วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 218 ใครโกหก?

” เย่ฉ่าวเฉิน คุณอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ” มู่เวยเวยตำนิเขา

แมวน้อยตัวนี้ระเบิดความโกรธอกมาแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินหยุดยั่วโมโหเธอ และได้แต่ยอมรับผิดแต่โดยดี ” ได้ ต่อไป ฉันจะไม่ทำแบบนี้แล้ว ตอนที่เธอทานข้าวกับเพื่อนส่วนตัวฉันจะไม่ปรากฏตัวอีก ”

” ไม่ใช่แค่ตอนกินข้าว ต่อไปถ้าฉันไม่ให้คุณปรากฏตัวคุณก็ห้ามปรากฏตัวเด็ดขาด ”

พอเย่ฉ่าวเฉินได้ยินแบบนั้นก็ไม่เห็นด้วย เพราะว่าขอบเขตมันกว้างเกินไป ” ถ้าอย่างนั้นต้องมีข้อจำกัด ได้เฉพาะคุณกับเพื่อนผู้หญิงเท่านั้น ”

” พูดมาก……ฉันมีเพื่อนผู้ชายด้วยหรอ? ”

” เหมือนว่า…..จะไม่มี แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ไง ”

ดวงตาของมู่เวยเวยกำลังจะลุกเป็นไฟ ” ถึงในอนาคตฉันมีเพื่อนผู้ชายแค่กินข้างด้วยกันมื้อเดียวแล้วมันทำไม? ฟ้าจะถล่มลงมาหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่พอใจกับคำตอบแบบนี้ของเธอ เธอคิดกับผู้ชายพวกนั้นแค่เพื่อน แล้วผู้ชายพวกนั้นล่ะ? พวกเขาไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อน หนานกงเฮ่าเป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในชีวิตจริง

” อ๊า- – ” มู่เวยเวยกำลังจะถูกเขากดดันจนบ้าคลั่งแล้ว เธอเลยกรีดร้องออกมาหนึ่งที ” ตอนนี้หุบปากให้หมด ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว น่ารำคาญจริงๆเลย ”

เย่ฉ่าวเฉินจับไหล่เธอไว้แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ” เธอห้ามรำคาญฉัน ”

มู่เวยเวยไม่ยอมอ่อนข้อและถามเขากลับว่า ” ก็คุณทำเรื่องที่น่ารำคาญ จะไม่ให้ฉันรำคาญคุณได้ไง? ”

” เมื่อกี้ฉันก็ขอโทษแล้วไง ต่อไปจะไม่ทำอีก ”

” คุณขอโทษฉันก็ต้องให้อภัยคุณอย่างนั้นหรอ? ” มู่เวยเวยตะคอก และเธอก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง

เธอโกรธเย่ฉ่าวเฉินที่พูดอย่างทำอย่างนั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่เธอรู้สึกโกรธมากกว่านั้นคือเย่ฉ่าวเฉินไม่ให้พื้นที่ส่วนตัวเธอเลย ทุกวันนอกจากไปบริษัทแล้วก็อยู่แต่บ้าน หนึ่งวัน24ชั่วโมงเวลาที่อยู่กับเขาก็เกินครึ่งวันแล้ว เธอไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

เย่ฉ่าวเฉินเองก็สุดจะทน ตอนที่เขาโทรศัพท์เขาพึ่งออกจากห้องนิรภัยมา จู่ๆเขาก็อยากรู้มากว่าเสี่ยวซีหร่านคนนี้เธอมีเสน่ห์อะไรถึงทำให้มู่เวยเวยมีความสุขมากขนาดนี้ เขาเลยโทรถามสถานที่กับบอดี้การ์ด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เธอโกรธมากขนาดนี้

บรรยากาศหยุดนิ่ง

บอดี้การ์ดสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เพราะกลัวว่าความโกรธของเย่ฉ่าวเฉินจะมาแพร่มาตกอยู่ที่ตัวของพวกเขา

……

พอกลับถึงบ้านตระกูลเย่ มู่เวยเวยก็เดินขึ้นห้องไปด้วยอารมณ์โกรธ แม้แต่พ่อบ้านหวังที่ทักทายเธอ เธอก็ไม่ใยดีเลยแม้แต่น้อย พ่อบ้านหวังที่กำลังเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เย่ฉ่าวเฉินก็เดินผ่านเขาไปด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล

พ่อบ้านหวังดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคุณชายทำให้คุณผู้หญิงโกรธ

โอ้พระเจ้า พึ่งจะได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขไปไม่เท่าไหร่ คุณชายเป็นอะไรขึ้นมาอีก? พ่อบ้านหวังกังวลมาก

ที่หน้าห้องมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินเคาะประตูด้วยความใจเย็น และพูดว่า

” เวยเวย แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะอภัยให้ฉัน? เวยเวย? ”

เสียงประตูเปิดออก ” ฟุ่บ ” มู่เวยเวยมองหน้าเขาอย่างเย็นชา

” ขอโทษเสี่ยวซีหร่านสะ ”

” ไม่มีทาง ” เย่ฉ่าวเฉินปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ถ้าให้เขาขอโทษมู่เวยเวยเขาทำได้ แต่ว่าถ้าให้ขอโทษผู้หญิงอีกคน ฝันไปเถอะ

” ถ้าอย่างนั้นยังมีอะไรต้องคุยกันอีก? ” พอพูดจบ มู่เวยเวยกำลังจะปิดประตูแต่กลับโดนเย่ฉ่าวเฉินใช้มือขวางไว้

” เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขอื่น ” เขาก้มมองเธอ แววตาสีหน้าเขามีความอ้อนแฝงอยู่

มู่เวยเวยไม่ยอมใจอ่อน ” มีเพียงเงื่อนไขนี้เงื่อนไขเดียวเท่านั้น ”

” เธอด่าฉันขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันเถียงกลับหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินหวงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นมีเสน่ห์ตรงไหนกันแน่ ถึงทำให้ผู้หญิงของเขาหลงได้มากขนาดนี้

พอพูดถึงเรื่องนี้มู่เวยเวยก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ” ใช่ เธอด่าคุณ แต่ใครกันที่เป็นคนพูดขึ้นก่อนว่าให้รู้จักสถานะของตัวเองด้วยว่าอยู่ฐานะไหน? ถ้าคุณไม่พูดประโยคนี้เสี่ยวซีหร่านจะด่าคุณหรอ? เธอก็แค่อยากจะออกหน้าแทนอาเหยียนเท่านั้นเอง คุณจะรีบตีโพยตีพายไปแบบนั้นทำไม? ”

” เวยเวย นี่สมองเธอโดนผู้หญิงคนนั้นครอบงำแล้วหรอ? เสี่ยวซีหร่านเป็นแค่เพื่อนของเธอ ฉันต่างหากที่เป็นสามีเธอ ทำไมเธอถึงได้พูดเข้าข้างคนนอก? ”

มู่เวยเวยยิ้มอย่างเย็นชา ” เย่ฉ่าวเฉิน ถ้าอย่างนั้นคุณก็ลองคิดดูให้ดี ว่าคุณเป็นสามีที่ดีไหม? ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกจุกกับคำพูดของเธอ เพราะมันแทงเข้าจุดสำคัญของเขา เพราะตั้งแต่ต้นเขาก็เป็นสามีที่ไม่ดีเลย

” ฉันจะพักผ่อนแล้ว เชิญคุณไปได้แล้ว ” มู่เวยเวยไล่แขก

แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถนิ่งนอนใจได้เพราะว่าเขาลองชั่งน้ำหนักคำพูดของตัวเองดูแล้ว เขาเลยพูดว่า ” เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทรไปขอโทษเธอเดี๋ยวนี้ ”

มู่เวยเวยรู้สึกแปลกใจ เขายอมถอย? และหันหลังไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

ลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับ ก็แค่ขอโทษไม่ใช่หรอ? อย่างน้อยก็ไม่ได้พูดต่อหน้าเธอ ไม่ต้องสายตาที่เย้ยหยันของเธอ

เย่ฉ่าวเฉินก้มมองเบอร์โทรศัพท์ เขายืนพิงกำแพงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็กดปุ่มโทรออก

ผ่านไปสักพักก็โทรติด เพลงรอสายของฝั่งตรงข้ามค่อนข้างเสียงดัง ได้ยินเสียงพนักงานเสริฟ์ดังออกมาจากสายอยู่ไม่ไกล ” ต้องการเครื่องดื่มไหมคะ? อันนี้เป็นสินค้าใหม่จากร้านเรา……”

” ฮัลโหล? อาเหยียน มีอะไรรึป่าว? ” น้ำเสียงของเสี่ยวซีหร่านมีความสุขมาก

เย่ฉ่าวเฉินมองหน้ามู่เวยเวย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ” ฉันคือเย่ฉ่าวเฉิน ”

ฝ่ายนั้นหยุดชะงักไปสองวินาที น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่เยาะเย้นอย่างรวดเร็ว ” ประธานเย่ มีเรื่องอะไร? ”

” เมื่อสักครูฉันพูดแรงไปหน่อย หวังว่าเธอจะไม่ถือสานะ ”

” ฮ่าๆ นี่ประธานเย่กำลังขอโทษหรือว่าออกคำสั่งลูกน้องคะ? มีคนที่ขอโทษแบบนี้ด้วยหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อและตัดสายทิ้งไปเลย หันไปพูดกับมู่เวยเวยว่า ” เธอบอกว่าไม่เป็นไร ”

มู่เวยเวยมองเขาด้วยความสงสัย ” จริงหรอ? ”

” จริงสิ ถ้าไม่เชื่อเธอลองโทรไปถามก็ได้ ” เย่ฉ่าวเฉินยื่นโทรศัพท์ให้เธอ และมองเธอด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

มู่เวยเวยเหลือบไปมองเขาแล้วเอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อจากนั้นก็ปิดประตู

” นี่ ฉันก็ขอโทษไปแล้ว ทำไมเธอยังไม่ให้ฉันเข้าไปอีก ” เย่ฉ่าวเฉินรีบใช้มือขวางประตูไว้

” คืนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ” ถึงแม้ว่าปากของมู่เวยเวยจะพูดแบบนี้แต่ว่าน้ำเสียงของเธอไม่ได้จริงจังเหมือนเมื่อสักครู่

” ถ้าอย่างนั้นเธอหหมายความว่าพรุ่งนี้ก็อยากเห็นหน้าฉันแล้วใช่ไหม? ” เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างหัวเราะมีความสุข

” อาจจะ ”

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าและเอามือที่ขวางไว้ออก ” ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้เช้านะ ”

เสียงตอบรับคือเสียงปิดประตู

เอาเถอะบางครั้งสามีภรรยาก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เขาจะค่อยๆปรับตัว

ในตอนเช้า เย่ฉ่าวเฉินเห็นมู่เวยเวยที่นั่งอยู่ด้านข้างของโต๊ะอาหาร ก็ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ” เมื่อคืนหลับสบายหรือเปล่า? ”

มู่เวยเวยจิบนมแล้วพุดอย่างเรียบเฉย ” ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอหมายความว่าอะไร แต่ก็ไม่ได้ถือสา แต่ว่าดูจากท่าทางเธอก็ไม่ได้โกรธแล้ว

” เดี๋ยวบอกฉู่เซวียนหน่อยนะ ฉันเอาของไปเก็บไว้ที่ห้องนิรภัยโซนC ตู้เซฟหมายเลข108 ”

ท่าทางของมู่เวยเวยดูจริงจังขึ้น ” คุณจัดการเรียบร้อยแล้วหรอ? ”

” จัดการเรียบร้อยแล้ว “เย่ฉ่าวเฉินหยิบกุญแจเคลือบทองออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้เธอ ” นี่คือกุญแจตู้เซฟ ถ้าไม่มีกุญแจดอกนี้พวกเขาจะไม่สามารถเปิดตู้เซฟได้ ”

” ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถเปิดตู้เซฟได้ แล้วเอาแผ่นที่สมบัติไปล่ะ? ”

เย่ฉ่าวเฉินพูดปลอบเธอ ” สบายใจได้ พวกเขาเอาไม่ได้หรอก ถึงจะเอาไปได้ก็เป็นแค่ของปลอม อีกทั้งแผ่นที่ในนั้นมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ พอถึงเวลานั้นพวกเขาก็ต้องมาหาฉันอยู่ดี ”

” โอเค ขอให้ทุกอย่างราบรื่นนะ ”

พอกินข้าวเสร็จแล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็ตั้งใจที่จะไปส่งมู่เวยเวยที่ชั้นล่างของบริษัท MK

ตอนที่ฉู่เซวียนเห็นกุญแจบนโต๊ะของเธอก็มองหน้าเธออย่างประหลาดใจ ” เธอได้กุญแจมาอยู่ในมือแล้วหรอ? ”

มู่เวยเวยพุดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ” ที่จริงมันก็แค่บังเอิญ คุณยังจำได้ไหมกล่องเล็กๆดำๆบนชั้นวางหนังสือที่เราเจอเมื่อครั้งที่แล้ว? ”

ฉู่เซวียนครุ่นคิดและพูดอย่างแน่ใจว่า ” ใช่ ฉันจำได้ ฉันคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่น่าจะเอาแผนที่ไว้ในที่ๆชัดเจนแบบนั้นหรอก ดังนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ หรือว่า……”

” อยู่ที่กล่องสีดำนั้นนั่นแหละ เมื่อคืนฉันวางยาสลบเย่ฉ่าวเฉิน รหัสเป็นวันครบรอบแต่งงานของเราสองคน ข้างในมีสัญญาสำหรับตู้เซฟและกุญแจดอกนี้ ฉันคิดว่ากุญแจดอกนี้น่าจะมีประโยชน์ก็เลยหยิบมาด้วย ”

ฉู่เซวียนพูดด้วยความตื่นเต้น ” แน่นอนว่ามันมีประโยชน์ แบบนี้ก็ลดความยุ่งยากขงเราได้เยอะเลย ”

มู่เวยเวยแสร้งทำเป็นกังวลแล้วถามขึ้นว่า ” คุณจะลงมือเมื่อไหร่? เหลือเวลาแค่เดือนกว่าแล้ว ฉันอยากจะเจอหน้าลูกชายฉันเร็วๆ ฉันไม่อยากเป็นหมากในเกมส์ของพวกคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันอดทนมามากพอแล้วกับชีวิตแบบนี้ ”

ฉู่เซวียนจับกุญแจขึ้นมาดุแล้วพูดว่า ” ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนกว่าไม่ใช่หรอ? ฉันจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ”

มู่เวยเวยพยายามแสดงให้สมบูรณ์แบบ ” คุณรีบไปปั๊มกุญแจดอกนี้เก็บไว้ ฉันจะเอาดอกนี้เก็บกลับคืนที่เดิม ถ้าเย่ฉ่าวเฉินจับได้ว่าฉันขโมยกุญแจดอกนี้มาทุกอย่างจบแน่ๆ ”

” กุญแจประเภทเคลือบทองนี้เป็นการทำขึ้นจากคลังนิรภัยเอง เป็นวัสดุพิเศษ มีเพียงดอกเดียวในโลก หากต้องการใช้เวลาเพียงสั้นๆเพื่อลอกเลียนแบบมันไม่สามารถทำได้

” ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร? ”

” ไม่ต้องทำอะไร ฉันจะเอากุญแจดอกนี้แหละไปเปิด “ฉู่เซวียนขมวดคิ้วแล้วชำเลืองตามองเธอด้วยรอบยิ้มแปลกๆ ” เธอจะกลัวอะไร? ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินหลงเธอมากขนาดนี้ เพื่อช่วยเธอก็ยอมเอาแผนที่สมบัติมาแลก แค่ขโมยกุญแจห้องนิรภัยแค่นี้ เธอกลัวว่าเขาจะฆ่าเธออย่างนั้นหรอ? ”

หัวใจของมู่เวยเวยลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ ” นี่คุณพูดแบบนี้คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ ผู้ชายแบบพวกคุณเป็นคนแบบไหนคุณไม่เข้าใจอย่างนั้นหรอ? ที่เขาชอบฉันเพียงเพราะว่าฉันคล้ายภรรยาเขามาก ถ้าเขารู้ว่าฉันหลอกเขามาโดยตลอด และเอาของที่มีค่าที่สุดของเขาไป ถ้าคุณเป็นเขา คุณจะยอมปล่อยฉันไปไหม? ตลก! ”

ฉู่เซวียนสัมผัสได้ถึงความโกรธของเธอและเขาก็พูดไม่ออก แต่ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ถ้าเขาเป็นเย่ฉ่าวเฉิน โดนคนที่รักหลอกลวงแบบนี้ เขาต้องอยากสลายร่างของฝ่ายตรงข้ามให้ออกเป็นชิ้นๆแน่

” อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าพวกคุณได้สมบัติมาครอบครองแล้ว และเมื่อเย่ฉ่าวเฉินรู้ตัวว่ากุญแจหายไป คนแรกที่เขาจะสงสัยต้องเป็นฉันแน่ๆ ฉันไม่สามารถรับความเสี่ยงเช่นนี้ได้ ดังนั้น ฉันไม่สนใจว่าคุณจะใช้วิธีไหนฉันให้เลาคุณแค่สองวัน ฉันจะต้องเอากุญแจดอกนี้คืนกลับที่เดิม ”

ฉู่เซวียนรู้สึกรำคาญ ” ฉันรู้แล้ว ช่วงนี้เธอก็พยายามอย่าให้เย่ฉ่าวเฉินคิดถึงเรื่องที่จะไปตรวจสอบตู้เซฟก็พอแล้ว ”

” รู้แล้ว” มู่เวยเวยลุกขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ หยิบกระเป๋าขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของฉู่เซวียน

…….

บริษัทจินตุ้น ห้องนิรภัยระดับมืออาชีพและปลอดภัยที่สุดในเมือง A ตั้งแต่ก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีเหตุการณ์ขโมยเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว มีความน่าเชื่อถือสูงมาก

เวลาหนึ่งทุ่มเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่เปลี่ยนเวรกัน

” ได้ยินมาว่าสองวันมานี้มีเหตุการณ์ไม่สงบ พวกคุณเป็นทีมที่ต้องอยู่กะดึกต้องระมัดระวังและรอบคอบให้มากๆ “ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยบอกกับหัวหน้าทีม

” คุณสบายใจได้ผู้จัดการ ” หัวหน้าทีมพูด

ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยพยักหน้าแล้วไปเปลี่ยนชุดเพื่อเลิกงาน หัวหน้าทีมหยิบปืนออกมา แล้วยืนเฝ้าด่านแรกของการเข้าสู่ห้องนิรภัย

เวลาห้าทุ่มกว่า จู่ๆรองผู้จัดการบริษัทจินตุ้นก็เดินมาที่ห้องใต้ดิน หัวหน้าทีมรีบเก็บปืนลง และพูดกับเขาว่า “ประธานเฝิง มาที่นี่มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ”

” ฉันได้รับแจ้งมาว่า ช่องระบายอากาศของโซน C มีปัญหา ฉันจะไปตรวจดูหน่อย ” ในขณะที่พูดอยู่ผู้จัดการเฝิงก็กำลังจะเดินเข้าไป แต่กลับโดนหัวหน้าทีมขวางไว้

” ประธานเฝิง ตามกฎระเบียบแล้ว ท่านไม่สามารถเข้าไปคนเดียวได้ อีกทั้งตอนนี้เป็นตอนกลางคืนท่านควรจัเลิกงานแล้ว ”

ประธานเฝิงไม่ได้เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ต่ำต้อยอย่างเขาอยู่ในสายตา ” ฉันจะเลิกงานเวลาไหน ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างแกมาบอก อีกอย่างฉันแค่เข้าไปดูเฉยๆไม่กี่นาทีก็ออกมาแล้ว ”

หัวหน้าทีมยังคงปฏิเสธ ” ไม่ได้ มันไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ ”

ประธานเฝิงจ้องหน้าเขาอย่างเย็นชา จู่ๆก็ยิ้ม ” ฉันจำได้ว่าแกนามสกุลกง ที่บ้านพึ่งคลอดลูกผู้ชาย และพ่อก็ป่วยตลอดทั้งปี ใช่ไหม?”

หัวหน้าทีมมองหน้าเขาอย่างเย็นชา ” ประธานเฝิง นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ”

ประธานเฝิงเดินขึ้นไปข้างหน้าแล้วพูดว่า ” เสี่ยงกง พวกเราล้วนแต่ทำงานให้กับบริษัท โซน C อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน พรุ่งนี้เจ้านายจะมาตรวจสองฉันไม่อยากให้มีปัญหาอะไร ดังนั้นจึงอยากเข้าไปเดินดู นายไม่ต้องกังวล ในห้องนิรภัยมีกล้องวงจรปิดเต็มไปหมดฉันจะทำอะไรได้? ”

หัวหน้าทีมก็ยังคงปฏิเสธและพูดคำเดิม ” ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ ”

” เสี่ยวกง ฉันได้ยินมาว่าปกติคุณทำงานจริงจังมาก ผู้จัดการของพวกแกก็จะเกษียณปลายปีนี้แล้ว ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยคนใหม่จะเลือกมาจากคุณและหัสหน้าทีมอีกสองคนที่เหลือ นายอำนวยความสะดวกให้ฉันครั้งนี้ พอถึงเวลานั้นฉันก็จะช่วยเหลือนาย โอเคไหม? ”

หนังตาของหัวหน้าทีมกระตุก เขากัดริมฝีปากล่างและไม่ได้พูดอะไร

ผู้จัดการเฝิงเอามือไขว้หลัง และเอามีดสั้นออกจากแขนเสื้อ เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว ถ้าหัวหน้าทีมยังไม่ยอมให้เขาเข้าไปแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลองเสี่ยงดู

” ได้ แต่คุณต้องรีบออกมา ” หัวหน้าทีมยอมประนีประนอมให้

เขารีบเก็บมีดสั้นกลับไปไว้ที่แขนเสื้ออย่างเดิม ผู้จัดการเฟิงพูดอย่างยิ้มแย้ม ” ฉันจะออกมาให้เร็วที่สุด ”

เดินผ่านหน้าเขาไป ประตูเหล็กบานหน้าด้านนอกค่อยๆเปิดออก ด้านในยังมีประตูกันระเบิดอีกบานหนึ่ง หัวหน้าทีมใส่รหัสลงไป ประตูกันระเบิดบานนั้นก็ค่อยๆเปิดออก

ผู้จัดการเฝิงรีบเข้าไปด้านใน ภายในสว่างจ้าไปหมด เขารีบตรงไปที่บันได และเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินสาม ที่นี่ก็คือโซน C ที่เขาเดินตรวจทุกสองวัน

ประตูเป็นการเปิดด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ผู้จัดการเฝิงใช้นิ้วหัวแม่มือของตัวเองสแกนก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หยิบถุงกระดาษออกมาจากกระเป๋าของชุดสูทจากนั้นก็เอาผิวหนังเทียมบางๆออกจากถุงกระดาษ บนนั้นเป็นลายนิ้วมือของผู้จัดการอีกคน เขาใส่ผิวหนังเทียมนั้นที่มือเขาอย่างระมัดระวังและใช้ผิวหนังเทียมสแกนนิ้วไปที่ประตูอีกครั้งหนึ่ง

” ติ๊ด – – ” แสงไฟสีเขียวกระพริบ ประตูหนาที่กันระเบิดและป้องกันการเจาะเปิดออก

ที่นี่เป็นคลังสมบัติโซน C ที่มีอุณหภูมิและความชื้นคงที่ตลอดทั้งปี และติดตั้งระบบควบคุมขั้นสูงของโลก เมื่อไฟแสดงสถานะผิดปกติ การควบคุมหลักจะปรากฏเป็นไฟสีแดง ดังนั้นจะไม่สามารถเกิดปัญหาในช่องระบายอากาศได้เลย

ผู้จัดการเฝิงคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มากอย่างเห็นได้ชัด แค่ก้าวเท้าเข้ามาโซน C ก็หาตู้เซฟหมายเลข 108 เจอในพริบตา เขาหยิบกุญแจออกมาสองดอก เปิดตู้เซฟด้วยมือที่สั่นไปหมด ทันทีที่เขาเห็นแผ่นหนังแกะเก่าๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นในห้องใต้ดินที่เงียบงันมันน่ากลัวมาก

ผู้จัดการเฝิงรู้ตัวว่าตัวเองโดนจับได้แล้ว เขาหยิบแผ่นหนังแกะเก่าๆนั้นยัดใส่ในเสื้อผ้าและไปยังทางออกทันที แต่ว่าเขาจะหนีพ้นได้อย่างไร? ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากโซน C เลย

ก็มีปืนเล็งมาที่เขา ในขณะเดียวกันประธานใหญ่ของบริษัทจินตุ้นก็มาด้วยและผู้จัดการทั่วไปของบริษัทก็มา

“เฝิงเจี้ยนชิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ ” ประธานใหญ่พูดด้วยความเสียใจ

เมื่อเฝิงเจี้ยนชิงเห็นว่าสถานการณ์มันแปลกๆ ก็รีบหยิบมีดสั้นออกมาแล้วจะแทงไปที่ทั้งสามคน

” ปั๊ง – – ” ท่านประธานใหญ่หยิบปืนออกมาจากเอวของเขาแล้วยิงไปที่ขาของเขาอย่างไม่ลังเล

เฝิงเจี้ยนชิงล้มลงกับพื้น และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด บอดี้การ์ดเดินไปหยิบมีดสั้นออกจากมือเขา และค้นพบแผนที่สมบัติและลายนิ้วมือเทียมบนตัวของเขา

” หึ งามหน้าจริงๆ ” ประธานใหญ่พูดกับผู้จัดการทั่วไปว่า ” หาคนมาทำความสะอาดที่นี่ให้เรียบร้อย ”

” ครับ เจ้านาย ”

” เอาตัวมันมาด้วย ”

คฤหาสน์ตระกูลเย่

เย่ฉ่าวเฉินอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะกอดสาวสวยนอน พอได้รับสายโทรศัพท์หนึ่ง ก็อารมณ์ดีขึ้นมา” คนของฉู่เซวียนลงมือแล้วถูกจัดได้ ฉันจะไปดูสักหน่อย ”

มู่เวยเวยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย ” ในที่สุดเขาก็ลงมือสักที เขาส่งกุญแจคืนให้เธอสามวันแล้ว เธอก็คิดว่าเขาจะละทิ้งความพยายามนี้แล้ว ”

เย่ฉ่าวเฉินใส่เสื้อผ้าและพูดไปด้วยว่า ” คนพวกนี้หลงใหลในสมบัติจัง ต้องลงมือในยามวิกาลที่คิดว่าเป็นเวลาปลอดภัย แต่กลับไม่รู้เลยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ” เขาติดกระดุมเสื้อและใส่กางเกงเสร็จก็เดินไปหอมหน้าผากมู่เวยเวยหนึ่งที. ” เธอนอนไปก่อนเลย ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเวลาไหน ”

” อือ คุณระวังตัวด้วย ” ประโยคข้างหลังเธอพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร พอพูดจบเธอเองก็ยังไม่รู้ตัว แต่เย่ฉ่าวเฉินกลับตะลึงไปสักพัก

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอเป็นห่วงเขา เป็นเหมือนภรรยาที่บอกกับสามีเวลาจะออกไปข้างนอก

” ฉันรู้แล้ว ฉันจะกลับมาอย่างปลอดภัย ” เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างลึกซึ้ง และหันหลังเดินออกไป

ผ่านไปครึ่งนาที ” อ๊า- – “เสียงร้องของมู่เวยเวยดังขึ้นบนเตียง เอใช้ผ้าห่มปิดหน้าตัวเองไว้และพูดพึมพำกับตัวเอง ” เมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไป? ฉันไม่ได้พูด คนที่พูดเมื่อกี้ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน……”

กลางดึก รถบนถนนมีไม่มาก จางเห่อขับรถเร็วมาก แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงบริษัทจิงตุ้นแล้ว

ประธานใหญ่ยืนต้อนรับเย่ฉ่าวเฉินตรงหน้าประตู เขาก้มลงไปคุยอะไรบางอย่างกับเย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกตกใจมาก จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปในบริษัท ไฟกระพริบที่สว่างอยู่กลางถนนมืดลงอย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นแสงจากโทรศัพท์

หลังจากที่ลงลิฟต์มาแล้วเย่ฉ่าวเฉินถึงได้ยิ้มและพูดกับประธานใหญ่ว่า ” ขอบคุณมาก ”

ประธานใหญ่ยืนตัวตรง เขายิ้มแล้วพูดว่า ” สำหรับเราสองคนไม่ต้องขอบคุณ จริงๆแล้ว ฉันต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันเจอหนอนบ่อนไส้ในบริษัท ถ้าไม่ได้คุณเตือนว่าช่วงนี้จะมีคนลงมือทำบางอย่าง ชื่อเสียงและความน่าเชื่อใจที่ผมสร้างมาตั้งหลายปีมันต้องพังทลายลงแน่ๆ ”

” คุณพูดเองว่าระหว่างเราไม่ต้องขอบคุณ แต่คุณกลับของคุณฉัน ”

” ฮ่าๆๆ….. โอเคๆ ไม่พูดแล้ว ไปเถอะ ไปดูกัน ”

ทั้งสองมาถึงห้องทำงานชั้นใต้ดินของคลังนิรภัย เฝิงเจี้ยนชิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง บาดแผลที่ถูกยิงมีผ้าก๊อซพันอยู่ ห้ามเลือดไว้ได้ชั่วคราว ขาเขาไม่ได้ถูกมัด ถึงยังไงเขาก็วิ่งหนีไปไม่ได้อยู่ดี

” คุณถามเถอะ มีอะไรก็เรียกฉัน ” ประธานใหญ่พูด เขารู้หลักแห่งความจริงในโลกนี้ดีเรื่องที่เขาไม่ควรรู้เขาก็ไม่อยากรู้และไม่เต็มใจที่จะรู้ ยิ่งรู้ความลับมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นงานของเขาคือช่วยคนร่ำรวยพวกนี้รักษาความลับของพวกเขา

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า รอให้ประธานใหญ่และบอดี้การ์ดออกไปแล้ว เขาก็เหลือบไปมองสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ เขายืนกอดอกแล้วถามเขาอย่างเย็นชาว่า ” ใครเป็นคนส่งแกมา? ”

เฝิงเจี้ยนชิงก้มหน้าหนีและไม่ยอมพูดอะไร

” แกมีกุญแจตู้เซฟฉันได้อย่างไร? ” เย่ฉ่าวเฉินสอบถามต่อไป

ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะและยังคงไม่พูดอะไร

” แกคิดว่าแกไม่พูดแล้วฉันจะไม่รู้หรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะ ” ฉันก็แค่แปลกใจว่าทำไมแกถึงคบเพื่อนกับฉู่เซวียนได้ อีกคนเป็นชายร่ำรวยจากฮ่องกง อีกคนเป็นพนักงานธรรมดาๆ? ”

พอได้ยินชื่อของฉู่เซวียน สีหน้าของเฝิงเจี้ยนชิงเปลี่ยนไปชั่วครู่

” ฉันไม่รู้จักฉู่เซวียนที่คุณพูดถึง ” เขายังปากแข็ง

” เฝิงเจี้ยนชิง ฉันบอกแกตามตรงนะ วันนี้แกไม่มีทางที่จะมีชีวิตออกจากที่นี่หรอก แกจะบอกหรือไม่บอกก็ตายสถานเดียว แต่ว่าถ้าแกยอมพูดฉันก็จะให้แกตายอย่างไม่ทรมาน ” ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินช่างน่ากลัว เฝิงเจี้ยนชิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว ชายคนนี้เคยขึ้นชื้อเรื่องโหดร้ายมาก

เย่ฉ่าวเฉินจ้องเฝิงเจี้ยนชิงด้วยสายตาที่น่ากลัวและถามต่อว่า ” ฉันจะถามแกอีกรอบ ความสัมพันธ์ของแกกับฉู่เซวียนคืออะไร? ”

เฝิงเจี้ยนชิงกัดฟันและทำท่าครุ่นคิด แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากให้โอกาสเขาคิดแล้ว เขาคว้าเก้าอี้ข้างกายฟาดไปทางเขา

” ตุ้ม – – ” นี่เป็นเสียงโลหะและเนื้อกระทบกัน เฝิงเจี้ยนชิงล้มคว่ำลงกับพื้นเพราะแรงมหาศาลที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ เขาจับไหล่ที่เจ็บไว้และสั่นไปทั้งตัว ในไม่ช้า เสื้อผ้าบางๆนั้นก็มีเลือดไหลออกมา ปากของเขาก็มีแผลและมีเลือดไหลออกมาตามมุมปาก

” ยังไม่ยอมพูดอีกหรอ? ” เสียงขอเย่ฉ่าวเฉินพึ่งจบไป กำลังจะใช้แจกันที่วางอยู่บนโต๊ะทุบหัวเขา เฝิงเจี้ยนชิงที่ถูกทุบตีก็จับศีรษะตัวเองไว้และรีบพูดอ้อนวอนว่า ” ฉันยอมพูดแล้ว อย่าตี ”

เขากลัวว่าเย่ฉ่าวเฉินจะตีเขาให้ตายอยู่ที่นี่

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างพอใจ และวางแจกันลงบนโต๊ะ ” ถ้าพูดแต่แรกก็จบแล้ว ทำไมต้องรอให้โดนเก้าอี้ฟาดก่อนถึงจะยอมพูด? ”

เฝิงเจี้ยนชิงกัดฟันและถุยน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดออกมา และพยายามลุกขึ้นไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม หายใจเข้าลึกๆ ” ฉันรู้จักกับฉู่เซวียนจริง เราพบกันตอนที่ไปเรียนที่ต่างประเทศ หลังจากกลับมาทำงานในประเทศแล้วก็ขาดการติดต่อ คิดไม่ถึงว่าเมื่อหลายวันก่อนเขาจะติดต่อมา บอกว่าขอให้ฉันช่วยเขาเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นพอฉันได้ฟังก็อึ้งไปเลย เมื่อได้ยินว่าเป็นข้อห้ามของบริษัท ถ้าโดนจับได้ไม่ใช่แค่โดนไล่ออกไปอย่างง่ายๆ ตอนนั้นฉันปฏิเสธไปยังรวดเร็ว ”

พอพูดถึงตรงนี้เฝิงเจี้ยนชิงก็หยุดพูด

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเขาแล้วถามขึ้นเบาๆ ” แล้วทำไมต่อมาแกถึงได้ตอบตกลง? ”

เฝิงเจี้ยนชิงหยุดคิดสักพัก กัดฟันแล้วพูดว่า “ตอนที่ฉันอยู่ต่างประเทศฉันติดกัญชาและที่ผ่านมาก็เลิกไม่ได้สักที พอกลับมาก็มีการเสพบ้างเป็นครั้งคราว ทรัพย์สินและเงินเดือนก็หมดไปกับของพวกนี้ และยังติดหนี้อยู่ก้อนหนึ่ง ฉู่เซวียนใช้สิ่งนี้มาขู่ฉัน บอกว่าถ้าฉันไม่ช่วยเขา เขาจะทำลายฉัน ”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ” เพราะเหตุผลแค่นี้หรอ? ”

” เขายังสัญญาอีกว่า ถ้าช่วยเขาได้ในสิ่งที่อยากได้เขาจะชดใช้หนี้ให้ฉันที่สูงถึงสามล้านและให้ยาฟรีแก่ฉันสิบกิโลกรัม

“ฮ่าๆๆ…..สิบกิโลกรัม? แค่สิบกิโลกรัมมันคุ้มกับการที่แกต้องเอาตัวเข้าเสี่ยงแบบนี้หรอ? สุดยอดๆ ”

เฝิงเจี้ยนชิงเสียใจและคุกเข่าขอร้องเย่ฉ่าวเฉิน ” ประธานเย่ ฉันยอมพูดออกไปหมดแล้ว คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมจะไสหัวไปให้ไกลๆ จะไม่มีวันปรากฏตัวที่เมือง A อีก ขอร้องล่ะ ขอร้อง ”

จู่ๆเย่ฉ่าวเฉินก็คิดอะไรบางอย่างได้แล้วถามเขาว่า ” แกสนิทกับฉู่เซวียนไหม? ”

เฝิงเจี้ยนชิงส่ายหัว ” ไม่สนิท ก็แค่ตอนไปเรียนต่างประเทศเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน หลายปีมานี้พึ่งติดต่อกันเป็นครั้งแรก ”

” ถ้าอย่างนั้นแกรู้ไหมว่ามันมีเพื่อนสนิทคือใคร ตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ” เย่ฉ่าวเฉินหยุดคิดไปสักพักแล้วพูดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประโยค “. เพื่อนผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ”

เฝิงเจี้ยนชิงนึกย้อนกลับไปอย่างจริงจัง “ตอนนั้นเขามนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เพื่อนผู้ชายเขาเยอะมาก แต่ว่าเพื่อนที่ความสัมพันธ์ดีมาก…..เหมือนจะไม่มี ”

” แกรู้ไหมว่าเขาชอบผู้ชาย? ” เย่ฉ่าวเฉินถามออกไปตามตรง

” หะ? ” เฝิงเจี้ยนชิงตกใจมาก ” ฉู่เซวียน?ชอบ……ผู้ชาย? ฉัน ฉันไม่รู้ ”

” ถ้าอย่างนั้นนายลองคิดดูใหม่ตอนเขาเรียนอยู่เคยมีแฟนผู้หญิงไหม?”

หัวสมองตอนนี้ของเฝิงเจี้ยนชิงราวกับว่าโดนฟ้าผ่า ยังคงวนเวียนอยู่กับประโยคที่ฉ่เซวียนชอบผู้ชายอยู่ แต่ก็พยายามนึก ” เหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินว่าเขามีแฟนเป็นผู้หญิงนะ ที่แท้เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง ”

เย่ฉ่าวเฉินหมดคำจะพูดและมองไปที่เขา ไม่ได้ข้อมูลอะไรออกจากปากเขาเลย อยากจะเอาปืนยิงทิ้งจริงๆเลย

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผู้ชายร่างใหญ่สองคนมาพาตัวเฝิงเจี้ยนชิงที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดโยนเข้าไปที่กระโปรงหลังรถของเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินและประธานใหญ่จับมือกล่าวลากันจากนั้นก็ขึ้นรถแล้วขับไปชานเมือง

พอขับออกจากใจกลางเมืองแล้ว จางห่อก็พูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า ” คุณชาย รถคนนั้นขับตามมาตลอดทางเลย และไม่ได้เปิดไฟด้วย ”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างเย็นชา ” อยากตามก็ตามเถอะ ถ้าพวกเขาไม่มาเราจะเล่นละครให้ใครดู? ”

รถแล่นไปทางทิศตะวันออกจนถึงชายหาด และหยุดอยู่ที่หน้าผาใต้ทะเลเย่ฉ่าวเฉินสั่งให้จางเห่อเอาคนออกมาจากกระโปรงท้ายรถแล้วโยนลงไป

คลื่นซัดกระหน่ำ แค่พริบตาเดียวก็จะไม่เห็นเงาของคน

” กลับกันเถอะ มีเรื่องมาทั้งคืน เหนื่อยจริงๆ ” เย่ฉ่าวเฉินพูด

” ครับ คุณชาย ”

หลังจากที่รถคาเยนน์ขับออกจากทะเลแล้ว รถสีดำคันหนึ่งก็ขับมาที่ตำแหน่งเดิมของพวกเขา มีคนหนึ่งลงมาและมองไปยังใต้ทะเล นอกจากคลื่นแล้วก็ไม่เห็นอะไร

…..

อพาร์ตเมนต์ของฉู่เหยียนในเมือง A

บนพื้นมีทั้งคราบน้ำ เศษแก้ว เศษกระจก และกางถางต้นไม้ที่ถูกทำลาย และปลาที่กำลังจะตาย

คนที่เป็นผู้ทำลายนั่งหายใจอยู่บนโซฟา ล้มเหลว ล้มเหลวอีกแล้วเขาวางแผนรอบคอบขนาดนี้แล้ว อุตส่าห์หาคนที่จะ แฮ็กระบบเฝ้าระวังของบริษัทจินตุ้นได้แล้ว อีกทั้งยังขอคนขโมยลายนิ้วมือของผู้จัดการอีกคนได้ แต่ก็ยังล้มเหลวจนได้

ปัญหามันเกิดจากอะไรกันแน่

จากท่าทีของเย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวย มันไม่เหมือนคนที่สมรู้ร่วมคิดกัน ถ้าไม่อย่างนั้นเย่ฉ่าวเฉินไม่มีวันให้กุญแจกับเธอหรอก เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถ้าทำสำเร็จเขาก็จะพลาดสมบัติที่มหาศาลไป

หรือว่าตอนที่เฝิงเจี้ยนชิงลงมือมีคนสังเกตเห็น?

ตอนนี้สิ่งเขากังวลก็คือเฟิงเจี้ยนชิง เขาจะพาดพิงถึงตัวเองไหม?

พอคิดถึงตรงนี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เขารีบหยิบขึ้นมาดูแล้วรีบรับสาย ” ฮัลโหล? ”

” เจ้านาย เฝิงเจี้ยนชิงตายแล้ว ”

ฉู่เซวียนอึ้ง ” ตายแล้ว? นายแน่ใจนะ? ”

” ครับ ผมเห็นเย่ฉ่าวเฉินลากเฝิงเจี้ยนชิงขึ้นรถกับตา พอมาถึงริมทะเลก็เอาตัวเขาโยนลงไป พอเขาออกจากที่นั่นแล้วผมไปตรวจดูไม่เห็นแม้แต่เงา อีกทั้งตอนที่ลากเฝิงเจี้ยนชิงขึ้นรถตัวเขาเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าตายตั้งแต่ตอนนั้นรึเปล่า ”

ฉู่เซวียนมึนงงอยู่นาน ค่อยเอ่ยปากพูดว่า ” ฉันรู้แล้ว ”

หลังจากวางสาย ฉู่เซวียนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแรง เขาฆ่าคนน้อยมาก แต่ว่าเมื่อสักครู่มีคนที่ต้องไปตายเพราะเขาอีกทั้งยังเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นอีกด้วย

มือของเขาจะเปื้อนเลือดเหมือนคนเหล่านั้นหรอ?

หลังจากที่เขารู้สึกเสียใจอยู่นาน เขาก็นึกถึงคำถามนั้น เฝิงเจี้ยนชิงพูดอะไรกับเย่ฉ่าวเฉินบ้าง?

เขาอยากจะโทรถามมู่เวยเวยสักหน่อย แต่พอดูเวลาแล้ว เย่ฉ่าวเฉินน่าจะยังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน ถามเธอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รอให้ฟ้าสว่าง

อีกด้านหนึ่ง

เย่ฉ่าวเฉินกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ก็เป็นเวลาตีสี่แล้ว เขาไม่อยากเอากลิ่นสาปเลือดนี้ไปเปื้อนที่นอน เย่ฉ่าวเฉินเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนจะขึ้นเตียงไปนอน

มู่เวยเวยหลับสบายมาก เดิมทีเธอกำลังรอเย่ฉ่าวเฉินอยู่ แต่ว่าเธอก็หลับไประหว่างรอ

โอบเธอไว้ในอ้อมกอด เย่ฉ่าวเฉินก็นอนหลับไปเร็วมาก

เช้าตรู่ มู่เวยเวยพลิกตัว รู้สึกได้ถึงมือที่กอดอยู่ที่เอวเธอ ก็นึกถึงเรื่องราวของเมื่อคืน เธอไม่สนใจว่าเย่ฉ่าวเฉินกำลังหลับสนิทอยู่หรือเปล่า เธอเขย่าตัวเขาให้ตื่น ” เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง? ”

เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ และพูดพึมพำว่า ” เมื่อคืนฉันกลับถึงบ้านตีสี่ ฉันขอนอนต่ออีกหน่อยนะ ”

มู่เวยเวยอยากจะคาดคั้นคำตอบจากเขามาก แต่เมื่อเห็นดวงตาที่แดงๆของเขาก็ยอมใจอ่อน และลุกขึ้นอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันอย่างเงียบๆ ใบหน้าของคนบนเตียงมีรอยยิ้มที่มีความสุข

เหมือนว่าเธอยิ่งอยู่จะยิ่งใส่ใจเขามากขึ้นแล้ว

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ต้องไปทำงาน มู่เวยเวยพอทานข้าวเช้าเสร็จ ก็นั่งดูทีวีรอเย่ฉ่าวเฉินตื่น ถึงแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่อยากจะเดินขึ้นไปปลุกเขาให้ตื่นแต่สุดท้ายก็อดทนไว้ได้

เธอต้องเป็นคนที่มีการศึกษามากพอ

ในทีวีกำลังฉายละครแนวสืบสวนสอบสวน และเป็นดาราชายที่มู่เวยเวยชอบที่สุดแสดงเป็นตัวหลักด้วย พอดูไปไม่กี่นาทีเขาก็ลืมเรื่องเย่ฉ่าวเฉินไปเลย

ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและดึงเธอออกจากละครที่ยอดเยี่ยมที่เธอกำลังดูอยู่ พอเปิดโทรศัพท์ดูคือฉู่เซวียน

เขาเบาเสียงทีวีลง สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรับสาย

” ฮัลโหล? ” น้ำเสียงสบายๆ

” ภารกิจล้มเหลว เย่ฉ่าวเฉินกลับไปได้พูดอะไรไหม? ” น้ำเสียงของฉู่เซวียนแผ่วเบามาก

มู่เวยเวยพูดแค่ว่า ” รอก่อน ” เธอลุกออกไปข้างนอกแกล้งทำเป็นหมดความอดทนแล้วถามว่า ” ทำไมถึงได้ล้มเหลว? คุณบอกเองไม่ใช่หรอว่าจะไม่มีปัญหา? ”

ฉู่เซวียนก็โกรธเหมือนกัน ” แม่งเอ้ย เรื่องรั่วจากตรงไหนก็ไม่รู้? เย่ฉ่าวเฉินล่ะ? ”

” ยังนอนอยู่ เขาพึ่งกลับมานอนตอนฟ้าเกือบสว่าง ” มู่เวยเวยพูดไปตามความจริง

“เอาเถอะ สังเกตท่าทีของเขาด้วย บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องว่าฉันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ” ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ถ้าอย่างนั้นฉันก็โดนจับได้แล้วสิ? ”

” คนที่ไปขโมยแผนที่เมื่อวานโดนจับได้ และ…..” ฉู่เซวียนหยุดไปนาน ” เขาตายแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าเขาได้พาดพิงถึงฉันรึเปล่า ”

สมองของมู่เวยเวยโล่ง เหมือนมีก้อนหินทับลงกลางอก เธอถามออกมาด้วยความเสียใจ ” คุณบอกว่า เขาตายแล้วหรอ? ”

” ใช่ เย่ฉ่าวเฉินเป็นคนฆ่าเขา อีกทั้งคืนนั้นยังทิ้งเขาลงกลางทะเล ”

มู่เวยเวยหายใจอย่างยากลำบาก มีคนตาย? มีคนตายในแผนการนี้?เย่ฉ่าวเฉินรับปากเธอแล้วไม่ใช่หรอ? ต่อไปเขาจะไม่ฆ่าคนอีก?ทำไม? ทำไมถึงฆ่าคนอีกแล้ว? ”

ฉู่เซวียนไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม เหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงความตกใจและหวาดกลัวของมู่เวยเวย

” อาเหยียน เธอต้องนิ่งๆไว้ ไม่ว่าเย่ฉ่าวเฉินถามอะไรเธอ เธอก็ตอบว่าไม่รู้ ตอนนี้เขาไม่มีหลักฐาน พยานคนเดียวก็ตายไปแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรเราได้……อาเหยียน? อาเหยียน? ”

มู่เวยเวยถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าตื่นจากฝันร้าย จากนั้นก็ค่อยๆพูดว่า ” ฉันรู้แล้ว ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset