วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 185 เขาเป็นแฟนของฉัน

มู่เวยเวยสำลัก อยากจะบอกว่า สาวประเภทสองคนนี้ก็เป็นของปลอม

เมื่อสงบสติอารมณ์ลงแล้วมาคิดๆดู ถึงเธอจะมีเงิน ตัวเองก็ไม่ได้ไปขอยืมเงินเธอ จะมีความกดดันอะไร? ในสายตาของฉันคือพฤติกรรมของเธอถูกชะตา ไม่ใช่เงินทองของเธอ

เมื่อคิดแบบนี้ มู่เวยเวยก็รู้สึกดีขึ้นมาก

รถจอดอยู่ชั้นล่างในโรงแรมหรูหรา เย่ฉ่าวเฉินจัดให้ทุกคนพักผ่อนก่อนแล้วจึงไปพบลูกค้าหลังทานอาหารกลางวัน

มู่เวยเวยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เมื่อวานก่อนออกจากบ้านเธอใส่แค่ชุดออกกำลังกาย และเอาชุดลำลองหนึ่งชุด เธอคงไม่สามารถสวมเสื้อยืดและรองเท้าผ้าใบเพื่อเข้าร่วมการประชุมหรอก นี่คงเป็นการไม่ให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม

พวกเขาเลือกทานอาหารง่ายๆในโรงแรม เย่ฉ่าวเฉินกำหนดเวลาการประชุมในช่วงบ่ายสองโมงครึ่ง

“ฉู่เหยียน เธออยู่ไหน?” เย่ฉ่าวเฉินวิ่งไปหามู่เวยเวยอย่างเร่งรีบหลังจากวางสาย

มู่เวยเวยพูดอย่างช่วยไม่ได้ ” ฉันไม่มีชุดใส่ไปพบลูกค้าบ่ายนี้ รองเท้าด้วย เมื่อกี้ฉันถามพนักงานต้อนรับแล้วเขาบอกมีห้างสรรรพสินค้าใกล้ๆ ฉันต้องไปซื้อชุดมาเปลี่ยน”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอ สวมเสื้อยืดสีขาวและรองเท้าผ้าใบนั้นดูไม่เป็นทางการ “เธอจะไปคนเดียวหรอ?”

“ถังซือซวินพวกเขายังดูเอกสารอยู่เลย ฉันจะกล้าไปรบกวนได้ไง? จะว่าไปแล้วก็เกรงใจนะ”

เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ฉันจะไปกับเธอเอง ตอนนี้ว่างพอดี”

“จริงหรอ? ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลย เธอไม่รู้หรอกว่าฉันขี้หลงทางแค่ไหน แค่เปลี่ยนสถานที่ก็แยกไม่ออก เหนือกลางใต้ละ” มู่เวยเวยหัวเราะพร้อมกับเดินออกไป “มีเธออยู่ด้วยก็ไม่ต้องกลัวหลงทางแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินเดินตามเธอออกไปและถามเธอว่า “ไกลไหม? หรือว่าให้จางเหอเอารถมา”

“ไม่ต้องหรอก ผู้จัดการบอกว่ามันอยู่แค่แยกข้างหน้าใกล้ๆนี้ ดูตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวันรถติดมาก พวกเราเดินไปน่าจะไวกว่า”

“ งั้นไปกันเถอะ”

เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยเดินไม่ถึงสิบนาที พวกเขาก็เห็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่ตรงหัวมุม สองคนขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสามโซนเสื้อผ้าสตรี แค่แวบเดียวเย่ฉ่าวเฉินก็เห็นเสื้อผ้าสตรีของเย่ฮวาง

“ วันนี้ฉันจะซื้อเสื้อให้เธอเอง” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม

“ ซื้อให้ฉันทำไม?” มู่เวยเวยแปลกใจเล็กน้อย

“นี่ ดูสิ” เย่ฉ่าวเฉินยกคางขึ้นเบาๆและชี้ “นี่คือฉันเอง ถ้าเธอตาถึง เลือกตามสบายเลย”

“ฮ่าฮ่า ประธานเย่ใจถึงจริงๆ” มู่เวยเวยเดินไปที่ร้านก่อน เธอเห็นกระโปรงสีฟ้าขาวตรงหน้ารู้สึกคุ้นตามาก เหมือนที่เหอเหมยหลิงออกแบบเลย

พนักงานในร้านเดินมาทักทาย ทันทีที่เห็นเย่ฉ่าวเฉินก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อมั่นใจว่าใช่แล้ว แทบจะพูดไม่ออก

“ ประธานเย่ สะ……สวัสดี”

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าให้เธอ และมองไปรอบๆ ชี้ไปชุดที่หุ่นนางแบบและพูดกับมู่เวยเวยว่า “ชุดนี้ชอบไหม?”

มู่เวยเวยมองตามนิ้วที่เขาชี้ มันเป็นชุดเดรสยาวถึงเข่าสีขาวที่มีกลีบดอกไม้กระจัดกระจายอยู่บนกระโปรงดูหรูหราและอ่อนโยน

“ไม่เลวนะ ฉันจะลอง”

“ขอไซส์ M ให้เธอหน่อย” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับพนักงาน

“ได้ค่ะประธานเย่”

มู่เวยเวยหัวเราะและล้อเขา“ประธานเย่รู้ไซต์ของผู้หญิงดีจังเนอะ”

เย่ฉ่าวเฉินหยิ่งผยองมาก “ก็ฉันมีแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงด้วยนิ ถ้าไม่รู้สักหน่อยจะเป็นเจ้านายพวกเขาได้ยังไง”

ขณะที่ทั้งสองกำลังหยอกล้อกัน พนักงานก็ถือเสื้อและเดินมา “สวัสดีค่ะ ห้องลองชุดอยู่ทางนุ้น”

มู่เวยเวยเข้าไปลองเสื้อผ้า เย่ฉ่าวเฉินก้มลงดูโทรศัพท์มือถือของเขาและเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดก็เงยหน้าขึ้น

กระโปรงสีขาวอยู่บนร่างอันงดงามของเธอ ผมยาวคลุมไหล่ คิ้วและดวงตาที่มีเสน่ห์

“ ดูงดงามมาก” มู่เวยเวยหันซ้ายหันขวาที่หน้ากระจก เพราะเพิ่งคลอดลูก ทำให้หน้าอกของเธอใหญ่กว่าขนาดเมื่อก่อนและส่วนบนของเธอก็ตึงเล็กน้อย

สายตาของใครบางคนเห็นแล้วลอยล่อง แววตาเป็นประกาย หยิบเสื้อผ้าอีกชุดหนึ่งยื่นให้เธอ”ฉันแนะนำให้ลองชุดนี้ดีกว่า”

“ทำไมล่ะ? ชุดที่ฉันใส่อยู่ก็สวยมากนิ” มู่เวยเวยยังคงจมอยู่กับความสวยงามในกระจก

“มันสวยมาก แต่ถ้าเธอใส่ชุดนี้ไปพบลูกค้า ลูกค้าผู้ชายทุกคนต้องจ้องเธอตาเป็นมันแน่”

มู่เวยเวยมองเขาอย่างโกรธ ๆ “พวกผู้ชายแบบเธอนี่นะ ผู้หญิงอยากใส่ชุดที่ตัวเองชอบก็ต้องคิดถึงสายตาพวกเธอ เหอะๆ เธอว่าถ้าฉันใส่ชุดนี้ไป ฝ่ายตรงข้ามจะประเมินราคาต่ำให้เราไหม”

เย่ฉ่าวเฉินยัดเสื้อผ้าใส่มือเธอเปิดประตูห้องลองเสื้อ ยิ้มและพูดว่า“ตระกูลฉู่คงยังไม่ถึงขั้นที่คุณหนูต้องไปขายความงามหรอก คุณหนูฉู่ให้ไวเลย เราไม่มีเวลาแล้ว”

มู่เวยเวยยักไหล่และเดินเข้าไปห้องลองเสื้อ เมื่อเธอเดินออกมาก็เป็นชุดธรรมดาที่ไม่สะดุดตาใคร อย่างไรก็ตามรากฐานของเธออยู่ที่นั่นไม่ว่าเธอจะสวมชุดไหนก็สวยงามไปหมด

“เอาล่ะ ชุดนี้เลย” มู่เวยเวยมองตัวเองในกระจก เธอสวยและสง่างาม

“ถ้างั้นก็ใส่มันไปเลย ช่วยเอากรรไกรมาให้หน่อย” เย่ฉ่าวเฉินบอกกับพนักงาน

เย่ฉ่าวเฉินตัดป้ายออกให้เธอ ตอนเธอกำลังลองชุดเขาได้รูดการ์ดจ่ายไว้แล้ว ต่อให้เป็นท่านประธาน ก็ไม่สามารถละเมิดข้อบังคับของบริษัทได้

จะว่าไปแล้ว ยังไงก็เข้ากระเป๋าตัวเองอยู่ดี

พนักงานยื่นถุงให้เย่ฉ่าวเฉินสองถุง ถุงแรกคือเสื้อผ้าของมู่เวยเวย อีกถุงคือชุดแรกที่เธอชอบ

“ ประธานเย่ใจป๋าจังเลย ซื้อให้ตั้งสองชุด”

“เธอเคยเรียนการออกแบบแฟชั่นในยุโรปมา และยังตาถึงมองเห็นแบรนด์ของเรา นี่ถือเป็นเกียรติของเราเลยนะเนี่ย” เย่ฉ่าวเฉินพูดและหัวเราะ

“ฮ่าฮ่า ได้อยู่ได้อยู่” มู่เวยเวยพูดกลบเกลือนสั้นๆ เพราะเธอไม่มีความมั่นใจ ถ้าเกิดเขาถามถึงโรงเรียนขึ้นมา ตัวเองก็จะถูกเปิดเผย

รองเท้าอยู่ที่ชั้นสี่ มู่เวยเวยไม่มีเวลาแล้ว เธอจึงซื้อรองเท้าส้นเข็มสีเงินคู่กับกระโปรงของเธอ คาดไม่ถึงว่ารองเท้าคู่นี้จะทำร้ายเธอในตอนบ่าย

……

เย่ฉ่าวเฉินแนะนำให้พวกเขารู้จักกับซัพพลายเออร์ มีชื่อว่าจ้าวเผยหยัน พวกเขารู้จักกันในสาขาธุรกิจ ทั้งคู่ชื่นชอบพฤติกรรมของกันและกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีมาก เพียงแต่ปีที่ผ่านมาเย่ฉ่าวเฉินมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่ได้ติดต่อกัน

“แกไม่โทรหาฉันเลยเป็นเวลานานมาก ฉันคิดว่าลืมเพื่อนอย่างฉันแล้วซะอีก” จ้าวเผยหยันจับมือของเย่ฉ่าวเฉิน และปล่อยอย่างรวดเร็ว

“ มันยุ่งมากจริงๆ” เย่ฉ่าวเฉินกล่าวขอโทษ

“ ยุ่งเป็นข้ออ้างนั่นแหละ คืนนี้ห้ามไปไหน อยู่เมาด้วยกันก่อน”

“ไม่มีปัญหา” เย่ฉ่าวเฉินแนะนำคนข้างๆเขา “นี่คือฉู่เหยียนผู้รับผิดชอบโครงการสวนสนุกของบริษัทMK ในเมืองA และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นผู้จัดการของบริษัท ประธานฉู่ นี่คือจ้าวเผยหยันประธานจ้าว ผู้จำหน่ายชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองGและเมืองS ”

ความกระตือรือร้นในดวงตาของจ้าวเผยหยันหายไปและแทนที่ด้วยสายตาที่สุภาพ เขายื่นมือออกมาและพูดว่า “ประธานฉู่ พบกันครั้งแรก ฉันหวังว่าเราจะร่วมงานได้ด้วยดี”

“ ฉันก็หวังอย่างนั้น” มู่เวยเวยจับมือเขา และปล่อย

นี่คือครั้งแรก ที่มู่เวยเวยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้สุภาพ ผู้ชายส่วนใหญ่เห็นเธอครั้งแรกมักจะพูดว่า “คุณฉู่ คุณสวยมาก” “คุณฉู่ดูยังสาวยังสวยอยู่เลย” และอื่นๆ แต่เขากลับไม่สนใจเธอเลย และพูดตรงไปตรงมามาก

จ้าวเผยหยันเชิญทุกคนไปที่ห้องประชุมของบริษัท ก่อนอื่นก็ให้คำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับสถานการณ์ข้อมูลของบริษัท จากนั้นก็เอารูปถ่ายผลิตภัณฑ์ของเครื่องเล่นในสวนสนุกให้มู่เวยเวยและคนอื่นดู

“ภาพถ่ายไม่เห็นถึงการใช้งาน หากคุณสนใจสามารถไปที่โรงงานของเราได้ รับประกันคุณภาพดีแน่นอน”

“ถ้างั้นไปกันเลยดีกว่า” ถังซื่อเซวียนพูดขึ้น

“ได้เลย”

ทันใดนั้นทุกคนก็ไปที่โรงงาน ระหว่างทางมู่เวยเวยไม่พูดอะไรเลย มีแต่บทสนทนาของถังซื่อเซวียนกับจ้าวเผยหยัน ผ่านไปสักพัก จ้าวเผยหยัน ก็ดึงเย่ฉ่าวเฉินไปข้างๆและกระซิบพูดว่า“ ประธานฉู่คนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ชอบพูดเลย”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มและพูดอย่างห้วนๆว่า “เธอแค่มาเป็นหน้าเป็นตาที่นี่ อำนาจในการตัดสินใจทั้งหมดเป็นของประธานถัง ดังนั้นแค่เธอคุณกับประธานถังก็พอแล้ว”

จ้าวเผยหยันแสดงท่าทีเข้าใจออกมา และพูดในใจว่าเป็นผู้หญิงร่ำรวยที่ต้องมาสัมผัสชีวิตลำบาก

ดังนั้นจ้าวเผยหยันจึงไปอยู่ข้างๆถังซื่อเซวียน แนะนำชิ้นส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับชิงช้าสวรรค์ในโรงงานอย่างละเอียด

เหมือนเป็นการปลดปล่อยมู่เวยเวยเลย พูดพวกนี้กับเธอก็ทำให้เธอไม่มีความสุข เพราะในตอนนี้รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าใหม่และตอนนั้นไม่ได้ลอง ไม่คาดคิดว่าหลังจากเดินไปสักพักรองเท้าก็กัดเท้าเธอจนได้รับบาดเจ็บ

เย่ฉ่าวเฉินมองดูเธอยิ่งเดินยิ่งช้า แถมยังทำหน้าบึ้ง เดินมาหาเธอและกระซิบถาม “เป็นอะไร? ไม่สบายตัวหรอ?”

มู่เวยเวยชี้ไปที่ข้อเท้า “รองเท้าใหม่ กัดเท้า”

เย่ฉ่าวเฉินก้มลงมอง ข้อเท้าสีขาวบางของผู้หญิงถลอกเป็นสีแดง แต่ยังไม่มีเลือดออก

“ถ้างั้น……”

“ไม่เป็นไร ฉันแค่เดินช้าๆก็พอแล้ว ฉันคงไม่อยากให้ตระกูลฉู่ขายหน้า” มู่เวยเวยยิ้มฝืนๆ”ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงโดนรองเท้าใหม่กัดก็เป็นเรื่องธรรมดา”

เมื่อเห็นสิ่งที่เธอพูด เย่ฉ่าวเฉินก็ต้องยอมใจเธอ เพราะในโรงงานก็ไม่มีอะไรช่วยได้

จ้าวเผยหยันและถังซื่อเซวียนสนทนากันอย่างเพลิดเพลินอยู่ข้างหน้า หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็เยี่ยมชมโรงงานทั้งหมดครบ ถังซื่อเซวียนพูดกับมู่เวยเวยด้วยความพอใจว่า”ประธานฉู่ ฉันคิดว่าเจ้านี้ไม่เลว ถ้าหากราคารับได้ พวกเราก็ตกลงเอาเจ้านี้เถอะ”

“ได้สิ” จริงๆในใจมู่เวยเวยอยากบอก เธอดีใจก็พอละ ฉันแค่อยากกลับโรงแรม

เมื่อกลับมาถึงรถ มู่เวยเวยโล่งใจก้มลงไปดูเท้าที่โดนรองเท้ากัด ตอนไม่มองก็ไม่เป็นไร มองแล้วก็ถอนหายใจออกมา

ข้อเท้าข้างซ้ายของเธอเสียดสีจนเป็นตุ่มพอง สีขาวนูนป่อง ถ้าไปแตะโดนมันจะแตก เท้าขวารุนแรงกว่ามีเลือดไหลออกมาจนทำให้เชือกสีเงินกลายเป็นสีแดง

“ นี่มันรองเท้าบ้าอะไรเนี่ย เจ็บชะมัด” มู่เวยเวยบ่นออกมาเบาๆ ต่อไปนี้จะซื้อรองเท้าคงต้องลองดีๆแล้ว

ประตูรถเปิดออก เย่ฉ่าวเฉินเข้ามานั่งในรถ สายตามองไปที่ข้อเท้าเธอ รู้สึกเจ็บแทนในใจ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า”มันถลอกหรอ? เมื่อกี้ทำไมไม่บอก?”

“ฉันก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน” มู่เวยเวยพิงเก้าอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “เห็นหรือยัง ผู้หญิงเพื่อความสวยงามต่อให้เลือดตกยางออกก็ยอม”

“พอแล้ว จะมาอวดเก่งให้ได้อะไร” เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมาและสั่งจางเหอที่กำลังขับรถ “ถ้าเห็นร้านขายยาก็หยุด ซื้อยาทำแผล”

“รับทราบครับคุณชาย”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วและมองข้อเท้าที่แดงระเรื่อ ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

“อย่ามาจ้องมันสิ เธอยิ่งมองฉันยิ่งรู้สึกเจ็บ” มู่เวยเวยบอก

“ตอนกลางคืนมีดื่มสังสรรค์ ดูเธอตอนนี้ก็ไม่ต้องไปร่วมงานละ”

“ฉันไม่ไปร่วมได้หรอ? จริงๆก็ไม่ชอบไปงานอะไรแบบนี้” มู่เวยเวยพูดและหลับตาลง

ใจของเย่ฉ่าวเฉินแทบร่วงไปถึงตาตุ่ม“ ถ้าอย่างนั้นเธอก็พักผ่อนอยู่ที่โรงแรม ฉันจะบอกประธานจ้าวเอง เพราะยังไงพวกเธอก็เป็นฝ่ายซื้อ”

“ขอบคุณนะ”

ในใจของเย่ฉ่าวเฉิน เขากลัวว่าจะเมาไม่ได้สติจนอ้วก และเขาก็ไม่ยอมให้มู่เวยเวยไปสังสรรค์กับคนอื่น เธอเป็นภรรยาของตัวเองก็ต้องดูแลเธอดีๆ ไม่ใช่ให้เธอมาดูแล

ไม่นานหลังจากรถเข้าเมือง จางเหอก็เห็นร้านขายยาและค่อยๆจอดรถไว้ข้างทาง

“ไม่ต้องขยับ เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง” เย่ฉ่าวเฉินหยุดมู่เวยเวยที่กำลังจะเปิดประตูรถ และรีบลงจากรถเข้าไปที่ร้านขายยา

มู่เวยเวยมองเขาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกในใจ ดูเหมือนว่าฉู่เหยียนและเย่ฉ่าวเฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาก

หลังจากนั้นไม่นาน เย่ฉ่าวเฉินก็เดินออกมาจากร้านขายยาพร้อมถุงเล็กๆ ข้างในมียา

เย่ฉ่าวเฉินเข้าไปในรถและถามเธอว่า “จะทายาตอนนี้หรือกลับไปทาที่โรงแรม?”

“กลับไปทาที่โรงแรม” จะทาบนรถยังไงพื้นที่แคบขนาดนี้? เธอพรึมพรำในใจ

“ก็ได้ จางเหอ ขับเร็วหน่อย”

เย่ฉ่าวเฉินพยุงมู่เวยเวยเข้าไปในโรงแรมและในลิฟต์ จากนั้น

ห้องนอน

“อันนั้น เดี๋ยวฉันทำเอง เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ขอบคุณมากๆนะ” มู่เวยเวยนั่งลงบนโซฟาและมองเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“ฉันไม่เหนื่อย” เย่ฉ่าวเฉินเดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำ “เช็ดหน้าก่อน”

มู่เวยเวยทำตัวไม่ถูก ในขณะที่เธอกำลังเช็ดหน้า ก็ถูกอุ้มขึ้นไปวางอยู่บนตักของเขา

ผู้หญิงตกตะลึง กำลังจะพูดว่า “ฉันจะทำเอง” เท้าที่เป็นแผลของเธอก็รู้สึกเจ็บจนร้องออกมา”โอ้ย เจ็บเจ็บเจ็บ เบาหน่อยสิ”

เย่ฉ่าวเฉินเป็นผู้ชาย เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เขาถอดรองเท้าแรงไปหน่อยจนมู่เวยเวยร้องออกมา เขาก็เบามือลง

รองเท้าทั้งสองข้างถูกโยนลงบนพื้น เท้าทั้งสองข้างก็ถูกเสียดสีจนแดงไปหมด

“ฉันถามคนในร้านขายยาแล้ว เขาบอกว่าแผลตุ่มพองห้ามทำแตกเพราะกลัวติดเชื้อ ฉันจะเอาผ้ากอซติดให้เพื่อป้องกันเชื้อโรค” เย่ฉ่าวเฉินพูดในขณะที่กำลังแกะถุงผ้ากอซ ติดแผ่นผ้ากอซขนาดใหญ่ที่ตุ่มพอง และใช้เทปขาวติดผ้ากอซไว้

มู่เวยเวยเฝ้าดูเขาทำทุกอย่างเงียบๆ รู้สึกทั้งอึดอัดทั้งมีความสุขในใจ

“ทนหน่อยนะ ที่ถลอกต้องฆ่าเชื้อ” เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้าและยุ่งไม่ทันสังเกตเห็นการแสดงออกที่ซับซ้อนในดวงตาของเธอ

“โอ้ย–” มู่เวยเวยทนไม่ได้ร้องออกมา เจ็บจนขากระตุกขึ้นมาทีนึง

“เจ็บมากไหม? ฉันจะเบามือนะ” เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นถาม

“ฉันทนได้” มู่เวยเวยพูดพลางกัดริมฝี

แอลกอฮอล์ทางการแพทย์เย็นๆถูกเช็ดลงบนบาดแผลทีละน้อย และฉีดสเปรย์ยูนหนานไป่เหยาอีกครั้ง ก่อนที่เย่เส้าเฉินจะติดพาสเตอร์ให้เธอ

“พรุ่งนี้ค่อยดูแผลอีกที ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ค่อยติดใหม่อีกแผ่น” เย่ฉ่าวเฉินเก็บขวดยาและสำลีก้อน เขาไม่ได้คิดอะไรและวางขาเธอลง

กระโปรงไม่ได้ยาวมากนัก เมื่อนั่งเช่นนี้กระโปรงก็ขึ้นมาถึงเข่าพอดี

“เย่ฉ่าวเฉิน เธอดีกับผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่า?” มู่เวยเวยถามคำนี้ขึ้นมา

เย่ฉ่าวเฉินหยุดทำทุกอย่างในมือ หันมาพูดกับเธออย่างจริงจังว่า “ไม่ เธอเป็นคนพิเศษ”

“ เป็นเพราะว่าฉันเหมือนภรรยาคุณ?”

เย่ฉ่าวเฉิน เงียบไปครู่หนึ่ง “ฉู่เหยียน ฉันไม่อยากโกหกเธอ”

มู่เวยเวยจ้องมองเขา และก้มลงมองแผลที่ถูกพันไว้

ทันใดนั้น มู่เวยเวยก็ถูกเปิดเผยและเย่ฉ่าวเฉินหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขา ในขณะที่เขากำลังจะสูญเสียความคิด เขาจ้องไปที่ดวงตาสีดำที่พร่ามัวของผู้หญิงคนนั้น โน้มตัวไปที่ตัวเธอ กระซิบข้างหูว่า “รอก่อน”

“รออะไร?” มู่เวยเวยถามโดยไม่รู้ตัว

“รอวันที่ฉันแน่ใจว่าใช่” แน่ใจ เธอจะเป็นเขาในวันนั้น

ถึงเวลานั้น ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปง่ายๆ

มู่เวยเวยไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เย่ฉ่าวเฉินเม้มริมฝีปากของเธออย่างไม่เต็มใจ“ เธอพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวตอนค่ำฉันจะให้คนเอาอาหารขึ้นมาให้”

มู่เวยเวยพยักหน้าอย่างเงียบๆ ในหัวของเธอยังวนเวียนอยู่กับคำพูดของเขา ยืนยันอะไรกันแน่?

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอที่ซื่อซื่อบื้อบื้อ ยื่นมือไปลูบหัวเธอและเดินออกไป

……

เช้าวันที่สอง ถังซื่อเซวียนและจ้าวเผยหยันยังคงเจรจากันอยู่ เย่ฉ่าวเฉินถูกลากไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย มู่เวยเวยที่นอนจนถึงเช้าก็ตื่นขึ้นมาเอง เธอนึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับเสี่ยวซีหร่าน เธอรีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์และโทรหาเธอ

ใช้เวลานานมากกว่าจะรับโทรศัพท์ เสียงที่กังวลมากของเสี่ยวซีหร่านก็ดังขึ้น “ฉู่เหยียน? ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วน เดี๋ยวโทรกลับนะ”

มู่เวยเวยได้ยินเสียงที่กำลังร้อนรนของอีกฝ่าย จึงพูดตอบว่า “โอเค ทำธุระก่อนเลย”

หลังจากวางสาย มู่เวยเวยก็ลุกจากเตียง เสี่ยวซีหร่านกำลังมีปัญหาหรอ?

คิดถึงเช่นนี้ มู่เวยเวยก็นอนไม่หลับแล้ว จึงเข้าไปที่ห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน

หน้ากากถูกแช่อยู่ในน้ำทั้งคืน มู่เวยเวยเห็นเช่นนี้ก็หยิบมันขึ้นมาและเช็ดให้แห้ง ในขณะที่กำลังจะสวมหน้ากาก เสียงกดกริ่งประตูก็ดังขึ้น

ติ้งติ้งติ้ง ——ติ้งติ้งติ้ง——

มู่เวยเวยยื่นหัวออกมาและถามอย่างระมัดระวัง “ ใคร?”

“คุณฉู่ มีพัสดุของคุณ ช่วยเซ็นรับหน่อยค่ะ”

พัสดุ? ทำไมถึงมีพัสดุส่งมาที่โรงแรม? น่าแปลกจัง

“ฉันไม่เคยซื้อของอะไรนิ คุณส่งผิดคนแล้ว” มู่เวยเวยปฏิเสธโดยตรง

“ คุณฉู่ คุณเย่ฉ่าวเฉินเป็นคนส่งมาให้คุณ”

เย่ฉ่าวเฉิน? มู่เวยเวยขมวดคิ้วและคิดสักพักแล้วพูดว่า “คุณช่วยวางพัสดุไว้ที่ประตูเลย เดี๋ยวฉันจะไปเอาเอง”

“ แต่คุณเย่บอกว่าต้องส่งให้คุณกับมือ” คนข้างนอกยืนกราน

“ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ถ้าคุณต้องการจะรอก็รอก่อน” มู่เวยเวยพูดจบก็กลับไปสวมหน้ากาก

ผ่านไปสิบนาที มู่เวยเวยยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหน้ากากสวมได้สมบูรณ์แบบแล้ว จากนั้นเดินไปที่ประตู ทันทีที่เปิดประตู ก็ตกใจ

พนักงานจัดส่งกำลังพิงประตูและเล่นโทรศัพท์ของเธออย่างเบื่อหน่าย เมื่อเห็นเธอออกมา ก็หยิบพัสดุที่พื้นแล้วส่งให้เธอ “โปรดเซ็นรับด้วยค่ะ”

“ฉันคิดว่าคุณไปแล้ว” มู่เวยเวยหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนคำว่า “++” แล้วหยุดลงทันที โชคดียังไม่เขียนคำว่ามู่ออกมา รีบเปลี่ยนไปเขียนคำว่า “ขอบคุณ”

“ด้วยความยินดี”

มู่เวยเวยปิดประตูและเขย่ากล่องในมือ ข่างในมีเสียงเอี๊ยด มันคืออะไรเนี่ย

ข้างนอกถุงบรรจุภัณฑ์ ด้านในเป็นกล่องรองเท้า เมื่อเปิดออกมามันเป็นรองเท้าแตะส้นแบนสีขาวสไตล์แปลกใหม่ ที่สำคัญมันยังสวมสบายไปได้ทุกที่ ไม่ทำให้บาดเจ็บ

วางลงบนพื้นลองเล่นๆ มันสบายมาก รองเท้ายี่ห้อนี้มีราคาแพงมาก คนละราคาคนละคุณภาพ

เดินไปมาสองสามรอบ มู่เวยเวยรู้สึกว่าเธอควรส่งข้อความไปขอบคุณเขาสักหน่อย

รองเท้าสวยมาก ฉันชอบมากๆ ขอบคุณนะ

ทันใดนั้นก็มีข้อความตอบกลับ สั้นๆง่ายๆสี่คำ ชอบก็ดีแล้ว

มู่เวยเวยพูดอือออกมาคำนึง จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ไปที่เตียงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เธอหยิบมาดู เขาส่งข้อความมาว่า อย่าบอกนะว่าเธอเพิ่งตื่น

มู่เวยเวยไม่ตอบเขา รีบจัดการตัวเองให้เสร็จ

หลังจากนั้นไม่นานข้อความก็เข้ามาอีก กำลังทำอะไรอยู่? ทำไมไม่ตอบข้อความของฉัน?

มู่เวยเวยยังคงไม่สนใจ นั่งอยู่บนโซฟาและเปิดผ้าก๊อซที่ข้อเท้าของเธอ แผลเป็นสะเก็ดแต่ก็ยังเจ็บอยู่เล็กน้อย เธอจึงเปลี่ยนพาสเตอร์อันใหม่

เธอจะทำตามคำพูดของเขา อย่าคิดว่าสารภาพเมื่อวานแล้ว เขาจะสามารถมายืนอยู่ข้างๆจุดเดียวกับเธอ

ไม่กี่นาทีต่อมา โทรศัพท์ก็ดังขึ้น มู่เวยเวยมองโทรศัพท์และอมยิ้ม ก่อนที่สายจะวาง เธอรีบรับสาย

“มีอะไรเหรอ?” เธอถาม

“เธอทำอะไรอยู่?” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยเสียงที่มีเสน่ห์

“ฉัน ~ ฉันเพิ่งล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ”

“แผลที่เท้าเธอเป็นยังไงบ้าง?”

“ยังมีเจ็บอยู่เล็กน้อย” มู่เวยเวยตอบด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้เธอจะทำอะไร? ฉันน่าจะต้องอยู่ที่นี่ทั้งวัน”

“เธอไปทำธุระของเธอเถอะ ฉันจะไปหาซีหร่าน”

อีกฝ่ายเงียบไปสักพัก “ฉันให้จางเหออยู่กับเธอที่โรงแรม ถ้าจะใช้รถก็เรียกเขา”

“ฉันรู้แล้ว บ๊ายบาย” มู่เวยเวยวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหาย

เหอะ เขาคงเป็นห่วงใส่ใจฉู่เหยียนมากสินะ ทั้งซื้อรองเท้าใหม่ทั้งจัดการเรื่องรถ

เสี่ยวซีหรานยังไม่โทรมา มู่เวยเวยเบื่ออยู่แต่ในห้อง เธอลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง โจ๊กหนึ่งชามตรงหน้ายังทานไม่หมด ก็มีสายเรียกเข้า

มู่เวยเวยรับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล ซีหราน เป็นอะไรหรือเปล่า”

เสียงของเสี่ยวซีหร่านผ่อนคลายลงมาก “ฉันไม่เป็นไร เมื่อกี้เพื่อนฉันมีปัญหานิดหน่อย ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว”

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว ฉันเป็นห่วงเธอมาก ว่าแต่วันนี้เธอว่างมาเจอฉันไหม?” มู่เวยเวยถาม

“เพื่อนมาจากแดนไกล ฉันต้องว่างอยู่แล้วสิ เธอจะมาบ้านฉันหรือให้ฉันเข้าไปหาในเมือง?”

“เดี๋ยวฉันไปบ้านเธอเอง ในเมืองไม่มีอะไรเลยแถมอากาศยังร้อนอีก”

พอดีเลย เสี่ยวซีหร่านไม่ชอบช้อปปิ้งเหมือนกัน เธอชอบปีนหน้าผาและดำน้ำมากกว่าการช็อปปิ้ง

“โอเค ฉันจะรออยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นให้”

“อืม เจอกันนะ”

บ้านของเสี่ยวซีหร่านอยู่ในย่านที่แพงที่สุดในเมืองS และมีขนาดใหญ่กว่าบ้านตระกูลเย่เป็นสองเท่า

มู่เวยเวยนั่งอยู่ในรถเห็นกังหันลมขนาดใหญ่กำลังหมุน จากนั้นก็มีสนามหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ทางเดินสีม่วงเรียงยาวไปข้างใน ราวกับเจ้าหญิงเดินไปในปราสาท

เห็นได้ชัดว่ายามได้รับการแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าถ้าเห็นฉู่เหยียนให้เปิดประตูให้ทันที

เสี่ยวซีหร่านรอเธออยู่หน้าบ้านสไตล์ยุโรป เธอสวมกระโปรงยาวสีขาวหลวมๆ เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วเธอน่าทึ่งมาก ครั้งนี้ดูแล้วเธอมีความอ่อนโยน

มู่เวยเวยลงจากรถก็รีบเดินไปหาเธอ ใบหน้ายิ้มแฉ่ง “ในที่สุดก็ได้เจอกัน ยากกว่าปีนข้ามภูเขาอีก”

“พูดอย่างกับฉันอยู่ในถ้ำแหนะ รีบเข้ามาข้างในเถอะ ข้างนอกร้อนมาก”

“เอ้ะ อย่าเพิ่ง ฉันลืมของบางอย่างไว้” มู่เวยเวยกลับไปที่รถหยิบดอกคามิเลียสีแดงออกมาและยื่นให้เธอ “ฉันมาครั้งแรกไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ฉันผ่านร้านดอกไม้เห็นว่าช่อดอกไม้นี้เหมาะกับเธอมาก สวยและงดงามก็เลยอยากซื้อให้เธอ ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวซีหร่านได้รับดอกไม้จากเพื่อนผู้หญิง เธอรับมันไว้และดมกลิ่นอย่างระมัดระวังและพูดว่า “มันสวยมาก ขอบคุณนะ ยังไม่เคยมีผู้หญิงให้ดอกไม้ฉันเลย อย่าบอกนะว่าเธอชอบฉัน”

มู่เวยเวยจับแขนของเธออย่างสนิทสนมและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเห็นเธอครั้งแรกก็ชอบแล้ว”

“แต่ฉันชอบผู้ชาย เธอไม่ใช่สเปคฉันนะ” เสี่ยวซีหร่านรู้ว่าเธอพูดเล่นจึงหยอกกลับ

มู่เวยเวยมองอย่างจริงจัง“ จะทำยังไงดีล่ะ? การขุดหลุมปลูกต้นไม้นั้นว่ายากแล้ว ฉัน…… ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า-” เซียวซีหรานหัวเราะเสียงดังเธอรู้สึกขบขัน “ยัยบ้า ดูไม่ออกเลยนะ หยอกได้เนียนจริงๆเลย”

“เหอะเหอะ ” มู่เวยเวยเดินนำเข้าไปในบ้านและพูดต่อ “ในชีวิตฉันคงเปลี่ยนเป็นผู้ชายไม่ได้ ถ้างั้นก็คงเป็นได้แค่น้องสาวเธอ เพราะยังไงฉันก็ชอบเธออยู่ดี”

“ น้องสาว? เราสองคนใครโตกว่าเด็กกว่ายังไม่รู้เลย”

มู่เวยเวยโบกมือเล็กๆของเธอ “อายุเป็นเพียงตัวเลข ดูจากสไตล์การกระทำของเธอแล้ว ฉันยอมเรียกพี่”

“ ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องจำใจรับเธอเป็นน้องสาวแล้วล่ะ”

ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างเดินไปที่ห้องนั่งเล่น มันไม่เหมือนห้องนั่งเล่นในบ้านทั่วไป ที่นี่ไม่มีโซฟายาวมีแต่โซฟาขนาดเล็กแต่ละตัวล้อมรอบด้วยโต๊ะกลมตัวเล็กและพรมหนาที่พื้น

“สไตล์บ้านของเธอเหมือนคฤหาสน์ของอังกฤษที่อธิบายไว้ในนิยายเลย ฉันนึกถึงเพื่อนสามสี่คนที่นั่งอยู่บนโซฟาและอ่านจดหมายด้วยกัน”

“แม่ของฉันชอบแบบนี้ ตอนที่เธอยังเด็กเธอเรียนอยู่ที่สหราชอาณาจักรและอาศัยอยู่ในคฤหาสน์แบบดั้งเดิมหลังจากที่เธอกลับมา เธอก็สร้างบ้านหลังนี้ ทั้งหมดนี้ถูกลอกเลียนแบบมาจากที่เธอเคยอยู่ ยกเว้นกังหันลมขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอก หลังจากสร้างมันเสร็จได้สามสี่วันฉันก็ไปต่างประเทศ ” เสี่ยวซีหรานพบแจกันสองใบ จึงแยกดอกคามิเลียสีแดงใส่แจกัน

จะว่าไปแล้ว “ฉันไม่ค่อยอะไรกับที่พักไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรือบ้านธรรดาก็อยู่ได้ ไปตั้งเต็นท์บนยอดเขาฉันยิ่งชอบเลย วันๆอยู่แต่ที่นี่ ก็เลยไม่อยากออกไปซื้อบ้าน”

“ที่นี่ก็ดีมากเลยนะ” มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมองไปที่เธอ เห็นความเศร้าที่หว่างคิ้วของเธอเธอจึงถามว่า “เธอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า? บอกฉันได้นะเผื่อจะช่วยได้”

เสี่ยวซีหรานจัดเรียงดอกคามิเลียสีแดงในมือแล้วถอนหายใจพูดว่า “จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพื่อคนที่ฉันบอกตอนนั้น สถานการณ์เขาแย่มาก ตอนแรกก็หลับอยู่ดีๆใครจะรู้เมื่อวานเขาก็มีไข้สูง ตอนเช้าวันนี้เพิ่งจะรู้ก็ตอนที่เธอโทรมานั่นแหละ ตอนนั้นอยู่ที่โรงพยาบาลก็เลยไม่ทันได้บอก”

มู่เวยเวยอยากปลอบเธอ แต่เธอไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากเงียบไปสองสามวินาทีเธอก็พูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้เขาจะหลับอยู่ก็รับรู้ว่ามีเพื่อนอย่างเธอคอยอยู่ข้างๆ เดี๋ยวเขาก็หายดี”

เสี่ยวซีหร่านเหลือบมองเธอและยิ้ม “ช่างมันเถอะ” เสี่ยวซีหร่านเช็ดมือของเธอหลังจากใส่ดอกไม้เสร็จ “ไปกัน ฉันจะพาเธอไปเยี่ยมเขา แต่ว่าเยี่ยมได้ผ่านกระจกเท่านั้นเพราะหมอบอกว่ากลัวการติดเชื้อ จึงไม่ให้เข้าไป”

“อืม โอเค”

เสี่ยวซีหรานพามู่เวยเวยออกจากบ้าน เดินไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับกังหันลมขนาดใหญ่

บ้านหลังนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นเหมือนห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล มีคุณภาพดีเหมือนอยู่ในโรงพยาบาลเลย

มู่เวยเวยยืนอยู่หน้ากระจกเงียบๆ มองไปที่คนบนเตียงเขาถูกคลุมด้วยผ้านวมบางๆ มีหน้ากากออกซิเจนขนาดใหญ่บนใบหน้าเขา มองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่มู่เวยเวยมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

“เป็นเขาเอง ตอนแรกอยากให้เธอเจอเขาอย่างกล้าหาญ ตอนนี้ไม่ได้แล้ว” พูดถึงตรงนี้เสี่ยวซีหร่านหยุดสักพักและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “หมอบอกว่าเขาอาจจะไม่ตื่นมาอีก “เป็นเวลานานที่เธอพยายามมองหาแพทย์และยาทุกหนแห่ง ค้นหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถรักษาเขาได้และส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลชื่อดังในต่างประเทศเช่นสหรัฐอเมริกาอังกฤษและออสเตรเลียคำตอบที่เธอได้รับล้วนต้องผิดหวัง ไม่มีหนทาง ทำได้เพียงรอให้เกิดปาฏิหาริย์

เสี่ยวซีหร่านเป็นนักผจญภัยในการมีชีวิต ทุกวันนี้เธอเชื่อในปาฏิหาริย์

หัวใจของมู่เวยเวยเจ็บปวดเล็กน้อย เมื่อเธอได้พบกับเสี่ยวซีหรานครั้งแรกเธอสดใสมากหลังจากเรียนรู้ตัวตนของเธอจากเย่ฉ่าวเฉินเธอรู้สึกว่าเธออยู่บนปลายสุดของพีระมิด ไม่อยากคิดว่าเธอก็มีช่วงเวลาที่ลำบากแบบนี้

“ เขาเป็นแฟนของเธอเหรอ?” มู่เวยเวยถามเพราะถ้าเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา เซียวซีหรานคงไม่ทำขนาดนี้ เขาไม่มีครอบครัวหรอ? ทำไมต้องให้เธอดูแล?

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของมู่เวยเวย แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นและเธอไม่ควรถาม

เสี่ยวซีหรานยิ้มและตอบว่า“ ใช่ เขาเป็นแฟนฉันเอง แต่ฉันเป็นแฟนเขาข้างเดียว เขายังไม่ตอบตกลง”

“หืม?” มู่เวยเวยรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงแบบเธอมีผู้ชายปฏิเสธ?

“แต่ว่า ฉันคิดว่าเขาต้องตอบตกลงแน่นอน เพราะฉันสวยขนาดนี้ และมีคนเดียวในโลกด้วย เธอว่าไหม?”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset