วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 146 เย่ฉ่าวเหยียนชอบมู่เวยเวย

เย่ฉ่าวเฉินไม่สนใจเธอ แล้วพูดกับเย่ฉ่าวเหยียนต่อว่า ” นายพูดต่อเลย ”

” ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ ก็เลยสั่งให้คนจับตาดูหนานกงเฮ่าไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นหนานกงเฮ่าอุ้มพี่สะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแต่เช้า ตามไปตลอดทางแต่สุดท้ายก็หลงจนได้ ผมหาไม่เจอแน่นอนว่าก็ต้องถามเธอ จากที่เมื่อวานผมตามสืบแล้วความสัมพันธ์ของผู้หญิงคนนี้กับหนานกงเฮ่าไม่ธรรมดา ”

” คุณใส่ร้ายฉัน! เฉียวซินโยวหันไปเถียง

” ใช่หรอ? ฉันให้ฉันเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านกาแฟนั่นมาให้ดูไหมจะได้ดูว่าเธอกับหนานกงเฮ่านัดเจอกันกี่ครั้งแล้ว? ”

สีหน้าของเฉียวซินโยวเปลี่ยนไปกะทันหัน เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย

ในตอนนี้เอง พ่อบ้านหวังก็ลงมา แล้วยื่นการ์ดดำใบหนึ่งให้กับเย่ฉ่าวเฉิน ” คุณชายครับ เจอการ์ดใบนี้ครับข้างบนมีโลโก้ของตระกูลหนานกงอยู่ด้วย ”

เย่ฉ่าวเฉินรับการ์ดเอทีเอ็มใบนั้นมาและหักมันเป็นสองท่อนต่อหน้าเฉียวซินโยว จากนั้นก็โยนใส่หน้าเฉียวซินโยว

” เธอยังมีอะไรจะพูดอีกไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเธอด้วยสายตาที่เยือกเย็น

เฉียวซินโยวจับมือเย่ฉ่าวเฉินไว้แน่น ” ฉ่าวเฉิน คุณต้องเชื่อฉันนะทั้งหมดที่ฉันทำไปฉันแค่อยากจะอยู่กับคุณ อีกทั้งฉันกับหนานกงเฮ่าเจอกันแค่สองสามครั้ง ก็แค่นัดกันดื่มกาแฟธรรมดาๆ ไม่ได้มีเรื่องอื่นเลยจริงๆ……”

” ดื่มกาแฟ? เฉียวซินโยวเธอหลอกเด็กหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินพูดขัดจังหวะขึ้น ” ฉันก็ยังสงสัยว่าหนานกงเฮ่ารู้ได้ยังไงว่ามู่เวยเวยเข้าโรงพยาบาล ที่แท้ก็มีคนเป็นหูเป็นตาให้เขาอยู่ข้างตัวฉันนี่เอง ”

เฉียวซินโยวพูด ” ไม่ใช่นะ ฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้ คนที่เป็นหูเป็นตาให้หนานกงเฮ่ามีเยอะแยะมากมาย ฉ่าวเฉิน คุณจะเข้าใจฉันผิดไม่ได้นะ ”

เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้มแล้วสะบัดมือเธอออก ” เฉียวซินโยว ครั้งก่อนฉันบอกเธอแล้วนะว่าให้อยู่นิ่งๆสงบๆ ดูเหมือนว่าเธอไม่ใส่ใจสิ่งที่ฉันพูดไปเลยนะ บอกมา ว่าเธอมีเรื่องปิดบังฉันอีกมากเท่าไหร่? ”

เฉียวซินโยวดูก็รู้ว่าจะเสียความไว้ใจที่เย่ฉ่าวเฉินมีให้เธอไป เธอรีบชูสามนิ้มแล้วสาบานว่า ” ฉ่าวเฉิน ฉันขอสาบาน ที่ฉันกับหนานกงเฮ่าเจอกันและลงมือจะทำมีเพียงแค่เรื่องนี้ เรื่องอื่นๆไม่มีแล้วจริงๆ ถ้าฉันโกหกขอให้ฉันไม่ตายดี ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่เชื่อในคำสาบานของเธอแล้วพูดขึ้นว่า ” คนอย่างฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเทพเจ้า”

น้ำตาของเฉียวซินโยวพรั่งพรูออกมา และทำท่าทีน่าสงสาร ” ฉ่าวเฉิน แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง? ฉันต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อฉัน? ”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างเย็นชา มองหน้าเธอโดยไม่รู้สึกสงสารสักนิด ” เรื่องที่ผ่านมาที่เธอเคยทำลงไปตอนนี้ฉันยังไม่อยากตามสืบ ตอนนี้ฉันอยากรู้แค่ว่าหนานกงเฮ่าอยู่ไหน? หนานกงเฮ่าพามู่เวยเวยไปอยู่ที่ไหน?

” เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริงๆ เมื่อวานเขาสั่งให้ฉันทำแค่เรื่องนี้แล้วบอกกับฉันว่าจะพามู่เวยเวยออกไปจากที่นี่ แต่ไม่ได้บอกฉัยว่าเขาจะไปที่ไหน ” เฉียวซินโยวพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง

” เธอ……ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่เมื่อวาน? ”

เฉียวซินโยวหัวเราะออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงประชด ” ฉ่าวเฉิน ฉันรักคุณ ฉันอยากอยู่กับคุณ หนานกงเฮ่าให้โอกาสที่ดีขนาดนี้กับฉัน และฉันก็หวังว่าเขาจะพามู่เวยเวยออกไป แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย? ”

” เธอ……” มือที่กำลังยกขึ้นของเย่ฉ่าวเฉินจะตบไปที่ใบหน้าของเธอ แต่พอมองเห็นสายตาที่แข็งแกร่งของเธอก็ทำให้นึกถึงคืนนั้นที่อยู่ในโรงแรม ตอนนั้นเธอก็แข็งแกร่งแบบนี้เลยทำให้เขาใจอ่อน

เฉียวซินโยวรู้สึกทนไม่ได้กับสายตาของเขาที่เขาใช้มองเธอ ” ฉ่าวเฉิน ฉ่าวเฉิน คุณไม่ได้รักมู่เวยเวย มู่เวยเวยเองก็ไม่ได้รักคุณ พวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันมันคือความผิดพลาด

ต่างคนก็ต่างเจ็บ ทำไมไม่ปล่อยมือจากกันล่ะ? ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโกรธกับบางประโยคที่เธอพูดยื่นมือไปบีบคอเธอแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว ” รัก ไม่รัก อะไรกัน ในพจนานุกรมของเย่ฉ่าวเฉินไม่เคยมีคำนี้ ละก็อีกอย่างหนึ่งถึงแม้ว่าจะไม่รักแต่มู่เวยเวยก็ต้องเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉินเท่านั้น คนอื่นอยากแย่งเธอไปจะมือเขา ก็ต้องอยู่ที่ฉันว่าจะตกลงหรือไม่ ”

สีหน้าแววตาของเฉียวซินโยวไม่พอใจ “ฉ่าวเฉิน และฉันล่ะ? ฉันรักคุณมากขนาดนี้ มองสิ่งที่มีค่าที่สุดของฉันให้กับคุณ คุณไม่รักฉันแม้แต่นิดเลยหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินปล่อยมือออกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า ” เฉียวซินโยว นี่ถือว่าฉันใจดีกับเธอมากแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นมันหายไปจากโลกนี้แล้ว ที่ฉันยังเก็บเธอไว้ก็แค่เห็นแก่ความรู้สึกดีๆในตอนนั้น ตอนนี้ เธอได้ทำลายภาพความทรงจำที่ดีอ่อนหวานของเธอไปหมดแล้ว เธอเก็บของของเธอออกจากที่นี่ไปเดี๋ยวนี้

” ไม่ —— เย่ฉ่าวเฉิน คุณจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้”

” พี่ชาย ช้าก่อน ” เย่ฉ่าวเหยียนที่ยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ข้างๆ เขารู้สึกว่ามันยังไม่สาสม เธอน่าจะได้รับบทเรียนมากกว่านี้ แค่คิดถึงเรื่องที่หนานกงเฮ่าพาตัวมู่เวยเวยไปและไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เขาก็รู้สึกโกรธมาก

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ” ฉ่าวเหยียน นายอย่าพูดเข้าข้างเธอเลย ”

” พีใหญ่ ครั้งนี้ผมไม่ได้จะเข้าข้างเธอ แต่ว่าผมอยากรู้เรื่องบางอย่างให้ชัดเจนกว่านี้ ”

” ยังมีเรื่องอะไรอีก? ”

เย่ฉ่าวเหยียนเดินไปตรงหน้าของเฉียวซินโยวแล้วมองหน้าเธอ ” เฉียวซินโยว ตอนงานวันเกิดพี่สะใภ้ ของขวัญชิ้นนั้นใครเป็นคนส่ง? ที่เธอโดนคนของมู่เทียนเย่กดดันมันจริงไหม? แล้วก็เรื่องที่พี่ชายฉันเกือบจบชีวิตลูกบาเขาหนานซาน เป็นแผนของเธอกับหนานกงเฮ่าใช่ไหม?

เฉียวซินโยวคิดไม่ถึงว่าเย่ฉ่าวเหยียนจะสงสัยเรื่องพวกนั้น แต่ว่าเธอจะยอมรับไม่ได้ ถ้าเธอยอมรับ เย่ฉ่าวเฉินต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอจริงๆแน่ๆ

” คุณ……คุณพูดอะไรมั่วๆ ฉ่าวเหยียน คุณจะโยนความผิดที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ให้ฉันไม่ได้นะ ”

“เหอะเหอะ เธอหมายความว่าฉันใส่ร้ายเธออย่างนั้นหรอ? ”

” ก็คุณกำลังใส่ร้ายฉันจริงๆ! ” เฉียวซินโยวกลัวว่าเย่ฉ่าวเหยียนจะพูดความจริงอะไรออกมาอีก เธอจึงรีบพูดปฏิเสธ ” เย่ฉ่าวเหยียน คุณคิดว่าฉันไม่รู้งั้นหรอ? จริงๆแล้วคุฯเองก็ชอบมู่เวยเวย เพราะแบบนี้คุณถึงได้เป็นห่วงเธอมากขนาดนี้ พอเธอหายไปก็มาถามฉันทันที ตอนนี้ยังมาใส่ร้ายฉันแล้วปกป้องเธออีก ”

เย่ฉ่าวเหยียนถึงจะเป็นคนดีมากขนาดไหนก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบผู้หญิงคนนี้

” เฉียวซินโยว ปากของเธอที่มันร้ายกาจจริงๆ ไม่ว่าเรื่องไหนถ้าออกมาจากปากเธอก็จะเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ร้ายกาจไปหมด ”

เฉียวซินโยวดูก็รู้ว่าคำพูดของเธอแทงใจเขา และเธอก็ขยี้จุดนี้ของเขาต่อ ” ฉ่าวเฉิน น้องชายคุณคนนี้เขา……”

” หุบปาก! พูดขึ้นขัดจังหวะเธอ ” เฉียวซินโยว เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังจะพูดให้เราสองพี่น้องแตกคอกันอีกหรอ? ”

พอเย่ฉ่าวเฉินฟังที่เย่ฉ่าวเหยียนพูด ก็รู้สึกว่าเรื่องที่ผ่านมามันแปลกๆจริงๆ แต่ตอนนี้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นพอคิดว่าเป็นการร่วมมือกันของหนานกงเฮ่าและเฉียวซินโยวมันก็สมเหตุสมผลมาก

” ฉ่าวเฉิน สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริง ”

” เฉียวซินโยว เรื่องที่ฉ่าวเหยียนพูดเป็นฝีมือเธอจริงรึป่าว? ” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความโกรธ

เฉียวซินโยวปฏิเสธ ” ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่เคยทำ ”

เย่ฉ่าวเฉินเดินไปเดินมาตรงห้องนั่งเล่น และพูดขึ้นว่า ” ได้ คนอย่างเย่ฉ่าวเฉินไม่ใส่ร้ายใครอยู่แล้ว แต่ว่าก็ไม่ปล่อยคนที่โกหกฉันไปง่ายๆด้วยเช่นกัน ความจริงของเรื่องนี้เป็นยังไง รอให้หามู่เวยเวยและหนานกงเฮ่าให้เจอก่อนค่อยว่ากัน ”

พอพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินหันหลังเดินขึ้นไปทันที วันใหม่แล้วเสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน น้ำก็ไม่ได้ดื่มสักคำ แต่ว่าหัวจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงเย่ฉ่าวเหยียนและเฉียวซินโยว

เฉียวซินโยวลุกขึ้นจากพื้น แล้วปัดฝุ่นที่กระโปรง มองหน้าเย่ฉ่าวเหยียนแล้วพูดว่า ” เย่ฉ่าวเหยียน ดูแล้วคุณจะยืนข้างมู่เวยเวยใช่ไหม? จะฉีกหน้าฉันอย่างนั้นหรอ? ”

เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มอย่างเหยียดหยามเธอ ” เฉียวซินโยว เธอมีอะไรดีให้ฉันช่วย? และก็ฉันจะบอกให้นะ เมื่อก่อนที่ฉันบอกว่าฉันจะลองคิดดูฉันแค่หลอกใช้เธอเฉยๆ ถ้าเธอลงเรือลำเดียวกับผู้หญิงแบบเธอ ฉันเกรงว่าฉันจะขยะแขยงตายไปสะก่อน ”

” เย่ฉ่าวเหยียน! ” เฉียวซินโยวโกรธมาก แต่ก็กลับมาสีหน้าปกติอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยิ้มให้เขา ” ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหมว่าคุณชอบมู่เวยเวย ”

เย่ฉ่าวเหยียนยักไหลา แล้วพูดว่า ” ฉัน ฉันชอบเธอ แต่ว่าน่าเสียดายที่ที่พี่ชายฉันไม่เชื่อคำพูดของเธอในตอนนี้แล้ว ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า……” เรื่องที่เธอเดาได้รับการยืนยันแล้ว เฉียวซินโยวหัวเราะออกมา หัวเราะจนน้ำตาจะไหลแล้วค่อยพูดต่อว่า ” ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ ในเมื่อชอบเธอแล้วทำไมไม่ร่วมมือกับฉัน? เราก็ต่างคนต่างได้ประโยชน์ไม่ใช่หรอ? ”

เย่ฉ่าวเหยียนใช้สายตาที่น่าสมเพชมองเธอ ” เฉียวซินโยว เธอพูดออกมาได้เต็มปากว่าชอบพี่ชายฉัน จริงๆแล้ว เธอก็แค่ชอบรูปร่างภายนอกของเขา เงินทองของเขา และก็ตำแหน่งของเขาเท่านั้น ถ้ามีวันหนึ่งพี่ชายฉันสูญเสียทั้งหมดนี่ไปเธอยังจะชอบเขาอยู่ไหม? ”

เห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไร เย่ฉ่าวเหยียนพูดต่อว่า ” ชอบใครคนหนึ่ง ก็ต้องอยากให้เธอมีความสุข ถ้าได้เธอมาครอบครองแน่นอนว่ามันดีมาก แต่ว่าถ้าไม่ได้ ฉันก็จะอวยพรเธออยู่เงียบๆ นี่คือความหมายของคำว่าชอบของฉัน เหอะ……ฉันนี่มันโง่จริงๆ ทำไมต้องมาพูดเรื่องแบบนี้กับคนที่ไร้ความรู้สึกด้วย? ”

พอพูดจบ เย่ฉ่าวเหยียนก็เดินขึ้นชั้นสองไป

สีหน้าเขาแสดงออกมาว่าเฉยๆ แต่ในใจเขาร้อนลุ่มเหมือนกับกระต่ายที่โดดไปมา

หนานกงเฮ่าพามู่เวยเวยไปอยู่ที่ไหนกันแน่?

หลังจากเรื่องตอนเช้าสิ้นสุดลง เย่ฉ่าวเฉินก็ขับรถออกจากบ้าน เขาอยู่บ้านนิ่งๆไม่ได้จริงๆ แค่คิดว่าหนานกงเฮ่าจะทำอะไรกับมู่เวยเวยบ้าง เขาก็อยากจะฉีกไอ้เวรนั้นให้ออกเป็นชิ้นๆ

ทำไมถึงได้มีเพื่อนแบบนี้?

โรงพยาบาล

หมอประจำตัวของมู่เวยเวยค่อยๆเดินมายื่นเข็มและโทรศัพท์ของมู่เวยเวยวางไว้ตรงหน้าเขา และพูดด้วยความรู้สึกขอโทษ ” นี่คือสิ่งที่เจอในห้องของมู่เวยเวย จากการตรวจสอบแล้ว ข้างในเป็นยาสลบที่มีฤทธิ์แรงมากเพียงแค่ได้รับเข้าไปนิดเดียวก็จะทำให้คนหลับไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว ”

เย่ฉ่าวเฉินข่มอารมณ์โกรธไว้แล้วถามเสียงเข้มว่า ” เมื่อคืนไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่หรอ? ”

” มีน่ะมี แต่ว่าปกติไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็เลย……”

” ก็เลย นอนหลับได้สบายเลยใช่ไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินอยากจะใช้เข็มฉีดยานี่ฉีดไปที่แขนของหมดจริงๆเลย ” ฉันจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลของคุณมากขนาดนี้ แต่พวกคุณกลับปล่อยให้คนของผมหายตัวไป ผมขะบอกให้นะถ้าหาตัวภรรยาผมไม่เจอ โรงพยาบาลของพวกคุณก็เตรียมรอรับเอกสารฟ้องร้องของผมได้เลย ”

เย่ฉ่าวเฉินหยิบมือถือของมู่เวยเวยแล้วออกจากโรงพยาบาลไป

โทรศัพท์ไม่มีแบตแล้ว ข้างหลังมีเคยหมีน่ารักๆติดอยู่

จะไปที่ไหนได้บ้าง?

เย่ฉ่าวเฉินนั่งครุ่นคิดในรถ ถ้าหากว่าเขาเป็นหนานกงเฮ่า แล้วมีคนมากมายขนาดนี้ตามหาตัวเขาอยู่ เขาก็คงจะไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขา

โรงแรมหรือเกสต์เฮาส์ล่ะ?

ถึงแม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าถ้ามันใช่ล่ะ? ลองไปหาดูก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

ในตอนนี้ คนของเย่ฉ่าวเฉินทุกคน และคนของตระกูลหนานกงทุกคนก็ล้วนแต่กำลังตามหาตัวหนานกงเฮ่าอยู่ เช้าจนมืดก็ยังไม่มีข้อมูลใดใด

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสงสัย คนเป็นๆตั้งสองคน มีปีกงอกออกมาแล้วบินได้หรอ?

……

คฤหาสน์บนเขา

หนานกงเฮ่าหยิบเงินขำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋ายื่นให้กับคุณอาถัง ” ไปซื้ออาหารจากซุปเปอร์มาเก็ตเพิ่มหน่อย ”

แบบนี้ถึงแม้ไม่ออกจากบ้าน ก็อยู่ในคฤหาสน์ได้อีกหลายวัน

มู่เวยเวยที่อยู่ชั้นสองพอเห็นเข้าก็วิ่งลงมาแล้วก็พูดว่า ” คุณอาถัง คุณช่วยซื้อของสำหรับผู้หญิงให้ฉันสักสองสามห่อนนะ ถ้าซื้อเสื้อผ้าสักสองสามชุดมาด้วยจะดีมาก ”

สีหน้าก็คุณอาถังเจื่อนๆ เสื้อผ้ายังดีหน่อย ของสำหรับผู้หญิง? ชายแก่อย่างเขาจะกล้าไปซื้อได้ยังไง? ”

” เวยเวย เธออย่าบังคัลคุณอาถังเลย ฉันเห็นว่าเธอใส่ชุดฉันมันก็ดีมากเลยนะ ” หนานกงเฮ่าพูดอย่างอ่อนโยน ” ละก็อีกอย่างหนึ่ง เราอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก ”

มู่เวยเวยได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจแล้วพูดว่า ” ใช่ ใส่เสื้อผ้าของคุณฉันรับได้ แต่รอบเดือนฉันกำลังจะมา คุณบอกมาสิ ฉันจะต้องทำยังไง? ”

รอบเดือน? หนานกงเฮ่าเอามือเท้าคาง เป็นผู้หญิงทำไมลำบากจัง?

” คุณอาถัง คือ คุณช่วยเธอซื้อมาสักสองสามห่อ……” ถึงยังไงหนานกงเฮ่าก็เป็นผู้ชาย พูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องรู้สึกอายเป็นธรรมดา

มู่เวยเวยเห็นว่าเขาตกลงแล้ว บอกให้คุณอาถังรอเดี๋ยว เธอจะเขียนรายละเอียดให้

” จำเป็นด้วยหรอ? ” หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว

มู่เวยเวยเขียนไปด้วยและพูดขึ้นว่า ” เฮ้อ คุณเป็นผู้ชายไม่รู้อะไรหรอก ฉันกลัวว่าพอคุณอาถังไปถึงที่แล้วจะตาลาย ฉันเขียนรายละเอียดไว้ให้เขา พอเขาถึงก็ยื่นให้พนักงานดู พนักงานจะไดเหยิบให้เขาทันทีเลย จะได้ประหยัดเวลาด้วย ”

พอคุณอาถังได้ยิน ก็รู้สึกว่าวิธีนี้ไม่เลว จะได้เขินอายน้อยลงด้วย

” คุณอาถัง นี่ให้คุณ ”

คุณอาถุงเอื้อมมือไปหยิบ แต่โดนหนานกงเฮ่าแย่งไปสะก่อน เขาดูอย่างตั้งใจเพื่อให้แน่ใจว่านอกจากข้อความที่เขียนชื่อของใช้แล้วก็ไม่ได้เขียนอย่างอื่นไว้อีก จากนั้นค่อยยื่นให้คุณอาถัง

มู่เวยเวยเห็นท่าทีของเขาแบบนี้ ก็หัวเราะในใจ กลัวว่าเธอจะส่งข้อความแล้วหนีไปหรอ? เด็กๆ! ถึงจะส่งข้อความขอความช่วยเหลือก็คงไม่ให้คุณอาถังหรอก

” พ่อบ้านถัง รีบไปรีบกลับ ตอนกลับมาระวังตัวเองด้วยอย่าให้มีคนตามมา ” หนานกงเฮ่าเตือน

พ่อบ้านถังหัวเราะเสียงดัง ” เจ้านาย ผมก็แค่ชายแก่ ไม่มีใครสนใจผมหรอก ”

มองพ่อล้านถังที่ขับรถเก่าๆออกไปจากคฤหาสน์ หนานกงเฮ่าหันมามองหน้ามู่เวยเวยด้วยความรักใคร่ แล้วพูดขึ้นอย่างเขินๆ ” ตอนนี้เหลือเพียงแค่เราสองคนแล้ว เธอว่า เราทำอะไรกันดี? ”

มู่เวยเวยเดินออกห่างจากเขา แล้วแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ” ฉันจะโชว์ความสามารถของฉัน ฉันจะแก้เสื้อผ้าของคุณสักหน่อย อย่ามารบกวนฉันนะ ”

หนานกงเฮ่าไม่ยอมปล่อยโอกาสดีดีแบบนี้ไปหรอก เดินเข้าไปขับมือเธอไว้ ” เวยเวย ฉันอยากไปดูหนังที่ชั้นสาม เราไปด้วยกันเถอะ ”

ดูหนัง? สองต่อสอง บรรยากาศข้างในก็มืดไปหมด และผู้ชายคนนี้ก็มีแผนการเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย ถ้าเกิดว่าเขาใช้กำลังขึ้นมา เธอหนียังไงก็หนีไม่พ้น แล้วแบบนี้จะดูหนังได้ยังไง?

” ไม่ ตอนนี้ฉันไม่อยากดูหนัง ” มู่เวยเวยสะบัดมือออก แล้วมองเขาอย่างระแวง ” หนานกงเฮ่า ถ้าคุณอยากให้ฉันไปกับคุณ ทางที่ดีอย่าบังคับฉัน ไม่อย่างนั้น เรื่องอะไรฉันก็กล้าทำ ”

หนานกงเฮ่ารู้จักนิสัยเธอดี ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้รีบ รอหลังจากนี้สองวัน ออกไปจากที่นี่เขาอยากทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว

” โอเคๆ เธอไปทำงานเธอเถอะ ฉันไม่รบกวนเธอ” หนานกงเฮ่ามองดูเธอเดินขึ้นชั้นสองไป และยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์คนเดียว มองดูต้นไม้ที่เขียงขจีและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

” ทางนั้นพวกนายจัดการไปถึงไหนแล้ว? ” เขาถาม

” เจ้านาย สบายใจได้ ทุกอย่างราบรื่นดี วันมะรืนคุณออกไปจากเมือง A ได้อย่างปลอดภัยแน่ ”

หนานกงเฮ่าไม่พอใจกับเวลานั้น ” เดินทางพรุ่งนี้ได้ไหม? อยู่นานขึ้นหนึ่งวันก็ยิ่งอันตราย”

” เจ้านาย…..อันนี้ ผมจะพยายามแต่ว่ายังไม่รับรอง ”

” ได้ นายรีบหน่อ สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

” คนของคุณท่านและคนของตระกูลเย่ต่างก็พากันตามหาตัวคุณ คุณห้ามปรากฏตัวเด็ดขาด ”

” รู้แล้ว ”

เย่ฉ่าวเฉิน ในเมื่อนายไม่รักษามู่เวยเวยไว้เอง ถ้าอย่างนั้น ก็ให้ฉันดูแลเธอเถอะ

ครั้งนี้ ฉันจะไม่ยอมยกเธอให้นายอีก

ถึงแม้ว่านายจะไม่ยอมหย่าแล้วยังไง?

พอไปถึงต่างประเทศ คนอยู่ที่ไหนนายก็หาไม่เจอ แค่เอกสารแผนเดียวจะมีประโยชน์อะไร?

ในห้องนอน

มู่เวยเวยใช้กรรไกรตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ในห้อง เมื่อกี้เธอแอบได้ยิน หนานกงเฮ่าวางแผนจะออกจากเมือง A ในวันพรุ่งนี้ จะรอต่อไปไม่ได้แล้ว

แต่ว่า เธอจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือยังไงดีล่ะ?

ในเวลาค่ำๆ พ่อบ้านถังกลับมาแล้ว หนานกงเฮ่าดูหนังอยู่บนชั้นสาม

ของเยอะมา มู่เวยเวยเลยช่วยเขาขนของลงจากรถ และรวดหาผ้าอนามัยที่ฝากพ่อบ้านถังซื้อออกมาด้วย

” คุณอาถัง รบกวนคุณด้วยนะ ” มู่เวยเวยพูดด้วยความเกรงใจ

พ่อบ้านถังตอบว่าไม่เป็นไรอย่างยิ้มแย้ม และถือของสองถุงใหญ่เดินเข้าไปในห้องครัว

มู่เวยเวยสังเกตเห็น โทรศัพท์ของเขาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง ส่ายไปส่ายมา เธอเห็นก็รู้สึกคันมือ มู่เวยเวยคิดออกวิธีหนึ่ง

” คุณอาถัง มันหนักเกินไป ฉันช่วยนะ “มู่เวยเวยพูดแล้วรีบเข้าไปช่วย

” ไม่เป็นไร ฉันยกไหว ”

” ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรทำ มามามา ฉันช่วย ” มู่เวยเวยยังคงยืนยันที่จะช่วย จึงยื่นมือไปยกถุงพลาสติกถุงใหญ่นั้นมาแล้วมู่เวยเวยไม่ทันระวังก็เลยสะดุดล้ม มู่เวยเวยล้มลงและของทุกอย่างก็ตกลงพื้นกระจัดกระจายไปหมด

พอพ่อบ้านถังเห็นเข้า ก็รีบมาพยุงเธอแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง ” เป็นไงบ้าง ไม่เจ็บใช่ไหม? ”

มู่เวยเวยใส่กางเกงขายาวเลยไม่รู้ว่าหัวเข่าถลอกรึป่าว แต่ว่ามือเธอแดงไปหมด ” ไม่เป็นไร แต่ว่าไม่ได้ช่วยคุณ แล้วยังทำให้คุณลำบากอีก ”

พ่อบ้านถังถอนหายใจ ” เรื่องแค่นี้เอง คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คุณนั่งเฉยๆก็พอ ” จากนั้นเขาก็ก้มเก็บของที่กระจัดกระจาย โทรศัพท์อยู่ตรงหน้า มู่เวยเวยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาโดยที่เขาไม่ทันระวัง แล้วเอายัดเข้าไปในแขนเสื้อที่กว้างๆของตัวเอง

” คุณอาถัง ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ จะไปดูหน่อยว่าหัวเข่าถลอกรึป่าว ” มู่เวยเวยทำเรื่องแบบนี้ครั้งแรก หัวใจเธอเต้นแรกมากจนแทบจะระเบิดออกมา

พ่อบ้านหวังที่กำลังเก็บของอยู่ พูดขึ้น ” ไปเถอะ ถ้าเกิดว่าถลอกผมมีผ้าปิดแผลอยู่ คุณอย่าลืมมาเอานะครับ ”

” โอเค ” มู่เวยเวยรีบลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นห้องชั้นสองจากนั้นก็ล็อคประตู

” โอ้แม่เจ้า ตกใจแทบแย่ ” มู่เวยเวยลูบหน้าอกของตัวเอง และรีบเอาโทรศัพท์ออกมา

โทรศัพท์ของพ่อบ้านถังเป็นโทรศัพท์รุ่นเก่า เลยไม่มีรหัสผ่าน

หมายเลขศัพท์ของเย่ฉ่าวเหยียนมีอะไรบ้างนะ?

โอ้พระเจ้า ทำไมเธอถึงจำได้ไม่ชัดเจน?

รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินและหมายเลขโทรศัพท์ของคฤหาสน์เธอก็จำไม่ได้

โง่จริงๆเลย ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ ก็น่าจะจำเบอร์โทรศัพท์ของพวกเขาให้ขึ้นสมองไปแล้ว

เดี๋ยวก่อน……มีเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองเองด้วยไม่ใช่หรอ? เย่ฉ่าวเฉินน่าจะไปเอาโทรศัพท์ของเธอจากโรงพยาบาลนะ

ช่างเถอะ ส่งไปก่อนแล้วกัน

ใส่หมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองลงไป

จากนั้นก็พิมพ์ข้อความ ฉันคือมู่เวยเวย ฉันโดนหนานกงเฮ่าพาตัวมาที่คฤหาสน์ไหนสักแห่งหนึ่ง เหมือนกับว่าจะอยู่บนเขา ข้างนอกเต็มไปด้วยภูเขา รีบมาช่วยฉันด้วย พรุ่งนี้เขาจะพาฉันไปจากที่นี่ นี่คือโทรศัพท์ของพ่อบ้าน ฉันขโมยมันมา โปรดอย่าตอบกลับ ไม่อย่างนั้นงูจะตื่นได้

ไม่ได้สัมผัสการพิมพ์นานบวกกับเธอรู้สึกกังวลมาก ข้อความนี้เธอใช้แรงกายและเวลาในการพิมพ์เยอะมาก พิมพ์ผิดบ่อยมาก และเธอก็ลบอยู่บ่อยครั้ง กว่าจะส่งออกได้มันไม่ง่ายเลย และกังวลว่าถ้าเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ไปเอาโทรศัพท์เธอกลับมาแล้วจะทำยังไงดีล่ะ?

เพื่อความมั่นจำ มู่เวยเวยพยามนึกหมายเลขโทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินและเย่ฉ่าวเหยียนอีกครั้ง ไม่สนว่าจะผิดหรือถูก เธอคัดลอกข้อความพวกนั้นและเพิ่มประโยคอีกหนึ่งประโยค

ถ้าหากว่าคุณรู้จักเย่ฉ่าวเฉิน คุณช่วยบอกเขาหน่อยว่าให้เขารีบมาช่วยฉัน ฉันเป็นภรรยาของเขา

พอส่งข้อความพวกนั้นเสร็จ มู่เวยเวยก็ลบประวัติการส่งออกทั้งหมด

กำโทรศัพท์ เธอก็คิดอะไรบางอย่างได้ จะโทรแจ้งตำรวจดีไหม?

ไม่ โทรไม่ได้

เธอไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ถ้าตำรวจโทรกลับมา และคนที่รับสายคือพ่อบ้านถัง หนานกงเฮ่าต้องพาเธออกไปจากที่นี่แน่ ถ้าเป็นแบบนั้นวันนี้ที่เธอลงทุนขโมยโทรศัพท์ก็เปล่าประ

โยชน์น่ะสิ ”

พอทำเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว มู่เวยเวยก็ไม่รอช้ารีบเดินไปที่ห้องครัว พ่อบ้านถังกำลังทำอาหารอยู่โดยไม่รู้ตัวเลยว่าโทรศัพท์โดนขโมย มู่เวยเวยเดินเข้าไปอยู่ด้านหลังเขา แล้วถามอย่างสนิทสนม ” คุณอาถัง เย็นนี้กินอะไรบ้าง? ”

จากการที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหนึ่งวัน คุณอาถังรู้สึกดีกับมู่เวยเวย ไม่มีพิษมีภัยอะไร และดีกับเขา

เขาหั่นมันฝรั่งไปด้วยแล้วพูดไปด้วยว่า ” ฉันกำลังต้มโจ๊ก แล้วก็ผัดผักอีกสองสามอย่าง เหอะเหอะ ฝีมือการทำอาหารของผมไม่ดีนัก คุณกับเจ้านายก็ทนๆกินไปก่อนนะ จริงด้วย ชาชองคุณไม่เป็นไรนะ ”

มู่เวยเวยใช้โอกาสที่เขากำลังพูดเอาโทรศัพท์ใส่เข้าไปที่กระเป๋ากางเกงเขาอย่างเบามือ แล้วพูดอย่างโล่งอก ” แค่แดงนิดหน่อย ไม่ได้ถลอกอะไร คุณอาถัง ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม? ”

” ไม่ต้องๆ…… ”

” เวยเวย —— ”

พ่อบ้านถังยังพูดไม่ทันจบ หนานกงเฮ่าก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูห้องครัว ใจของมู่เวยเวยกังวลมาก

การกระทำเมื่อกี้ เขาเห็นรึเปล่า?

” มีอะไร? ” มู่เวยเวยหันหลังไปมองด้วยท่าทีปกติ แต่เธอกำมือแน่น

หนานกงเฮ่าเดินเข้ามากอดคอเธอ แล้วพาเธอเดินออกจากห้องครัว ” เรื่องทำอาหาร เธอไม่จำเป็นต้องทำ ฉันไม่อยากให้เธอเหนื่อย พ่อบ้านถังทำคนเดียวได้ ”

มือของมู่เวยเวยค่อยๆคลายออก

” ฉันกลัวว่าเขาจะยุ่งเกินไป ” มู่เวยเวยเดินเข้าไปอย่างสบายใจ แล้วเล่าถึงเรื่องตอนที่อยู่ตระกูลเย่ ” ตอนที่ฉันอยู่ตระกูลเย่ ฉันเป็นลูกมือของฉินหม่าอยู่ช่วงหนึ่ง ฝีมือทำอาหารใช้ได้เลยนะ ”

หนานกงเฮ่าลูบผมมู่เวยเวยอย่างอ่อนโยน ก้มมองตาเธอ แล้วพูดแบบยิ้มๆว่า ” ฉันน่ะ กลัวว่าเธอจะวานให้พ่อบ้านถังทำอะไรบางอย่างให้เธอ ”

หัวใจของมู่เวยเวยกลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง แล่สีหน้าของมู่เวยเวยยังปกติดีอยู่ ” หนานกงเฮ่า คุณระแวงมากเกินไปแล้ว ที่ฉันช่วงพ่อบ้านหวังเพราะฉันหวังดี ”

หนานกงเฮ่ายื่นไปจับมือเธอ แล้วใช้มือบีบจมูกเธอเบาๆ ” เวยเวย ฉันกลัวว่าเธอจะหนีไป ”

มู่เวยเวยแสยะยิ้ม ” หนานกงเฮ่า ถ้งฉันจะอยากหนี คุณก็ต้องให้โอกาสฉัน ”

” ไม่ ฉันไม่มีวันให้โอกาสเธอ” พอพูดจบ หนานกงเฮ่าก้มลงจะไปจูบเธอ แต่ฏลับโดนมือเวยเวยใช้มือปิดปากไว้แน่น

” หนานกงเฮ่า คุณรับปากฉันแล้วว่าจะไม่บังคับฉัน ” มู่เวยเวยพูดกับเขาอย่างโมโห

สายตาของหนานกงเฮ่าจ้องไปที่เธอ อ้าปากแล้วเอานิ้วของเธอมากัดอย่างแรง และพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ” เวยเวย ไม่ช้าก็เร็วฉันจะกินเธอให้ได้ ”

มู่เวยเวยผลักตัวออกจากอ้มกอดของเขา แล้วมองไปที่นิ้วที่โดนเขากัด พูดด้วยความโมโห ” หนานกงเฮ่า คุณเป็นหมาหรอ? ”

” ไม่ใช่ ฉันเกิดปีเสือ ” หนานกงเฮ่าตอบอย่างฉลาด

มู่เวยเวยหมดคำที่จะพูด หันหลังแล้วเดินขึ้นห้องไป ” อาหารสุกแล้วเรียกฉันด้วย ”

ตอนนี้หนานกงเฮ่าอันตรายเกินไป ถ้าต้องสู้เธอก็คงสู้เขาไม่ไหว ถ้าเขาใช้กำลังขึ้นมา เธอสู้อะไรไม่ได้เลย ทางที่ดีที่สุดคืออยู่ห่างๆเขา ”

แต่ว่า ช่วงเวลากลางคืนที่ยาวขนาดนี้ เธอจะผ่านมันไปอย่างปลอดภัยได้ยังไง?

พระเจ้าคุ้มครอง ขอให้ได้รับข้อความด้วยเถอะ

มู่เวยเวยคิดไม่ออกจริงๆว่าชาติที่แล้วไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้เธอได้เจอแต่ผู้ชายเจ้าชู้ ไม่ก็ผู้ชายโรคจิต

อีกทั้งอีกคนเป็นหนักกว่าอีกคน

ยกเว้นเพียงคนเดียวนั้นก็คือ เย่ฉ่าวเหยียน

เขาเป็นแสงสว่างเดียวในตอนนี้ บางทีเธอก็สงสัย เย่ฉ่าวเฉินทำไมถึงได้มีน้องชายที่จิตใจดีขนาดนี้ เหมือนไม่ได้เกิดจากแม่เดียวกัน

หลังกินข้าวเสร็จ มู่เวยเวยก็เดินเข้าห้องนอนไป แล้วเช็คดูให้แน่ใจว่าล็อคประตูเรียบร้อยดีแล้ว

หลังจากนั้น เธอก็เอาเก้าอี้มานั่งที่หลังประตู ในมือจับกรรไกรที่ใช้ตัดเย็บครั้งนั้นไว้

คืนนี้ เวลามันช่างยาวนานนัก เหมือนกับคืนนั้นที่พ่อแม่เกิดอุบัติเหตุเลย ยากที่จะนอนหลับ ได้แต่เหม่อมองท้องฟ้ามรามืดมน

มู่เวยเวยพิงอยู่ที่กำลัง และคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีนาฬิกา เธอไม่รู้ว่าเวลาได้ล่วงเลยไปเท่าไหร่ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้อง……

เธอที่กำลังสะลืมสะลือ ก็รู้สึกตื่นขึ้นมาทันที มองไปที่ประตูและไม่กล้าหายใจออกมาเลย

เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าประตูห้อง มองผ่านแสงสะท้อนมีเงาดำๆของคนปรากฏอยู่ที่พื้น มู่เวยเวยรู้สึกว่าภายในใจถูกปกคลุมด้วยเงาสีดำนี้

” แค่ก —— ” กลอนประตูขยับเล็กน้อย

มู่เวยเวยใช้มือหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ กลัวว่าตัวเองจะตกใจแล้วกรี๊ดออกมา มืออีกด้านหนึ่งจับกรรไกรไว้แน่น

” แค่ก —— ” กลอนประตูขยับอีกครั้ง

ทันใดนั้น คนที่มาเยือนน่าจะสังเกตเห็นว่าประตูถูกล็อคจากข้างในแล้ว จึงหยุดการกระทำนั้น

” ฮ่าๆ……”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากข้างนอก มู่เวยเวยรู้สึกกังวลอย่างมาก เธอฟังออกว่านั่นคือเสียงของหนานกงเฮ่า

หนานกงเฮ่ายืนอยู่ข้างนอกสักพักก่อนจะเดินจากไป เงาดำที่พื้นหายไปแล้ว หัวใจที่เต้นเร็วมากของมู่เวยเวยก็ค่อยๆกลับไปเป็นปกติ

มือข้างที่จับกรรไกรไว้นั่น มีแต่รอยกรรไกร

ไอ้โรคจิต โชคดีนะที่เธอล็อคประตูไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นไม่อยากคิดเลยว่าคืนนี้จะเป็นอย่างไง

จริงๆแล้วถ้าหนานกงเฮ่าจะพังประตูเข้ามา ประตูแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก แต่ว่า ในใจเขาก็รู้สึกเป็นห่วงมู่เวยเวย แม้ว่าจะปรารถนาร่างกายของเธอถึงขีดสุด แต่ว่าเพื่อไม่ให้เธอทำสิ่งที่คาดไม่ถึง เขาทนได้

กลัวว่าเขาจะกลับมาอีก มู่เวยเวยจึงไม่ได้ห่างจากประตู จนถึงเวลากลางดึก เธอฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็เลยหลับคาเก้าอี้เลย

……

คืนนี้ คนที่นอนไม่หลับคือเย่ฉ่าวเฉิน

หามาทั้งวัน แทบจะพลิกแผ่นดินหาอยู่แล้ว แต่กลับไร้วี่แววของหนานกงเฮ่าและมู่เวยเวย กล้องวงจรปิดก็ดูทั่วแล้วยังไม่เจอรถของหนานกงเฮ่าอีก

โทรศัพท์เครื่องนั้นที่เป็นที่คาดหวังของมู่เวยเวยเป็นอย่างมาก เขาหลับอยู่ในห้องของมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่มีทีท่าจะชาร์จแบตโทรศัพท์เครื่องนั้นเลย

หลังจากที่มู่เวยเวยเผาห้องนอนของเขาเลย เขาก็ย้ายมานอนที่ห้องของมู่เวยเวย

เอนตัวนอนตรงหัวเตียง จุดบุหรี่แล้วยกขึ้นสูดสุดแรงไปทีหนึ่ง ไม่นาน ก้นบุหรี่ก็ตกลงพื้น

เย่ฉ่าวเฉินลองคิดอย่างถี่ถ้วนดูอีกครั้ง เขาลืมสถานที่ไหนไป?

เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่คนของตระกูลหนานกงยังหาไม่เจอ

หรือว่าจะออกจากเมือง A ไปแล้ว?

พอคิดถึงเหตุผลนี้ เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ทันที

สนามบิน สถานีรถไฟ บนถนน ทางออกทุกทางก็มีคนของพวกเขาตรวจสอบอย่างเข้มงวด แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ไม่สามารถรอดผ่านไปได้

ตามนิสัยที่ดื้อรั้นของหนานกงเฮ่าแล้ว มักจะคิดว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้น เขาต้องยังอยู่ในเมือง A บางครั้งอาจจะอยู่ใกล้ตัวเขาก็ได้ แต่ว่าทำไมหายังไงก็ยังหาไม่เจอ?

ด้านตะวันออกค่อยๆสว่างขึ้น เย่ฉ่าวเฉินใช้มือลูบหน้า แล้วปัดควันบุหรี่ออก จากนั้นเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

วันนี้ ต้องหาหนานกงเฮ่าให้เจอให้ได้ สัญชาตญาณบอกเขาว่าวันนี้หนานกงเฮ่าจะพามู่เวยเวยออกจากเมือง A

ค่อยๆกินอาหารเช้าจนเสร็จ เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะออกจากบ้าน พ่อบ้านหวังวิ่งเข้ามา ” คุณชาย มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งรอพบท่านอยู่หน้าประตู ”

” ชื่ออะไร? “แววตาของเย่ฉ่าวเฉินดูลึกล้ำ ใบหน้าของเขาซีดเซียว

” เขาบอกเพียงว่าเขาแซ่หลี่ ” พอพูดถึงตรงนี้พ่อบ้านหวังก็หยุด เห็นว่าเฉียวซินโยวมองมาทางนี้ เขาจึงเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเย่ฉ่าวเฉินอย่างจริงจังว่า เขาบอกว่า ” มีข่าวของคุณผู้หญิง ”

เย่ฉ่าวเฉินตกใจ และบอกกับพ่อบ้านหวังว่า ” พาฉันไปเจอเขา ”

เด็กหนุ่มที่แซ่หลี่ยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ ข้างๆมีรถจักรยานจอดอยู่ เขาใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนต์ และรองเท้าผ้าใบสีขาว และสวมแว่นตาสีดำ อีกทั้งยังสะพายกระเป๋าเป้ไว้ ในหน้าเต็มไปกลิ่นอายของวัยรุ่น ดูก็รู้ว่าเป็นนักเรียน

” สวัสดี ฉันคือเย่ฉ่าวเฉิน มาหาฉันหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ

” ใช่ ฉันมาหาคุณ คุณรู้จักมู่เวยเวยไหม? ” นักเรียนหลี่ถามออกมาตรงๆ

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า ” แน่นอน เธอเป็นภรรยาฉัน ”

” อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ถูกคนแล้ว ” นักเรียนหลี่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดข้อความให้เย่ฉ่าวเฉินดู ” คุณลองดูสิ เธอส่งข้อความมาที่โทรศัพท์ของผม ”

เย่ฉ่าวเฉินรับโทรศัพท์มาอย่างมึนงง เห็นข้อความที่มู่เวยเวยขอความช่วยเหลือที่ส่งมาเมื่อวาน พอเห็นประโยคสุดท้าย ใจของเขาเหมือถูกบางสิ่งบางอย่างกดทับอยู่

เธอกำลังรอให้เขาไปช่วยเธอ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset