วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 172 เด็กน้อยที่เกิดมาพร้อมกับแผนที่ขุมทรัพย์ตระกูลเย่

“ตอนนี้หรือ? “มู่เวยเวยขมวดคิ้ว

“ใช่ค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ” แอร์โฮสเตสมองมาที่เธอแล้วพูดว่า “หลังจากที่คุณคลอดลูกแล้วหน้าตาคุณก็ดูดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ ”

มู่เวยเวยไม่อยากสนใจคำพูดนั้น ก้มมองลงไปที่หน้าลูกน้อยที่กำลังดูดนมแล้วทำสีหน้าแบบขอร้อง “ ให้เด็กดูดนมให้เสร็จก่อนได้ไหมคะ กลัวเขาจะหิว”

ไม่คิดว่าแอร์โฮสเตสจะพูดง่ายขนาดนี้ นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับนั่งไขว่ห้างแล้วพูดว่า “ ก็ได้ค่ะ จะให้เด็กหิวได้ยังไงละคะ”

พูดถึง หลังกินเสร็จมื้อนี้แล้วคงจะไม่มีมื้อต่อไปอีก

……

แอร์โฮสเตสพามู่เวยเวยมาถึงวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่ง โดยมีบอดี้การ์ดพกปืนที่คอยเฝ้าอยู่ ที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป

มู่เวยเวยอุ้มทารกน้อยที่กำลังหลับใหลในอ้อมแขนของเธอไว้แน่น ๆ และเดินเข้าไปในล็อบบี้ “ไปแจ้งเจ้านายหน่อย ว่าคนที่ต้องการพบมาถึงแล้ว” แอร์โฮสเตสกระซิบกับชายที่ยืนอยู่ที่ประตูหน้าล็อบบี้ของวิลล่า

ชายดังกล่าวหันหลังและเดินไปอย่างรวดเร็ว

วิลล่าแห่งนี้ไม่ได้หรูหราจากภายนอก แต่เป็นภายในต่างหากที่หรูหราเป็นอย่างมากเพราะภายในนั้นตกแต่งอย่างอลังการด้วยเครื่องหยกและเครื่องทองทุกที่โดยเฉพาะพระพุทธรูปในห้องโถงใหญ่นั้น ดูแวบแรกก็รู้เลยว่าทำมาจากทองคำบริสุทธิ์

“สวัสดีค่ะ เจ้านาย”

มู่เวยเวย หันมาอย่างกะทันหัน และมองเห็นชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเงินซึ่งมองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เขามีดวงตาคมที่น่าดึงดูและมีเสน่ห์ หุ่นแบบมาตรฐานนายแบบ สูง 180 กว่า และสวมชุดสูทดำระดับไฮเอนด์แบรนด์ อามานี่ ที่ดูแล้วช่างหรูหราและดูดีเหลือเกิน

ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากๆคนหนึ่งแน่จากรูปร่างและการสวมเสื้อผ้าของเขาทำให้ผู้คนสงสัยและอยากเห็นหน้าตาภายใต้หน้ากากสีเงินนั้น

เขายิ้มอ่อนๆบนมุมปาก เดินตรงเข้ามา น้ำเสียงเขาไพเราะเหมือนเสียงไวโอลินช่างน่าฟังเหลือเกิน

“สวัสดีคุณมู่ ! ในที่สุดเราก็ได้พบกัน ”

มู่เวยเวยถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลของเขา “ ที่คุณต้องการพบฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

เจ้านายชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเธอแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน นั่งลงแล้วค่อยๆคุยกันก่อน”

มู่เวยเวย ยืนนิ่ง

“เด็กคนนี้คือลูกของเย่ฉ่าวเฉินหรือเปล่า” เขาถามอย่างสงสัย “ได้ยินมาว่าเขาเป็นเด็กพิเศษ อุ้มมาให้ดูหน่อยซิ”

มู่เวยเวยกอดเด็กแน่นไว้กับอกทันที เธอหันหลังและเตรียมวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปไม่เกินสองเมตรเธอก็ถูกการ์ดที่ถือปืนขวางไว้

แอร์โฮสเตสเดินเข้ามา และพูดด้วยรอยยิ้ม ” มู่เวยเวยไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานคำสั่งของเจ้านายได้ เว้นแต่ว่าคุณต้องการให้เด็กคนนี้ตายตอนนี้”

“อย่าแตะต้องลูกของฉันนะ พวกคุณต้องการทำอะไรกันแน่ ” มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด

แอร์โฮสเตสขยิบตาให้การ์ดทั้งสอง โดยการ์ด์ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาจับแขนเธอโดยตรง แม้จะมีการต่อสู้ที่สิ้นหวังของมู่เวยเวยก็ตาม แต่เด็กน้อยก็ถูกแอร์โฮสเตสพรากไปอย่างง่ายดายอยู่ดี

ทารกที่มีความผูกพันพิเศษกับแม่ของเขา ทันทีที่ออกจากอ้อมแขนของมู่เวยเวย เด็กน้อยก็ร้องเสียงดังขึ้นมาทันที หัวใจคนเป็นแม่อย่างมู่เวยเวยก็แทบแตกสลาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กร้องไห้ตั้งแต่เขาเกิด ถ้าเขาหิวเขาแค่เพียงทำตาโตเพื่อมองแม่ของเขาด้วยสายตาที่โหยหา ทันทีที่มู่เวยเวยป้อนนมเขาก็จะยิ้มให้ทันที

” ขอร้องละ ช่วยส่งลูกให้ฉันหน่อยเถอะ เขาอายุแค่สามวันเอง” มู่เวยเวยร้องไห้และตะโกน พยายามที่จะรีบเข้าไปอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยน แต่เธอก็ถูกชายร่างใหญ่ทั้งสองรั้งไว้อย่างช่วยไม่ได้

แอร์โฮสเตสอุ้มเด็กน้อยไปด้านหน้าเจ้านาย เขามองลงมาและอุทานว่า “นี่มันทายาทของเย่ฉ่าวเฉินไม่มีผิด อย่างกะถอดแบบออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลย ”เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อย เด็กน้อยค่อยๆสัมผัสนึกว่าแม่จึงค่อยๆหยุดร้องไห้ แต่พอค่อยๆลืมตาดูแล้วไม่ใช่แม่ เด็กน้อยก็ตะโกนร้องไห้อีกครั้ง

“นัยน์ตาสีฟ้าข้างสีม่วงข้างเป็นสีนัยน์ตาที่คาดว่าน่าจะพบได้ยากบนโลกใบนี้” เจ้านายดูเหมือนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและเงยหน้าถามมู่เว่ยเว่ยที่กำลังสะอื้นอยู่นั้น “ฉันจำได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินเขามีตาสีฟ้าแล้วลูกของเขาจะมีตาสีม่วงได้อย่างไร”

มู่เวยเวยจะกล้าบอกความจริงกับเขาได้อย่างไร หากบอกไปแล้ว ลูกน้อยของเธออาจเป็นตัวทดลองก็อาจเป็นได้.

“ฉันไม่รู้ ……ช่วยเอาลูกฉันคืนมา ได้โปรดเถอะให้ฉันทำอะไรก็ได้”

เจ้านายพยักหน้าด้วยความพอใจ และกวักมือเรียกหญิงสาวคนหนึ่งตัวไม่ค่อยสูงมาก แต่มีหน้าอกที่อวบอิ่มแล้วให้แอร์โฮสเตสส่งเด็กให้หญิงสาวคนนั้น

“นี่คือพี่เลี้ยงเด็ก เธอจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี ขอแค่คุณช่วยเหลือผมเรื่องหนึ่ง ผมก็จะคืนลูกให้คุณ”

มู่เวยเวยรู้ดีว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเธอสงบลงและเช็คน้ำตาออกแล้วถามว่า “คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”

กลับไปหาเย่ฉ่าวเฉิน ผมต้องการให้คุณช่วยหาของสิงหนึ่งให้ผม

สมองมู่เวยเวยสั่นระริกหลังจากที่เธอหลบหนีด้วยความยากลำบากแต่ตอนนี้เธอกลับต้องกลับไปอีกครั้ง นอกจากการทำเพื่อลูกแล้วนั้น เธอจะทำอะไรได้อีก

มู่เวยเวยถาม “ต้องการให้หาอะไร”

“แผนที่ขุมทรัพย์” ใบหน้าของเจ้านายที่เปลี่ยนไปแบบมืดมนดวงตาที่เจ้าเล่ห์เล็กน้อยของเขาเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีเสน่ห์ “มันคือแผนที่ขุมทรัพย์ที่มีสมบัติมหาศาล หาให้เจอ แล้วนำมาแลกกับตัวเด็ก”

มู่เวยเวยมึนงงไปสักสองวิ ทำไมตระกูลเย่อยู่ดีๆถึงเกิดมีแผนที่ขุมทรัพย์ขึ้นมา เธออยู่ตระกูลเย่ตั้งนานทำไมยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและพี่ชายก็ไม่เคยพูดถึงด้วย

เจ้านายมองเธอด้วยความตะลึงและพูดต่อว่า “ผู้ถือครองแผนที่ขุนทรัพย์คนสุดท้ายคือพ่อของเย่ฉ่าวเฉินหลังจากที่พ่อเขาเสีย แผนที่ขุมทรัพย์นั้นก็หายไป หากเธอกลับไปครั้งนี้ทำตัวตีสนิทเขาและสอบถามเบาะแสมาและแน่นอนหากเธอสามารถหามันมาได้และนำกลับมาด้วยตนเองจะเป็นการดีที่สุด

เด็กน้อยค่อยๆหยุดร้องไห้จากการปลอบโยนของพี่เลี้ยงเด็ก มู่เวยเวยไม่อาจปฎิเสธคำขอนี้ได้ แต่ “ ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินได้แตกหักกันแล้วและไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ หากไม่มีลูกยิ่งไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ บางทีเขาอาจฆ่าฉันก็ได้แล้วคุณจะให้ฉันเข้าหาเขาได้อย่างได้”

“คุณสบายใจได้ทางเราได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณแล้ว คุณจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร”

แอร์โฮสเตสเดินมาพร้อมกับร่างบางเอวเล็กเของเธอพร้อมกับจับมือของมู่เวยเวย “ไปกันเถอะค่ะ คุณมู่ ”

ชายร่างใหญ่ทั้งสองมาพยุงตัวมู่เวยเวยและพาเดินออกไปด้านนอน มู่เวยเวยมองดูลูกน้อยที่กำลังจะแยกจากเธอและตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน! ขอฉันมองหน้าลูกอีกครั้ง! ขอฉันมองหน้าลูกอีกครั้ง!”

เจ้านายเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้า พี่เลี้ยงสาวอุ้มลูกน้อยไว้ต่อหน้าเธอ

ดวงตาของเด็กน้อยเปิดกว้างเมื่อมองเห็นเธอสีหน้าเด็กน้อยก็เริ่มเปลี่ยน มู่เวยเวยรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากเละน้ำตาก็ไหลออกมา

ลูกรัก ,แม่ขอโทษนะลูก ลูกอายุแค่ 3 วันเอง แม่ต้องทิ้งลูกไว้ข้างหลัง

“ คุณมู่ ! คุณต้องจำไว้ เวลาของผมมีจำกัด ผมให้เวลาคุณครึ่งปี ภายในครึ่งปีนี้ผมจะคอยดูแลลูกคุณอย่างดี แต่ถ้าหากครึ่งปีนี้คุณยังทำไม่สำเร็จ คุณคงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“ ไม่ ! ฉันทำได้สำเร็จแน่นอน คุณอย่าทำอะไรลูกฉันนะ” มู่เวยเวยตะโกนใส่เขา

พี่เลี้ยงเด็กอุ้มเด็กน้อยถอยหลังออกมา มู่เวยเวยได้แต่มองตามหลังลูก เธออยากที่จะมองให้นานกว่านี้เหลือเกิน

“ เชิญ! คุณมู่ ขอให้ทำงานสำเร็จอย่างราบรื่น”

ไม่นาน มู่เวยเวยก็ถูกแอร์โฮสเตสดึงตัวออกไป

หนึ่งเดือนต่อมา เครื่องบินที่บินจากฮ่องกงก็ถึงจุดหมายปลายทาง เมืองA

……..

เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป

ภายในห้องประชุม เย่ฉ่าวเฉินกำลังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัท MK ที่เดินทางมาจากฮ่องกง

หลังจากที่มู่เวยเวยหายตัวไป เย่ฉ่าวเฉินก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไปให้กับงาน โดยแผนธุรกิจในครึ่งปีมานี้ทำให้ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป เติบโตขึ้นถึง 30 % และเขายังทำตัวเหมือนนักบวช แค่มีผู้หญิงเดินเข้ามาคุยด้วย เขาก็พูดอย่างเย็นชาจนทำผู้หญิงทั้งหลายรีบเดินถอยกลับ

ในความร่วมมือกับบริษัท MK ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เน้นไปทางด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว บริษัท MK ต้องการสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ในเมือง A โดยให้บริการด้านการวางแผนอุปกรณ์สวนสนุกก่อนการก่อสร้างและการสนับสนุนด้านเทคนิคอื่น ๆ ทั้งหมด ส่วนเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปนั้นถือว่าเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในเมือง A โดยรับผิดชอบประสานงานในส่วนท้องถิ่น ทั้งการจัดซื้อที่ดินและการฝึกอบรมบุคลากร ฯลฯ

“ ท่านประธานเย่ครับ! ทางบริษัท MK ของเราเต็มไปด้วยความคาดหวังในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ขอให้เราประสบความสำเร็จในความร่วมมือครั้งนี้ด้วยนะครับ” ตัวแทนจากบริษัทMK กล่าว

“แน่นอนครับ ! รบกวนถามหน่อยครับ แล้วเมื่อไหร่ผู้รับผิดชอบของบริษัทของคุณจะมาถึงละครับ เพราะมีบางเรื่องที่ทางเราต้องดำเนินการโดยเร็วครับ”

ตัวแทนของบริษัทดันแว่นขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ผู้ที่รับผิดชอบโครงการนี้ ก็คือคุณฉู่เหยียนลูกสาวคนที่สองของท่านประธาน เธอเพิ่งมาถึงเมือง A เมื่อเช้านี้เองครับ”

เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้ว “ ครับ ? แล้วทำไมคุณไม่แจ้งผมก่อน ? ทางเราจะได้เตรียมคนไปรับที่สนามบิน” ในใจก็แอบคิด โปรเจคใหญ่ขนาดนี้กลับส่งลูกสาวมาแทน จะรับไหวหรือ!

“คุณหนูรองของเราคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างไม่คอยให้ความสำคัญในตรงจุดนี้ครับ” ตัวแทนพูดคำดังกล่าว “พรุ่งนี้ คุณเธอจะเข้ามาพบด้วยตัวเธอเองครับ”

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ มิกล้าครับ ทางเรารอการมาเยือน รบกวนช่วยแจ้งคุณฉู่ด้วยนะครับ ค่ำพรุ่งนี้ทางเราจะจัดงานตอนรับให้”

“ได้ครับ”

ณ โรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองA

“คุณหนูรอง พร้อมแล้ว ต้องการออกไปตอนนี้เลยไหม” ผู้ติดตามถาม

หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างหันหน้าไปรอบๆใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ในดวงตาสีดำของเธอเหมือนดังทะเลสาปที่ไม่อาจหยั่งรู้ ริมฝีปากสีแดงเปิดขึ้นเล็กน้อยและเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปตอนนี้เลย”

เป็นเวลาเที่ยง รถค่อยๆเคลื่อนตัวบนถนนอย่างช้าๆ คุณหนูรองเอียงศีรษะมองออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ ถึงฤดูร้อนอีกครั้งแล้วเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

เมื่อรถกำลังจะกลับรถอยู่นั้น รถก็เบรกอย่างกระทันหัน จนทำให้ฉู่เหยียนโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างแรง

“ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ? ”

คนขับมองออกไปนอกรถด้วยความไม่แน่ใจ “ ดูเหมือนว่า……เราจะชนโดนคน”

ฉู่เหยียนขมวดคิ้ว รถขับช้าขนาดนี้ยังชนคนได้?

“ลองลงไปดูซิ”

เมื่อคนขับลงจากรถ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยมีรถยนต์ไฟฟ้าคว่ำอยู่ เขามองดูคนขับ และตะโกนว่า “เฮ้ คุณขับรถยังไงของคุณนะไม่มีตาหรือ! รถคุณชนฉันจนขาหักเลยเห็นไหม ”

คนขับสังเกตใบหน้าของเขาและมองไปยังทิศทางที่เขากำลังล้มดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การชน ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันขับรถตามเส้นทางกฎจราจรแต่ตรงนี้ไม่ใช่ช่องเดินรถยนต์ไฟฟ้า ช่องเดินรถยนต์ไฟฟ้าควรอยู่อีกด้านหนึ่งของเส้นสีเขียว งั้นคุณทำไมขับ … ”

“ คุณหมายความว่าไง ? หรือคุณหาว่าผมไม่รักชีวิตจงใจวิ่งเข้ามาชนหรือ” ชายคนนั้นพูดแทรกคนขับทันทีอย่างรุนแรง

“ผมกำลังให้เหตุผลคุณอยู่”

“คุณชนคนแล้วยังมีเหตุผลอีกหรือ”

คนขับมองไปที่คนในรถแล้วพูดอย่างหมดหนทาง “แล้วคุณต้องการอะไร !”

ดวงตาของชายคนนั้นสว่างขึ้นมาทันที เขายื่นนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ สองหมื่นหยวน แล้วเราลงมาคุยกันแบบส่วนตัว”

คนขับถึงกับผงะ ฮึฮึ นี่คือ แก๊งตบทรัพย์ในตำนานนั้นเอง

“ นี่ ลูกพี่ กำลังปล้นธนาคารหรือครับ ! ” คนขับอดประชดประชันไม่ได้

ชายคนนั้นเห็นว่าเขาไม่ยอมจ่ายแน่ๆ เขาก็ตะโกนทันที “โอ๊ย… รถชนคนแล้วต้องการหนี ทุกคนช่วยมาดูเร็วๆ ฉันกำลังจะถูกเขาชนตายแล้ว … ”

ทันทีที่ชายคนนั้นตะโกนจบก็มีคนสองสามคนโผล่มาจากไหนไม่รู้ชี้ไปที่คนขับรถแล้วพูดว่า “ทำแบบนั้นได้อย่างไร ชนคนแล้วยังจะหนีอีก”

“คุณชนคนจนขาหัก คุณต้องจ่ายค่าชดเชย”

หลายๆคนที่มุมดูกำลังกระซิกคุยกันเรื่องนี้ คนขับฟังแล้วขมวดคิ้ว ส่วนฉู่เหยียนดูหดหู่อยู่ในรถไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาที่เมืองA

เพื่อแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ฉู่เหยียนออกจากรถและเดินมาที่หน้ารถฉากที่ยังคงมีเสียงดังอยู่ก็เงียบลงและสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ผู้หญิงที่สวยคนนี้

แก๊งตบทรัพย์คนนั้นปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นเจ้าของรถใช่ไหม รถของคุณชนผม คุณจะทำอย่างไร”

ฉู่เหยียนมองเขาอย่างเย็นชาและพูดตรงๆว่า “คุณต้องการเงินเท่าไหร่?”

แต่เดิมชายคนนั้นคิดจะพูดว่า สองหมื่นหยวน แต่ดูสีหน้าเธอแล้ว รีบพูดออกมาว่า “ หนึ่งหมื่นหยวน”

ฉู่เหยียน ยิ้มอย่างเย็นชาแม้ว่ามันจะเป็นการเยาะเย้ย แต่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และคำพูดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจเธอ

“ ห้าร้อย ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาให้คุณ” ฉู่เหยียนพูดอย่างเย็นชา

“อะไรนะห้าร้อย คุณให้ขอทานหรือเปล่า” ชายคนนั้นโกรธมากและเงินจำนวนเล็กน้อยนั้นก็ไม่พอแบ่งคนแถวนี้”หมื่นหยวน ! ถ้าคุณไม่ให้ผมจะอยู่ใต้รถของคุณวันนี้อย่าหวังว่าคุณจะได้ไปไหนได้”

บนเลนหลัง มีรถปอร์เช่สีดำขับมาใกล้ เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งกลับมาจากการรับประทานอาหารมองไปที่การจราจรนอกหน้าต่างอย่างเกียจคร้านและเห็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันที่ฝั่งตรงข้าม

ทันใดนั้นร่างของคนคนหนึ่งก็ล้มลงในสำนึกของเขา หัวใจของเขาดูเหมือนจะโดนอะไรบางอย่างตีเข้าที่หัวใจของเขา และเขาก็พูดกับจางเห่ออย่างเร่งรีบว่า “หยุดรถ”

จางเห่อไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไร เขารีบหันพวงมาลัยและหยุดที่ข้างถนนอย่างรวดเร็ว

“ คุณชาย ! เป็นอะไรรึเปล่า …”

ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ได้ยินเสียง “ป๊อป” จากนั้นเขาก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินเดินไปยังเลนตรงข้าม

คุณชายเห็นอะไร? จางเห่อมองไปในทิศทางของเขาและด้านหลังของผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

จางเห่อหายใจถี่และรีบลงจากรถและวิ่งตามไปฝั่งตรงข้าม

ฉู่เหยียนเห็นว่าชายหนุ่นยังคงพยายามเข้าไปใต้ท้องรถ เธอแทบจะหัวเราะดังๆออกมา ทำทุกอย่างเพื่อเงินได้จริงๆ

“คุณแน่ใจนะว่าไม่ออกมา” ฉู่เหยียนถามเขา

ชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้นโดยจับหน้าอกของเขาและตะโกนว่า “คุณชนผมและผมขยับตัวไม่ได้ออกไปไม่ได้แล้ว”

ฉู่เหยียน จ้องที่เขาและพูดกับคนขับว่า “เสี่ยวฟัง โทรหาตำรวจ”

“ เฮ่! ถึงคุณจะแจ้งความผมก็ไม่กลัว เพราะผมมีเวลาเหลือเฟือที่จะเล่นกับคุณ…”

ฉู่เหยียนกำลังจะพูดทันใดนั้นไหล่ของเธอก็ถูกคว้าไว้ หลังจากที่ท้องฟ้าหมุนไปนั้น ดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอและรู้สึกได้ถึงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นอย่างแรง

สีหน้าของ เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนไปจากความตื่นเต้นแปลกใจไปจนถึงการสูญเสียและในที่สุดก็มีอาการปวดตาเล็กน้อย

ไม่ใช่เธอ ไม่คาดคิดว่าไม่ใช่เธอ

เห็นได้ชัดว่าข้างหลังคือคนที่กำลังฝันแต่ทำไมหน้าแปลกขนาดนี้ ยกเว้นดวงตาสีเข้มคู่นี้ …

ฉู่เหยียนมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แสร้งทำเป็นแปลกใจ“ นี่คุณ! คุณกำลังทำอะไรอยู่?”

เย่ฉ่าวเฉินยืนตัวแข็งสักพัก แม้แต่เสียงของเธอก็ยังเหมือน

“นี่คุณ คุณกำลังทำฉันเจ็บ” ฉู่เหยียนมองเขาอย่างไม่พอใจ

“ ขอโทษครับ ! เย่ฉ่าวเฉินจ้องตรงไปที่ดวงตาที่แปลกประหลาดและคุ้นเคยคู่นั้นและปล่อยไหล่ของเธอเบา ๆ เสียงของเขาแห้งและต่ำลึก” ผมขอโทษครับ พอดีผมจำคนผิด ”

ฉู่เหยียน ยิ้มอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร” จากนั้นก็หันกลับไปเจรจากับคนที่อยู่ใต้รถ “อืมได้ ฉันจะเพิ่มให้อีกห้าร้อยนายออกมาได้ ไม่งั้นเราคงทำได้แค่รอตำรวจมาเจรจา ”

เย่ฉ่าวเฉิน ยืนอยู่ข้างหลังเธอและมองไปที่ด้านหลังและฟังเสียงของเธอหัวใจของเขาสั่นเล็กน้อยจะมีเรื่องบังเอิญในโลกแบบนี้จริงหรือ? ที่ความสูงเท่ากันเสียงเดียวกัน แต่หน้าตาต่างกันนิดเดียว

จางเห่อวิ่งเข้ามาหาเขาเมื่อเห็นเขาดูตกใจอย่างมากและเมื่อเห็นใบหน้าของฉู่เหยียน เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน

ไม่ใช่เธอ…

แม้ว่าใบหน้านี้จะดูสวยกว่ามู่เวยเวยก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เธอ

จางเห่อถอนหายใจและดูเหมือนว่าคุณชายเขา จะนอนไม่หลับอีกแล้ว

“ ผมจะไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง ถ้าไม่ได้เงินหนึ่งหมื่นหยวน” ชายคนนั้นยังคงตะโกน

ผู้คนแถวนั้นเริ่มให้ความช่วยเหลือ “ถ้าคุณชนคน แปดพันหยวนคุณก็ไม่ยอดจ่ายหรือ?หรือไม่ก็ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบและขอให้เธอชดเชย คนรวยนี่มันช่างขี้เหนียวจริงๆ”

ฉู่เหยียนวางมือไว้ข้างหัวใจเธอ “นี่คุณกำลังทำผิดอย่างโจ่งแจ้งนะ”

“ทำไมผมถึงทำผิดอย่างโจ่งแจ้ง? หมายถึงคุณไม่ได้ชนผมงั้นหรือ? รถยนต์ไฟฟ้าของผมยังคงนอนอยู่ที่นั่นอยู่เลย”

ฉู่เหยียนที่ปกติเป็นคนที่ใจเย็นมากๆแล้ว แต่ทันที่เย่ฉ่าวเฉินมาถึงเธอก็กลายเป็นเด็กน้อยขึ้นมาทันที ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเธอเป็นสีแดง“ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงเห็นได้ชัดว่าคุณมาชนเราเอง”

“ใครสามารถยืนยันได้?” ชายคนนี้กล่าวอย่างหยิ่งผยองเพราะเขาคุ้นเคยกับถนนที่นี่เป็นอย่างดีและไม่มีการเฝ้าระวังที่มุมนี้เขาจึงกล้าพูดอย่างโจ่งแจ้ง

“ คุณ … คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า … ”

“ต้องชดใช้เท่าไหร่” เย่ฉ่าวเฉินถามขึ้น

ฉู่เหยียนพูดกับเขาข้างๆ “เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแก๊งตบทรัพย์และขอเงินกับฉันหมื่นหนึ่ง”

“ เฮ้! นี่สาวน้อยพูดอะไรระวังคำพูดด้วยนะ ใครคือแก๊งตบทรัพย์”

เย่ฉ่าวเฉินตะคอกอย่างเย็นชา “ หมื่นหนึ่งไม่มาก จางเห่อลากเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลถ้าค่าใช้จ่ายต่ำกว่าหนึ่งหมื่นก็ช่วยฉันจ่ายให้มันครบหมื่น”

“ได้ครับ เจ้านาย !” จางเห่อตอบ ก้มตัวจับแขนชายคนนั้นลากออกจากพื้นที่นั้น “ ไปครับ น้องชาย”

เดิมทีชายคนนั้นยังไม่อยากที่จะลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเขาก็รีบผลักมือของจางเห่อออกแล้วพลิกตัวแล้วรีบยกรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กของตัวเองขึ้นแล้วรีบจากไป

ตลกสิ้นดี เห็นเย่ฉ่าวเฉินแล้วยังจะวิ่งอีก รอตายหรือไง? พวกเขาในฐานะนักเลงเล็กๆบนท้องถนนในเมืองAคือการจดจำคนเหล่านั้นด้วยใบหน้า เพื่อป้องกันแก๊งตบทรัพย์ไม่ให้โดนหักแขนหักขาคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเจอ

ช่างเป็นชะตากรรมจริงๆ

เมื่อพวกไทยมุงเห็นผู้ก่อเหตุวิ่งหนี พวกเขาก็รีบแยกกันหายไปทันที

เมื่อสักครู่คนยังเยอะอยู่เลยภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เหลือแค่เพียงคน4คน

ฉู่เหยียนมองไปที่ฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ “ฮ่าๆๆๆๆๆ ” และหัวเราะออกมาดัง ๆ

เย่เฉ่าเฉินหันหน้าไปมองใบหน้าที่สดใสของเธอและนึกได้ว่า มู่เวยเวยไม่เคยยิ้มอย่างร่าเริงมาก่อน บ่อยครั้งที่รอยยิ้มของเธอเหมือนกับทำอะไรไม่ถูกและดูเยาะเย้ย

อาจเป็นเพราะคิดถึงเธอมากเกิน นี้อาจเป็นเหตุผลที่เขาอดไม่ได้ที่จะช่วยผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้

“ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ” เธอมองเขาด้วยดวงตาที่สดใสอาจเป็นเพราะเธอฝึกฝนในกระจกเป็นเวลานาน

เย่เฉ่าเฉินมึนหัวชั่วขณะ “ยินดีครับ มันแค่เรื่องนิดเดียวเองครับ”

“ งั้น ขอลาก่อนนะคะ” ฉู่เยียนไม่รั้งเขาไว้และเดินผ่านเขาไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถ

รถออกไปอย่างรวดเร็ว เย่เฉ่าเฉินยืนอยู่ที่นั่นและเฝ้าดูเธอจากไปโดยไม่ขยับเป็นเวลานาน

“จางเห่อ เหมือนใช่ไหม” เขาถามเบาๆ

จางเห่อเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองเขาโดยรู้ว่าเขากำลังถามอะไรและพูดอย่างระมัดระวัง “ด้านหลัง ดวงตาและเสียงเหมือนหมด เว้นแต่ใบหน้าที่ไม่เหมือนเลย”

เย่เฉ่าเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียว

“คุณชายครับ! ให้ผมไปช่วยเช็คให้ไหมว่าเธอเป็นใคร?

“ไม่จำเป็น” เย่เฉ่าเฉินถอนสายตาและเดินไปขึ้นรถของเขา ในเมื่อไม่ใช่เธอ มันมีแต่จะเพิ่มความเศร้าให้กับการรู้มากขึ้น

รถที่กำลังจะออกไปมุ่งหน้าไปทางตะวันออกและหยุดอยู่ที่ชายหาด

ฉู่เหยียนเดินขึ้นไปบนหน้าผาขนาดใหญ่และเมื่อเธอไปถึงด้านหน้าผาเธอก็คุกเข่าลง

พี่ชายคะ ฉันมาหาพี่แล้วนะคะ

…………

อย่างที่จางเห่อคาดไว้ เย่เฉ่าเฉินนอนไม่หลับแน่นอน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจะมีการประชุมที่สำคัญในวันพรุ่งนี้แต่เขาก็ไม่สามารถหลับลงได้ เพราะความทรงจำที่ลึกที่สุดกำลังไล่ตามเขาและมันค่อยๆกัดกินหัวใจเขา

มู่เวยเวย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?

คุณยังสบายดีไหม ? เด็กที่ควรจะเกิดเป็นลูกสาวหรือลูกชาย?ปลอดภัยดีไหม?ดูเหมือนคุณหรือเหมือนผมมากกว่ากัน?แล้วลูกดื้อไหม ?

เย่เฉ่าเฉิน เชื่อเสมอว่า มู่เวยเวยยังมีชีวิตอยู่เขามีสัญชาตญาณว่าเธอจะต้องใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในมุมใดของโลกเธอไม่ต้องการให้อภัยเขาดังนั้นเธอจึงไม่กลับมาหาเขา

เขาทำได้แค่คิดทางนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้เขาใช้ชีวิตต่อไปได้

แสงสว่างเช้าที่ส่องเขามาจากทิศตะวันออก เย่เฉ่าเฉินขยี้ตาที่แห้งผากของเขาและลุกขึ้นจากเตียงด้วยความจำใจ วันนี้เขาต้องไปพบคุณหนูรองของบริษัท MK ฉู่เหยียน

หวังว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและไม่ค่อยสร้างปัญหา

เวลา 10.00 เย่เฉ่าเฉินและรองประธานสองสามคนยืนรออยู่ที่หน้าประตู รถคันหนึ่งค่อยๆขับมา เย่เฉ่าเฉินมองตามแล้วรู้สึกคุ้นรถคันนี้มาก

รถค่อยๆหยุดตรงหน้า เย่เฉ่าเฉิน และรองประธานข้างๆเดินเข้าไปเปิดประตูด้านหลัง

รองเท้าส้นสูงสีเงินยื่นออกมาก่อนตามด้วยเรียวขาขาวๆราวกับหิมะ ผู้หญิงในชุดเสื้อคลุมสีขาวกระโปรงยาวถึงเข่าก็ออกจากรถพร้อมกับผมยาวที่ห้อยลงมาที่ไหล่

เย่เฉ่าเฉินยืนมองตะลึงสักครู่เมื่อเห็นใบหน้าของเธอและในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ

ฉู่เหยียนมองเขาและทำเหมือนประหลาดใจและมองเขาด้วยความดีใจ “ใช่คุณ”

เย่เฉ่าเฉิน แสดงรอยยิ้มที่สุภาพบนใบหน้าของเขาและยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมเย่เฉ่าเฉินครับ”

ฉู่เหยียนยื่นมือของเธอเข้าไปจับมือใหญ่ของเขา“ สวัสดีค่ะ ฉันฉู่เหยียนค่ะ บังเอิญจริงๆนะคะ”

ทันทีที่เย่เฉ่าเฉินจับมือของเธอความรู้สึกคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออีกครั้ง มือของเธอ …

มู่เวยเวยเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์จับปากกาวาดรูปตลอดทั้งปีโดยเฉพาะตรงส่วนนิ้วชี้และนิ้วกลางจึงมีแคลลัสเล็กน้อยแต่ในส่วนมือของเธอนั้นนุ่นนวลอ่อนโยนน่าสัมผัส แต่ทำไมเย่เฉ่าเฉินยังคงรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับมือนั้น

“สองท่านรู้จักกันแล้วหรือครับ?” ตัวแทนจาก บริษัท ฮ่องกงที่เดินเข้ามาถามด้วยความประหลาดใจ

เย่เฉ่าเฉินรีบปล่อยมืออย่างฝืนๆ และอธิบายว่า “บังเอิญเจอกันเมื่อวานครับ”

“ ใช่ค่ะ! เมื่อวานประธานเย่ยังช่วยฉันไว้ด้วย ” ฉู่เหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องเกรงใจครับ เรื่องเล็กน้อยเองครับ เชิญครับคุณฉู่” เย่เฉ่าเฉินหันไปด้านข้างและแสดงท่าทางเชิญเข้ามา

ฉู่เหยียนยิ้มให้เขาและกล่าวว่า “เชิญเช่นกันค่ะ ท่านประธานเย่”

ลิฟต์ดูเหมือนจะขนาดใหญ่ แต่พอคนจำนวนมากเข้ามา ก็ดูเหมือนจะคับแคบไปเลย

เย่เฉ่าเฉิน มองไปที่ ฉู่เหยียนที่อยู่ห่างเขาเพียงเล็กน้อย ผิวของเธอขาวและอมชมพูจาง ๆ ขนตาที่ยาวของเธอกะพริบเหมือนดังปีกผีเสื้อ

ทันใดนั้นเขาก็เกิดนึกถึงเมื่อเขาอยู่ในลิฟต์กับมู่เวยเวย เขาขวางเธอไว้ที่มุมนี้และจูบที่ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือดถ้าเธอไม่ขัดขืนเขาอาจจะจัดการเธอในลิฟต์ในเวลานั้นเลย แต่ก็ทนจนมาถึงที่ออฟฟิศแต่พอตกเย็นมู่เวยเวยไม่เคยได้ลุกจากเตียงเลยในวันนั้น

ร่างกายที่ปิดผนึกมานานของเย่เฉ่าเฉินค่อยๆรู้สึกเจ็บปวด เขาบังคับตัวเองให้ขับไล่ความคิดคำนึ่งที่ชั่วร้ายเหล่านั้นและเป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีผู้หญิงคนใดที่จะสามารถมากระตุ้นความสนใจของเขา หรืออาจเป็นเพราะแบบนี้ถึงทำให้เขาคิดถึงมู่เวยเวย

เย่เฉ่าเฉินมองไปที่ใบหน้าของฉู่เหยียน หลังคลายกำปั้นของเขาอย่างเงียบ ๆ ในระยะใกล้เช่นนี้เธอกลัวจริงๆว่าเขาจะสังเกตอะไรได้จากเธอ

“ติ่ง—”

เมื่อลิฟต์หยุดลง ฉู่เหยียนก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

คนกลุ่มหนึ่งมาที่ห้องประชุมและเริ่มคุยเรื่องต่างๆที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

ฉู่เหยียนแสร้งทำเป็นตั้งใจฟัง แต่หลังจากนั้นเธอก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้ฟังแล้วเธอก็หมดความสนใจและเริ่มวาดสมุดวางแผนด้วยปากกาในมือ

ตัวแทนจากบริษัท MK และเย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีดังนั้นเธอทำได้เพียงรับฟัง และเธอก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้อยู่ดี

“ คุณฉู่ คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เราเพิ่งพูดคุยกันไหมครับ?” เย่เฉ่าเฉินเห็นว่าเธอดูงงเล็กน้อยเลยโยนหัวข้อไป

ฉู่เหยียนกระพริบตาเล็กน้อย เมื่อกี้พวกเขากำลังพูดอะไรกัน?

ทำเหมือนเสียงไอเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ อืม ฉันไม่มีความเห็นอะไร หากพวกคุณตัดสินใจเสร็จแล้วก็แจ้งฉันมาก็พอ”

เย่เฉ่าเฉิน พยักหน้าอย่างสุภาพและพูดคุยกับ ถังซื่อเสียว ต่อ

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงการประชุมก็ปิดลง

ทุกคนก็เดินออกไปยืดเส้นยืดสาย ฉู่เหยียนก็ปิดแผนที่เตรียมไว้และเตรียมตัวเข้าห้องน้ำ

“คุณฉู่ครับ! รับกาแฟเพิ่มพลังหน่อยไหมครับ ? ” เย่เฉ่าเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเธอและทำเสียงล้อเล่นด้วยน้ำเสียงของเขา

“ขอบคุณค่ะ ขอไม่รับค่ะ ขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ฉู่เหยียนเดินผ่านตัวเขาไป

“ผมให้เลขาพาคุณไป”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทราบว่าอยู่ที่ไหน” ฉู่เหยียนโพล่งออกมาทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ดุตัวเองว่าเรานี่มันงี่เง่าจริงๆ

ดวงตาของเย่เฉ่าเฉินหรี่ลง ส่วนในกระเป๋ากางเกงเขากำมือแน่น “คุณฉู่น่าจะมาบริษัทของเราเป็นครั้งแรกนะครับ”

ฉู่เหยียนเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงบ“ พอดีตอนเดินเข้ามาบริษัท ก็สังเกตเห็นห้องน้ำแล้วค่ะ ”

“คุณฉู่ เป็นคนช่างสังเกตจริงๆ” เย่เฉ่าเฉินหัวเราะเบาๆ

“ยังพอได้ค่ะ” ฉู่เหยียนพูดอย่างร่าเริงและเดินไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

จ้องมองไปที่ด้านหลังของเธอสักครู่รอให้เธอหายไปที่มุม หันไปทางที่นั่งของเธอและเปิดแผนบนโต๊ะ

นี่มันเกินอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนกับเลือดของเขาทั้งหมดจับตัวเป็นก้อน

ดูเหมือนไม่ใช่เธอ แต่ทำไมกลับเหมือนเธอเช่นนี้

ในแผนเป็นภาพวาดการออกแบบชุดสูทผู้ชายที่วาดโดย ฉู่เหยียน

ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องสืบหาข้อมูลของคุณฉู่คุณหนูรองคนนี้แล้ว

หลังจากเดินออกจากห้องประชุมเย่เฉ่าเฉินก็รีบกดโทรหา จางเห่อทันที “ช่วยสืบข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดของฉู่เหยียนมาด่วนเลยนะ”

“ได้ครับ คุณชาย”

การประชุมครั้งต่อไป ฉู่เหยียนไม่กล้าทำอะไรอีก เพราะเธอพบว่าเย่เฉ่าเฉินมักจะสังเกตเธอเหมือนไม่มีอะไรทำ เธอกลัวว่าเขาจะจับผิดเธอได้

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเพื่อเป็นการตอบรับ ฉู่เหยียน ทุกคนก็พากันไปที่ ภัตตาคาร LIVINGFORETS

หลังจากสั่งอาหารกันแล้ว ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันเล็กน้อย

เย่เฉ่าเฉินรินไวน์แดงหนึ่งแก้วให้กับฉู่เหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาและจงใจพูดว่า “คุณฉู่ ผมคิดว่าคุณดูเหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจโครงการนี้สักเท่าไหร่นะครับ”

ฉู่เหยียนถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “จริงๆแล้วฉันเพิ่มกลับจากยุโรปยังไม่ทันทำความเข้าใจอะไรเลย ก็ถูกพ่อส่งมาฝึกฝนงานที่นี้แล้ว ดังนั้นหากมีปัญหาอะไรปรึกษากับคุณถังโดยตรงได้เลยฉันเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ”

เย่เฉ่าเฉินไม่คาดว่าเธอจะซื่อสัตย์ขนาดนี้ “คุณฉู่ คุณนี่ช่างเป็นคนพูดตรงจริงๆ”

เวลานี้ บริกรเริ่มค่อยๆเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ฉู่เหยียนขอให้เธอหยิบนมเปรี้ยวมาให้เธอ แล้วก็พูดกับเย่เฉ่าเฉินต่อ “ฉันควรพูดให้ชัดเจนไว้ดีกว่า พวกคุณจะได้ทำงานกันได้สะดวกแต่ฉันก็ยังมีส่วนร่วมการประชุมด้วย ส่วนเรื่องวิ่งงานต่างๆในสถานที่ก่อสร้างนั้นคุณก็คิดเสียงว่าฉันเป็นทายาทเศรษฐีที่เกียจคร้านและคุณก็ไม่จำเป็นต้องถามฉันทุกอย่างและถึงจะถามฉันฉันก็ตอบอะไรคุณไม่ได้อยู่ดี ”

“ คุณฉู่ เรียนอยู่ที่ยุโรปหรือครับ? ”

“ใช่ค่ะ หลังจากเรียนจบมัธยมปลายก็ไปยุโรปเลยค่ะ แต่เดิมฉันเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ฉันไม่ชอบเลยย้ายไปเรียนออกแบบแฟชั่นด้วยตัวเอง” ฉู่เหยียนพูดถึงช่วงนี้ก็ทำหน้าสลด “คิดไม่ถึงว่าพ่อจะจับได้ท่านได้ดุด่าว่าฉันใหญ่เลย โดยบอกว่าการออกแบบเครื่องแต่งกายคือการทำเสื้อให้คนอื่นใส่และต้องการให้ฉันเปลี่ยนกลับไปเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ดีหน่อยทางโรงเรียนไม่อนุญาตดังนั้นฉันจึงจบมาอย่างมีความสุข”

เย่เฉ่าเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลังจากฟังคำพูดของเธอ มันกลายเป็นแบบนี้นี้เอง …

อาหารขึ้นมาทีละจาน เย่เฉ่าเฉินพูดเสียงดังขึ้นมา “วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ คุณฉู่ ฉันขออวยพรโดยการส่วนตัวให้กับคุณฉู่ ขอให้คุณฉู่มีความสุขในเมือง A และหวังว่า บริษัท MKและเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปจะร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น

ฉู่เหยียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาในมือ“ ขอขอบคุณ ท่านประธานเย่และทุกท่านสำหรับการต้อนรับและทุกท่านก็ทำงานกันหนักมากและในอนาคตโครงการสวนสนุกนี้ก็ต้องพึ่งพาทุกท่าน ฉันขอดื่มให้กับทุกท่านแก้วหนึ่ง”

“คุณฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ”

ฉู่เหยียนรู้ดีว่าตัวเองเวลาเมานั้นเธอเป็นอย่างไรจึงจิบเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็รีบดื่มนมเปรี้ยวตามคำใหญ่

บรรยากาศบนโต๊ะไวน์กลายเป็นกันเองอย่างรวดเร็วและทุกคนก็คุ้นเคยกันมากขึ้นหลังจากติดต่อกันมาหลายวันทำให้มีความคุ้นเคยและลำบากใจกันน้อยลง

“คุณฉู่ครับ ผมดื่มให้คุณแก้วหนึ่ง ผมหวังว่าเราจะร่วมมือกันได้อย่างมีความสุข” เย่เฉ่าเฉินชนแก้วแล้วพูดกับเธอ

ฉู่เหยียนแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเธอพร้อมหยิบนมเปรี้ยวในมือของเธอและยิ้ม “คุณเย่ค่ะ ฉันขอดื่มนมเปรี้ยวแทนได้ใช่ไหมคะ”

เมื่อมองไปที่ดวงตานั้นเย่เฉ่าเฉินไม่สามารถพูดปฏิเสธได้ “ได้เลยครับ แล้วแต่เลยครับ”

“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ” ฉู่เหยียนชนแก้วของเขาเบา ๆ จากนั้นจึงดื่มไปสองคำเบาเบา

จากนั้นก็มีคนจำนวนมากมาร่วมชนแก้ว ฉู่เหยียนก็ได้แต่ดื่มนมเปรี้ยวอาจเพราะเธอเป็นเจ้านายและเป็นคนสวยจึงไม่มีใครกล้าชวนให้เธอดื่ม อย่างไรก็ตาม เย่เฉ่าเฉินก็ไม่ปฏิเสธที่ดื่มไวน์จำนวนมาก

“ คุณฉู่ มีที่พักที่เมือง A หรือยังครับ”

“ตอนนี้ยังค่ะ พักที่โรงแรมเป็นการชั่วคราวไปก่อนค่ะ รอคอนโดที่ซื้อใหม่ปรับปรุงเสร็จ สองสามวันคงย้ายเข้าได้”

เย่เฉ่าเฉินพยักหน้า “ถ้าคุณฉู่ต้องการอะไร ต้องบอกผมนะครับเพราะผมคุ้นเคยกับ เมืองAอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงง่ายต่อการช่วยประสาทงานได้”

“ขอบคุณมากเลยค่ะ หากมีเรื่องอะไรจริงๆ ฉันจะขอความช่วยเหลือจากประธานเย่นะคะ”

เย่เฉ่าเฉินได้กลิ่นกายของเธอมีกลิ่นนมจาง ๆ กลิ่นดีมากอาจเป็นเพราะการดื่มไวน์ที่มากเกินไป เย่เฉ่าเฉินเลยรู้สึกว่าเธอคือ มู่เวยเวย และชั่วขณะหนึ่งเขาก็อยากที่จะเอื้อมมือไปกอดเธอ

เขากำลังรู้สึกว่าตัวเขาเองกำลังจะบ้า……..

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset