วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 208 เวยเวย ฉันรู้มาโดยตลอดว่าเป็นเธอ

ในตอนนี้มู่เวยเวยถูกขังอยู่ในตู้ล็อคเกอร์ บนพื้นเต็มไปด้วยเศษกระจกและน้ำ และยังมีขวดและกระป๋องต่างๆด้วย

” เวยเวย –”เย่ฉ่าวเฉินตะโกนออกมา อยากจะเข้าไปช่วยเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะมีภูเขาและแม่น้ำหลายพันสายกั้นอยู่

เห่อเหมยหลิงพาคนสุดท้ายออกไป เมื่อเธอได้ยินเสียงเย่ฉ่าวเฉินตะโกนเธออึ้งไปสักพัก เวยเวย? มู่เวยเวย? แต่เห็นได้ชัดว่าคนข้างในเป็นฉู่เหยียน ทำไมท่านประธานเย่ถึงเรียกว่ามู่เวยเวย?

เห่อเหมยหลิงรีบวิ่งไปที่ห้องรับรองโดยไม่ลังเล ตอนนี้เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายออกแบบ เธอไม่สามารถทิ้งใครคนใดคนหนึ่งได้

เย่ฉ่าวเฉินผลักโต๊ะ เก้าอี้ที่ขวางอยู่ออก แต่สิ่งที่ขยับยากที่สุดคือตู้ล็อคเกอร์

” ประธานเย่ ฉันช่วยค่ะ ”

เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเห่อเหมยหลิงที่ผมยุ่งเหยิงมาก ถ้าเป็นวันทั่วไปเขาคงจะบอกให้เธอหนีไปก่อน แต่ว่าตอนนี้ เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

” ขอบใจมาก ” เย่ฉ่าวเฉินพูดกับเธออย่างซาบซึ้ง ” เธอคอยดึงอย่างระมัดระวังอยู่ด้านนี้นะ เดี๋ยวฉันจะไปผลักด้านนั้น ”

” ท่านผลักช้าๆหน่อยค่ะ ”

เย่ฉ่าวเฉินเหยียบโดนเศษกระจกที่ตกอยู่บนพื้นเขาก้มลงไปดูตรงด้านข้างของล็อคเกอร์ พื้นที่ข้างในเล็กมากพอแค่เขายืนคนเดียวก็เต็มแล้ว เขาหามุมที่เหมาะสมแล้วลองดู เขาหันไปพูดกับเห่อเหมยหลิงว่า ” ฉันนับ หนึ่ง สอง สาม แล้วเราออกแรงพร้อมกัน ”

” รับทราบค่ะ ” เห่อเหม่ยหลิงจับขอบล็อคเกอร์ไว้แน่น

” หนึ่ง สอง สาม – – ”

เย่ฉ่าวเฉินและเห่อเหม่ยหลิงใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้ว อีกคนดึงดึงอีกคนผลัก แต่ว่าตู้ล็อคเกอร์นี้มันติดที่มุมกำแพง ถึงแม้ทั้งสองจะพยายามออกแรงมากเท่าไหร่ ก็เพียงแค่ทำให้มันขยับได้นิดเดียวเท่านั้น

” อีกสักรอบ หนึ่ง สอง สาม – – ”

ทำแบบนี้ซ้ำอยู่หลายรอบ ทำให้ค่อยๆเผยร่างกายของมู่เวยเวยออกมาให้เห็น

” โอเค ได้แล้ว ขอบคุณเธอมากๆ “เย่ฉ่าวเฉินขอบคุณเห่อเหมยหลิงที่เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวด้วยความจริงใจ ” คุณรีบลงจากตึกไปก่อนเถอะ”

เห่อเหม่ยหลิงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก เธอรู้ว่าภารกิจของเธอเสร็จสิ้นแล้ว เธอพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ คุณรีบอุ้มคุณฉู่ออกมาเถอะ ฉันออกไปก่อนแล้วนะ ”

” ได้ ตอนลงจากตึกเธอก็ระมัดระวังด้วยนะ” พอเย่ฉ่าวเฉินพูดจบ ก็ก้มลงไปอยู่ตรงหน้ามู่เวยเวย เธอหลับตาอยู่ หน้าผากเธอบวมและแดงมาก เห็นได้ชัดเจนว่าต้องมีของตกใส่หัวเธอแน่ๆ

เย่ฉ่าวเฉินรีบเรียกชื่อเธออย่างรีบร้อน ” เวยเวย ตื่นเถอะ ”

ไม่มีการตอบสนองใดๆ เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากจะเสียเวลา ยืนมือไปอุ้มเธอขึ้นมาและรีบพาเธอออกไปด้านนอก

พึ่งจากออกมาจากตู้ล็อคเกอร์ ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกระลอกหนึ่ง “ฟุ่บ” ขาทั้งคู่ของเย่ฉ่าวเฉินคุกเข่าลงกับพื้น แต่กลับกอดคนที่อุ้มอยู่แน่นมากๆ

” ปัง – – ” เสียงล็อคเกอร์ที่พยายามผลักออกเมื่อกี้ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง คราบน้ำและเศษแก้วกระจัดกระจายทั่วพื้น

” ไม่เป็นไรนะ เวยเวยไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้ข้างๆเธอ ไม่ต้องกลัวนะ” เย่ฉ่าวเฉินกอดเธอไว้และพูดออกมาอย่างปากสั่นๆ และใช้ร่างการบังคราบน้ำและเศษแก้วที่กระเด็นมาไว้

นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดให้กับมู่เวยเวย และพูดให้ตัวเองด้วย

สถานการณ์กลับมาปกติอีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินพยายามลุกขึ้นและอุ้มเธอให้ออกไปจากที่นี่

ในที่สุดภายใต้ความพยายามอย่างมาก เย่ฉ่าวเฉินก็พามู่เวยเวยออกมาจากห้องรับรองจนได้

” เวยเวย เวยเวย ตื่นเถอะ ” น้ำเสียงที่ตื่นตระหนกของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความกังวล

ครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามู่เวยเวยจะได้ยินเสียงเรียกของเขา เธอส่งเสียง ” เหอะ ” ออกมา แต่เสียงนี้ของเธอทำให้เย่ฉ่าวเฉินดีใจมากๆ เธอยังมีชีวิตอยู่

” ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาเธอออกจากที่นี่เอง ไม่ต้องกลัว “เย่ฉ่าวเฉินหอมตรงหน้าผากเธอ จากนั้นก็เอามือทั้งสองข้างของเธอมาวางพาดบ่าเขา และให้เธอขี่หลังและวิ่งออกไปด้านนอก

แผนกออกแบบอยู่ชั้น 19 ของอาคารเย่ฮวาง เพราะว่าไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้ เย่ฉ่าวเฉินทำได้เพียงเดินลงทางบันได พอลงไปได้แค่ครึ่งทางก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระยะๆ บรรยากาศทั้งตึงเครียดและน่ากลัว แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่เคยคิดว่าจะทิ้งเธอไว้คนเดียว ถ้าต้องตานในภัยพิบัติครั้งนี้เขาก็จะตายไปกับเธอ

ลงไปหนึ่งชั้น และอีกชั้น

แรงของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆหมดลม เย่ฉ่าวเฉินเซไปกระแทกกับกำแพงหลายครั้งและเขาก็ล้มลงกับพื้น แต่เขาก็พยายามปกป้องผู้หญิงของเขาอย่างสุดความสามารถ และมั่นใจว่าเธอจะไม่ได้รับอันตราย

มู่เวยเวยที่ยังไม่ได้สติก็รู้สึกถึงแรงกระแทก เลยค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือหูแดงๆ ผิวสีขาว และเหงื่อบนใบหน้าและลำคอของชายคนหนึ่ง

เธอได้กลิ่นที่คุ้นเคยบนตัวเขา ก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยขึ้นมาทันที มีอะไรบางอย่างบอกกับเธอว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไม่มีวันทิ้งเธอแน่ๆ

“เย่ฉ่าวเฉิน……”เธอเรียกด้วยเสียงแผ่วบาง

ผู้ชายที่แบกเธออยู่อึ้งและหยุดเดินทันที และวางเธอลงบนขั้นบันได ตาเขาเป็นประกายราวกับดวงดาวบนฟ้า

” เวยเวย เธอตื่นแล้ว ” เย่ฉ่าวเฉินโพล่งออกมาด้วยความดีใจ

และมู่เวยเวยก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร อาจจะเป็นเพราะว่ายังได้สติกลับคืนมาไม่หมด เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า ” ฉันปวดหัว ”

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือลูบตรงบริเวณที่เธอได้รับบาดเจ็บ. และพูดปลอบเธอว่า ” ไม่เป็นไรนะ น่าจะโดนอะไรบางกระแทกเข้า ”

มู่เวยเวยอยากใช้มือไปจับดูแต่ว่ามือของเธอไม่มีเรี่ยวแรงเลย

ขณะนี้เอง ก็ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินรีบพุ่งตัวไปกอดเธอไว้ มองไปที่พื้นแล้วเอนตัวลง

มู่เวยเวยรู้สึกเศร้าเล็กน้อย พอเขาปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม ” เย่ฉ่าวเฉิน เราจะตายไหม? ”

” ไม่ ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอตายหรอก เธอต้องอดทนนะ คิดถึงหน้าลูกไว้เขารอพวกเราอยู่ ”

มู่เวยเวยเริ่มได้สติกลับมา ได้ยินคำพูดของเขาเธอถึงกับตะลึง เขา……เขารู้ได้อย่างไร……

เย่ฉ่าวเฉินยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเธอแล้วพูดขึ้นอย่างอบอุ่น ” ฉันรู้ว่าเป็นเธอ ฉันรู้มาโดยตลอดว่าเป็นเธอ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ฉันพาเธอออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวที่แรงกว่านี้อีกรึเปล่า ”

พอพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็แบกเธอขึ้นหลังและเดินลงบันไดไป

สมองของมู่เวยเวยว่างเปล่า เธอปิดบังไว้เป็นอย่างดีมาตอลด เธอพลาดตรงไหน?แล้วเขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

เย่ฉ่าวเฉินเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ในที่สุดก็สามารถพามู่เวยเวยออกจากตึกได้

ถนนตกอยู่ในความโกลาหล การจราจรติดขัด ป้ายโฆษณาตกอยู่ทุกที่บนพื้น และยังมีผู้คนและเด็กที่ได้รับบาดเจ็บกำลังร้องไห้อยู่

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีสั้นๆ แต่เดิมเมือง A เป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน

“คุณชาย- -” จางเห่อตะโกนและรีบวิ่งมา ไหล่ของเขาไม่รู้ว่าไปโดนอะไรขีดข่วนมา เลือดของเขาไหลเปื้อนเต็มเสื้อ

“คุณชาย ในที่สุดคุณก็ออกมาสักที ผมกำลังจะเข้าไปตามหาคุณอยู่เลย “จางเห่อพูดด้วยความตื่นตระหนก และเหลือบไปมองมู่เวยเวยที่หมดสติไปอีกครั้ง

” ฉันไม่เป็นไร ”

สายตาของจางเห่อมองไปที่ขาของเย่ฉ่าวเฉิน และพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า ” คุณชาย เข่าของคุณเป็นอะไร? ทำไมเลือดออก? ”

เย่ฉ่าวเฉินก้มลงไปดู กางเกงสีอ่อนของเขาตรงหัวเข่าเปื้อนเลือด น่าจะเป็นเพราะตอนที่ช่วยมู่เวยวย แล้วเขาคุกเข่าลงกับพื้นตอนนั้น ระหว่างทางเขาคิดเพียงแค่ต้องช่วยเธอเลยไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาแล้ว

” น่าจะเป็นเพราะว่าโดนเศษกระจกบาด ไม่เป็นไร ” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยท่าทีที่ปกติว่า ” ตอนนี้เอารถออกไม่ได้แล้วใช่ไหม? ”

” ออกไปไม่ได้เลย ถนนถูกปิดกั้นไว้ทั้งหมดเลย ”

” คนในบริษัทอยู่ไหนกัน ? ” เย่ฉ่าวเฉินถาม

จางเห่อชี้ไปที่สนามที่อยู่ไม่ไกล ” อยู่ที่นั่นกันหมดเลย ”

” ไป เราก็ไปทางนั้น ” เย่ฉ่าวเฉินแบกมู่เวยเวยแล้วเดินไปตรงสนาม จางเห่อเห็นว่าเขาอ่อนแรง อยากจะบอกว่าให้เธอช่วยแบกฉู่เหยียนไหม แต่ว่าจากที่เขารู้จักเจ้านายดี เขารู้ว่าเจ้านายต้องไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้แน่ๆ

ในสนามเต็มไปด้วยผู้คน บางคนก็พยายามโทรศัพท์อยู่ บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็กำลังพูดอย่างวิตกกังวล

พนักงานของบริษัทเย่ฮวางพอเห็นว่าเจ้านายเดินมา ก็เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นตระหนก

เย่ฉ่าวเฉินวางมู่เวยเวยลง และโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยนโดยไม่ได้รู้สึกเขินอายใดๆ

“ตอนนี้หัวหน้าแผนกทุกแผนกให้ตรวจเช็คดูพนักงานของแผนกตัวเองว่ามีใครหายไปหรือไม่ ” เย่ฉ่าวเฉินออกคำสั่ง

เลาขาหลิวรีบพูดขึ้นว่า ” เมื่อสักครู่ที่ท่านยังไม่มา พวกเราช่วยกันเช็คดูแล้ว หายไปสี่คน คุณน้าแผนกโลจิสติกส์หนึ่งคน หญิงสาวแผนกการเงินหนึ่งคน แล้วก็ฝ่ายการตลาดอีกสองคน

” โทรติดรึยัง? ” เย่ฉ่าวเฉินถาม

“ไม่ติด ตอนนี้สัญญาณโทรศัพท์แย่มาก ไม่สามารถโทรออกได้เลย”

เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า ” แผนกโลจิสติกส์ แผนกการเงินและแผนกการตลาด ผู้จัดการของของทั้งสามแผนกนี้อยู่ไหน?

“อยู่นี่……อยู่นี่…..” ผู้ชายทั้งสามคนลุกยืนขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พนักงานติดอยู่ข้างใน เราจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ พวกคุณเต็มใจที่จะพาตัวพวกเขาออกมาหรือไม่? แน่นอนว่า นี่เป็นความสมัครใจ เพราะว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครสามารถรับรองได้ ”

ชายทั้งสามลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันเต็มใจไป……ฉันเต็มใจไป ”

” ขอบใจมาก ” และเย่ฉ่าวเฉินก็ได้หันไปพูดกับหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย ” พนักงานในแผนกของพวกคุณผ่านการคัดเลือกมา พวกเขามีสมรรถภาพทางกายที่ดีที่สุด คุณลองไปถามหน่อยว่ามีใครเต็มใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือคน?

” ได้ครับ ท่านประธานเย่ ”

แค่ครู่เดียว ก็มีเจ้าหน้าที่ 15 คนที่แข็งแรงมากจากแผนกรักษาความปลอดภัยเดินมาเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าเขาจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาทุกคน

” ตอนนี้มีคนติดอยู่ข้างในสี่คน หัวหน้าแผนกโลจิสติกส์และหัวหน้าแผนกการเงิน พวกคุณแบ่งทีมกันโดยนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทีมละสี่คนออกไปตามหาคน ระวังตัวด้วย ”

” ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะพาทุกคนออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้ ” หัวหน้าทั้งสองแผนกคนนำทีมออกไปตามหาคนอย่างรวดเร็ว

เย่ฉ่าวเฉินส่งผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาให้กับเห่อเหมยหลิง จากนั้นก็พูดหัวหน้าฝ่ายการตลาดว่า ” พวกเราสองคนคนพาเจ้าหน้าที่อีกเจ็ดคนที่เหลือออกไปตามหาคนที่หายไปอีกสองคน ”

” ประธานเย่ คุณรออยู่ที่นี่เถอะ เข่าของคุณบาดเจ็บอยู่ ” ผู้จัดการฝ่ายหารตลาดพูด

“ ไม่เป็นไร แผลแค่นิดเดียว ” เย่ฉ่าวเฉินพูดโดยไม่ได้สนใจอะไร ” อย่าเสียเวลาเลย รีบไปเถอะ พวกนายตามฉันมา ”

” ประธานเย่ ผมก็จะไปด้วย ” ผู้จัดการรักษาความปลอดภัยพูดขึ้น

” ไม่ต้อง คุณและรองผู้จัดการอยู่รักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานที่นี่ ” เย่ฉ่าวเฉินแตะไปที่ไหล่เขา และหันไปพูดกับจางเห่อที่กำลังจะตามเขาไป ” นานก็รออยู่ที่นี่ด้วย ”

” ไม่ คุณชาย ผมจะตามไปดูแลคุณ ” จางเห่อปฏิเสธ ดวงตาของเขาแดง

เย้ฉ่าวเฉินก้มมองมู่เวยเวยที่นอนไม่ได้สติ และพูดกับจางเห่อเบาๆว่า ” เธอคือเวยเวย นายต้องอยู่ดูแลเธอที่นี่ ”

จางเห่อตกใจและเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อกูตัวเอง เธอ……เธอคือคุณผู้หญิง?

ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะไปเขามองมู่เวยเวยอย่างลึกซึ้ง และหันหลังเดินเข้าไปที่ตรงที่ไม่สามารถคาดเด่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ราวกับว่าเวลาจะหยุดนิ่ง เมื่อพนักงานของบริษัทเย่ฮวางเห็นผู้บริหารเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตา ทำงานกับเจ้านายแบบนี้ ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่สูงแล้วยังไง? แต่พวกเขาเต็มใจและอุ่นใจ

จางเห่อเฝ้าอยู่ข้างกายมู่เวยเวยเงียบๆ เขามองไปที่มู่เวยเวยอย่างไม่ละสายตา ในสมองเขาตอนนี้วนเวียนอยู่กับคำที่เย่ฉ่าวเฉินพูดก่อนจะออกไปตามหาคน เธอคือเวยเวย

แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าใบหน้านี้ไม่ใช่คุณผู้หญิง เธอจะเป็นมู่เวยเวยได้อย่างไร?

ทันใดนั้น จางเห่อก็จำบางสิ่งบางอย่างวันนั้นได้ วันนั้นเย่ฉ่าวเฉินบอกให้เขาไม่ต้องไปตามสืบประวัติของฉู่เหยียน และยังบอกให้พ่อบ้านหวังดูแลเธอให้ดีอีก ที่แท้ก็เป็นเพราะคุณชายรู้ว่าฉู่เหยียนก็คือมู่เวยเวยหรอ?

ดังนั้น เขาเลยเข้าไปช่วยฉู่เหยียนโดยไม่คำนึกถึงชีวิตตัวเอง เขาถึงได้ดูแลฉู่เหยียนเป็นอย่างดี

ที่แท้ ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้หรอ?

เยี่ยมมากเลย ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่เขากับพ่อบ้านหวังกังวลก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น คุณชายก็ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

เขาที่กำลังดีใจ จางเห่อก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ แล้วลูกล่ะ?

เขายังไม่ทันได้คิด มู่เวยเวยที่อยู่ตรงหน้าสีหน้าของเธอเหมือนเจ็บปวดเธอพึมพำออกมา และค่อยๆลืมตาขึ้น

” คุณ……คุณฉู่ คุณตื่นแล้วหรอ? ” เย่เห่อเกือบจะเรียกผิด

มู่เวยเวยมองไปรอบๆ เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยของบริษัท แต่ไม่เห็นเย่ฉ่าวเฉิน หัวใจของเธอเต้นรัวและรีบถามจางเห่อว่า ” เย่ฉ่าวเฉินล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน? ”

” มีคนติดอยู่ในตึก คุณชายเลยพาคนเข้าไปช่วยเหลือคนข้างใน ”

มู่เวยเวยค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เธอไอออกมาสองที เธอรู้สึกว่าเธอพอมีเรี่ยวแรงบ้างแล้วเลยพูดกับเห่อเหมยหลิงว่า ” ขอบคุณมากผู้จัดการเห่อ คุณพยุงฉันขึ้นเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ”

เห่อเหมยหลิงเรียกเสี่ยวหลี่มา ช่วยพยุงตัวมู่เวยเวยคนละด้าน

” คุณเป็นยังไงบ้าง? ” เห่อเหม่ยหลิงเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยถามเธอด้วยความเป็นห่วง

มู่เวยเวยสะบัดหัวไปมา และพูดขึ้นว่า ” ไม่เป็นไร ก็แค่ปวดหัวนิดหน่อย ” เธอเงยหน้ามองรอบๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่ากลัวและวิตกกังวล

คนที่ได้รับบาดเจ็บร้องไห้กันอยู่ กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือเลย แผ่นดินไหวมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทุกคนต่างก็ตะลึง การช่วยเหลือเลยยังไม่เป็นผล

ทันใดนั้น ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งครั้งนี้ยังรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา เสียงกรีดร้องของผู้คนดั่งก้องไปทั่วฟ้า จางเห่อรีบจับไหล่มู่เวยเวยไว้ เธอถึงยื่นได้อย่างมั่นคงโดยไม่ได้ล้มลง

ราวกับว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง ทุกคนต่างก็กัดฟันสู้เพื่อเอาชนะความกลัว

“พระเจ้าโปรดช่วยคุ้มครองเย่ฉ่าวเฉินและคนข้างในให้ออกมาอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ”

ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครพูดอยู่ข้างๆ สายตาของพนักงานบริษัทเย่ฮวางมองไปที่ตึกนั้น ใจของมู่เวยเวยก็กังวลไปด้วยเช่นกัน

ในเวลานี่เธอทำเป็นเกลียดผู้ชายคนนี้อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอภาวนาขอให้เขาปลอดภัย

” พวกเขาออกมาแล้ว ” มีคนตะโกนออกมา

บนถนนที่วุ่นวาย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแบกหญิงกลางคนคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงผู้คนออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงปรบมือให้เขา

นี่คือพี่สาวแผนกโลจิสติกส์ ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวเธอกำลังทำความสะอาดอยู่ ตอนที่เขากำลังวิ่งออกมาเขาสะดุดกับไม้ถูพื้นทำให้เขาเจ็บขา

ในตอนที่เธอกำลังรู้สึกหมดหวัง ก็เห็นผู้จัดการแผนกโลจิสติกส์พาคนมาช่วยเธอ วินาทีนั้น เธอก็น้ำตาไหล

ผ่านไปสักผัก หญิงสาวฝ่ายการเงินที่ถูกโต๊ะทับใส่ก็ถูกพาตัวออกมา เธอร้องไห้จนเครื่องสำอางบนหน้าของเธอหลุดออกจนกลายเป็นแมวลายแล้ว

” ฝ่ายการตลาดสองคนนั้นทำไมยังไม่ออกมาอีก? ” สีหน้าของเลขาหลิวกังวล เขาพูดในสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ออกมา

” ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านประธานเย่และทุกคนต้องไม่เป็นไร ” มีคนหนึ่งพูดปลอบใจเขา

ขณะที่กำลังพูดอยู่ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา เป็นผู้จัดการฝ่ายตลาดและเจ้าหน้าที่สองสามคน คนหนึ่งในนั้นแบกสาวงามคนหนึ่งไว้

” แล้วประธานเย่ล่ะ? ” จางเห่อรีบถามขึ้น

ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลืนน้ำลายไปหนึ่งที พุดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า ” ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน แผนกการตลาดมีสองตึกเนาแยกย้ายกันตามหา ”

จางเห่อยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคำสั่งของเย่ฉ่าวเฉิน เขาอยากจะพุ่งตัวเข้าไปหาเขาตอนนี้เลย

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆท้องฟ้าก็มืดหม่นขึ้นเรื่อยๆ มีความรู้สึกเหมือนเมฆดำกำลังปกคลุมทั่วไปทั้งเมือง

เสียงไซเรนและเสียงรถพยายามดังขึ้นมาตั้งแต่ไกลจนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ผู้คนดูเหมือนว่าจะมีความหวังและกำลังใจแล้ว

ตำรวจจราจร ตำรวจพลเรือน และตำรวจพิเศษจำนวนมากออกมาปฏิบัติหน้าที่ บางส่วนกำลังร่วมมือกับประชาชนเพื่อนที่จะช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในรถ และบางส่วนก็กำลังรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน

มู่เวยเวยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอก็รู้สึกโศกเศร้า ที่นี่เป็นสถานที่เธอเกิดและเติบโต ที่ที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ทันใดนั้นมันก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

ในวินาที เธอรู้สึกว่า มนุษย์นั้นเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ เผชิญกับธรรมชาติที่ยากจะควบคุมได้

ในตอนที่ทุกคนต่างร้อนใจ ในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินและคนส่วนที่เหลือก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน

“ประธานเย่และพวกเขาออกมากันแล้ว ออกมาแล้ว ” มีคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

เย่ฉ่าวเฉินหามู่เวยเวยเจอในชั่วพริบตา มองเธอที่กำลังมองมาที่เขาอย่างเงียบๆ หัวใจของเขาก็อบอุ่นและเดินเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว ” เธอเป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนรึเปล่า? ”

” ฉันไม่เป็นไร ” มู่เวยเวยพูด

” ยังปวดหัวอยู่ไหม? “เย่ฉ่าวเฉินจับไปที่หัวเธออย่างเบามือ แล้วพูดด้วยความใส่ใจว่า ” เริ่มบวมแล้ว ”

” ไม่เป็นไร ตอนที่แผ่นดินไหวหัวกระแทกกับกล่องนิดหน่อย ”

เย่ฉ่าวเฉินวางมือไว้บนไหล่ของเธอ พอเห็นว่ามีตำรวจและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เดินทางมาแล้ว เขาจึงพูดกับเลขาหลิวว่า “นายรีบส่งคนไปรับคนที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อสักครู่ไปทางรถพยาบาลทางนั้นให้หมอดูอาการสักหน่อย ”

” ครับ ” เลขาหลิวชำเลืองตาไปตรงแผลที่เข่าของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง ” คุณก็ไปตรวจสักหน่อยเถอะ เข่าของคุณเลือดออกเยอะมาก ”

” นายไม่ต้องสนใจแผลฉันหรอก ฉันรู้สึกได้ ไม่น่าจะรุนแรงอะไร “เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างสบายๆ จริงๆแล้วตอนนี้เขาไม่รู้สึกเจ็บที่เข่าแล้ว สงสัยคงชาไปแล้ว

การจราจรบนถนนค่อยๆกลับคืนสู่สภาพปกติ เย่ฉ่าวเฉินพูดกับพนักงานอย่างเสียงดังว่า ” ฉันรู้ว่าหลายงานไม่ได้เอาทั้งกระเป๋า กุญแจ และโทรศัพท์ติดตัวลงมาด้วย แต่ว่าถ้าจะเข้าไปตอนนี้มันอันตรายเกินไป ฉันแนะนำว่าให้ทุกคนหยุดรอไปก่อน รอให้แน่ใจสะก่อนว่าจะไม่เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีก หรือไม่ก็ไปอยู่บ้านเพื่อนหรือบ้านญาติก่อนก็ได้ สองสามวันนี้ยังไม่ต้องมาทำงาน ถือสะว่าเป็นวันหยุดล่วงหน้า จะกลับมาทำงานำได้เมื่อไหร่ให้ทุกคนรอฟังประกาศอีกที ”

” รู้แล้วค่ะ……เข้าใจแล้วครับประธานเย่ ” เสียงดังขึ้นปะปนกัน

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ เย่ฉ่าวเฉินก็กังวลเกี่ยวกับบาดแผลตรงหน้าผากของเธอ เขาพูดเบาๆว่า ” หรือจะให้ฉันพาเธอกลับบ้านก่อนไหม ไปทำแผลสักหน่อย ”

” ไม่เป็นแล้ว ดูแล้วยังไม่มีทีท่าที่จะกลับบ้านได้นะ คุณดูสิว่าบนถนนรถติดขนาดไหน ” มู่เวยเวยขมวดคิ้ว

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ ดูๆแล้วคงต้องรออยู่ที่สนามนี้ไปก่อนสินะอีกอย่างรถที่จอดอยู่ลานจอดรถตรงชั้นใต้ดินไม่รู้ว่าสภาพจะเป็นอย่างไรบ้าง

ภัยพิบัติเป็นเหมือนหลุมดำ ค่อยๆกัดกร่อนความหวังของผู้คนทีละเล็กทีละน้อย

ทันใดนั้นเสียงวิทยุกระจายเสียงก็ได้ดังขึ้น ซึ่งเป็นเพลงที่สนุกสนานสำหรับชาวจีน ผู้คนนับหมื่นก็เงียบสงบลง

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ” สวัสดีประชาชนทุกคน ฉันคือจางฉี่ตง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลเมือง A เมื่อสักครู่ที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น เมืองของเราได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ว่าเมืองของเรามีการจัดตั้งทีมปฏิบัติการ และผู้ปฏิบัติการกำลังดำเนินการบรรเทาสาธารณภัยให้กับทุกคนอยู่ ขอให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก และพยายามอย่าเข้าใกล้อาคาร

” เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน เริ่มตั้งแต่เย็นวันนี้ เราจะให้ตำรวจตั้งเต็นท์จุดปฏิบัติการในสถานที่ต่างๆ ทั้งสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นในโรงเรียนทุกแห่ง และเราก็หวังว่าพลเมืองที่มีแรงกายและแรงใจทุกคนจะเข้าร่วมในการบรรเทาสาธารณภัยกับทางเราในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้เรารอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปด้วยกัน ”

หลังจากที่คำปราศรัยเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลได้จบลงแล้ว ผู้คนก็เริ่มวุ่ยวายขึ้นมาอีกครั้ง ตำรวจปฏิบัติการพิเศษกำลังอพยพผู้คนอย่างเป็นระเบียบ คนที่อยากกลับบ้านก็ได้กลับบ้าน ส่วนหากคนที่จะอาศัยอยู่ที่เต็นท์ปฏิบัติการก็สามารถอยู่ได้

เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังคิดอยู่ว่าจะไปหารถสักคัน โทรศัพท์ที่อยู่ติดตัวจางเห่อก็มีสายเรียกเข้า

” ฮัลโหล? จางเห่อหรอ? คุณชายเป็นยังไงบ้าง? คุณยังโอเคใช่ไหม? ” น้ำเสียงที่กังวลของพ่อบ้านหวังดังขึ้น

” ฉันไม่เป็นไร คุณชายได้รับบาดเจ็บ ”

พ่อบ้านหวังรีบถามขึ้น ” คุณชายได้รับบาดเจ็บหรอ? รุนแรงไหม? ได้รับบาดเจ็บตรงจุดไหนของร่างกาย? ”

จางเห่อชำเลืองตาไปมองแผลที่เข่าของเย่ฉ่าวเฉินแล้วพูดว่า ” ฉันคิดว่ารุนแรงมากพอสมควร คุณอาหวัง คุณรีบส่งรถมาด่วน รถของคุณชายจอดอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ขับออกมาไม่ได้ ”

” รถที่บ้านกำลังขับออกไปรับพวกคุณแล้ว คุณลองติดต่อกับคนขับรถของคุณชายดู ”

” ผมเข้าใจแล้ว ”

จางเห่อวางสาย แล้วค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของคนขับรถ โทรไปสองสายแต่ไม่มีคนรับสาย โทรไปครั้งที่สามในที่สุดก็มีคนรับสาย

” เทาจื่อ นายมาถึงไหนแล้ว? ”

” กำลังเข้าสู่ถนนฮุ่ยหยาง แต่ว่ารถติดมากขยับไปไหนไม่ได้เลย ” คนขับรถเทาจื่อพูดด้วยความโมโห

เย่ฉ่าวเฉินได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เลยบอกกับเขาว่า ” บอกให้เขาไม่ต้องมา เดี๋ยวจะติดอยู่ระหว่างทางเปล่าๆ เดินไปที่ถนนฮุ่ยหยางน่าจะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีกว่าๆ พวกเราเดินไปหาจะดีกว่า ”

จางเห่อพูดตามที่เย่ฉ่าวเฉินบอก และวางสาย

เย่ฉ่าวเฉินเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาและสั่งการว่า “จัดคนสองสามคนให้มาเฝ้าดูอยู่ตรงหน้าประตูบริษัท จะได้ไม่มีคนฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ บอกกับพวกเขาถ้าใครเต็มใจที่จะอยู่เฝ้า เงินเดือนในช่วงนี้จะได้เพิ่มขึ้นห้าเท่า เมื่อสักครู่ที่ตามเข้าไปกับฉันทั้งสิบห้าคนนั้นก็ให้จดชื่อไว้ และจะให้รางวัลพวกเขาในภายหลัง ”

” คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับประธานเย่ พวกเราจะเฝ้าดูบริษัทให้ดี คุณรีบไปทำแผลเถอะ ”

พอเย่ฉ่าวเฉินจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว จึงพามู่เวยเวยและจางเห่อมุ่งหน้าไปที่ถนนฮุ่ยหยางอย่างสบายใจ บนถนนวุ่นวายมาก น้ำเน่าไหลเต็มพื้นไปหมด เด็กบางคนตกใจกลัวและร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดแม่ มู่เวยเวยเดินผ่านเด็กพวกนี้ไปน้ำตาเธอก็ไหลเต็มแก้มไปหมด

เย่ฉ่าวเฉินกอดไหล่เธอไว้และไม่ได้พูดอะไร ในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ในใจเขาตอนนี้ก็เสียใจมาก

เสียงของรถพยาบาลดังขึ้นและมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียง

เพราะว่าป้ายโฆษณาสินค้าหล่นลงกระจัดกระจายเต็มพื้น และบนถนนก็มีรถที่พลิกคว่ำอยู่หลายคันทำให้ผู้คนตื่นตระหนก แต่เดิมระยะทางที่ต้องใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็เดินถึงแต่ทั้งสามคนใช้เวลาเดินไปสี่สิบนาทีเต็มๆในระหว่างทางพวกเขายังประสบกับเหตุแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินเอาแต่ป้องกันมู่เวยเวยจนตัวเองเกือบจะโดนเศษกระจกที่หล่นลงมาจากที่สูงบาด

คนขับรถเทาจื่อรองอยู่ในรถด้วยความกังวล พอเห็นเย่ฉ่าวเฉินก็รีบตะโกนขึ้น ” เจ้านาย รถอยู่ทางนี้ ”

พอทั้งสามคนขึ้นรถแล้ว มู่เวยเวยรู้สึกว่าขาของเธอชาไปหมด เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าริมฝีปากเธอซีดเซียว เขาก็รีบหยิบน้ำจากหลังรถและเปิดออกให้เธอดื่ม ” ดื่มน้ำสักหน่อยนะ ”

มู่เวยเวยพูดว่า ” ขอบคุณ ” รับน้ำมาและรีบดื่มทันทีเมื่อกี้เส้นประสาทตึงเครียดไปหมดตอนนี้ค่อยผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย เธอรู้สึกทั้งเหนื่อย ทั้งกระหายน้ำและทั้งหิว

รถขับกลับคฤหาสน์อย่างช้าๆ เพราะว่ามีคนวิ่งตัดหน้ารถ คนขับรถรีบเหยียบเบรกเพราะกลัวว่าจะชนคนเข้า

” เทาจื่อ เปิกวิทยุในรถหน่อย ” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว

เทาจื่อเปิดวิทยุในรถซึ่งกำลังกระจายข่างเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเมือง A อยู่

แท้จริงแล้ว แผ่นดินไหวที่เราประสบเมื่อสักครู่ 7-8 ริกเตอร์ และจุดกำเนิดอยู่ที่เขตชานเมืองทางตะวันออกของเมือง Aในเมืองยังถือว่าสถานการณ์ควบคุมได้ แต่ในชนบทที่ห่างไกลบ้านเรืองพังทลายหลายหลัง พังทลายลงในชั่วพริบตาเดียว

ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานแผ่นดินไหวแจ้งว่า เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการเกิดสึนามิ จึงแนะนำให้ประชาชนอยู่บนพื้นที่ที่สูง

” ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานที่ก่อสร้างจะเป็นอย่างไรบ้าง ” เย่ฉ่าวเฉินกังวลมาก

” คุณชายไม่ต้องเป็นห่วงครับ เดี๋ยวส่งพวกคุณถึงบ้านแล้ว ผมจะไปดูสักหน่อย ” จางเห่อที่นั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับพูดขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินมองท้องฟ้าที่มืนมนนอกหน้าต่าง ” นายโทรหาเฉินข่ายที่ดูแลแผนกวิศวกรรมก่อน เขาเป็นตัวแทนของบริษัทที่ประจำอยู่ที่โครงการ ในตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในสถานที่ก่อสร้างนะ ”

” ได้ครับ ”

จางเห่อโทรออกเบอร์ของเฉินข่ายหลายสายมาก แต่โทรยังไงก็โทรออกไม่ได้ เพราะว่าสัญญาณโทรศัพท์แย่มาก ในตอนที่เขาเกือบจะละทิ้งความพยายามอยู่แล้ว จู่ๆก็โทรออกได้เฉยเลย จางเห่อส่งโทรศัพท์ให้กับเย่ฉ่าวเฉิน

” เฉินข่าย ฉันเย่ฉ่าวเฉินเองนะ ทางด้านของพวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง? มีพนักงานได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ”

” ประธานเย่ ในตอนที่เกิดแผ่นดินไหว พนักงานทุกคนพึ่งจะออกจากสถานที่ก่อสร้างเพื่อเตรียมตัวกินข้าว เลยไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ทุกคนรออยู่ข้างนอก แต่ว่าโครงสร้างเสาและคานที่เราก่อสร้างไปพังทลายลงมาหมดเลย

พอเย่ฉ่าวเฉินได้ยินแบบนี้ก็ก็รู้สึกโล่งอก ” ขอแค่คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เสาพังแล้วเราสามารถสร้างใหม่ได้ในภายหลัง ”

” ผมก็คิดแบบนี้ครับ ” เฉินข่ายพูด

” ด้านสถานที่ก่อสร้างฝากคุณจัดการด้วยนะ ช่วงนี้ก็หยุดงานไปก่อน ฉันจะส่งคนจัดหาของใช้ที่จำเป็นไปให้ก่อน ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ตอนนอนก็อาจจะอึดอัดกันหน่อย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไปเช่านอนข้างนอกได้ ”

” รับทราบครับประธานเย่ ”

หลังจากวางสาย เย่ฉ่าวเฉินก็ได้โทรไปถามถึงสถานการณ์ของโรงงานอื่นๆอีกหลายแห่ง ซึ่งทั้งหมดก็ได้รับความเสียหายแตกต่างกันไป

มู่เวยเวยเห็นว่าคิ้วของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ ” รุนแรงมากเลยหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มให้เธอ ” นิดหน่อย ”

” นี่เป็นภัยธรรมชาติ ไม่มีใครควบคุมมันได้ ” มู่เวยเวยพูด

” ฉันรู้ ” เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือไปจับมือเธอไว้ รู้สึกว่าเหมือนเธอพยายามจะดึงมือออก เขาก็ออกแรงมากขึ้น แล้วพูดอย่างอ้อนวอน ” ขอแค่แป๊บเดียวได้ไหม? แค่แป๊บเดียว ”

มู่เวยเวยรู้สึกอ่อนไหว คิดถึงเรื่องที่เขาแบกเธอลงจากตึก เธอเลยนิ่งไป

ออกนอกเขตใจกลางเมืองแล้ว รถบนถนนก็น้อยลงมากแล้ว แต่กลับมีกิ่งไม้ที่หักและเสาไฟฟ้าล้มลงอยู่ที่พื้นเป็นจำนวนมาก

กลับถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมนอกจากการตกแต่งที่ยุ่งเหยิงของห้อง

” คุณอาหวัง ยาที่คุณมองหานฝากไว้ที่บ้านล่ะอยู่ไหน?รีบไปหยิบมา ” จางเห่อที่พึ่งก้าวขาเข้าบ้านก็พูดกับพ่อบ้านหวังทันที

” อ๋อ ได้ๆ ” พ่อบ้านหวังรีบหันหลังไปเอายามา

เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะขึ้นบันไดไปแต่กลับโดนมู่เวยเวยห้ามไว้ ” คุณไปนั่งที่ห้องรับรองสิ จะขึ้นห้องทำไม? ”

” ฉันจะไปเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น ” จะทายายังไงก็ต้องเปลี่ยนกางเกงหน่อยสิ

” ฉันไปเอามาให้เอง คุณไปนั่งรอตรงโซฟาเถอะ ” มู่เวยเวยพูดนิ่งๆ เดินผ่านเขาขึ้นไปบนห้องหลังจากที่เขาถอดหน้ากาที่มู่เวยเวยใส่ไว้ได้แล้ว เธอก็ไม่สามารถเป็นฉู่เหยียนที่เป็นกันเองและอ่อนโยนคนนั้นแล้ว น้ำเสียงเธอเย็นชาขึ้นมาก

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ด้านหลังของมู่เวยเวยก็แอบยิ้ม อย่างน้อยเธอก็เป็นห่วงเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

มู่เวยเวยหยิบกางเกงผ้าฝ้ายสีเทาจากตู้เสื้อผ้าของเขามา เดินลงมอและโยนให้เย่ฉ่าวเฉินด้วยสีหน้านิ่งๆ ” เปลี่ยนสะ ”

พ่อบ้านหวังเอากล่องยามาพอดี พอเห็นท่าทีของฉู่เหยียนแล้ว ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ช่วงหลายวันก่อนยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรอ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้สนใจ เขาถอดกางเกงตัวยาวของเขาออก เขาไม่คาดคิดว่ากางเกงของเขาจะถูกับแผลตรงหัวเข่าของเขาทำให้เขารู้สึกเจ็บเข้าไปถึงในกระดูก เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก

มู่เวยเวยหันหลังและไม่ได้มอง ได้ยินเสียงหายใจของเขา ตาของเธอก็กระตุก น่าจะเจ็บมากๆ

” โอ้พระเจ้า คุณชาย ทำไมเข่าของคุณถึงเป็นแบบนี้? “พ่อบ้านหวังอุทานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มู่เวยเวยหันหลังกลับมาดู เธอเห็นผิวหนังที่เปื้อนเลือดเต็มไปหมด และมีเนื้อชิ้นใหญ่หลุดออกมา เพราะว่าทิ้งไว้เป็นเวลาค่อนข้างนาน เลือดหยุดไหลไปแล้ว แต่ว่าเศษกระจกบางชิ้นติดอยู่ในเนื้อ

” ผมจะไปตามคุณหมอหานมา ” จางเห่อพูด

” ไม่ต้องหรอก ก็แค่บาดเจ็บที่ผิดหนัง ตอนนี้คุณหมอหานน่าจะยุ่งมาก ” เย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธคำแนะนำของจางเห่อ ถึงแม้ว่าคุณหมอหานจะเป็นหมอประจำตระกูลเย่แต่เขาก็มีคลินิกของตัวเอง ในเวลานี้ ต้องมีคนมากมายที่ต้องการเขาแน่ๆ

จางเห่อกัดฟัน ” เดี๋ยวผมไปตักน้ำสะอาดมาให้ ”

มู่เวยเวยไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองเป็นยังไง ทั้งความเกลียดและความเสียใจผสมกันอยู่ภายในใจของเธอ ที่เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะช่วยเธอไว้

เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนกางเกงขาสั้นด้วยความระมัดระวัง และไม่ลืมที่จะพูดกับมู่เวยเวยว่า ” เธอไม่ต้องดูแล้ว ไปล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”

ความโกรธพุ่งขึ้นในใจของมู่เวยเวย ถึงขนาดนี้แล้วยังจะเอาแต่เป็นห่วงเธออยู่อีก?

เธอนั่งอยู่ตรงโซฟาและพูดด้วยความโกรธ ” คุณไม่ต้องมายุ่ง ”

เย่ฉ่าวเฉินตะลึง เขาไม่รู้ใจผู้หญิงเท่าไหร่ น้ำเสียงของเขานุ่นนวลขึ้นเล็กน้อย และพูดอธิบายว่า ” ฉันไม่อยากให้เธอเห็นบาดแผลนี้ กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ……”

มู่เวยเวยยิ่งโกรธขึ้นไปอีก ” เย่ฉ่าวเฉิน คุณหุบปากได้ไหม ดูแลตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยมาพัด ”

ผู้ชายเงียบไปเลย ทำไมเธอถึงได้โกรธมากขนาดนี้เขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย

พ่อบ้านหวังที่เฝ้าดุอยู่ข้างๆก็ตกใจมากจางเห่อรีบมาอธิบายให้ฉันหน่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณชายที่เป็นเสือดุร้ายถึงได้กลายเป็นลูกแมวที่แสนจะเชื่องเพาะผู้หญิงคนเดียว? และยังไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียวอีกด้วย?

จางเห่อยกน้ำเดินเข้ามา เห็นท่าทางของทุกคนแปลกไป แต่ก็ไม่อยากเสียเวลา เขานั่งลงและทำความสะอาดแผลให้กับเย่ฉ่าวเฉิน

ใช้น้ำสะอาดล้างไปหนึ่งรอบ เย่ฉ่าวเฉินยังอดทนได้อยู่ เมื่อล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เย่ฉ่าวเฉินเจ็บมากจนหน้าผากของเขาเหงื่อออกเต็มเลย

” จางเห่อเบาๆหน่อย ” พ่อบ้านหวังพูดอยู่ข้างๆ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset