วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 170 คนที่พี่ชายส่งมา

พอกลับถึงบ้านก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงพอดี

มู่เวยเวยเจริญอาหารมาก เธอกินข้าวไปถึงสองถ้วย การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เย่ฉ่าวเฉินและฉินหม่ามีความสุขมาก ขอแค่เธออยากกินอาหาร เธอก็จะมีเรี่ยวแรงและมีชีวิตชีวา

หรืออาจจะเป็นว่าสภาวะจิตมีการเปลี่ยนแปลง ในคืนนั้น มู่เวยเวยนอนลงบนเตียงแล้วหลับไปเร็วมาก สาวใช้รีบเอาข่าวดีนี้ไปบอกกับเย่ฉ่าวเฉิน

” ดีมาก ดูแลคุณผู้หญิงให้ดี ”

สาวใช้พยักหน้า กำลังจะเดินออกไปแต่เย่ฉ่าวเฉินได้พูดขึ้นมาสะก่อนว่า ” เธอไปนอนก็เงียบๆหน่อยนะ กว่าผู้หญิงจะนอนหลับทีมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธออย่าส่งเสียงรบกวนคุณผู้หญิง

สาวใช้หน้าแดงและตอบกลับเบาๆว่า ” รับทราบค่ะ ” จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นสอง

พักผ่อนอย่างเพียงพอ และเจริญอาหาร ผ่านไปเพียงสองสามวัน ใบหน้าของมู่เวยเวยก็มีน้ำมีนวลและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ร่างกายเธอก็ไม่ได้ผอมแห้งแล้ว แต่ว่า เธอก็ยังไม่ค่อยพูดจาและไม่ค่อยยิ้มแย้ม โดยเฉพาะตอนที่เผชิญหน้ากับเย่ฉ่าวเฉิน เธอทำตัวเหมือนเป็นใบ้

เผชิญหน้ากับเธอที่เย็นชาและไม่ยอมพูดกับเขา เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกปวดใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่กล้าบังคับเธอ ลูกดึงเธอให้ออกจากความตายมาได้ เขาไม่ต้องการที่จะผลักให้เธอไปอยู่ในที่ที่อันตรายแบบนั้นด้วยอีก

……

ในเช้าวันนี้ มู่เวยเวยเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏว่าไม่มีเสื้อผ้าในตู้ที่เธอสามารถใส่ได้เลย โดยเฉพาะกางเกง ทุกตัวมันแน่นไปหมดเลย

ดูเหมือนว่าต้องไปช็อปปิ้งสักหน่อยแล้ว

” ฉันจะไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า ” ตอนที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่ จู่ๆมู่เวยเวยก็พูดขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินอึ้งไปสักพัก ในใจรู้สึกตื่นเต้นมาก นานเท่าไหร่ที่เขาไม่ได้ยินเธอเริ่มพูดขึ้นมาก่อน เสียงนี้มันไพเราะกว่าทุกสิ่ง

” ได้ ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวฉันไปกับเธอ ” ความเศร้าหมองที่สะสมมานานของเย่ฉ่าวเฉินหายไป และดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของเขาก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความสดใส

” ไม่ต้อง ให้เสี่ยวยู๋ไปกับฉันก็พอ ” มู่เวยเวยปฏิเสธอย่างเย็นชา

เสี่ยวยู๋เป็นสาวใช้ที่เธอเชื่อใจ

แต่ว่า เย่ฉ่าวเฉินจะสบายใจให้เธอออกไปคนเดียวได้อย่างไร และไม่สนใจกับการปฏิเสธของเธอ ” ฉันก็เป็นแค่คนรูดบัตรจ่ายตัง เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนก็ได้ ”

มู่เวยเวยไม่ได้พูดอะไร ถึงเธอจะปฏิเสธยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของเย่ฉ่าวเฉินได้หรอก

เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก็ก้มหน้าดื่มซุปด้วยความยิ้มเล็กยิ้มน้อย ดูเหมือนว่าต้องแจ้งเลขาหลิวให้ยกเลิกตารางงานทั้งหมดของวันนี้สะแล้ว

คนกลุ่มหนึ่งมาถึงห้างสรรพสินค้าที่หรูที่สุดในเมือง A เพราะว่าไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนเลยไม่ค่อยเยอะ

มู่เวยเวยเข้าแต่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เธอไม่ชอบเสื้อผ้าสำหรับคนท้อง เพราะว่ามันดูเทอะทะเกินไป และแบบมันก็ไม่สวยด้วย

หลังจากที่เดินชมร้านเสื้อผ้าหลายร้าน มู่เวยเวยไม่ได้ถามความคิดเห็นของเย่ฉ่าวเฉินเลยว่าตัวไหนสวยหรือไม่สวย และไม่ได้เข้าห้องลองเสื้อด้วย แค่มองแบบผ่านๆแล้วชอบ ก็ยื่นให้เสี่ยวยู๋ที่เดินตามเธออยู่ด้านหลัง จากนั้นก็บอกพนักงานขายว่าขอไซต์ L

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าที่สามีที่ดีได้สมบูรณ์แบบมาก ไม่พูดอะไรสักคำ แค่ตามรูดบัตรจ่ายเงินอยู่ด้านหลัง เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ จ่ายเงินซื้อของให้กับผู้หญิงที่เขารัก มองดูสายตาเธอที่เต็มไปด้วยความสุข นี่คงจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขามีแรงในการทำงานมากขึ้น

เดินช็อปปิ้งไปครึ่งวัน ของเต็มไม้เต็มมือของเสี่ยวยู่และจางเห่อ จนกระทั่งมู่เวยเวยเห็นว่าทั้งสองถือไม่ไหวแล้ว เลยเปลี่ยนเข้าไปที่ร้านกาแฟแทน

” ตอนนี้เธอดื่มกาแฟไม่ได้ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเตือนเธอ

” ฉันนั่งพักหน่อยไม่ได้หรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรัก ” ได้อยู่แล้ว ตามใจเธอ พนักงานขอกาแฟสามแก้วและน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว ”

” ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ ”

” ขอโทษนะคะ ห้องน้ำไปทางไหนคะ? ” มู่เวยเวยถามพนักงาน

” เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาค่ะ ”

มู่เวยเวยเอามือเท้าเอวที่ปวดแล้วตรงไปที่ห้องน้ำ เย่ฉ่าวเฉินนึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวในครั้งก่อน เลยส่งสัญญาณตาบอกเสี่ยวยู๋ สาวใช้ฉลาดมากรีบเดินตามเธอไปทันที

มู่เวยเวยหัวเราะในใจ เขานี่มันจำขึ้นใจไม่ลืมง่ายๆจริงๆ

พี่ชายก็ถูกเขาฆ่าตายไปแล้ว ยังจะมีคนที่จะช่วยเธอหนีไปได้อีกอย่างนั้นหรอ?

พอกลับมายังร้านกาแฟ น้ำอุ่นๆก็วางอยู่บนโต๊ะแล้ว เย่ฉ่าวเฉินนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้ามดูเหมือนว่าจะกำลังคุยเรื่องงาน

มู่เวยเวยจับแก้วน้ำอุ่นไว้ แล้วมองผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่นอกร้านกาแฟ

บางคนก็เดินเล่นคนเดียว บางคนก็เดินกับเพื่อนฝูง และบางคนก็เดินเล่นกับครอบครัว ทั้งหมดนั้นเป็นความสุขที่ธรรมดาๆของพวกเขา แต่เธอกลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เธอไม่มีอะไรเลยนอกจากลูกในท้องของเธอ

ในขณะนี้เอง คู่รักคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาเธอ ตอนแรกมู่เวยเวยก็ไม่ได้แปลกใจอะไร จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้เธอ

ราวกับว่าเลือดในตัวมู่เวยเวยหยุดไหล หัวใจของเธอก็เต้นแรง แต่ว่าเธอไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไรออกมา เพราะว่าเธอจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอเป็นพยาบาลที่พาเธอหลบหนีไปเมื่อคราวก่อน

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?

หลังจากพยาบาลคนนั้นรู้ว่าเธอเห็นเธอแล้ว จึงตบไหล่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็มองเธอแล้วพยักหน้า

มู่เวยเวยมองไปที่หน้าของผู้ชายคนนั้น เขาหน้าตาธรรมดามาก หน้าตาประมาณว่าถึงแม้จะเคยเจอแล้วแต่พอครั้งต่อไปมาเห็นอีกก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี

หลังจากนั้น มุมปากของผู้ชายคนนั้นก็ขยับ

หัวใจของมู่เวยเวยราวกับว่าโดนฟ้าผ่า เขาพูดช้ามาก และพูดซ้ำกันสองรอบ เธอแทบจะฟังไม่รู้อะไรไม่ออกเลย ข้างหูของมู่เวยเวยราวกับว่าจะได้ยินเสียงแหบข้างของผู้ชายคนนั้นบวกกับอ่านปากของเขา เขาพูดว่า คุณมู่

เขาเป็นคนชุดดำที่มาหาเธอในคืนนั้น!

ใช่เขาจริงๆ ชายชุดดำในคืนนั้นก็สูงประมาณนี้

มู่เวยเวยหัวใจเต้นแรงมาก ที่เขาพูดว่าเขาทำตามคำสั่งของพี่ชายเป็นความจริง

เย่ฉ่าวเฉินที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เห็นท่าทีของมู่เวยเวยเหมือนจะตื่นเต้น เลยทำเธอด้วยความสงสัย ” มองอะไรอยู่? ”

มู่เวยเวยรีบละสายตาจากสิ่งที่มอง แล้วก้มหน้าดื่มน้ำ ” ไม่ได้มองอะไร ”

เย่ฉ่าวเฉินมองตามสายตาที่เขามอง ก็เห็นว่ามีแม่ที่อายุน้องคนหนึ่งกำลังก้มสอนลูกอยู่ ดูแล้วทั้งอบอุ่นและน่ารักมาก

เธอรู้สึกอ่อนไหวหรอ? เย่ฉ่าวเฉินหันมามองผมสีดำเข้มของมู่เวยเวย อยากจะจะยื่นมือดึงตัวเธอมากอด แล้วบอกกับเธอว่า ถ้าหากว่าในอนาคตลูกทำให้เธอโกรธ เขาจะสั่งสอนลูกให้ดี ให้เชื่อฟังคำของแม่

มู่เวยเวยดื่มน้ำไปคำหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปนอกร้านอีกครั้ง พยาบาลสาวและชายชุดดำคนนั้นหายไปแล้ว ดูแล้วเย่ฉ่าวเฉินคงยังไม่เห็นพวกเขาสินะ

ในที่ที่มู่เวยเวยมองไม่เห็น พยาบาลสาวพูดกับชายชุดดำด้วยน้ำเสียงที่โกรธ ” ฉันทำในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว แล้วไม่ไหร่จะปล่อยตัวเพื่อนฉัน? ”

ชายชุดดำพูดอย่างเย็นชา ” รีบร้อนไปทำไม? รอให้เรื่องนี้สำเร็จแล้ว เจ้านายฉันก็ต้องปล่อยพวกเธอไปอยู่แล้ว แต่ว่า ในเมื่อมู่เทียนเย่ก็ตายไปแล้ว พวกเธอก็ลองพิจารณาดูให้ดีว่าจะมาทำงานให้เจ้านายฉันไหม ถึงยังไงก็หาเงินเหมือนกัน

พยาลาบสาวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ” ขอโทษนะ เจ้านายของคุณรสนิยมแปลกเกินไป ฉันกลัวว่าจะทำงานร่วมกันไม่ได้ ”

มู่เทียนเย่หาคนตาคมปากร้ายแบบพวกเธอมาจากที่ไหนกันนะ ”

” พวกคุณสัญญาแล้ว ว่าจะไม่ทำร้ายมู่เวยเวยแม้แต่ปลายเล็บ ถ้าไม่รักษาคำพูด พวกเรายอมสู้ตาย ” พยาบาลสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม เธอไม่มีความอ่อนโยนในแบบที่เด็กสาวคนหนึ่งจะมีเลย

ชายชุดดำใช้ปืนผลักเธอและพูดว่า ” สบายใจได้ เจ้านานฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ”

ตั้งแต่ที่เห็นพยาบาลสาวคนนั้น มู่เวยเวยก็ยิ่งรู้สึกมีแรงฮึดมากขึ้น บางทีก็เริ่มพูดคุยกับฉินหม่าเองก่อน ถ้าเทียบกับเมื่อสองวันก่อน ก็ทำให้คนในคฤหาสน์สบายใจขึ้นเยอะมาก

ช่วงเวลาก่อน เธอเอาแต่ทำเหมือนว่าอยากตาย ทุกคนรวมถึงเย่ฉ่าวเฉินด้วยต่างก็กังวลมากๆ เธอเดินไปถึงไหนก็ต้องมีคนคอยจับตามองเธอไว้ แม้กระทั่งตอนที่เธอเดินลงบันได เสี่ยวยู๋ก็ต้องพยุงตัวเธอไว้ กลัวว่าเธอจะคิดสั้นแล้วทำให้ตัวเองลื่นตกบันได

สาวใช้สองคนกำลังจัดตกแต่งดอกไม้ในสวน

” เอ้ เธอคิดว่าทำไมจู่ๆคุณผู้หญิงถึงคิดได้?เมื่อสองวันก่อนยังไม่อยากมีชีวิตอยู่อยู่เลย ”

” ได้ยินเสี่ยวยู๋บอกว่า เพราะว่าได้เห็นหน้าลูกในท้องผ่านการอัลตร้าซาวด์ครั้งก่อน เลยทำให้คุณผู้หญิงคิดได้”

” ถือว่าช่วยชีวิตพวกเราไว้ด้วย……ฮ่าฮ่าฮ่า ช่วงที่ผ่านมาฉันกลัวแทบตาย……”

หลังจากที่ได้รับการยืนยันตัวจากชายชุดดำนั้นแล้ว มู่เวยเวยก็เฝ้ารอ ครั้งที่แล้วที่เขาลักลอบเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเย่ จางเห่อก็จัดคนรักษาความปลอดภัยแน่นขึ้นมาก เย่ฉ่าวเฉินก็กลับบ้านหลังจากเลิกงานทุกวัน จะพาตัวเธอให้ออกจากตระกูลเย่ถือว่าเป็นงานที่ยากมากจริงๆ

แต่ว่า เธอเชื่อในความสามารถของลูกน้องพี่ชายเธอ ในเมื่อพวกเขาเข้ามาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องเข้ามาได้อยู่แล้ว

เย็นวันนั้น ทั้งสองกำลังทานข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร พ่อบ้านหวังก็ยื่นการ์ดเชิญให้เขา

” คุณชาย นี่เป็นการ์ดเชิญที่ท่านหนานกงให้คนมาส่งเมื่อเช้านี้ครับ บอวกว่าอีกสองวัน ตระกูลหนานกงจะมีงานเลี้ยง อยากจะเชิญท่านและคุณผู้หญิงไปร่วมงานด้วย ”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ” ท่านหนานกง? ”

พ่อบ้านหวังยิ้มแล้วพูดว่า ” ใช่ครับ จากที่ฟังจากคนที่มาส่ง เหมือนกับว่าจะจัดงานนัดเดทดูตัวให้กับคุณหนานกงเฮ่าครับ ”

” เหอะ เขาก็ควรแต่งงานได้แล้ว ” เย่ฉ่าวเฉินสบถออกมา รับการ์ดเชิญมาดูแวบหนึ่งแล้วโยนทิ้งไปด้านข้าง หันหน้าไปหามู่เวยเวยแล้วพูดว่า ” เธออยากไปไหม? ”

” ไม่ไป ” มู่เวยเวยปฏิเสธอย่างเย็นชา เธอไม่อยากเห็นหน้าหนานกงเฮ่าเลยสักนิด

ทุกครั้งที่เจอเขาไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเลยสักรอบ ถ้าไปยังต้องไปเจอหน้าเฉินซูฮั้วอีก เธอรู้สึกไม่ค่อยดีกับผู้หญิงร้ายกาจวัยกลางคนคนนี้

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน ” ก็ดีเหมือนกัน เธอท้องอยู่ ไม่ควรไปในที่ที่คนเยอะๆแบบนั้น ”

เขาพอใจในท่าทีของมู่เวยเวยมาก พูดตรงๆ เขาก็ไม่อยากให้หนานกงเฮ่าเจอหน้าภรรยาเธออีก จะได้ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก

งานเลี้ยงนี้ เขาไปร่วมงานคนเดียวก็พอแล้ว แบบนี้ก็ถือว่าให้เกียรติท่านหนานกงแล้ว

……

บ้านตระกูลหนานกงและบ้านตระกูลเย่อยู่ห่างจากกันไม่มาก ขับนานอย่างมากก็แค่ยี่สิบนาทีก็ถึง

งานเลี้ยงของตระกูลหนานกงหรูหรามาก เย่ฉ่าวเฉินก้าวขาเข้าไปในงานก็พบกับท่านหนานกงเลย

” ฉ่าวเฉิน ทำไมคุณถึงมาคนเดียว? ภรรยาคุณล่ะ? ” ท่านหนานกงเดินมาหาเขา

” เธอขยับตัวไม่ค่อยสะดวก คุณหมอแนะนำให้เธอพักผ่อน ต้องขออภัยด้วย……”

” ลูกสำคัญที่สุด เข้าใจๆ ” ท่านหนานกงจับมือกับเขา แล้วเชิญให้เขาเข้าไปในงาน

เย่ฉ่าวเฉินที่มางานตามลำพังเป็นที่ดึงดูดสายตาของสาวๆมาก บางคนถึงขั้นเดาไปต่างๆนานาว่าเย่ฉ่าวเฉินกับภรรยาของเขาทะเลาะอะไรกันรึเปล่า

หนานกงเฮ่าใส่ชุดสูทเรียบๆกำลังสนทนากับผู้คนอย่างมีความสุข พอเห็นว่าเย่ฉ่าวเฉินมาคนเดียว เขายิ้มอย่างเยาะเย้ย

” ลูกเฮ่า ฉ่าวเฉินมาแล้ว ”

หลังจากที่พ่อเขาส่งสัญญาณบางอย่างผ่านสายตาให้เขา หนานกงเฮ่าก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า สีหน้าเย่ฉ่าวเฉินเย็นชา

ท่านหนานกงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า ” ฉันรู้ว่าพวกที่ผ่านมาเกิดเรื่องบาดหมางขึ้นกับนายสองคนอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรพวกนายก็เติบโตมาด้วยกันดุจพี่น้อง มีเรื่องอะไรปรับความเข้าใจกันไม่ได้หรอ? ฉ่าวเฉิน คุณโตกว่าเขาหนึ่งปี ถือว่าคุณเป็นพี่ชายเขา เห็นแก่อาอย่าถือสาลูกของอาคนนี้เลยนะ ” ขณะที่พูด ก็เหลือบไปมองหนานกงเฮ่าด้วยสายตาดุดัน

” ลูกเฮ่า ยังไม่ขอโทษฉ่าวเฉินอีก ”

เห็นได้ชัดเจนว่าหนานกงเฮ่าถูกพ่อสั่งสอนมาก่อนหน้านี้แล้ว เขายื่นมาขวาออกมาแต่โดยดี ” ที่ผ่านมาฉันผิดเอง ขอโทษด้วย ฉันหวังว่านายจะอภัยให้ฉัน ”

แม้ว่าปากของเขาจะพูดแบบนั้น แต่สายตาของเขาก็ยังเอาเรื่องอยู่มาก

เย่ฉ่าวเฉินมองแวบเดียวก็รู้ ให้หนานกงเฮ่าขอโทษ เหอะ จะเป็นไปได้ยังไง? เขาก็แค่ทำให้ท่านหนานกงดูเท่านั้นแหละ

” เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงมันแล้วล่ะ ใครไม่เคยทำผิดกันล่ะ? นายว่าใช่ไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินจับมือเขาแน่น แสดงอะนะ ในเมื่อท่านหนานกงต้องการจะเห็น อย่างนั้นก็แสดงสักหน่อยจะเป็นอะไรไป?

หนานกงเฮ่าฝืนยิ้ม ” พูดได้ถูกต้อง ที่ผ่านมาฉันผิดเอง หลังจากนี้จะไม่ทำแล้ว ”

หลังจากนี้ เย่ฉ่าวเฉิน พวกเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

ท่านหนานกงดูออกว่าทั้งสองมีความรู้สึกแปลกๆ จึงรีบพูดขัดจังหวะขึ้น ” โอเคแล้ว ต่อไปก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ต้องติดต่อสื่อสารกันให้มากๆ ”

” รู้แล้วครับพ่อ ” หนานกงเฮ่าพูดด้วยความอ่อนน้อม เขาที่อยู่ต่อหน้าท่านหนานกงดูเป็นเด็กดีมาก

” พวกนายคุยกันไปก่อน ฉันไปรับแขกคนอื่นๆต่อแล้ว ”

พอท่านหนานกงจากไป รอยยิ้มบนหน้าของทั้งสองคนก็หายไปในพริบตา เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากไม่อยากอยู่กับเขานานกว่านี้ เลยรีบหันหลังแล้วเดินออกไป แต่กลับโดนหนานกงเฮ่าเอ่ยทักทายขึ้นมาว่า ” ประธานเย่ ฉันจำได้ว่าในการ์ดเชิญ เชิญเวยเวยมาด้วยนะ ทำไมเธอถึงไม่มาล่ะ? ”

หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเขาเรียก ” เวยเวย ” อย่างสนิทสนมแบบนี้เขาก็รู้สึกโกรธทุกที เพราะว่าบนโลกใบนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอแบบนี้ได้

” หนานกงเฮ่า เรื่องแรก ต่อไปฉันขอให้นายเรียกเธอว่าคุณผู้หญิงเย่ เรื่องที่สอง ภรรยาของฉันตั้งครรภ์ เธอไม่เหมาะกับที่แบบนี้ ”

หนานกงเฮ่าตอบแค่ว่า ” อ๋อ ” เขาตอบแปลกไปราวกับว่าเจอคนรู้จักอยู่ไกลๆ เลยเดินเข้าไปทักทาย

คฤหาสน์ตระกูลเย่

ตอนเย็นมู่เวยเวยกินเยอะไปหน่อย เลยไปเดินเล่นในสวน เสี่ยวยู๋และจางเห่อเดินตามเธอไม่ห่าง นี่เป็นคำสั่งของเย่ฉ่าวเฉินก่อนออกจากบ้าน ตอนที่เขาไม่อยู่ห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด

เดินเล่นไปสองรอบเธอรู้สึกว่าอาหารย่อยแล้ว มู่เวยเวยเลยกลับไปที่ห้องนอน

สัญชาตญาณของเธอบอกว่า หากชายชุดดำจะมาเขาน่าจะมาในคืนนี้

เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นทันที เธอหนีจากเย่ฉ่าวเฉินไปหลายรอบมาก แต่ว่าสุดท้ายก็ผิดหวังทุกครั้ง ถ้าครั้งนี้เธอยังหนีไม่สำเร็จ เธิก็หมดกำลังใจที่จะหนีแล้ว

ในที่สุด เวลาสามทุ่มครึ่ง ชายชุดดำคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นตรงระเบียงมู่เวยเวยรู้สึกตกใจมาก เขารอดพ้นจากระบบการควบคุมดูแลของจางเห่อเข้ามาได้อย่างไร

เสี่ยวยู๋เพียงแค่หันหน้าไปมองโดยที่ยังไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยก็ถูกชายชุดดำคนนั้นปิดปากแล้วสลบไป

” หยุดนะ! นายทำอะไร? “มู่เวยเวยมองการกระทำของเขา ที่กำลังถอดเสื้อผ้าของสาวใช้ออกอยู่

ชายชุดดำตอบนิ่งๆ ” ให้คุณเปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้ ตอนนี้คนข้างนอกกำลังลาดตระเวนทั่งคฤหาสน์ ”

มู่เวยเวยโล่งอก เธอก็คิดว่า……

สาวใช้ถูกถอดชุดออกหมดโดยไม่รู้ตัว บนตัวเหลือไว้เพียงชุดชั้นใน มู่เวยเวยรู้สึกผิดต่อเธอ เลยเอาผ้ามาคลุมร่างให้เธอ

” อย่าลีลา รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ” ชาชุดดำโยนชุดสาวใช้ให้เธอ เธอรับเสื้อแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด

โชคดีที่เสี่ยวยู๋รูปร่างอ้วนกว่ามู่เวยเวยมาก มู่เวยเวยเลยใส่ได้อย่างง่ายดาย เธอรวบผมขึ้นให้เหมือนกับเสี่ยวยู๋

” แล้วตอนนี้จะเอายังไงต่อ ” มู่เวยเวยถามอย่างกังวล

“อีกสักพักไฟในคฤหาสน์หลังนี้จะหลับ คุณต้องใช้เวลานี้ที่ทุกคนไม่ได้สนใจวิ่งออกไปที่หลังคฤหาสน์จะมีรถฮัมเมอร์คันหนึ่งจอดรออยู่ ”

” หลังจากนั้นล่ะ? ”

ชายชุดดำยิ้มอย่างร้ายกาจ ” หลังจากนั้น แน่นอนก็ต้องนั่งรถออกจากที่นี่ไง ”

” หะ? นี่มันอันตรายเกินไป ” มู่เวยเวยคิดไม่ถึงว่าวิธีพวกเขาจะง่ายขนาดนี้ ลูกน้องของจากเห่อก็ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ

” กลัวอะไร เรามีแผนสำรองเตรียมไว้อยู่แล้ว ” ชายชุดดำก้มหน้ามองเธอ ” พร้องรึยัง? ”

มู่เวยเวยพยักหน้า เธอเลือกที่จะเชื่อเขา

ชายชุดดำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปลายสายรับสายเร็วมาก ” ทุกอย่างพร้อมแล้ว ”

” ดี ”

ชั่วพริบตา ไฟฟ้าในคฤหาสน์ถูกตัด แสงไฟที่สว่างไสวก็มืดลงทันที

” ไปเถอะ ” ชายชุดดำพูด

มู่เวยเวยถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ ” นายไม่ไปพร้อมฉันหรอ? ”

” ฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ” พอพูดจบชายชุดดำก็เดินไปตรงระเบียง กระโดดหายไปในชั่วพริบตา

มู่เวยเวยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูออก เธอได้ยินเสียงของพ่อบ้านหวัง ” ไฟดับหรอ? ฉินหม่า เทียนไฟอยู่ไหน? ”

ทุกที่ในคฤหาสน์ก็เดินมาแล้วนับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่มู่เวยเวยก็จำได้และเดินลงบันไดไปได้อย่างง่ายดาย

กำลังจะออกจากประตู พ่อบ้านหวังก็ส่องไฟโทรศัพท์มาที่เธอ มู่เวยเวยรีบก้มหน้าก้มตา พ่อบ้านหวังมองเธอแวบหนึ่งแล้วพูดว่า ” อย่ามายืนซื่ออยู่ตรงนี้ รีบไปจุดเทียน ”

หัวใจของมู่เวยเวยเต้นเร็วมากแทบจะกระเด็นออกมาแล้ว เธอใช้มือจับคอแล้วพูดว่า ” ค่ะ”

อาจจะเป็นเพราะวุ่นวายมาก พ่อบ้านหวังเลยไม่ได้เอะใจอะไร เขารีบเดินขึ้นชั้นสองไป ในปากก็เอาแต่พูดว่า ” อย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงเลย ”

ในตอนนี้เอง มู่เวยเวยก็จับกระโปรงขึ้นแล้วรีบวิ่งไปที่ด้านหลังของคฤหาสน์ ทันใดนั้น ก็มีเสียงก็มีเสียงเป่านกหวีดดังขึ้นเสียงดังมากๆ มู่เวยเวยไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอรู้เพียงแค่เธอต้องวิ่งสุดชีวิต

มีบอดี้การ์ดหลายคนที่เดินผ่านเธอไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของคฤหาสน์ โดยไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่นิด

ด้านหลังคฤหาสน์มีรถฮัมเมอร์คันหนึ่งหยุดรอเธอ อีกทั้งรถคันนั้นเป็นของเย่ฉ่าวเฉิน

มู่เวยเวยวิ่งไปถึงหน้ารถ ประตูรถก็เปิดออก เธอเข้าไปนั่งโดยที่ไม่ได้คิดอะไร

รถเคลื่อนตัวออกไปเร็วมาก ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงปืนดังขึ้น

มู่เวยเวยจับชายกระโปรงแน่น และขอพรในใจว่าขอให้อย่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย

พ่อบ้านหวังเคาะประตูไปสองที มีมีเสียงตอบรับ เขารู้สึกว่ามันไม่ปกติ เลยตะโกนเรียก ” คุณผู้หญืง ” ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ เลยเปิดประตูออก……

งานเลี้ยงตระกูลหนานกง เพลงเต้นรำเริ่มขึ้น

หนานกงเฮ่าก้มลงดูเวลา และส่งสายตาให้ผู้หญิงที่อยู่ไกลๆ เธอพยักหน้าแล้าวางไวน์ในมือลง จากนั้นก็เดินฝ่าผู้คนมาหาเย่ฉ่าวเฉิน

” ประธายเย่ เชิญคุณเต้นรำด้วยกันหน่อยได้รึเปล่า? “ใบหน้าของเธอสวยมากภายใต้แสงไฟ

เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะปฏิเสธ คนคุ้นเคยที่อยู๋ข้างๆก็พูดขึ้นว่า ” โอ้โห คุณชายเย่ของพวกเราถึงแม้จะแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังมีสาวสวยมาขอเต้นรำด้วย เสน่ห์ไม่ได้น้อยไปกว่าตอนนั้นเลย ”

” ขอโทษด้วย……” เย่ฉ่าวเฉินพึ่งพูดได้แค่นี้ สาวสวยคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณชายเย่ถ้าคุณปฏิเสธ เพลงต่อไปฉันก็จะเชิญคุณอีก ฉันจะเชิญจนกว่าคุณจะตอบตกลง ”

” ฉ่าวเฉิน นายของตอบรับสาวสวยคนนี้ไปเถอะ ดูสิว่าเธอจริงจังมาก คนโสดๆอย่างพวกเรายังอิจฉาเลย ”

” จริงด้วย ไปสิ คุณนายเย่ไม่ขี้เหนี่ยวถึงขั้นแค่นายเต้นรำกับสาวสวยก็ให้นายนอนตรงโซฟาหรอก ”

คนรอบข้างต่างก็เชียร์ให้เขาเต้นรำกับเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ได้แต่วางแก้งไวน์ลงแล้วเดินจูงมือสาวสวยไปที่ฟลอร์เต้นรำ

” อุ๊ย——-” สาวสวยทำเป็นขาแพลงแล้วเอียงตัวล้มลงบนตัวของเย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเฉินก็รีบรับตัวเธอไว้ตามสัญชาตญาณ ในชั่วพริบตานี่เอง สาวสวยคนนั้นหยิบโทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินออกจากระเป๋า แล้วใส่โทรศัพท์ที่รุ่นและหน้าตาเหมือนกันลงไปในกระเป๋าเขา และโทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินก็ถูกส่งให้ผู้ชายที่เดินผ่านไปเมื่อสักครู่

” ขอบคุณค่ะท่านประธานเย่ ” สาวสวยยิ้มให้กับเย่ฉ่าวเฉิน

” ไม่เป็นไร ” เย่ฉ่าวเฉินรู้แผนการของผู้หญิงแบบนี้ดีและเขาก็ถอยห่างจากเธอ

ในระหว่างการเต้นรำ สาวสวยพยายามเข้าใกล้เขาตลอดเวลา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชื่นชอบในตัวเขา เย่ฉ่าวเฉินเองก็ไม่ได้มีการตอบสนองใดใด แต่กลับไปรู้ตัวเลย ว่าโทรศัพท์ของเขากำลังมีสายเรียกเข้าและโทรศัพท์ของเขาก็อยู่ในมือคนอื่น

ทางนี้การเต้นรำเริ่มขึ้น แต่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่วุ่นวายมาก

พ่อบ้านหวังเห็นว่ามู่เวยเวยหายตัวไป ก็รีบวิ่งออกมาและโทรหาเย่ฉ่าวเฉินแต่ว่าไม่มีคนรับ จากนั้นจึงโทรหาจางเห่อ

” จางเห่อ คุณผู้หญิงหายตัวไป “พ่อบ้านหวังพูดอย่างรีบร้อย ตอนที่เขากำลังลงบันไดอยู่เหลืออีกแค่สามขั้นสุดท้าย เขาไม่ทันระวังเลยลื่นล้มไป เขาเจ็บจนส่งเสียงร้องออกมา

ถ้าเป็นวัยรุ่น ล้มแค่นี้คงไม่เป็นอะไร แต่ว่าพ่อบ้านหวังอายุจะหกสอบแล้ว กระดูกก็ไม่ค่อยดี พอลื่นล้มแบบนี้เขาก็ลุกไม่ขึ้น โทรศัพท์ก็กระเด็นไปไกลมาก

“คุณอาหวัง—— คุณอาหวัง——”จางเห่อเรียกชื่อเขา แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เลยวางสายไปทางเขาเองก็กำลังเกิดเรื่องยุ่งๆอยู่มีคนสองคนที่แฝงตัวอยู่ในที่มืด แล้วกำจัดคนของเขาไปสองคน

” พวกนายคือคนของใคร กล้าดียังไงบุกมาที่ตระกูลเย่? ” จางเห่อตะโกนถามคนที่หลบอยู่ใต้ต้นไม้นั่น

สิ่งที่ได้มาคือเสียงปืน จางเห่อโกรธมาก พวกเขาบุกเข้ามาในเวลาที่คุณชายไม่อยู่ ตอนนี้คุณผู้หญิงก็หายตัวไปอีก ต้องเป็นฝีมือของพวกมันแน่ๆ

” จับตัวพวกมันให้ได้ ถ้าเจอคุณผู้หญิง อย่าทำร้ายเธอเด็ดขาด “จางเห่อออกคำสั่งลูกน้อง

ภายใต้แสงจันทร์ คนนับสิบพุ่งไปที่พุ่มไม้ และมีเสียงปืนดั่งขึ้นสนั่น

ในอีกด้ายหนึ่ง รถฮัมเมอร์เคลื่อนตัวออกไปด้วยความรวดเร็วไม่มีแสงสว่าง และคนชุดดำก็ได้ล่อบอดี้การ์ดไปอีกทางหมดแล้ว เลยไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้น

ประตูก็อยู่ตรงหน้า มู่เวยเวยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เธอจ้องไปที่ประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้า

อย่ามีคนออกมาเด็ดขาด อย่าได้มีใครออกมา……

มู่เวยเวยภาวนาในใจ แต่ว่าฟ้าไม่เป็นใจ ห่างจากรถประมาณสามเมตรไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดสามคนนั้นวิ่งออกมาจากไหน ในมือของเขาถือปืนอยู่

” หยุดรถ! ” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา

รถไม่ได้ชะลอ แต่กลับเร่งความเร็วขึ้นอีก

บอดี้การ์ดทั้งสามคนมองหน้ากัน แล้วยิงปืนมาที่กระจกรถนัดหนึ่ง

” ปั๊ง—— ” มู่เวยเวยตกใจจนกรี๊ดออกมา เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง หลังจากนั้น กระสุนไม่ได้ทะลุผ่านเข้ามา ที่เป็นรถกันกระสุน เย่ฉ่าวเฉินต้องคิดไม่ถึงแน่ๆว่าจะมีวันนี้ วันที่มู่เวยเวยนั่งรถของเขาหนีออกไปจากที่นี่

” หยุดรถ! ” คนนั้นตะโกนขึ้นอีกรอบ

คนขับรถหัวเราะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เขาเหยียบคันเร่งจนปิด และพุ่งชนไปที่ประตู

” ปั๊งปั๊งปั๊ง—— ” ยิงปืนมาอีกหลายนัดมากๆ แต่ว่าก็ยังคงไม่สามารถทะลุกระจกมาได้ แต่ว่ากระจกหน้าสุดเริ่มร้าวแล้ว

มู่เวยเวยคิดไม่ถึงว่าคนที่มารับเธอจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ พุ่งชนไปที่ประตูโดยตรง บอดี้การ์ดทั้งสามพอเห็นว่าไม่สามารถต้านไหวแล้ว ก่อนที่รถจะพุ่งชนพวกเขา พวกเขาก็พากันหลบออกไป

งานก็ส่วนงาน แต่ชีวิตมีชีวิตเดียว ไม่มีใครโง่ขนาดนั้นหรอก

” จางเห่อ จางเห่อ มีรถคันหนึ่งอยู่ที่ประตูไปแล้ว เราต้านไว้ไม่ไหวจริงๆ รีบมาช่วยหน่อย” เขาพึ่งจะพูดจบ รถคันนั้นก็พุ่งชนไปที่ประตูอีกที

พอจางเห่อได้ยินลูกน้องขอความช่วยเหลือ เขาก็รู้ทันทีว่ามู่เวยเวยอยู่บนรถคันนั้น เธอท้องอยู่ อีกฝ่ายอยากจะพาเธอหลบหนีออกไปมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย

เขารีบเป่านกหวีดแล้วหันหลังวิ่งตรงไปที่หน้าประตู พร้อมกับลูกน้องอีกสิบกว่าคนที่ออกมาจากพุ่มไม้นั้นแล้วเหลือไว้เพียงห้าคนที่คอยจัดการกับฝ่ายตรงข้าม

จับผู้บุกลุกไม่ได้อย่างมากเย่ฉ่าวเฉินก็แค่ลงโทษพวกเขา แต่ว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามเอาตัวมู่เวยเวยไป พวกเขาต้องตายแน่ๆ

หลังจากนั้น ตอนที่เขากับลูกน้องมาถึงหน้าประตู ประตูบ้านก็เปิดออก ที่พื้นมีคนนอนกองกันอยู่สามคน สองคนโดนยิงที่ขา อีกคนโดนยิงกลางอก

จางเห่อจุกที่อก ในหัวสมองมีเพียงสองคำที่วนเวียนอยู่ หมดกัน

พ่อบ้านหวังพยายามวิ่งออกมา พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็อึ้ง

จะทำยังไงดี? มู่เวยเวยถูกลักพาตัวไปแล้ว

พ่อบ้านหวังผ่านเรื่องราวมาเยอะ แค่แปบเดียวก็ดึงสติกลับคืนมาได้ แล้วตบจางเห่อไปหนึ่งที ” ยังจะนิ่งอยู่ทำไมอีก รีบส่งคนตามไปสิ โทรศัพท์ของคุณชายโทรไม่ติด ทางนั้นต้องเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายแน่ๆ นายรีบไปที่บ้านตระกูลหนานกงด้วยตัวเอง เผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ”

การเปลี่ยนแปลงที่พ่อบ้านหวังพูด มันก็คือพลังที่เหนือธรรมชาติของเย่ฉ่าวเฉิน

จางเห่อได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหวังพูดก็คิดได้ ขอแค่มีคุณชายทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ

” อาเจี๋ย นายพาคนตามพวกนั้นไป ” ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่ายังไงก็ตามไม่ทัน

……

หนานกงเฮ่าได้รับสายโทรศัพท์หนึ่ง และมองดูเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังเต้นรำอยู่ไกลๆ เขายิ้มออกมาอย่างสะใจ จากนั้นก็เดินออกจากงานเลี้ยงที่งดงามนี้ไป

เย่ฉ่าวเฉิน คราวนี้ฉันจะคอยดูว่าสุดท้ายใครจะมีความสุข

เพลงเต้นรำจบ สาวสวยพูดขอบคุณเขาด้วยความยิ้มแย้ม เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าแบบนิ่งๆ ดูเวลาที่ข้อมือก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว เขาก็มางานเป็นเวลานานแล้วควรกลับได้แล้ว

เมื่อสักครู่ที่เต้นลำอยู่ ในก็ก็รู้สึกแปลกๆราวกับว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

มองดูท่านหนานกงที่กำลังสนทนากับคนอื่นอยู่ เขาแค่อยากกลับบ้านแล้ว เลยไม่ได้เดินไปลาด้วยตัวเอง เขาเดินออกจากงานแล้วตรงไปที่รถของตัวเอง

รถขับออกจากตระกูลหนานกงได้ไม่นาน คนขับรถก็หันไปบอกเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังพักผ่อนอยู่ว่า ” คุณชาย รถคันข้างหน้าที่ขับผ่านมาเหมือนจะเป็นรถของคฤหาสน์เราเลย ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกใจไม่ดี รีบพูดขึ้นว่า ” หยุดรถ ”

ตอนที่รถของเขาหยุดลง รถคันที่ขับผ่านมาก็หยุดลงเช่นกัน จางนั้นเขาก็เห็นจางเห่อลงมาจากรถแล้วรีบวิ่งมาอย่างรีบร้อน

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่ามันผิดปกติเลยลงจากรถ เขายังไม่ทันถามว่าเกิดอะไรขึ้น จางเห่อก็พูดขึ้นว่า ” คุณชาย คุณผู้หญิงโดนพาตัวไปแล้ว ”

เย่ฉ่าวเฉินจับแขนเขา มองหน้าเขาแล้วถามว่า ” เกิดอะไรขึ้น ”

” มีคนบุกเข้ามาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ แล้วพาตัวคุณผู้หญิงออกไป” จางเห่อพูดอย่างรวบรัด เพราะเขารู้ว่าคุณชายไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระในตอนนี้

หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เขากังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด และได้เตรียมรับมือเป็นอย่างดี แต่ว่าก็หยุดเรื่องนี้ไว้ไม่ได้อยู่ดี

” เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่โทรบอกฉัน ” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

จางเห่อพูดเสียงเบาๆว่า ” โทรศัพท์ของท่านโทรไม่ติด ”

” เป็นไปไม่ได้! “เย่ฉ่าวเฉินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู พอเห็นวอลเปเปอร์ของโทรศัพท์ เขาก็โกรธมากแล้วโยนโทรศัพท์ลงพื้นอย่างแรง

วอลเปเปอร์ของเขาเป็นรูปที่มู่เวยเวยนั่งอาบแดดอยู่ในสวนดอกไม้ แต่วอลเปเปอร์ของโทรศัพทืเตรื่องนี้กับเป็นสีขาวล้วน

ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงตอนที่สาวสวนคนนั้นทีเชิญเขาเต้นรำแล้วล้มลงมาบนตัวเขา โทรศัพท์น่าจะโดนสับเปลี่ยนในช่วงเวลานั้น

เย่ฉ่าวเฉินต่อยไปที่รถทีหนึ่ง แล้วกัดฟันพูดว่า ” หนานกงเฮ่า ไอ้เวร ไอ้ชั่ว! ”

” คุณชาย ตอนนี้จะเอายังไงดีครับ? ” จางเห่อถามด้วยความกังวล

ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า ” เหอะ! ขอแค่เธอยังอยู่ในเมืองนี้ ฉันจะต้องหาเธอให้เจอ ”

จางเห่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณชาย ถึงแม้สีหน้าเขาจะไม่แสดงออกมากนัก แต่ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงมาก และถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ” คุณชาย คุณ……คุณกลับเข้าไปนั่งในรถเถอะ ” ตอนนี้ รถวิ่งไปวิ่งมาบนถนนเยอะแยะมากมาย ถ้ามีใครมาเห็นเย่ฉ่าวเฉินหายไปกลางอากาศแบบนี้มันจะไม่ดี

เขารู้ว่าจางเห่อหวังดี เขาไม่ได้ปฏิเสธและเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถทันที

ชั่วพริบตา จางเห่อก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินหายตัวไปกับตา

ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วจะเคยเห็นปาฏิหาริย์แบบนี้แล้ว แต่ว่าพอเห็นกับตา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แน่นอนว่ารวมถึงคนขับรถนั้นด้วยที่ตกใจมาก

เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาอยู่ในหญ้าทึบ เขาลุกขึ้นแล้วมองดูรอบๆ และเขาก็รู้ว่าที่นี่เป็นที่จอดเครื่องบินส่วนตัวที่อยู่ใกล้ตระกูลเย่

และเขาก็ได้เห็นกับคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง เขารับพุ่งตัวเข้าไปด้วยความโกรธ หนานกงเฮ่าได้ยินเสียงฝีเท้าและพึ่งจะหันหลังไปมอง แต่กลับโดนต่อยบนใบหน้าอย่างจัง เขาโดนต่อยจนร่วงลงไปอยู่ที่พื้น และยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปืนก็จ่ออยู่ตรงขมับของเขาแล้ว

” มู่เวยเวยล่ะ? ” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนถามด้วยความโกรธ

” วางปืนลง ” ลุกน้องข้างกายของหนานกงเฮ่าก็เอาปืนออกมาจ่อหน้าเขา

เย่ฉ่าวเฉินทำราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด ใช้ขาเหยียบไปที่อกของเขา ปืนยังจงจ่ออยู่ที่ขมับเขา แล้วถามขึ้นด้วยความโกรธอีกครั้ง ” มู่เวยเวยอยู่ไหน? ”

ในตอนที่เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติของเขา เขาพึมพำชื่อของมู่เวยเวย ถ้าเกิดว่ามันสำเร็จเหมือนครั้งที่แล้ว ที่ที่เขาจะไปก็คือที่ที่มู่เวยเวยอยู่ แต่ว่าที่นี่กลับไม่เจอมู่เวยเวย แสดงว่าที่นี่เป็นที่สุดท้ายที่มู่เวยเวยปรากฏตัว แต่ในเวลานี้ หนานกงเฮ่ากลับมาอยู่ที่นี่ นี่มันเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าหนานกงเฮ่าเป็นคนลักพาตัวมู่เวยเวยไป

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset