วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 192 จะขอโทษหรือไสหัวไป

เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้น นี่มันป้าสะใภ้ของมู่เวยเวย? นามสกุลฟาง?

เขาหยุดคิดสักพักใหญ่ๆ เย่ฉ่าวเฉินก็จำได้ลางๆว่าผู้หญิงคนนี้คล้ายกับภรรยาของมู่จางรุ่ย เขาจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไร เธอมาหาเขาทำไม?

หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเวยเวย?

” พาพวกเธอไปที่ห้องรับรอง ” เย่ฉ่าวเฉินพูด

” ได้ค่ะ ท่านประธานเย่ ”

เลาหลิวกลับมายังโต๊ะทำงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะโทรแจ้งแผนกต้อนรับ แต่พอลองคิดดูอีกที เธอเดินลงตึกไปและเป็นคนต้อนรับด้วยตัวเอง

พอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นว่าเลาขาหลิวลงมาด้วยตัวเอง จึงหลีกทางให้

เลาขาหลิวยังไปไม่ถึงหน้าประตูบริษัทก็เห็นผู้หญิงสองคนไกลๆ สายตาของเขามองไปที่หญิงสาวคนนั้น ผมยาว รูปร่างสูง และใบหน้าที่เลือนรางนั้น เหมือนกับ……

เขารีบเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าไม่ใช่มู่เวยเวย แต่ว่าหน้าตามีความคล้ายเธอเล็กน้อย

เขานึกถึงข้อมูลที่เคยรู้มา มู่เวยเวยมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เป็นเธอหรอ?

” ใช่คุณฟางไหม? เชิญเดินตามฉันมา ” สีหน้าของเลาขาหลิวนิ่งมากไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น

มู่อี้เหยามาที่เย่ฮวางกรุ๊ปเป็นครั้งแรก เขามองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เธอยังมองได้ไม่นานก็ต้องขึ้นลิฟต์แล้ว

ฟางซินยี่เหลือบไปมองป้ายที่ติดตรงหน้าอกของเลาขาหลิวแวบหนึ่ง เลขานุการผู้จัดการทั่วไป เธอก็รีบพูดกระชับความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว ” เลาหลิว คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณยังอายุน้อยๆก็ได้เป็นเลขาของประธานเย่แล้ว ช่างมีความสามารถจริงๆ ”

เลขาหลิวยิ้มเบาๆตามมารยาท และไม่ได้ตอบอะไร

ฟางซินยี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรและพูดต่อว่า ” แต่ก่อนเวยเวยมักจะพูดว่าประธายเย่ทำงานยุ่งมากๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันที่พวกเรามากะทันหันแบบนี้จะรบกวนการทำงานของเขารึเปล่า? ”

ครั้งนี้เลขาหลิวพูดว่า ” ประธานเย่งานยุ่งมากจริงๆ ฉันจะพาทั้งสองไปรอที่ห้องรับรองก่อน รอให้ประธานเย่เสร็จงานก่อนค่อยว่ากัน ”

คำพูดของเลาขาหลิวมันกำกวม เขาไม่ได้หมายความว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมาเจอพวกเธอหรือไม่ ถ้าหากว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่อยากสนใจพวกเธอล่ะ?

ฟางซินยี่ฉลาดมาก แน่นอนว่าเธอเข้าใจในว่าเลาขาหลิวหมายความว่าอย่างไร เธอยังอยากถามอะไรบางอย่างต่ออีก แต่ว่าเธอเชื่อว่าคนอย่างเลขาหลิวไม่อาจตอบคำถามที่เธอต้องการได้หรอก เธอเลยหยุดพูด

พอมาถึงห้องรับรอง เลขาหลิวเทน้ำให้กับทั้งสอง แล้วพูดขึ้นอย่างเกรงใจว่า ” ทั้งสองรอที่นี่ไปก่อนนะ ฉันยังมีงานที่ต้องไปทำต่อ ”

” คุณไปเถอะ พวกเราจะรอประธานเย่ที่นี่ ” อยู่ในที่ของเขา ฟางซินยี่ต้องยอมอยู่แล้ว

เลขาหลิวเดินออกไป มู่อี้เหยาสุดจะทนแล้ว เธอจับแขนแม่ของเธอด้วยความไม่พอใจ ” แม่ ทำไมเราไม่เดินเข้าไปเจอเย่ฉ่าวเฉินโดยตรง? ให้พวกเรามารออยู่ตรงนี้เพื่ออะไร?

ฟางซินยี่แตะไปที่มือลูกสาว แล้วพูดอย่างใจเย็น ” ลูกคิดว่าคนอย่างเย่ฉ่าวเฉินอยากเจอก็ต้องไก้เจอหรอ? เขาเป็นถึงประธานบริษัทเย่ฮวาง อีกทั้งเราในตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เจอเขาได้สักครั้งก็เพราะเห็นแก่มิตรภาพเก่าๆ ”

ฟางซินยี่มองไปที่ลูกสาวที่ยังคงไม่พอใจ น้ำเสียงของเธอก็จริงจังขึ้นมาก ” เหยาๆ สิ่งที่ฉันสอนตอนอยู่บ้านเธอลืมไปหมดแล้วหรอ? ”

มู่อี้เหยาพูดอย่างเหลืออด ” จำได้ แม่พูดย้ำหลายรอบมาก ให้พูดจาอ่อนหวาน ทำตัวสง่างาม แต่ว่ามู่อี้เหยาเป็นคนประเภทนี้สะที่ไหน? เธอเป็นสาวป่าเถื่อน ไม่พอใจอะไรก็เอาแต่ใช้กำลัง ”

” เหยาๆ ” ฟางซินยี่อยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ตอนนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้เธอยังต้องพึ่งลูกสาวของเธออยู่ ทำได้เพียงพูดเกลี้ยกล่อมเธอ ” เธออยากอยู่บ้านคุณตาต่อไปอย่างนั้นหรอ? เธอจะใช้ชีวิตภายใต้ความกดดันของพวกเขาอย่างนั้นหรอ?

” ไม่อยาก ” มู่เวยเวยพูดสองคำนี้ออกมา

” ไม่อยากก็ต้องเชื่อฟังแม่ แม่ไม่ทำร้ายเธอหรอก ” ฟางซินยี่จับหน้าของเธอ ยิ้มแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า ” ยิ้มหน่อย จำไว้ว่าตัวเองเป็นสาวสวย ”

มู่อี้เหยายิ้มหวาน ” ค่ะ หนูจะจำไว้ค่ะแม่ ”

อีกด้านหนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินทำงานจนเกือบลืมเรื่องของสองคนนั้นไปแล้ว ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งเลาขาหลิวส่งเอกสารเข้ามาให้เขาอีกครั้ง เขาก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องของสองคนนั้น

” ฟางซินยี่พวกเธอยังรออยู่ที่ห้องรับรองไหม? ”

เลขาหลิวนึกว่าท่าประธานเย่ไม่อยากเจอสองคนนั้น เลยไม่ได้เดินไปดู คิดไม่ถึงว่าเขายังจำได้อยู่

” อยู่ ”

เย่ฉ่าวเฉินยกยิ้มมุมปาก คนใจร้อนอย่างมู่อี้เหยาสามารถรอได้นานขนาดนี้เชียวหรอ ดูแล้วครอบครัวของมู่จางรุ่ยคงไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ

อย่างนั้นเขาจะไปดูสักหน่อย พวกเธอต้องการอะไรกันแน่?

เขาลุกขึ้นแล้วลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ไปที่ห้องรับรองที่โปร่งใสไปทั้งห้อง ฟางซินยี่นั่งด้วยท่าทางที่สง่างาม แต่มู่อี้เหยาใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

ฟางซินยี่เห็นเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังเดินมา ก็รีบสะกิดแขนลูกสาว พอมู่อี้เหยาเห็นเย่ฉ่าวเฉินก็รีบลุกยืนขึ้น เธอฉีกยิ้มที่เธอคิดว่าอ่อนโยนที่สุดของเธอออกมา

เย่ฉ่าวเฉินเปิดประตูเข้าไป เขาเหลือบไปมองมู่อี้เหยาก่อน ในใจของเขาก็มีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา สมกับเป็นลูกพี่ลูกน้องกับมู่เวยเวยจริงๆเลย มองแวบแรกหน้าคล้ายกันมาก แต่ดวงตาเธอที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งปิดอย่างไรก็ไม่มิด

” ประธานเย่ ท่านเสร็จงานแล้วหรอ? ” ฟางซินยี่ลุกขึ้นยืน สถานการณ์ในตอนนี้เธอไม่กล้าถือตัวและยิ่งไม่กล้าที่จะเรียกเพียงชื่อของเขาเฉยๆ

ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินไม่มีรอยยิ้มเลย เขาถามออกมาตามตรง ” มาหาฉันมีเรื่องอะไร? ”

” ประธานเย่ ที่ฉันมาในวันนี้ฉันอยากมาขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง ”

” มีอะไรก็รีบพูด ฉันยังมีงานที่รออยู่อีกเยอะ ”

ฟางซินยี่ผลักลูกสาวเธอไปข้างหน้า และพูดว่า ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ คุณเองก็รู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ของครอบครัวเราเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้ว่ามู่จางรุ่ยถูกอะไรกระตุ้น ไอ้แก่นั้นหลงนางสุนัขจิ้งจอกนั้นหัวปักหัวปำ พวกเราเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว อยากจะขอร้องคุณช่วยหางานสักตำแหน่งให้กับมู่อี้เหยาทำในบริษัทของคุณหน่อย ”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะในใจ ก็คิดว่าพวกเธอจะมีเบาะแสของมู่เวยเวย เขาคงคิดมากไปจริงๆ

” ตระกูลมู่ของพวกเธอมีกิจการของตัวเองไม่ใช่หรอ? ทำไมต้องมาถึงเย่ฮวาง? ”

ฟางซินยี่ถอนหายใจ “กิจการในนามตระกูลมู่มันไม่ใช่ของตระกูลมู่ตั้งนานแล้ว โดนยึดครองโดยคนต่างชาติหมดแล้ว พวกเขาจะยอมให้เหยาๆเข้าไปทำงานในนั้นได้ยังไงกันล่ะ? ”

” ตอนนี้บริษัทของเรายังไม่ได้รับสมัครพนักงาน ” เย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธเสียงแข็ง เขาจำได้ว่าเวยเวยกับมู้อี้เหยาไม่ถูกกัน

ฟางซินยี่รีบส่งสายตาให้มู่อี้เหยา หลังจากนั้นมู่อี้เหยาก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ” พี่เขย แต่ก่อนฉันยังเด็ก สร้างแต่ความเดือนร้อนให้คุณและพี่สาว ตอนนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว คุณให้โอกาสฉันสักครั้งได้ไหม? ในบ้านตอนนี้เหลือแค่ฉันกับแม่แล้ว เธออายุมากแล้ว ฉันคงยอมไม่ได้ถ้าเธอต้องออกไปทำงานหาเงิน พี่เขย คุณคิดสะว่าเห็นแก่พี่สาวฉันให้ฉันทำงานในตำแหน่งไหนของบริษัทก็ได้ อย่างน้อยฉันกับแม่ก็ไม่อดตาย ”

เย่ฉ่าวเฉินคิดไม่ถึงว่ามู่อี้เหยาจะพูดแบบนี้เป็นด้วย เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอและฟางซินยี่ถึงแม้ว่าจะแต่งตัวหรูหราสง่างาม แต่ว่าเสื้อผ้าของพวกเธอเป็นแบบเก่าเมื่อปีที่แล้ว คุณหนูเอาแต่ใจแบบเธอยอมใส่เสื้อผ้าแบบเก่าได้น่าจะไม่มีเงินแล้วจริงๆ

มู่อี้เหยาให้สายตาเขามองมาที่เธอ ก็รู้สึกดีใจ และพูดว่า ” พี่เขย ไม่ว่าที่ผ่านมาฉันกับพี่สาวจะมีเรื่องบาดหมางกันมากแค่ไหน แต่ว่าในตัวของพวกเราก็มีเลือดของตระกูลมู่ไหลอยู่ครึ่งหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ถือเป็นญาติสนิท คุณจะทนเห็นคนญาติสนิทของพี่สาวอดตายได้อย่างไร?

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะ เธอเป็นญาติฝ่ายไหนไม่ทราบ แต่ว่า ในเมื่อเธออยากทำงานที่เย่ฮวาง อย่างนั้นก็ทำให้เธอสมปรารถนาละกัน

” เธออยากทำงานในเย่ฮวางมากขนาดนั้นเลย? ”

” อืออือ อยากมากๆ ” มู่อี้เหยาตอบอย่างดีใจ. เมื่อกี้ที่เห็นหน้าเย่ฉ่าวเฉินแวบแรก หัวใจเธอก็เต้นแรง ผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ ให้เธอเสริฟ์น้ำเสริฟ์ชาทุกวันเธอก็เต็มใจ

คิ้วของเย่ฉ่าวเฉินกระตุก ” เอาแบบนี้ การรับพนักงานของเราอยู่ในความดูแลของฝ่ายบุคคลฉันไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ในเมื่อเธออยากมาทำงานที่บริษัทก็ต้องทำตามขั้นตอนของบริษัท เลขาหลิวโทรแจ้งฝ่ายบุคคลให้ส่ง HR หนึ่งคนมาสัมภาษณ์เธอ

” ครับ ”

เลขาหลิวออกไปโทรศัพท์

พอผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้ยินว่าเป็นเย่ฉ่าวเฉิน ก็รีบวิ่งมาด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว ถามเลขาหลิวในระหว่างที่คุยโทรศัพท์ว่า ” เรื่องเป็นอย่างไร? ”

เลาขาหลิวเป็นคนรอบคอบ รู้ว่าอะไรควรไม่ควรพูด ” คุณเป็นคนฉลาดขนาดนี้ แค่ดูการแสดงออกของประธานเย่ก็น่าจะรู้นะ ”

ผู้จัดการเปิดประตูห้องด้วยความไม่สบายใจ แล้วพูดว่า ” ประธานเย่ ท่านเรียกหาฉัน? ”

” ทีนี่มีผู้สนใจจะสมัครงานหนึ่งคน คุณสัมภาษณ์ตามกฎและข้อบังคับของบริษัทได้เลย “น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเย็นชามาก พอพูดจบก็ได้พูดเพิ่มเติมอีกหนึ่งประโยค ” อย่าเพราะว่าเห็นแก่หน้าฉัน ให้สัมภาษณ์ไปตามสมควร ”

ผู้จัดการเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าจริงจังของเย่ฉ่าวเฉิน ก็รู้สึกสบายใจขึ้น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานจากนั้นถามขึ้นว่า ” คนไหนมาสัมภาษณ์งาน? ”

มู่อี้เหยารีบพูด ” ฉันเองๆ ”

” เชิญนั่ง ” ผู้จัดการมองเธอไปแวบหนึ่ง พอเห็นเธอนั่งลงแล้วจึงถามขึ้น ” ประวัติส่วนตัวของคุณล่ะ ”

มู่อี้เหยาอึ้ง ที่เธอมาก็เพราะอยากใช้เส้นสายของพี่เขย จะเตรียมประวัติส่วนตัวมาได้ไง?

” ไม่มีประวัติส่วนตัว “เธอรู้สึกมีความสุขดีเพราะเธอคิดว่านี่ก็แค่ทำให้เป็นพิธีเฉยๆ

ผู้จัดการขมวดคิ้ว ” ถ้าอย่างนั้นฉันจะถามเธอละกัน จบจากที่ไหน วุฒิการศึกษาระดับไหน จบด้านอะไรมา? ”

มู่อี้เหยาพูดขึ้นด้วยความลำบากใจ ” จบจากวิทยาลัยซือหยวน ด้านการจัดการการเงิน ”

ผู้จัดการงงเล็กน้อย นี่เป็นสถานศึกษาไหน ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย และลองถามไปประโยคหนึ่งว่า ” วิทยาลัยเอกชนหรอ ”

มู่อี้เหยาพยักหน้า

ผู้จัดการหันหลังกลับไปมองเย่ฉ่าวเฉินที่สีหน้านิ่งๆ แล้วพูดอย่างไม่เกรงใจ ” การรับสมัครพนักงานของเย่ฮวางกรุ๊ปส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่จบระดับปริญญาโท แน่นอนว่ามีระดับปริญญาตรีอยู่บ้าง แต่พวกเขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม วุฒิการศึกษานี้ของคุณทางเราไม่อาจรับพิจารณา ”

มู่อี้เหยาพูดด้วยความไม่พอใจ ” พวกคุณจะตัดสินความสามารถของคนเพียงแต่วุฒิการศึกษาไม่ได้นะ นี่มันเกินไป ”

” ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยคุณมีประสบการณ์ทำงานอะไรบ้าง? หรือมีอะไรโดดเด่นบ้าง?

” ฉันพึ่งเรียนจบปีนี้ ยังไม่ได้เริ่มทำงาน ”

ผู้จัดการแทบกระอักเลือด สิ่งที่ต้องการไม่มีสักอย่าง มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้านายกันแน่? แต่ว่าดูจากคุณสมบัติของเธอแล้ว เธอแทบจะไม่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพเลย

” ฉันขอถามคำหนึ่งที่สำคัญกับคุณหน่อย ถ้าเกิดว่าคุณเป็นนักบัญชี ในการทำงานคุณพบว่างานนี้ไม่เหมาะสมตามข้อบังคับของบริษัท จะทำให้บริษัทขาดทุนได้ แต่ว่าหัวหน้าแผนกบัญชียืมยันว่าเธอต้องรับหน้าทีทำงานนี้ต่อไป คุณจะทำอย่างไร? ”

ตอนที่มู่อี้เหยาเรียนก็ไม่ใช่คนฉลาดอะไร เธอไม่เข้าใจอะไรพวกนี้เลย เธอตอบติดๆขัดๆ

” ฉัน……ฉัน……” เป็นแบบนี้อยู่นานมาก เธอคิดวิธีการแก้ปัญหาไม่ออก

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลทำงานมาหลายปี ไม่เคยเจอผู้สัมภาษณ์งานที่ด้อยขนาดนี้มาก่อน ถเาไม่ใช่เพราะว่าเย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่ด้านหลัง แค่ตอนที่มู่อี้เหยาพูดว่าไม่ได้เตรียมประวัติส่วนตัวมาก็ถูกเชิญให้ออกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

ไม่มีทางที่จะสัมภาษณ์ต่อไปได้แล้ว ผู้จัดการมองไปที่เย่ฉ่าวเฉิน อยากรู้ว่าประธานเย่จะเอาอย่างไร จะเก็บเธอไว้หรือว่าให้เธอออกไป

เย่ฉ่าวเฉินพูดนิ่งๆว่า ” เมื่อสักครู่ฉันก็บอกไม่แล้ว ไม่ต้องเห็นแก่ฉัน ให้พูดผลสรุปของคุณได้เลย ”

” ประธานเย่ เธอไม่มีคุณสมบัติที่เราต้องการ ไม่สามารถรับเข้าทำงานได้ ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูด เขาทำงานภายใต้การบริหารของเย่ฉ่าวเฉินนานขนาดนี้ รู้ดีว่าเขาแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้

สุดท้าย เย่ฉ่าวเฉินก็พูดกับฟางซินยี่และมู่อี้เหยาว่า ” พวกเธอก็เห็นแล้วนะ ไม่ใช่ว่าบริษัทไม่รับเธอเข้าทำงาน แต่เป็นเพราะความสามารถเธอไม่มากพอ ถ้าต้องการจะเข้าเย่ฮวางจริงๆ ก็ไปพัฒนาทักษะของตัวเองก่อนนะ ”

ฟางซินยี่มองหน้าลูกสาวอย่างหงุดหงิด ในใจก็รู้สึกโกรธ เสียเงินตั้งมากมายเพื่อให้ไปเรียน แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ”

มู่อี้เหยาที่คิดว่าก็แค่ทำให้เป็นพิธีเฉยๆก็ถูกพังทลายลง ไม่คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจริงจัง เลนรีบพูดขึ้นว่า ” พี่เขย ฉันไม่ทำงานด้านการเงินก็ได้ ฉันเป็นพนักงานธรรมดา เสริฟ์น้ำเสริฟ์ชาก็ได้ ”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเบาๆ ” ถึงจะเป็นงานเสริฟ์น้ำเสริฟ์ชาเธอก็ทำไม่ได้ ”

” เพราะอะไร? ฉันสัญญาว่าจะไม่อู้งาน และจะไม่เถียงกับเจ้านายด้วย ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากเสียเวลากับเธอ บอกกับเลขาหลิวว่า ” ไปตามพนักงานฝ่ายต้อนรับเข้ามา ”

มู่อี้เหยาและฟางซินยี่ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าไง แต่ผู้จัดการฝ่ายบุคลกลับเข้าใจชัดเจนเพราะว่าคนพวกนั้นเธอเป็นคนรับเข้ามาเอง

ห้านาทีผ่านไป สาวงามทั้งห้าก็เดินเรียงแถวกันเข้ามาอย่างเป็นระเบียบพร้องกับพูดว่า ” ท่าประธานเย่ ” ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉ่าวเฉินเอาพยักหน้าแล้วพูดว่า ” เห็นรึยัง? พวกเธอนี่แหละที่เป็นคนที่คอยเสริฟ์น้ำเสริฟ์ชาให้กับลูกค้า เธอคิดว่ารูปร่างหน้าตาของเธอผ่านไหม? ”

มู่อี้เหยาเงียบ เธอคิดว่าตัวเองก็ถือเป็นคนสวย แต่เมื่อเทียบกับผู้หญิงพวกนี้แล้ว เธอก็เหมือนเป็นแค่ดอกไม้ริมทางที่ไม่มีใครสนใจ

เมื่อจุดประสงค์ของเย่ฉ่าวเฉินบรรลุแล้ว เขาก็ส่งสัญญาณมือ สาวสวยพวกนั้นก็เดินออกไป

” เอาล่ะไม่ต้องเสียเวลาแล้ว พวกเธอออกไปได้แล้ว” พอเย่ฉ่าวเฉินพูดจบก็เดินออกไปข้างนอกทันที มู่อี้เหยาร้อนใจ รีบวิ่งไปคว้าแขนเย่ฉ่าวเฉินไว้ แต่กลับโดนเขามองแรงใส่เธอเลยตกใจและปล่อยแขนเขา

” พี่เขย คุณช่วยฉันเถอะนะ ขอร้องล่ะ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ จริงๆนะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันกับแม่ต้องอดตายแน่ ขอร้องล่ะพี่เขย ” มู่อี้เหยาพูดสะอึกสะอื้น น้ำตาเกือบจะไหลออกมาแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเธอเรียกว่า ” พี่เขย ” ก็อดสงสารไม่ได้ เขาเงียบไปอยู่นานแล้วถามผู้จัดการฝ่ายบุคคลว่า ” งานในบริษัทที่ไม่ต้องการวุฒิการศึกษามีงานอะไรบ้าง? ”

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลรีบนึกอย่างรวดเร็ว มีตำแหน่งที่พึ่งจะว่าง คือ……

” มี? ” เย่ฉ่าวเฉินมองท่าทีของเขาแวบเดียวก็รู้แล้ว

ผู้จัดการกลืนน้ำลาย เขาดูอาการแปลกๆ

แทบจะอ้วก ” มีอยู่งานหนึ่ง แต่ว่า……” เขามองไปที่มู่อี้เหยา เธอไม่น่าจะอยากทำ

” ฉันเต็มใจทำ ขอแค่ให้เงินเดือนฉัน ไม่ว่างานอะไรฉันก็เต็มใจทำ ” มู่อี้เหยารีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายนี้ไว้

” ประธานเย่ เมื่อวันก่อนมีพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งลากลับบ้านไปดูหลานชาย ทางเรากำลังจะเตรียมรับสมัครพอดี ”

พอเย่ฉ่าวเฉินได้ยิน ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ” มู่อี้เหยา งานนี้จะทำไหม? ”

” คุณให้ฉันไปทำความสะอาดหรอ?” มู่อี้เหยาเบิกตากว้าง

” เธอพูดว่างานอะไรก็ทำได้หมดไม่ใช่หรอ? แล้วเธอคิดว่างานทำความสะอาดมันทำง่ายหรอ?แต่ว่าฉันคิดว่าคุณหนูที่แม้แต่ห้องนอนตัวเองยังทำความสะอาดไม่เป็น คงกวาด ถูพื้นไม่เป็นหรอก ดังนั้น ไม่หางานอื่นทำเถอะ ”

” ไม่ ฉันจะทำ ” มู่อี้เหยาพูดขึ้นเสียงดัง สายตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ” ก็แค่ทำความสะอาดไม่ใช่หรอ? ฉันจะทำ ”

ขอแค่ได้อยู่ในเย่ฮวาง ขอแค่ได้เข้าใกล้เย่ฉ่าวเฉิน เธอเชื่อว่าเธอต้องได้ผู้ชายคนนี้แน่ๆ แต่ก่อนของทุกอย่างที่เป็นของของมู่เวยเวยเธอก็สามารถแย่งมาได้ ครั้งนี้ก็ต้องได้

เย่ฉ่าวเฉินประหลาดใจเล็กน้อย มู่อี้เหยายอมปล่อยวางได้หรอ?

แต่ว่า ในเมื่อเธออยากทำก็ให้โอกาสเธอทำละกัน ถึงยังไงก็ไม่ได้เจอหน้ากันทุกวัน

” ยกให้เป็นหน้าที่คุณนะ ต้องทำยังไงก็ให้ทำตามนั้น ” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับผู้จัดการฝ่ายบุคคล จากนั้นก็เดินออกจากห้องรับรองไป

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลดูออกว่าประธานเย่ไม่ได้อยากสนใจผู้หญิงที่เรียกเขาว่า ” พี่เขย ” คนนี้เลย ที่ยอมรับเธอไว้ก็เพียงเพราะแค่เห็นแก่นายหญิงเท่านั้น

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ต้องทำตามหน้าที่

” ยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลถาม

” ฉันชื่อมู่อี้เหยา ”

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลโทรแจ้งแผนกโลจิสติกส์ ” พวกคุณส่งคนมาหนึ่งคนที่ห้องรับรอง พึ่งจะรับพนักงานทำความสะอาดมาหนึ่งคน พาเธอไปคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมหน่อย ”

” ไปตอนนี้เลยหรอ? ” มู่อี้เหยาถามด้วยความตกใจ

” แน่นอนสิ ต้องให้รอให้เธอพรุ่งนี้ก่อนหรอ? ”

มู่อี้เหยามองไปที่แม่ของเธอ เมื่อกี้ที่เธอตอบตกลงก็เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาเย่ฉ่าวเฉิน ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินจากไปแล้ว ความหลงใหลของเธอก็ค่อยๆหายไป

ฟางซินยี่ทนไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะอยากให้ลูกสาวของเธอเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างเย่ฉ่าวเฉินให้ได้ แต่ว่างานทำความสะอาด……นี่มันใช่งานที่ลูกสาวสุดที่รักของเธอสมควรทำสะที่ไหน?

ฟางซินยี่เดินเข้ามากอดลูกสาวไว้ ” เหยาๆ เราไม่ทำงานนี้แล้วก็ได้ เราไปกันเถอะ ”

มู่อี้เหยากลับไม่เห็นด้วย ” แม่ ไหนๆก็มาแล้ว เดี๋ยวไปดูสภาพแวดล้อมก่อนก็ได้ ”

” แต่ว่า ลูกเคยทำงานแบบนี้ที่ไหนกัน? แม่ทนไม่ได้ที่ลูกจะไปทำงานแบบนี้ ” เพราะว่าผู้จัดการฝ่ายบุคคลอยู่ที่นี่ด้วย ฟางซินยี่เลยไม่ได้พูดอะไรน่าเกลียดออกมา

มู่อี้เหยากลับคิดแค่ว่า ขอแค่มีโอกาสเจอหน้าเย่ฉ่าวเฉิน เธอจะทำงานทำความสะอาดตลอดไปได้ยังไง?

แม่ลูกทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ก็มีหญิงสาววัยกลางคนจากแผนกโลจิสติกส์เดินเข้ามา ใส่ชุดเครื่องแบบที่ดูเรียบร้อยมาก แววตาแฝงไปด้วยความฉลาด

เธอเห็นทั้งสองคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นที่สง่างาม เลยถามผู้จัดการฝ่ายบุคคลว่า ” ผู้จัดการซุน คนที่คนรับมาล่ะ? ”

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลชี้ไปที่มู่อี้เหยา ” เธอคนนี้แหละ ”

ผู้หญิงคนนั้นผงะ และมองมู่อี้เหยาตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดราคาแพง รองเท้าส้นสูง นี่มันเห็นได้ชัดว่าคือลูกคุณหนู ทำไมถึงได้เป็นพนักงานทำความสะอาด

” เธอ? ผู้จัดการซุน คุณอย่ามาล้อเล่น ”

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลยิ้มเบาๆ ” ฉันไม่ได้ล้อเล่น เอาล่ะ หน้าที่ของฉันเสร็จแล้ว ส่งมอบให้เป็นหน้าที่คุณแล้วกันนะ เธอชื่อมู่อี้เหยา ”

หญิงวัยกลางคนคนนั้นรอให้ผู้จัดการซุนออกไปแล้ว ก็มองไปที่มู่อี้เหยาและฟางซินยี่ เหลือเชื่อสุดๆ ถ้าบอกว่าฟางซินยี่มาสมัครงานในตำแหน่งแม่บ้านยังจะดูสมเหตุสมผลมากกว่ามู่อี้เหยา

แต่ว่า รับมาแล้ว เธอจะทำอะไรได้?

” มู้อี้เหยาใช่ไหม ตามฉันลงมาเพื่อไปคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม……”หญิงวัยกลางคนคนนั้นเดินนำทางไป ฟางซินยี่และลูกเดินตามหลัง ลงลิฟต์แล้วเดินมาถึงแผนกโลจิสติกส์

” แผนกของเรามีแม่บ้านทั้งหมดสิบห้าคน แต่ละคนรับผิดชอบทำความสะอาดหนึ่งชั้น แน่นอนว่าชั้นของท่าประธานเย่มีแม่บ้านประจำแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปทำความสะอาด เวลาเข้างานของแผนกเราจะไวกว่าพนักงานทั่วไปสองชั่วโมง เพราะว่าเราจำเป็นต้องตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนพนักงานทั่วไปจะมาเข้างาน ทั้งทางเดิน และทุกสถานที่ของบริษัทต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย นอกจากนี้ ห้องน้ำต้องล้างสองเวลาเช้าเย็น……”

” เดี๋ยวก่อน ต้องทำความสะอาดห้องน้ำด้วยหรอ? ” มู่อี้เหยาตกอยู่ในอาการตะลึง

หญิงวัยกลางคนตอบไปด้วยความสงสัย ” ก็ใช่ไง มีปัญหาอะไรหรอ? ”

มู่อี้เหยาอึ้งและไม่ได้พูดอะไร หญิงวัยกลางคนคนนั้นพูดต่อว่า ” ในระหว่างการเข้างานเรามีเครื่องแบบเฉพาะของเรา ส่วนรองเท้าตามสบาย เงินเดือนเดือนละสองพันหยวน จ่ายเงินตามผลงานประกันห้าอย่าง แต่ว่าถ้าหากมาสายโดนหัก ห้าสิบ ทำงานไม่สะอาดมีคนร้องเรียนโดนหักหนึ่งร้อย……”

หญิงวัยกลางคนที่พูดยังคงพูดเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆอยู่ข้างหู แต่จิตใจของมู่อี้เหยากลับจดจ่ออยู่กับเรื่องทำความสะอาดห้องน้ำ น่าขยะแขยงขนาดนั้น เธอจะทำได้อย่างไร?

” แล้วก็ ระยะเวลาทดลองงานของเธอคือหนึ่งเดือน หากหลังหนึ่งเดือนไม่มีอะไรผิดผ่านเธอก็จะได้ทำงานต่อ…..มู่อี้เหยา! “หญิงวัยคนคนนั้นเห็นว่าเธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เลยตะโกนเรียกเธออย่างจริงจัง ” เธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดไหม? ”

มู่อี้เหยาเคยโดนคนตำหนิแบบนี้สะที่ไหน เธอกำลังจะตอบกลับ แต่ทันใดนั้นก็คิดถึงสภาพตัวเองในปัจจุบัน เธอก็ข่มใจตัวเองไว้แล้วพูดว่า ” ได้ยินแล้ว ”

” ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปดูชั้นที่เธอต้องรับผิดชอบ ”

มู่อี้เหยาเดินตามหญิงวัยกลางคนคนนั้นมาถึงที่ชั้นห้า ทางเดินที่ยาวเหยียดสะอาดมากๆ นี่จะเป็นสถานที่ที่เธอต้องทำงานจริงๆหรอ?

น่าตลกสิ้นดี

ฟังหญิงวัยกลางคนนั้นสวดมนต์ร่ายยาวมาตั้งนานด้วยความหงุดหงิด หัวสมองของมู่อี้เหยาว่างเปล่าและสับสนไปหมด

” เอาล่ะ เธอเริ่มงานได้พรุ่งนี้ อย่าลืมล่ะ พวกเราเข้างานตอนเจ็ดโมงเช้า สามารถสายได้ห้านาที แต่ว่าถ้าหากเลยเจ็ดโมงห้านาทีจะโดนหักเงิน

” รู้แล้ว “มู่อี้เหยาพึมพำในใจ เข้างานเจ็ดโมงเช้า อย่างนั้นเธอก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่าหกโมงเลยหรอ นี่มันจะฆ่าเธอชัดๆ

” โอเค คุณกลับไปเตรียมตัวแล้วมาทำงานพรุ่งนี้ ”

มู่อี้เหยาลากขาตัวเองให้เดินลงไปเจอฟางซินยี่ตรงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง

” แม่ มู่อี้เหยาทำหน้าจะร้องไห้ เธอแทบจะร้องไห้จริงๆ

ฟางซินยี่รีบกอดลูกสาวไว้ แล้วพูดปลอบเธอ ” เราไม่ต้องทำงานนี้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินทำแบบนี้มันดูถูกลูกชัดๆ เพราะแม่ใจร้อนเกินไป เรากลับบ้านกันเถอะ ”

แต่ว่า พวกเขายังมีบ้านสะที่ไหน? บ้านตระกูลฟางหรอ? ที่นั่นก็แค่ที่อาศัยชั่วคราวของพวกเธอเท่านั่น

ในคืนนี้ มู่อี้เหนานอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง เธอนอนไม่หลับ จะไปหรือไม่ไปดี? ถ้าหากไม่ไปก็ต้องหางานใหม่ แต่ว่าถ้าไปถึงแม้ว่างานจะลำบากไปหน่อย แต่ว่าในฐานะน้องน้องสาวของภรรยาเย่ฉ่าวเฉิน คนในบริษัทก็น่าจะไว้หน้าเธออยู่บ้างนะ

……

อาจจะเป็นเพราะว่าขี้เกียจจนเคยชิน วันรุ่งขึ้นมู่อี้เหยาลืมตาขึ้นมาก็เลยเวลาเจ็ดโมงแล้ว

เธอรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่ตัวแล้วรีบวิ่งตรงไปที่เย่ฮวางกรุ๊ป ตอนนี้เธอไม่มีรถแล้ว เธอก็ทำได้เพียงนั่งรถสาธารณะและรถไฟฟ้าใต้ดิน

เวลาประมาณแปดโทงกว่า มู่เวยเวยถือเอกสารหนึ่งไว้ในมือแล้วลงจาดรถเดินเข้าไปในบริษัท พนักงามรักษาความปลอดภัยของเย่ฮวางกรุ๊ปรู้จักเธอดี ไม่เพียงแค่ไม่ขวางเธออีกทั้งยังเปิดประตูต้อนรับเธออีกด้วย

ไม่ได้เจอเย่ฉ่าวเฉินสามวันแล้ว ทุกครั้งที่เขาโทรชวนเธออกมาเจอหรือกินข้าว มู่เวยเวยก็ใช้ข้ออ้างว่าฉู่เหยียนงานยุ่งมาก ไม่มีเวลา ในสายน้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินมีความโกรธแฝงอยู่ ความโกรธที่มีต่อฉู่เหยียน

จริงๆแล้วงานไม่ได้ยุ่งอะไร เธอก็แค่แกล้งพูดไปแบบนั้นเฉยๆ เจอหน้ากันทุกวัน มันไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเปิดเผยตัวเอง อีกทั้งมันยังจะทำให้เขาหมดความสนใจในตัวเธออย่างรวดเร็วอีกด้วย

แต่วันนี้ ฟางเส้นนี้มันถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ยังเป็นแบบนี้ผลลัพธ์มันต้องไม่ดีแน่ๆ

ใส่รองเท้าส้นสูงแล้วก้าวขึ้นลิฟต์ มีเสียงฝีเท้าที่รีบวิ่งมาอยู่ด้านหลัง มู่เวยเวยคิดว่าคงเป็นพนักงานคนใดคนหนึ่งมาสาย เธอเลยหลบไปอยู่ด้านข้างด้วยความหวังแต่ คิดไม่ถึงว่า……

” อ๊า——”คนข้างหลังวิ่งพุ่งชนเข้ามา มู่เวยเวยเด้งไปข้างหน้า ขาของมู่เวยเวยล้มลงบนพื้นหินอ่อน เอกสารในมือของมู่เวยเวยกระจัดกระจายเต็มพื้น แต่ผู้หญิงด้านหลังก็ล้มลงนอนกับพื้นเช่นกัน

ในเวลาที่กำลังเข้างาน ผู้คนที่เดินไปเดินมาเยอะมาก พอทุกคนเห็นสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนก็หยุดมองกันใหญ่

” นี่ เธอเดินยังไงเนี่ย ”

มู่เวยเวยที่พยายามจะลุกขึ้น พอฟังเสียงคนที่กำลังด่าอยู่ด้านหลัง ทำไมมันคุ้นเคยขนาดนี้?

หันหลังไปมอง นี่มันมู่อี้เหยาไม่ใช่หรอ? โลกนี้มันแคบจริงๆ

แต่ว่า ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่เย่ฮวางกรุ๊ปได้?

มู่อี้เหยาเห็นเธอมองหน้าเธออย่างตะลึง ไม่พูดขอโทษเลยแม้แต่คำเดียว ก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ” หูหนวกหรอ? ขอโทษนะทำเป็นไหม? ”

มู่เวยเวยลุกขึ้นโดยคนข้างๆช่วยพยุงเธอ หัวเข่าเธอแดงมาก เธอมองมู่อี้เหยาอย่างเย็นชา ” ขอโทษ? ” คุณเป็นคนชนฉันไม่ใช่หรอ? ”

” ถ้าคุณเดินของคุณไปดีๆ ฉันจะไปชนคุณได้ยังไง? ”

” ถ้าจะพูดแบบนี้ ฉันต้องมีตาอยู่ด้านหลังด้วยใช่ไหมถึงจะไม่โดนถึงชน เธอหมายความว่าแบบนี้หรอ? ”

มู่อี้เหยาจุก ” ถึงยังไงก็ไม่ใช่ความผิดฉัน……”

” ฉู่เหยียน? ” เย่ฉ่าวเฉินเปิดประตูกระจกเข้ามาก็เห็นฉู่เหยียนกับผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกำลังมีเรื่องอะไรกันอยู่ บนพื้นเต็มไปด้วยกระดาษ เขารีบเดินเข้าไปแล้วถามว่า ” เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

มู่อี้เหยาหันหลัง เห็นเย่ฉ่าวเฉินที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนเธอก็ตะโกนอย่างกับว่าโดนทำร้าย ” พี่เขย ”

แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้มองเธอแม้แต่แวบเดียว เดินตรงเข้าไปหามู่เวยเวย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ” ทำไมแขนกับขาถึงได้แดงขนาดนี้? ล้มหรอ? ”

วินาทีที่มู่เวยเวยได้ยินบางคนเรียกว่า ” พี่เขย ” ความสงสัยของเธอก็กระจ่างทันที

มู่อี้เหยามาทำงานที่เย่ฮวางกรุ๊ป อีกทั้งเย่ฉ่าวเฉินยังเป็นคนอนุญาต

พอได้รู้ข้อสรุปนี้ ในใจมู่เวยเวยโกรธมาก สีหน้าก็ดูไม่ได้เลย ” ฉันมาส่งเอกสารให้คุณ คนนี้ก็พุ่งชนฉันจากด้านหลัง แล้วยังจะมาให้ฉันขอโทษอีก ประธานเย่ นี่นะหรอพนักงานของบริษัทคุณ?”

เย่ฉ่าวเฉินหันไปจ้องมู่อี้เหยา แล้วพูดกับมู่เวยเวยอย่างอ่อนโยน ” พึ่งรับเธอเข้ามาทำงานเมื่อวาน ”

มู่เวยเวยยิ้มในใจ เธอเดาถูกสะด้วย

” ฉันได้ยินเธอเรียกคุณว่าพี่เขย ที่แท้ก็ญาติของประธานเย่นี่เอง ถึงว่าล่ะทำไมถึงได้หยิ่งผองแบบนี้ ” มู่เวยเวยแสดงสีหน้าไม่พอใจ

” เป็นเพราะคุณเดินไม่ดีเองแท้ๆ ทำไมถึงมาโทษฉันได้ล่ะ? ” มู่อี้เหยาพูดอย่างเล่นลิ้น

ในตอนนี้เอง เย่ฉ่าวเฉินเรียกรองผู้จัดการบริษัทคนหนึ่ง ” ช่วยเก็บเอกสารที่ตกอยู่บนพื้นให้หน่อย ”

” ไม่ต้อง ฉันเก็บเองได้ ” มู่เวยเวยพูดอย่างเย็นชา เธอกำลังจะก้มลงเก็บแต่โดนเย่ฉ่าวเฉินห้ามไว้

” เข่าจะบวมอยู่แล้ว อย่าขยับตัว ” เย่ฉ่าวเฉินกระซิบข้างหูเธอเบาๆ จากหน้าก็หันไปมองมู่อี้เหยา ถามเธอด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ” ฉันจำได้ว่าแผนกโลจิสติกส์เข้างานตอนเจ็ดโมงเช้า ตอนนี้มันเกือบจะเก้าโมงแล้ว ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่? ”

มู่อี้เหยาตกใจน้ำเสียงของเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา เธอพูดเบาๆว่า ” ฉันนอนตื่นสาย”

” ทำงานวันแรกก็มาสาย มู่อี้เหยา เธอไม่มีความตั้งใจในการทำงานนี้เลย เธอกลับไปเถอะ เย่ฮวางไม่ต้องการคนที่ไม่มีความรับแบบชอบแบบเธอ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างไม่เกรงใจ

” พี่เขย~” มู่อี้เหยาพูดอย่างช้าๆ

” ในบริษัท ฉันคือประธานเย่ไม่ใช่พี่เขย ” เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันพูด ถ้าเธอไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของมู่เวยเวย เขาไม่มีทางให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้นานกว่านี้แน่ๆ

พนักงานโดยรอบที่เดินผ่านถึงแม้อยากจะมายืนดูมากๆ แต่ว่าพวกเขาเกรงกลัวความเข้มงวดของเย่ฉ่าวเฉิน ทุกคนเลยเดินตรงไปที่ลิฟต์อย่างช้าๆและยื่นหูออกมาฟังไปด้วย

” ประธานเย่ ” มู่อี้เหยาเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขา” วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจตื่นสาย นาฬิกาปลุกปลุกหลายรอบมาก……”

” ฉันไม่อยากได้ยินเหตุผล ฉันดูแค่ผลลัพธ์ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเย็นชา

มู่อี้เหยามองเย่ฉ่าวเฉินด้วยสายตาโศกเศร้า และมีความน่าสงสารแฝงอยู่ ” ประธานเย่ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะมาเข้างานตรงเวลา ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับเปลี่ยนเรื่อง ” ขอโทษฉู่เหยียนสะ ”

มู่อี้เหยาไปไปที่หญิงสาวร่างบางและหน้าตาสวยงามตรงหน้า ในใจรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย จากท่าทีของเย่ฉ่าวเฉินเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ทำให้รู้สึก……เหมือนใครบางคน

” จะขอโทษหรือจะไสหัวไป ” เย่ฉ่าวเฉินพูดประโยคนี้ออกมา

มู่อี้เหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ ” ขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ”

มู่เวยเวยแสยะยิ้ม หันหน้าไปด้านข้างโดยไม่มองหน้าเธอ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ คนที่ชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ไม่อยากเจอหน้าทำไมต้องมาเจอเธอด้วย?

รองผู้จัดการเก็บเอกสารทั้งหมดส่งคืนให้กับมู่เวยเวย มู่เวยเวยเอาเอกสารไปไว้ในมือเย่ฉ่าวเฉิน ” งานขอฉันเสร็จแล้ว ฉันขอตัว ”

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าไปขวางทางเธอไว้ และให้มู่อี้เหยายืนอยู่ด้านหลัง จากนั้นใช้เสียงที่ทั้งสองคนจะได้ยินพูดว่า ” อย่างพึ่งไป ฉันไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน เดี๋ยวไปที่ห้องทำงาน ให้ฉันมองหน้าเธอให้อิ่มใจหน่อย ”

มู่เวยเวยอยากจะถุยน้ำลายใสหน้าเขามาก ประโยคนี้ของเขาทำให้เธอขนลุก

” ไม่มีอารมณ์ ไม่อยากให้คุณดู ”

” ถ้าอย่างนั้นก็คุยเรื่องงาน เธอพึ่งจะส่งเอกสารมาไม่ใช่หรอ?ฉันมีบางจุดที่ไม่เข้าใจอยากจะสอบถามเธอด้วย ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความดีใจ เขารู้สึกว่าเขาเข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของฉู่เหยียนดี ตอนแรกเธอก็อยากจะใช้ข้ออ้างในการส่งเอกสารมาหาเขา แต่ว่าเกิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น บาดเจ็บไม่สำคัญ ที่สำคัญคือฉู่เหยียนรู้สึกว่าตัวเองขายหน้ามาก

มู่เวยเวยไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาพูด แค่คิดถึงเรื่องที่มู่อี้เหยาได้รับอนุญาตโดยเขา เธอแทบจะอยากถีบเย่ฉ่าวเฉินสองครั้งเพื่อระบายความโกรธ

” ไม่ต้องมาถามฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันก็แค่มาส่งแทนพี่ชายฉันเฉยๆ มีอะไรก็โทรไปถามพี่ชายฉันได้เลย ฉันไม่รับฝาก” มู่เวยเวยเห็นว่าเรื่องจบลงแล้ว กำลังจะกลับไป แต่กลับโดนเย่ฉ่าวเฉินขวางไว้ไม่ให้เธอไป

” คุณหลีกไป ” มู่เวยเวยพูดกับเขาด้วยความโกรธและสีหน้าที่ไร้ความปรานี ” ฉันยังมีงานรออยู่ที่บ้านอีกเยอะ ไม่มีเวลาว่างคุยกับคุณ ”

” ไม่มีเวลาว่างคุย ก็บอกแล้วว่าคุยเรื่องงาน

มู่เวยเวยสัมผัสได้ถึงสายตาที่อิจฉาริษยาคู่นั้นที่อยู่ด้านหลังเย่ฉ่าวเฉิน ก็เลยตั้งใจพูดเย้ยหยันว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน มาตรฐานการรับพนักงานของบริษัทคุณทำไมถึงได้ต่ำขนาดนี้? ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset