเสียงต่ำอย่างตั้งใจว่า “มู่เวยเวยรู้ได้อย่างไร ? ทุกครั้งที่เจอกันพวกเราระวังตัวตลอด ?”

หนานกงเฮ่าลูบขมับของเขาอย่าเหนื่อยล้าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบาก “ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่จะคิดเรื่องแบนี้ ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน ในเมื่อเวยเวยรู้แล้ว อีกไม่นานเย่ฉ่าวเฉินก็จะต้องรู้ พวกเราต้องรีบวางแผนล่วงหน้าแล้ว !”

เฉียวซินโยวขมวดคิ้ว ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่อยากเจอเธอ เธอไม่มีทางทำตามแผนนั้นได้เลย !

เมื่อนึกถึงมู่เวยเวยที่ทำลายแผนการทั้งหมดของเธอ เฉียวซินโยวกีความเกลียดชังเธอขึ้นไปอีก ทันใดนั้นความคิดชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในจิตใจของเธอ ทำให้เธอตาสว่าง

“รู้แล้วเหรอ ?” เมื่อเห็นเฉียวซินโยวไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน หนานกงเฮ่าก็ถามขึ้นด้วยความร้อนรน

เฉียวซินโยวพูดอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้แล้ว ฉันจะรีบจัดการโดยเร็วที่สุด !”

“ตกลง ทางด้านเวยเวยคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการให้ คุณต้องทำให้เย่ฉ่าวเฉินขึ้นเตียงโดยเร็ว และเอาวิดิโอมาให้ผม เมื่อถึงเวลานั้นแม้ว่าจะถูกกดดันจากประชาชน เย่ฉ่าวเฉินก็ต้องรับผิดชอบคุณ !”

“ตกลง”

เมื่อวางสาย สีหน้าของเฉียวซินโยวก็เต็มไปด้วยความบึ้งตึงขึ้น กลยุทธ์ก่อนหน้านี้ปรากฎขึ้นอีกครั้ง และรู้สึกตลกกับแผนการของหนานกงเฮ่า เขาคิดจะใช้วิดิโอความสัมพันธ์ของเธอกับเย่ฉ่าวเฉิน เพื่อให้บรรจุจุดประสงค์ในการบังคับเขากับมู่เวยเวยหย่ากัน !

แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อตัวเองทำเช่นนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของเย่ฉ่าวเฉินนั้นเสียหาย เธอก็จะถูกประณามว่าเป็น เมียน้อย ถ้าหากเย่ฉ่าวเฉินรู้ความจริงเข้า ถ้างั้นเฉียวซินโยวเธอจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ? !

หนานกงเฮ่าต้องการทำลายเธอกับเย่ฉ่าวเฉิน เพื่อบรรจุเป้าหมายของตัวเอง จะมีเรื่องง่ายๆแบบนั้นได้อย่างไร !

ถ้าหากจะต้องมีคนเสียสละ คนเสียสละคนนั้นจะต้องเป็นมู่เวยเวยนังแพศยาคนนั้น !ในเมื่อเธอรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ งั้นเธอก็ไม่สามารถเก็บเธอไว้ได้อีกแล้ว ต่อไปถ้าในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินล่วงรู้เข้า มันก็จะไม่เป็นผลดีอะไรกับเธอเลย!

มู่เวยเวย ในเมื่อคุณรนหาที่ตาย งั้ยฉันเฉียวซินโยวคนนี้จะทำให้เธอสมหวังเอง !

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset