วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 157 เย่ฉ่าวเฉินเสียใจ แต่มันสายเกินไปแล้ว

พอแต่งตัวเสร็จก็ลงไปพร้อมกับเย่ฉ่าวเฉิน ริมชายหาดมีโซนบาร์บีคิวที่ได้จัดเตรียมพร้อมไว้แล้ว มีพ่อครัวสองคนที่กำลังยุ่งๆอยู่การเตรียมอาหาร บนเตามีเนื้อแกะกรอบนอกนุ่มในสีทองอร่ามปิ้งอยู่ เพื่อนร่วมงานบางคนกำลังตั้งวงกันเล่นไพ่ บางคนก็ตกปลาอยู่บนริมหาด และมีบางคนที่กำลังพูดคุยกัน

พอทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่พวกเขา มีผู้จัดการของบริษัทสองสามคนพูดแซวเย่ฉ่าวเฉินอย่ากล้าๆกลัวๆ ” ประธานเย่ ท่านกับภรรยาเรียกว่าออกมาเที่ยวเล่นที่ไหนกัน? นั่นมันก็แค่เปลี่ยนสถานที่หลับนอนชัดๆ ”

ท่านรองประธานที่นั่งอยู่ข้างๆก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ” คนที่ยังไม่ได้แต่งงานแบบนายจะไปรู้อะไร ประธานเย่และภรรยาหลับนอนกันก็เรียกว่าเล่นนั่นแหละ ”

” ฮ่าฮ่าฮ่า……ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง……ฉันมันโสดโดดเดี่ยวเดียวดาย ”

มู่เวยเวยคิด ไอ้พวกนี้ตอนอยู่บริษัทก็ดูตั้งใจจริงจังกันนะ ทำไมแค่ออกมาเที่ยวถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้?

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ใส่ใจอะไร เขายักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า ” พร้อมรึยัง? ”

” ที่หนึ่งต้องเป็นของฉันแน่ๆ ประธารเย่ท่าเตรียมเงินสองหมื่นรอได้เลย ”

“เฮ้ ตัวเล็กๆแบบนานเนี่ยนะจะได้ที่หนึ่ง?จะบอกให้นะฉันเออกกำลังกายทุกอาทิตย์เลยนะ เงินสองหมื่นต้องตกเป็นของฉันแน่ ”

มู่เวยเวยมึนงง ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เลยไปนั่งข้างๆเพื่อนๆแผนกออกแบบ

” โอ้ สาวสวยที่เอาแต่นอนของพวกเราตื่นแล้ว ” เสี่ยวหลี่พูดอย่างยิ้มแย้ม

ลีน่าพูดต่อจากเสี่ยวหลี่ เธอหรี่ตาแล้วพูดว่า ” เวยเวย เมื่อคืนเธอกับประธานเย่ทำอะไรกัน ทำไมวันนี้ถึงดูง่วงๆ? ”

หน้าของมู่เวยเวยร้อนวูบวาบ และหาข้ออ้างพูดว่า ” อาจจะเพราะว่าช่วงนี้เหนื่อยๆ นั่งอยู่บนรถก็เลยหลับไป ”

สีหน้าของทุกคนแสดงออกแบบเธอไม่ต้องอธิบายหรอก พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้ว มีหญิงสาวคนหนึ่งลุกออกมาพูดว่า ” เวยเวย ฉันมีเรื่องอยากจะขอเรื่องหนึ่ง ถ้าสองสามวันนี้เธอกับประธานเย่จะพลอดรักกันก็บอกพวกเราล่วงหน้าก่อน พวกเราที่โสดๆกันอยู่จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน ไม่ใช่เอะอะก็อุ้มเหมือนเป็นเจ้าหญิง หัวใจดวงน้อยๆของฉันต้านทานไม่ไหว ต่อไปจะหาแฟนได้ยังไงกันล่ะ ”

มู่เวยเวยอึ้งไปสักพัก อุ้มแบบเจ้าหญิง?

ลีน่าอธิบายแทนเธอ ” ก็ตอนเช้าเธอหลับไปบนรถไม่ใช่หรอ? ตอนเย็นเมื่อกี้ประธานเย่เป็นคนอุ้มเธอลงจากรถ เธอจำไม่ได้แล้วหรอ? ”

มู่เวยเวยยิ้มด้วยความเขินอาย จำไม่ได้จริงๆ ถ้าเธอตื่นอยู่ ถึงแม้จะต้องคลานลงรถ ก็ไม่ให้เขาทำแบบนั้นหรอก

ใบหน้าของเสี่ยวหลี่เต็มไปด้วยความยินดี ” เวยเวย เธอโชคดีมากเลย ประธานเย่ทั้งหล่อและรักเธอมากขนาดนี้ ดูแล้วฉันคิดว่าชีวิตนี้ฉันคงไม่ได้แต่งงานกับคนชาติตระกูลดีแล้วล่ะ ชีวิตนี้คงต้องแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาๆ ”

มู่เวยเวยยิ้มอย่างหมดคำอธิบาย ที่พวกเธอเห็นมันแค่ภายนอก ถ้าได้รู้ถึงสถานการณ์จริงที่ฉันอยู่ตระกูลเย่ ทั้งชีวิตนี้พวกเธอคงไม่อยากแต่งงานกับบ้านที่ชาติตระกูลดีแล้วล่ะ

” จริงๆแล้ว คนธรรมดาๆดีมากเลยนะ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไปทั้งชีวิต ” มู่เวยเวยรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย เธอในตอนนี้ก็อยากใช้ชีวิตแบบนั้น

” คุณอย่ามาแกล้งทำตัวแบบนี้เลย เงินรางวัลสองหมื่นในวันพรุ่งนี้ คนรวยๆแบบคุณไม่จำเป็นต้องมาแย่งกับพวกเราหรอกจริงไหม? ”

มู่เวยเวยคิดถึงเรื่องที่เธออยากจะพูดเมื่อกี้ ” เงินรางวัลอะไร? ”

ลีน่าแววตาเป็นประกาย สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น” พรุ่งนี้เราจะปีนเขาไม่ใช่หรอ? แต่ว่าแค่ปีนเขาธรรมดาๆมันไม่น่าสนใจ บริษัทเลยตั้งเงินรางวัลขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน พรุ่งนี้ถ้าใครปีนถึงยอมเขาคนแรกก็จะได้เงินรางวัลสองหมื่น ลำดับที่สองก็ครึ่งหนึ่งของที่หนึ่ง ลำดับที่สามห้าพัน ”

ช่างเป็นบริษัทที่ร่ำรวยสมคำร่ำลือ แค่เงินรางวัลก็ตั้งสองหมื่น

แต่ว่ามู่เวยเวยก็รู้ตัวเธอ เธอแทบจะไม่ออกกำลังกายเลย ถึงจะพยายามยังไงเธอก็ไม่ได้รางวัลนั้นอยู่ดี

” ฉันจะเป็นตัวถ่วงในเกมกีฬาสะป่าว พรุ่งนี้ฉันจะคอยให้กำลังใจพวกเธอนะ ”

” ได้สิๆ ถ้าฉันได้รางวัลมาฉันจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ทุกคน ”

ลีน่าพึ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงพ่อครัวตะโดนมา ” ทุกคนมาทานอาหารได้แล้ว ”

” โอ้ ได้กินเนื้อแกะย่างเต็มตัวแล้ว ”

ปิ้งย่าง เหล้าเบียร์ กองไฟ และก็มีเพื่อนร่วมงานที่เสียงดีมากกำลังร้องเพลง ทุกอย่างมันลงตัวมาก

ไม่รู้ว่าใครยัดกระป๋องเบียร์ให้มู่เวยเวย เธอพึ่งจะเปิดออก ก็โดนคนดึงออกไปจากมือ แล้วเปลี่ยนให้เป็นกุ้งที่ปิ้งไว้เรียบร้อยแล้วใส่มือเธอแทน

” ห้ามดื่นเบียร์ ” เขาพูด ” ยังอยากกินอะไรอีก เดี๋ยวฉันไปปิ้งมาให้ ”

มู่เวยเวยเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ” กุ้งนี่คุณเป็นคนปิ้งหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มมุมปาก ” ไม่เชื่อว่าในฝีมือฉันหรอ? ”

” ป่าว ฉันกลัวคุณวางยาพิษฉัน “มู่เวยเวยพูดโพล่งออกมา

เย่ฉ่าวเฉินโมโห เขาก้มลงกัดกุ้งกินแล้วกลืนลงท้องไป ” ถ้าอย่างนั้นฉันจะตายเป็นเพื่อนเธอ ”

” เหอะ คุณเต็มใจแต่ฉันไม่เต็มใจหรอกนะ ” มู่เวยเวยพูดเบาๆ เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยความโมโห แล้วหันหลังเดินกลับไปที่โซนปิ้งย่างต่อ

ชินคำหนึ่ง รสชาติดีนะ มู่เวยเวยเงยหน้ามองเงาที่อยู่ตรงที่มีควันฟุ้งๆเต็มไปหมด เย่ฉ่าวเฉิน นับวันฉันยิ่งไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆที่คุณทำเรื่องแบบนี้จริงๆแล้วคุณต้องการอะไรกันแน่?

ก็แค่อยากทำดีกับฉันเฉยๆหรอ?

ไม่จริง ให้ตายฉันก็ไม่เชื่อหรอก

นี่มันไม่ใช่คุณเลยสักนิด

หลังจากนั้น มู่เวยเวยก็ได้รับ หมู หอยเชลล์ มันฝรั่ง ข้าวโพด และอื่นๆที่เย่ฉ่าวเฉินปิ้งเองกับมือยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเธอบอกว่าพอแล้ว เย่ฉ่าวเฉินถึงได้หยุด

” คุณทำไมถึงปิ้งย่างเป็น? ” มู่เวยเวยกินไปด้วยและขอพรในในใจว่ากลางคืนอย่าท้องเสียนะ

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความภาคภูมิใจ ” ฉันกำลังเรียนอยู่ ”

” หะ? คุณเห็นฉันเป็นหนูทดลองหรือยังไง? ”

เย่ฉ่าวเฉินหมุนเนื้อแกะในมือเล่น ” ฉันก็กินพร้อมกับเธออยู่นี่ไง ”

” ฉันไม่ต้องการ ” มู่เวยเวยพูดอย่างเย็นชา

เนื้อแกะในปากของเย่ฉ่าวเฉินรสชาติเปลี่ยนไปทันมี เสียงรอบข้างก็ค่อยๆเงียบสงบลง เขานิ่งไปเป็นเวลานาน และลังเลอยู่นาน สุดท้ายเย่ฉ่าวเฉินก็ตัดสินใจพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิด ” เวยเวย แต่ก่อนฉันทำผิดไปหลายเรื่อง และเข้าใจเธอผิดไปมากมาย ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับเธอ แล้วปลอมเป็นเสี่ยวจื่อหลอกเธออีก ฉันขอโทษนะ เพราะว่าฉันมันหูเบา ฉันมันโง่……ตอนนี้ฉันอยากใช้ชีวิตกับเธออย่างมีความสุข ”

มู่เวยเวยตกใจกับคำพูดพวกนั้นของเขา นี่ยังใช่เย่ฉ่าวเฉินที่เธอรู้จักอยู่รึป่าว? ถึงขั้นเอ่ยปากขอโทษเธอ?

” เย่ฉ่าวเฉิน คุณปิ้งย่างถึงขั้นเอาสมองตัวเองเผาลงไปด้วยแล้วหรอ? คุณรู้ตัวไหมว่าคุณพูดอะไรออกมา

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง ” เวยเวย ฉันรู้ตัวดีว่าฉันพูดอะไรอยู่ เธออย่าได้สงสัยอะไรในความจริงใจของฉันเลย

มู่เวยเวยรู้สึกว่ามันน่าตลกมาก ” จริงใจ? เย่ฉ่าวเฉินความจริงใจของคุณให้เฉียวซินโยวไปแล้วไม่ใช่หรอ แล้วยังมรความจริงใจมาจากไหนอีก? ”

” เวยเวย เราไม้พูดถึงเฉียวซินโยวแล้วได้ไหม? แต่ก่อนก็เพราะว่าฉันเชื่อใจเธอมากเกินไป เลยทำเรื่องโง่ๆลงไปมากมาย ตอนนี้เธอไปแล้ว ไม่มีใครเป็นช่องว่างระหว่างเราสองคนแล้ว เราจะกลับไปใช้ชีวิตปกติๆไม่ได้หรอ? ”

มู่เวยเวยเกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว ” เย่ฉ่าวเฉิน เราสองคนตั้งแต่แต่งงานก็ไม่ปกติแล้ว คุณก็แค่ต้องการแก้แค้นพี่ชายฉัน ส่วนฉันก็แค่อยากช่วยบริษัทมู่ซื่อ ตอนนี้คุณมาบอกฉันว่ากลับไปใช้ชีวิตปกติ ขอถามนะ เราเคยมีชีวิตปกติร่วมกันด้วยหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินจุกกับคำพูดมู่เวยเวย ก้อนหินในใจเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ ” เวยเวย พวกเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ ไม่มีเฉียวซินโยว ไม่มีหนานกงเฮ่า มีแค่เราสองคน ”

มู่เวยเวยแสยะยิ้มแล้วมองหน้าเขา ” เย่ฉ่าวเฉิน ถึงจะเริ่มต้นใหม่ ครั้งแรกของฉันก็ไม่ให้คุณ ผู้หญิงส่ำส่อนแบบนี้ คุณรับได้หรอ? ”

แววตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินพยายามแสดงออกว่ารับได้ ” แม้ว่าฉันจะเกลียดผู้หญิงประเภทนี้จริงๆ แต่ว่าฉันจะพยายามให้อภัย ฉันหวังว่า……”

” ดังนั้น คุณก็หวังว่าฉันจะลืมสิ่งที่คุณเคยทำ? ” มู่เวยเวยพูดขึ้นด้วยความเย้ยหยัน ” เย่ฉ่าวเฉิน ฉันจะบอกคุณให้นะ ฉันไม่ต้องการให้คุณอภัยให้ฉัน ฉันก็ไม่มีวันอภัยให้คุณ ใช้ชีวิตปกติอะไรกัน? อย่าพูดจาแปลกๆแบบนี้ได้ไหม? คุณคิดว่าฉันจะใช้ชิตปกติกับคนที่จะฆ่าฉันให้ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หรอ? เย่ฉ่าวเฉิน นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือยังไง? ตบหน้าฉันแล้วเอาขนมมาล่อ? ”

อารมณ์ของมู่เวยเวยอ่อนไหว น้ำเสียงก็ร้อนลน

” เวยเวย ก็ใช้บอกไปแล้ว ว่าฉันผิดไปแล้ว……” เย่ฉ่าวเฉินพยายามพูดเอาใจเธอ เพราะมีสายตาหลายคู่ของพนักงานมองมาทางนี้

” เย่ฉ่าวเฉิน คุณจะขอโทษหรือไม่มันก็เรื่องของคุณ ส่วนฉันจะรับคำขอโทษหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน ” มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเก้าอี้ พอเห็นว่าเย่ฉ่าวเฉินเดินตามมา เธอใช้มือชี้หน้าเขา ” คุณไม่ต้องตามมา ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ”

มองเธอที่เดินหายไปในฝูงผู้คน เขาก็โยนเนื้อแกะในมือทิ้งลงถังขยะ

เสียใจไหม? ถ้าเปรียบความเสียใจเป็นเหมือนเม็ดฝน ถ้าอย่างนั้นตอนที่เขาค่อยๆรู้ความจริง เม็ดฝนน้อยๆนั้นสำหรับในตอนนี้ ถึงจะใช้ภาชนะที่ใหญ่ขนาดไหนก็รองรับไว้ไม่ได้แล้ว

แน่นอนว่านอกจากเสียใจแล้ว ในใจของเย่ฉ่าวเฉินก็ยังรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ หลายวันมานี้เขาลองนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เธออยากจะอธิบายให้เขาฟังมาตลอด แต่เขากลับไม่ยอมฟังอะไรเลย อีกทั้งยังหาว่าเธอโกหกอีก

จนกระทั่งตอนที่ถึงแทบจะสูญเสียความเชื่อใจและความหวังที่มีในตัวเขา เขากลับตกหลุมรักเธอ

นี่บทบทลงโทษของสวรรค์ใช่ไหม ลงโทษเรื่องโง่ๆที่เขาทำลงไป ลงโทษเขาที่ทำเรื่องผิดๆลงไป

จะต้องทำยังไง ถึงจะได้ใจเธอกลับมา?

นี่มันยากกว่าการที่จะลงทุนกับกับโครงการใหญ่ๆให้สำเร็จสะอีก

เย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้อาบน้ำและเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

ในคืนนั้น มู่เวยเวยออกคำสั่งว่าห้ามเย่ฉ่าวเฉินแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะออกไปนอนที่อื่น ในคืนนั้นเลยเงียบสงบมาก

ในวันที่สอง หลังจากกินอาหารเสร็จเวลาประมาณสิบโมง ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมอยู่ที่เชิงเขา รอเพียงเสียงสัญญาณออกตัวเพื่อชิงเงินรางวัลสองหมื่น

” ไป ” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนออกมา ทุกคนก็ออกตัวอย่างไม่คิดชีวิต

เย่ฉ่าวเฉินเดินตามกลุ่มคนพวกนั้นไปไม่ถึงสิบเมตร โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นผู้ร่วมลงทุนรายสำคัญในต่างประเทศ หลังจากรับโทรศัพท์เขาก็วิ่งไปเข้าหามู่เวยเวยและพูดว่า “ฉันต้องประชุมวิดีโอคอลครั้งสำคัญ ฉันเลยไม่ปีนเขาแล้ว ที่นี่มันอันตรายและซับซ้อน เธออยากอยู่ห่างจากคนอื่นๆล่ะ ระวังตัวด้วย ”

มู่เวยเวยไม่อยากคุยกับเขา เธอแสดงออกด้วยท่าทางที่บอกให้เขารู้ว่าเธอเข้าใจแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินมองหน้าเธออย่างเหลืออด และหันไปสั่งการกับเลขาหลิว จากนั้นก็กลับไปทำงานต่อที่คฤหาสน์ริมชายหาด

พอไม่มีเย่ฉ่าวเฉินอยู่ มู่เวยเวยก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เมื่อคืนหลังจากรู้เจตนาของเขาแล้ว มู่เวยเวยก็นอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน อยากให้เธออภัยให้งั้นหรอ?

เหอะ! ตลก

ช่วงแรกๆของการปีนเขาพื้นเขาเรียบและปีนผ่านไปได้ง่ายมาก แต่พอถึงตอนกลางๆของเขานี่แหละคือการปีนเขาที่แท้จริง จะมีบางที่ที่มันสูงชันมาก ทำให้ทุกคนต้องค่อยๆปีนขึ้นไปอย่างช้าๆ

มู่เวยเวยรู้อยู่แล้วว่าให้ทำยังไงเธอก็ไม่ได้เงินรางวัลนั่นหรอก เธอจึงปีนขึ้นไปช้าๆและชมความงามของภูเขาไปด้วย

พอปีนไปได้ครึ่งเขาแล้ว เธอก็นั่งพักบนก้อนหินก้อนใหญ่ เธอมองลงไปดูทางที่เธอปีนขึ้นมา จู่ๆก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ไม่น่าล่ะถึงได้มีผู้คนเยอะแยะมากมายที่ชอบกีฬากลางแจ้ง มันรู้สึกดีมากๆนี่เอง

เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ปีนไปถึงยอดเขาไปแล้ว ยังมีอีกแค่ส่วนน้อยที่เป็นเหมือนมู่เวยเวย พักทุกๆสิบเมตร

” เวยเวย ดื่มน้ำไหม? ” เลขาหลิวไม่รู้โผล่มาจากไหน และยื่นน้ำให้กับเธอ

มู่เวยเวยยิ้มด้วยความซึ้งใจ ” ในกระเป๋าฉันมีน้ำอยู่ ขอบคุณมาก ”

” ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนประธานเย่จะออกไปได้สั่งฉันไว้ให้ดูแลคุณ ”

มู่เวยเวยรู้สึกโมโห ” เลขาหลิว ในเมื่อออกมาเที่ยวเล่น ไม่ต้องมีเจ้านายลูกน้องหรอก คุณเล่นของคุณไปเถอะ ไม่ต้องมาคอยดูแลฉัน ”

” แบนนี้……”

” เถอะน่า ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะนั่งพักอีกหน่อย คุณไปกับพวกเขาเถอะ” มู่เวยเวยไม่อยากลำบากคนอื่น และยิ่งไม่อยากที่จะอยู่ในความดูแลของเย่ฉ่าวเฉินตลอดเวลา

เลขาหลิวเห็นว่าเธออึดอัด เลยไม่อยากกดดันเธอ ” ถ้าอย่างนั้นคุณก็ค่อยๆปีนนะครับ ถ้ามีอะไรให้รีบเรียกฉัน ”

” อือๆ ฉันรู้แล้ว ”

มู่เวยเวยนั่งพักอีกหน่อยและปีนขึ้นเขาต่อไป แต่ว่าบางเรื่องมันก็ควบคุมไม่ได้ และไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน คิดไปคิดมาวิธีที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นหาที่ที่พวกเขาจะมองไม่เห็นแล้วรีบทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย

เธอค่อยๆก้าวขาช้าลง สุดท้ายก็นั่งลงอีกครั้ง แล้วรอให้คนเดินเข้ามา

” เวยเวย หยุดอีกแล้ว ร่างกายเธอนี่ใช้ไม่ได้เลย ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินมาแล้วพูดขึ้น

มู่เวยเวยยิ้ม เหอะเหอะ ให้เขา ” กลับไปฉันจะไปออกกำลังกาย ”

” เวยเวย ไปเร็ว ”

” อืออือ เธอไปก่อนเลย ฉันนั่งพักอีกแปบ ”

หลังจากที่เพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายไปแล้ว มู่เวยเวยก็รีบพุ่งตัวไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เธอเล็งเอาไว้แต่แรกแล้ว

จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย มู่เวยเวยรู้สึกโล่งท้องขึ้นมาก เธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และยังไม่ทันได้เดินออกจากต้นไม้ใหญ่เลย เธอก็เห็นงูขาวเล็กที่กำลังจ้องเธอตาเป็นมันอยู่ในพุ่มไม้

” อ๊า —— ” มู่เวยเวยกรีดร้องออกมา ในบรรดาสัตว์ทั้งหมดที่เธอกลัวมากที่สุดก็คืองู

มู่เวยเวยกลัวจนตัวสั่น เธอตกใจจนแทบจะอยากร้องไห้ เธอสบตากับเจ้างูขาวอยู่สองสามวิ อยากจะเดินอ้อมตัวมันไป แต่ว่าพอก้าวขาเดินกลับล้มลงกับพื้น และเธอก็กลิ้งตกลงไป กลิ้งไปจนถึงครึ่งเขาเธอก็คว้าใบไม้ของต้นไม้ต้นหนึ่งไว้แต่ว่าเธอหนักเกินไปกิ่งไม้นั้นเลยหัก และเธอเลยกลิ้งตกลงไปเรื่อยๆ……

” ตึง —— ” ในที่สุดก็ตกลงมาจนได้ มู่เวยเวยรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว

พอลุกขึ้นดู นี่มันหลุมที่สูงกว่าองเมตรเลยนะ มีความกว้างอยู่ที่ประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง ในหลุมเต็มไปด้วยหญ้าที่สูงมากๆ ดังนั้นตอนที่มู่เวยเวยกลิ้งตกลงมาขาและแขนของเธอเลยไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่ว่าในหลุมนี้มีกลิ่นคาวรุนแรงมากและเหม็นมากด้วย

มู่เวยเวยมองไปรอบๆ เธอเห็นรอยขีดข่วนมากมายของสัตว์ร้าย หลุมนี่น่าจะเป็นกับดักล่าสัตว์ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ ไม่อย่างนั้นหญ้าคงไม่สูงขนาดนี้หรอก

ช่างเถอะ รีบขอความช่วยเหลือก่อนเถอะ

พอมู่เวยเวยสังเกตตัวเอง มู่เวยเวยตกใจมาก ตอนที่เธอกลิ้งตกลงมากระเป๋าของเธอตกหายไหนแล้วก็ไม่รู้ และทั้งของกินน้ำแม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็อยู่ในนั้น

คนมันถึงคราวซวยก็ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ ก็แค่ขอเข้าห้องน้ำหน่อย ใครจะไปรู้ว่าจะเจองู ถ้ารู้อย่างนี้เธอนั่งตกปลาอยู่ริมชายหาดน่าจะดีกว่า?

” มีคนไหมคะ—— ช่วยด้วย—— ” มู่เวยเวยตะโกนออกมาจากลม แต่เสียงมันกลับหายไปกับอากาศ

” ช่วยด้วย——.ใครก็ได้ช่วยด้วย —— ”

มู่เวยเวยตะโกนขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่เธอได้กลับมาทีเพียงเสียงลม เธออยากจะค่อยๆปีนออกจากหลุม แต่ว่าเธอก็ตกลงมาทุกครั้ง

หลังจากที่เธอลองพยายามแล้ว มู่เวยเวยก็ตัดสินใจที่จะเก็บแรงไว้ รออีกสองสามชั่วโมง ถ้าพวกเขาเที่ยวสนุกมากพอแล้วเดินลงเขามา เธอค่อยขอความช่วยเหลือเผื่อว่าจะมีคนได้ยิน

แต่ว่า อยู่คนเดียวในสถานที่แบบนี้ มู่เวยเวยรู้สึกหลอนๆ ไม่รู้ว่าหลุมนี่ฆ่าชีวิตไปกี่ชีวิตแล้ว สัตว์เล็กใหญ่ที่เสียชีวิตในหลุดนี้ได้โปรดอยากทำอะไรฉันเลยนะ สาธุ ถึงแม้ว่าพวกมันยังไม่ทันได้ทำอะไร แต่เธอก็กลัวอยู่ดี

……

สามหรือสี่ชั่วโมงต่อมาคนส่วนใหญ่ในบริษัทก็มาถึงยอดเขาเพราะว่าวันนี้มีเมฆมาก แสงแดดเลยไม่ได้ส่องจ้า

หลายคนตะโกนออกมาลั่นภูเขา ราวกับจะตะโกนความทุกข์ที่อยู่ในใจออกมาให้หมด

อันดับหนึ่งตกเป็นของชายหนุ่มในแผนกการขาย ดูเหมือนว่าร่างกายที่เขาออกกำลังกายเป็นประจำจะไม่มีใครสามารถสู้กับเขาได้

ในเวลาบ่ายสามโมงเลขาหลิว เริ่มนับจำนวนคน พอนับไปนับมานับยังไงก็มีคนหายไปหนึ่งคน แน่นอนว่านี่ไม่ได้นับรวมเย่ฉ่าวเฉินที่ไม่ได้ขึ้นเขามาด้วยกัน

“ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วช่วยกันดูว่าใครยังไม่มา?”

ทุกคนในแผนกออกแบบมองหน้ากันไปมา และในที่สุดก็รู้ว่าใครไม่อยู่ในนี้

“เลขาหลิว มู่เวยเวยไม่อยู่ที่นี่” เห่อเหม่ยหลิงพูดด้วยความกังวล

เปลือกตาของเลขาหลิวกระตุกและมีความวิตกกังวลในใจ“ คุณโทรหาเธอแล้วถามว่าเธออยู่ที่ไหน?”

เห่อเหม่ยหลิงพยักหน้า และรีบกดโทรออก โทรอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครรับสาย หลังจากนั้นก็โทรไปอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีใครรับสาย

“ทุกคนที่พึ่งตามขึ้นมาทีหลัง พวกคุณมีใครเห็นมู่เวยเวยระหว่างทางไหม?” เลขาหลิวถามเสียงดัง

“โอ้ ฉันเห็นเธอ ตอนนั้นฉันยังถามอยู่เลยว่าเธอจะไปต่อรึยัง เธอบอกว่าเธอขอพักอีกหน่อย”

“ฉันก็เห็นเธอเหมือนกัน เธอนั่งอยู่บนก้อนหินและยังบอกกับฉันอีกว่าเธอถ้ากลับไปเธอจะออกกำลังกาย ”

เลขาหลิวเริ่มกังวล “ ตอนที่พวกคุณเจอเธอ ประมาณกี่โมง ที่ไหน? ”

“ประมาณตอนเที่ยง อยู่ครึ่งทางขึ้นเขา”

ถ้านับตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว คงไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอใช่ไหม

“แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี? ” สีหน้าของเห่อเหม่ยหลิงเปลี่ยนไป ขอให้มู่เวยเวยอย่าได้เป็นอะไรไปเลยนะ

เลขาหลิวครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “ฉันจะโทรหาท่านประธานเย่ดูก่อน เธออย่าพึ่งโทรหามู่เวยเวยถ้าโทรศัพท์มือถือของเธอแบตหมดไปสะก่อน แล้วจะลำบากไปกันใหญ่”

“อือ โอเค.”

เพื่อนร่วมงานเริ่มพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเลขาหลิวพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม“ ตอนนี้ก็เริ่มจะเย็นแล้ว ทุกคนลงจากภูเขาเดี๋ยวนี้ อย่าลืมนะให้ไปกันเป็นกลุ่ม ระหว่างทางกลับก็อย่าลืมตามหามู่เวยเวยด้วย บางทีเธออาจจะหลับไปที่ไหนสักแห่ง อย่าลืมนะว่าอย่าเดินทางคนเดียวเด็ดขาด ”

“ได้…”

ในคฤหาสน์ หลังจากที่เย่ฉ่าวเฉินได้ประชุมอย่างยาวนานเสร็จไป เขาก็เริ่มเขียนวางแผนการทำงานทันที

โทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบของห้อง

“ มีอะไรเหรอ?” เขากดปุ่มรับสายอย่างรวดเร็ว

เสียงที่กังวลของเลขาหลิวดังขึ้น “ ท่าประธานเย่ แย่แล้ว มู่เวยเวยหายไป ”

“คุณว่าไงนะ” เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หลังจากเลขาหลิวอธิบายให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีแก้ปัญหาในตอนนี้ของพวกเขา เย่ฉ่าวเฉินพูดว่า“ ขอให้เพื่อนร่วมงานระมัดระวังกับความปลอดภัยด้วย และอย่าวิ่งเล่นบนภูเขาฉันจะรีบติดต่อทีมกู้ภัยมืออาชีพทันทีเพื่อตามหามู่เวยเวย

“ ครับท่านประธานเย่”

หลังจากวางสายแล้วเย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรง มู่เวยเวยเธอต้องไม่เป็นไรนะ เธอยังไม่ได้ยกโทษให้ฉันเลย เธอจะเป็นอะไรไปได้ยังไง?

หลังจากบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินได้รีบโทรศัพท์ไปสองสามครั้งจากนั้นก็ไปหาคนที่ดูแลคฤหาสน์หลังนี้ และขออุปกรณ์ช่วยชีวิตจากเขาและออกเดินทางไปยังภูเขา

อุณหภูมิบนภูเขาลดลงอย่างรวดเร็วและน้ำค้างเริ่มปรากฏในเวลาประมาณสี่โมง ต้นไม้ใบหญ้าในนี้น่ากลัวมาก มู่เวยเวยหาพื้นที่ที่เธอจะสามารถนั่งได้ อันที่จริงเธอกลัวสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหญ้ามากกว่า แทนที่จะอยู่แบบกลัวๆแบบนี้ เธอรีบจดการกับใบหญ้าพวกนี้ให้โล่งๆจะดีกว่า เธอถึงจะสบายใจ

เธอเอามือเท้าคาง และเธอก็คิดในใจว่าเพื่อนจะจะลงมาจากเขากันเมื่อไหร่ ทันใดนั้น เธอก็ได้เสียงแว่วๆมาตามอากาศ

“ มู่เวยเวย ——มู่เวยเวย ——”

มู่เวยเวยดีใจมากและรีบตะโกนออกจากหลุมไปว่า “ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่ ช่วยฉันด้วย——”

น่าเสียดาย ที่เธออยู่ในทิศทางที่ลมพัดแรง พอเธอตะโกนออกมาเสียงของเธอก็ถูกพัดลอยไปตามสายลมทันที คนอื่นๆเลยไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอ

“ มู่เวยเวย —— มู่เวยเวย ——”

“ฉันอยู่นี่ ——- ได้ยินไหม? ช่วยด้วย——”

มู่เวยเวยกรีดร้องด้วยความกังวล เธอตะโกนจนเสียงแหบหมดแล้ว พวกเขาไม่ได้ยินจริงๆเหรอ?

“ช่วยด้วย—–ใครก็ได้ช่วยที—— ฉันอยู่นี่——” มู่เวยเวยตะโกนต่อไปเพราะเธอรู้ว่าตอนนี้ที่นี่เป็นที่ที่อยู่ใกล้กับเพื่อนร่วมงานมากที่สุดแล้ว ถ้าพวกเขาหาเธอไม่เจอ พวกเขาก็จะเดินลงภูเขาไป ความหวังที่รอให้พวกเขามาช่วยเธอให้ออกจากหลุมก็จะเหลือน้อยแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเสียงเรียกเธอก็ค่อยๆจางหายไป

“อ๊า —— ฉันอยู่นี่ อย่าพึ่งไป” มู่เวยเวยตะโกนจากหลุม แต่มันก็ยังไม่มีประโยชน์

ในไม่ช้า บนภูเขาก็เงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงของสายลมเท่านั้นที่ยังคงอยู่

“เฮ้ —— อย่าพึ่งไป——”

คอของมู่เวยเวยเจ็บปวดเล็กน้อย เธอไม่ได้ดื่มน้ำมาเกือบทั้งวันและเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขนาดนั้น ถ้าไม่เจ็บคอสิน่าแปลก

มู่เวยเวยนั่งกลับไปในหลุมหญ้านั้น เธอทั้งเหนื่อยและหิว

บนภูเขามืดเร็วมาก ในตอนกลางคืนเริ่มมีหมอกลง

มู่เวยเวยบูชาเทพเจ้าต่างๆในหลุม พระโพธิสัตว์กวนซีทุกองค์ที่เธอเคยทำความดีตลอดมา ได้โปรดอวยพรให้มีคนหาตัวเธอเจอให้ไวด้วยเถอะ ฉันไม่อยากค้างคืนที่นี่ สาธุ

ทันใดนั้นเสียงกรอบแกรบก็ดังมาจากด้านข้างของหลุม มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมองเห็นกระต่ายสีขาวราวกับหิมะกำลังมองดูตัวเองอย่างงง ๆ หลังจากเฝ้าดูกันสองสามวินาที กระต่ายตัวนั้นก็วิ่งหนีไป

กระต่ายขาวตัวน้อยกำลังหัวเราะเยาะฉันหรอ?

อีกด้านหนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินตามหาตัวเธอในสถานที่ที่ใกล้เคียงกับที่เธอหายตัวไปหลายรอบมาก แต่ก็หาไม่เจอสักที และโทรหาเธอหลายสาย สายสุดท้ายโทรศัพท์ปิดเครื่องไปแล้ว น่าจะแบตเตอรี่หมด

เขาตามหาตัวเธอต่อไป ในที่สุดภายใต้ความมืดก็เจอกระเป๋าของเธอติดอยู่กับกิ่งไม้ต้นหนึ่ง โทรศัพท์ของเธอก็อยู่ในนั้นด้วย

เย่ฉ่าวเฉินกอดกระเป๋าของเธอไว้แน่น ความกังวลมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมกระเป๋าของเธอถึงแขวนในที่ที่เปลี่ยวแบบนี้? คงไม่ได้โดนบุคคลอันตรายจับตัวไปใช่ไหม?

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ่งกังวลมากขึ้นและต้องการพบเธอโดยเร็วที่สุด

ท้องฟ้ามืดลงเร็วมาก ทีมกู้ภัยสิบกว่าคนที่มาช่วย แต่พอเข้ามาในป่าผืนใหญ่นี้ ก็เปรียบเหมือแค่หยดน้ำหยดหนึ่งกลางทะเล ไม่พบร่องรอยใดๆของเธอเลย

นอกคฤหาสน์ เพื่อนร่วมงานทุกคนไม่มีอารมณ์ที่จะรับประทานอาหารหรือสำมะเลเทเมาอีกต่อไป พวกเขาทุกคนต่างก็กังวล

“พวกเราออกไปตามหากันไหม จะรอแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ” เสี่ยวหลี่แผนกออกแบบพูดขึ้น เธอกับมู่เวยเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตอนขึ้นเขาเธอยังเดินไปพร้อมกับมู่เวยเวยอยู่เลย แต่ว่ามู่เวยเวยเดินช้ามาก เธอเลยเดินล่วงหน้าไปก่อน ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอคงจะรอมู่เวยเวย

” ใช่ครับ ผู้จัดการเห่อ เราออกตามหาเธอดูไหม เวยเวยเป็นคนของแผนกเรา…..ง. ”

“ไม่ได้!” เลขาหลิวปฏิเสธคำแนะนำของพวกเขา “ถ้าเป็นเวลากลางวันเราไปได้ แต่ตอนนี้มืดแล้วและเราไม่มีประสบการณ์ในการตามหาและช่วยเหลือผู้คน การเข้าไปในภูเขาเท่ากับพวกเราจะยิ่งทำให้เขาลำบากมากขึ้น ประธานเย่บอกไว้แล้วว่า เขาจะไม่ปล่อยให้พนักงานของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง ”

“ แต่ … ” น้ำตาที่วิตกกังวลของเสี่ยวหลี่แทบจะไหลลงมา

“เลขาหลิวพูดถูกถ้าเราช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่าสร้างปัญหาเพิ่มเลย” เห่อเหม่ยหลิงพูดขัดจังหวะเธอและปลอบใจพนักงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลเจ้าหน้าที่กู้ภัยขึ้นเขาไปแล้วกว่าสองชั่วโมง ไม่แน่พวกเขาอาจจะเจอเวยเวยแล้วก็ได้ ”

เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ยังคงได้ยินเสียงดังอยู่รอบ ๆ ความกลัวในใจของมู่เวยเวยก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตัวอะไรวิ่งมาอีกแล้ว?

โอ้พระเจ้า มันคงจะไม่ใช่สัตว์ใหญ่อย่างหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอกใช่ไหม?

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งน่ากลัวมู่เวยเวยกอดไหล่ของเธอและปลอบใจตัวเอง “อย่าคิดมากเลย ไม่เป็นไรหรอก มีหมาป่าสะที่ไหน ถ้ามีก็โดนสวนสัตว์จับไปนานแล้ว ”

ในตอนนี้เองก็มีเงาปรากฏบนหลุมภายใต้การส่องสว่างของแสงจันทร์ และมู่เวยเวยก็กลัวมากจนไม่กล้าขยับตัวเลย? หูสองข้างและหางยาวๆ มันคงจะเป็นหมาป่าใช่ไหม?

จู่ๆฉันก็จำได้ว่าเคยเห็นสัตว์โลกมาก่อนมันบอกว่าเมื่อคุณเจอนักล่าชั้นยอดเช่นสิงโต เสือดาว คุณต้องไม่หันหลังให้พวกมันเพราะพวกมันจะคิดว่าคุณรังแกได้ง่าย ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณมองพวกมันอย่างดุร้าย คุณอาจจะมีชีวิตรอด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้มู่เวยเวยก็หายใจเข้าลึก ๆ และกัดฟันหันไปรอบ ๆ ทันทีและจ้องมองไปที่เงาหางยาวด้านบนด้วยสายตาที่อย่างดุร้าย แต่ว่านักล่าตัวนี้ตัวเล็กเกินไป

มู่เวยเวยถอนหายใจอย่างโล่งอก จริงๆแล้วมันคือแมวป่า

แมวป่าตัวน้อยมาเยี่ยมเธอที่ลุมอย่างสง่างามและดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจมันจึงเดินจากไป

ภายใต้แสงจันทร์ มู่เวยเวยนั่งอยู่ในหลุมพร้อมกอดอกและชื่นชมดวงจันทร์

เย่เฉาเฉินมีความสามารถมากไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหาเธอไม่เจอ เธอต้องค้างคืนในหลุมนี้จริงหรอ?

ไม่ แม้ว่าเธอจะรักสัตว์เล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการนอนกับพวกมันทั้งคืน

มู่เวยเวยตะโกนสุดเสียง“ ช่วยด้วย มีใครอยู่ไหมฉัน อยู่นี่ … ช่วยฉันด้วย ฉันอยู่นี่ได้ยินฉันไหม”

นอกหลุมหลังจากที่เย่ฉ่าวเฉินแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตามหาคนและกู้ภัยคนอื่น ๆ แล้วพวกเขาก็ค้นหาสถานที่ที่พวกเขาพบกระเป๋าอยู่เป็นเวลานานและพบว่าใบหญ้าบนพื้นดูเหมือนจะถูกบดขยี้หลังจากทำตามร่องรอยเขา มองลงไปก็ได้ยินเสียงของมู่เว่ยเว่ย

“ฉันอยู่ที่นี่ ได้ยิน——”

เสียงของเธอแหบแห้ง แต่เย่ฉ่าวเฉินคิดว่ามันเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด

ฉันดีใจมากเย่ฉ่าวเฉินเดินไปตามทิศทางของเสียง และเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ …

มู่เวยเวยตะโกนจนเหนื่อยและอ่อนแรง เธอเริ่มใช้การร้องเพลงเพื่อสัญญาณ แต่น้ำเสียงนี้ยากที่จะชมเชย

“ระยิบระยับกระพริบตาระยิบระยับและท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวขนาดเล็กลอยอยู่บนท้องฟ้าราวกับอัญมณีที่ส่องแสง … ”

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินมาถึงหลุมลึกเขาเห็นมู่เวยเวย ที่ปลอดภัยดี ในที่สุดก้อนหินในใจของเขาก็ถูกวางลงและเขาสามารถร้องเพลงได้ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

“เพี้ยนมาก ดวงดาวตกใจเสียงร้องเธอหายไปหมดแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงของเขา มู่เวยเวยก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินปรากฏในสายตาของเธอ

ไอ้บ้า ในที่สุดก็มาจนได้

เมื่อเขาไม่พบเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็แทบจะบ้าตาย ตอนนี้เขาพบเธอแล้วแต่ขาไม่ได้รีบดึงเธอให้ขึ้นมา แต่เขากลับนั่งยองๆและหัวเราะ” มู่เวยเวย เธอกำลังทำอะไรอยู่ในหลุม?”

มู่เวยเวยชี้ไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าอย่างไม่มั่นใจ “ฉันมาที่นี่เพื่อชื่นชมดวงจันทร์ ทำไมไม่ได้หรอ ”

“โอ้ ดูดวงจันทร์บนพื้นราบธรรมดาๆมันไม่สวยเท่าลงไปดูในหลุมหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินแกล้งเธอ ในเวลานี้มู่เวยเวยภายใต้แสงจันทร์มีผมยุ่งเหยิงใบหน้าของเธอสกปรกและเสื้อผ้าของเธอก็ ฉีกเป็นชิ้น ๆ ทำไมเขาคิดว่าเธอสวยจัง?

นี่คงเป็นความรักสินะ ถึงเธอจะอยู่ในสภาพไหน เขาไม่รังเกียจเธอเลย

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยเสียงแหบๆ “ใช่ มองดูดวงจันทร์ในหลุมมันสวยมากเลยนะ คุณไม่เข้าใจ”

“จริงเหรอ งั้นฉันจะลองบ้าง” หลังจากพูดอย่างนั้นเย่เฉาเฉินก็กระโดดลงมายืนข้างๆมู่เวยเวยจากนั้นก็มองไปที่ดวงจันทร์และแสร้งทำและพูดว่า ” อืม ดูจากตรงนี้สวยกว่าจริงด้วย”

มู่เวยเวยตกตะลึงและถามอย่างสงสัยว่า”คุณกระโดดลงมาทำไม?”

“ชื่นชมดวงจันทร์” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเคร่งขรึม

“เราจะขึ้นไปได้ยังไงในเมื่อคุณโดดลงมาแล้ว” มู่เวยเวยพูดด้วยความกังวล มองดูการเยาะเย้ยของเขา เธอตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งที ลืมไปว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเย่ฉ่าวเฉินเท่านั้น แต่ยังเป็นเสี่ยวจื่อด้วย หลุมนี้มันยากสำหรับเธอ แต่สำหรับเสี่ยวจื่อมันง่ายมาก

เย่ฉ่าวเฉินปัดเศษหญ้าบนหัวเขาออกและถามเธอว่า “เธออยากชมจันทร์อย่างเพลิดเพลินอยู่ที่นี่ หรือว่ากลับคฤหาสน์ไปชมจันทร์อย่างเพลิดเพลินบนริมหาด? ”

“อืม ฉันว่าริมหาดดีกว่า”

“ ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาเธอกลับก็ได้ ถึงฉันจะไม่เต็มใจก็ตาม”

มู่เวยเวยเหลือบมองเขาอย่างโกรธ ๆ เสียงแหบพร่าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ” ถ้าคุณคิดว่ามันลำบาก ก็ช่างเถอะ ฉันรอให้คนอื่นมาช่วยก็ได้ ”

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ และยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และพูดปลอบโยนเธอเบา ๆ “เธอเป็นภรรยาของฉัน ถ้าฉันไม่ช่วยเธอจะไปช่วยใคร ฉันล้อเล่น อย่าโกรธนะ ”

มู่เวยเวยกัดริมฝีปากและไม่พูดอะไร

พูดตามตรง เธออยากให้เป็นคนอื่นที่มากกว่าที่มาช่วยเธอ ถ้าเป็นแบบนี้ เธอจะได้เกลียดเขาอย่างสบายใจ

แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ช่วยชีวิตของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาเคยทำกับเธอ แต่ว่าเธอบอกว่าก็เกลียดเขาได้ไม่ปาก

เย่ฉ่าวเฉินไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคิดว่าเขาพูดอะไรผิดเลยพูดขอโทษออกมาสองสามครั้ง เธอยังไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงกะทันหันและกอดเอวเธอไว้จากนั้นก็โดดขึ้นจากหลุม

เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างล่างไม่ทันได้สังเกต ออกจากหลุมแล้วพึ่งสังเกตเห็นว่ามู่เวยเวยหนาวสั่นจนปากซีดไปหมดแล้ว เย่ฉ่าวเฉินรีบหยิบเสื้อออกจากกระเป๋าและสวมให้เธอ จากนั้นก็กดโทรออก ” หัวหน้ากู้ภัยหวัง ฉันหาตัวเจอแล้ว คุณบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับได้ ขอบคุณมากนะ ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset