วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 230 ฉันไม่สามารถพาเธอไปด้วยได้

เมือง A

ตั้งแต่แรกคนถึงตอนนี้ฉู่เซวียนยังไม่ยอมเปิดปากพูดชื่อที่แท้จริงของกาวิน นี่ทำให้จางเห่อไม่สามารถทำอะไรได้อีกทั้งไม่สบายใช้ปืนยิงเขาให้ตายอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องให้เข้าให้น้ำเขาอีก

ตอนนี้จางเห่อไม่ได้คาดหวังให้ฉู่เซวียนเปิดปากพูดแล้ว เขาทำทุกวิธีทางแล้ว ตอนนี้ก็คงได้แต่หวังว่าทางด้านของคุณชายจะราบรื่น

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านมู่เทียนเย่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เย่ฉ่าวเฉินและฉู่เหยียนก็ราวกับว่าหายตัวเข้ากลีบเมฆไปเลย ภายหลังเสี่ยวซีหร่านได้โทรหาเย่ฉ่าวเฉินหลายสาย แต่กลับโดนเขาตัดสายทิ้ง ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ

” อย่าบอกนะว่าทางเย่ฉ่าวเฉินเกิดเรื่องอะไรขึ้น ” เสี่ยวซีหร่านพูดขึ้นด้วยความสงสัย

” ที่เขาไม่รับสายเธออาจจะเป็นเพราะว่าไม่อยากตอบคำถามเธอ ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเขา ถ้าหากเขาเจอปัญหาและจนปัญญาจริงๆ ” มู่เทียนเย่ครุ่นคิด และพูดอย่างลึกลับว่า ” เขามีความสามารถพอที่จะเอาตัวรอดมาได้ ”

เสี่ยวซีหร่านใช้สายตาที่ตกใจมากมองหน้าเขา ” โอ้โห นี่คุณถึงขั้นชมเย่ฉ่าวเฉินแล้วหรอ วันนี้พระอาทิตย์คงไม่ได้ขึ้นจากทิศตะวันตกใช้ไหม? ”

มู่เทียนเย่พูดด้วยรอยยิ้ม ” ฉันไม่ได้ชมเขา แต่เพราะว่าเขามีความสามารถนี้จริงๆ ”

ความอยากรู้อยากเห็นของเสี่ยวซีหร่านเพิ่มสูงขึ้น เธอโน้มตัวไปใกล้กับแขนของเขาแล้วถามว่า ” คำพูดของคุณมีความหมายซ่อนอยู่นะ ไหนลองพูดมาสิ ว่าเขาจะเอาตัวรอดมาได้ยังไง? ”

ชายหนุ่มลังเล จะบอกเรื่องนี้กับเธอดีไหม? ถ้าจะบอก แต่เขาสัญญากับมู่เวยเวยไว้แล้วว่าจะไม่บอกใคร แต่ว่าถ้าไม่บอก ยากมากที่เสี่ยวซีหร่านจะใช้สายตาแบบนี้อ้อนวอนเขา

” ทำไมล่ะ? พูดไม่ได้หรอ? มู่เทียนเย่ นี่คุณถึงกับช่วยเย่ฉ่าวเฉินเก็บความลับแล้วหรอ? ” สายตาของเสี่ยวซีหร่านเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ชายหนุ่มยื่นมือไปโอบเธอไว้ ” ฉันรับปากเวยเวยไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่น ”

เสี่ยวซีหร่านหยิกที่แขนเขาอย่างแรงหนึ่งที ” มู่เทียนเย่ คุณเห็นฉันเป็นคนอื่นหรอ? ได้ ถ้าอย่างนั้นคนอื่นแบบนี้ก็จะ……”

หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกมู่เทียนเย่คว้าให้เธอกลับมาอยู่ที่เดิม

” ก็ได้ๆ ฉันจะบอกเธอ แต่ว่าเธอต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ ”

เสี่ยวซีหร่านชูมือขึ้นสาบาน ” ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าความลับนี้มันจะน่าทึ่งแค่ไหน แต่ว่าฉันสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้เป็นคนที่สามแน่ ”

ท่าทีของมู่เทียนเย่ซับซ้อนมาก ไม่รู้จะเริ่มพูดเรื่องนี้ยังไงดี คิดเป็นเวลานานกว่าจะพูดขึ้นว่า ” ฉันจะเล่าตั้งแต่แรกนะ……”

หลังจากเล่าเรื่องแปลกประหลาดและมหัศจรรย์นี้เสร็จ ท่าทีของเสี่ยวซีหร่านไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มู่เทียนเย่เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้เป็นอย่างดี เขาเลยไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว นั่งอยู่ข้างๆเธออย่างเงียบๆรอให้เธอตั้งสติให้ได้ก่อน

หลังจากผ่านไปสามนาที เสี่ยวซีหร่านก็ถามเขาอีกครั้งว่า ” มู่เทียนเย้ ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ”

” ก็เพราะแบบนี้ไงนี่เลยเป็นความลับ ” มู่เทียนเย่กางมือออก

เสี่ยวซีหร่านกระโดดออกจากโซฟา เดินวนไปมาที่ห้องรับรองอยู่หลายรอบ ” จะเป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นมนุษย์ต่างดาวหรอ? นี่มันแปลกประหลาดมากจริงๆ ไม่ได้การละ ฉันต้องหาที่ระบายสักหน่อย ”

” เธอจะไปทำอะไร? ” มู่เทียนเย่เห็นเธอวิ่งขึ้นบันได้ไปเลยถามเธอ

” ฉันจะไปวิ่ง ฉันต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เรื่องนี้มันบ้าไปแล้ว”

มู่เทียนเย่หัวเราะและส่ายหัว แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจ เย่ฉ่าวเฉินไปต่างประเทศทำไม? เกี่ยวข้องกับเวยเวยหรือไม่?

มหาสมุทรแปซิฟิก

เย่ฉ่าวเฉินผ่านการพักฟื้นสองวันแล้ว ร่างการค่อยๆฟื้นตัว เดิมทีเขาอยากที่จะออกไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ด้วยความที่เขาเสียเลือดมากแค่ลุกยืนก็จะไม่มีแรงอยู่แล้ว เหยี่ยวราตรีขอร้องเขาสุดชีวิตเขาถึงได้ยอมพักฟื้นอีกหนึ่งวัน

หลายวันมานี้สิ่งที่จีน่าดีใจที่สุดก็คือในตอนกินข้าวของทุกวันที่เธอจะส่งอาหารไปให้ใครบางคน ถึงแม้ว่าเขาจะดูเย็นชา แต่ทุกครั้งเขาก็จะยิ้มขอบคุณเธอ รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของชายรูปหล่อ สามารถล่อใจหญิงสาวคนหนึ่งไปได้เลย

เย่ฉ่าวเฉินดูความรู้สึกของจีน่าที่มีต่อเขาออก เพราะว่าเธอแสดงอกชัดเจนเกินไป แค่ก้าวขาเข้ามาก็มองเขาอย่างไม่ละสายตา แววตาเปล่งประกายไปหมด บางทียังยิ้มหวานอีก ถึงแม้ว่าใจเขาจะเข้มแข็งขนาดไหน ก็ทนต่อการกระทำที่เร่าร้อนนี้ไม่ได้

ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เย่ฉ่าวเฉินคงจะเย็นชาทั้งคำพุดและท่าทีไปแล้ว แต่ว่าจีน่าถือเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และยังเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสาอีก ไม่ว่าจะเป็นคำพุดหรือการกระทำเขาจะทำรุ่นแรงและไม่รักษาน้ำใจเธอไม่ได้

แต่ว่า เขาไม่อยากยั่วผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว และไม่อยากให้ผู้หญิงดีๆคนนี้ตกหลุมลึกไปกว่านี้ เขาจึงพูดปฏิเสธอ้อมๆกับจีน่าว่า ” จีน่า เรื่องส่งอาหารเล็กๆแค่นี้ให้เพื่อนฉันทำก็ได้ ไม่ต้องรบกวนเธอหอก ”

แต่จีน่าฟังความหมายสิ่งที่เขาจะสื่อไม่ออก และพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” ไม่รบกวน ไม่รบกวนเลยสักนิด ”

เย่ฉ่าวเฉินหมดคำจะพูด ผู้หญิงคนนี้นี่……

ช่างเถอะ พรุ่งนี้เขาก็จะไปแล้ว พึงจะคิดถึงตรงนี้ ก็ได้ยินจีน่าถามว่า ” คุณเป็นคนจีนหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า ” ใช่ เป็นคนจีน ”

จีน่าพูดอย่างตื่นเต้นว่า ” คนที่มาเที่ยวที่นี่ครึ่งหนึ่งเป็นคนจีนทั้งนั้น ได้ยินมาว่าประเทศของพวกคุณของอร่อยเยอะมากใช่ไหม? ”

” ใช่เยอะมาก ” เย่ฉ่าวเฉินพยายามพูดให้น้อยๆเข้าไว้ แต่ในใจกลับอึกอัก เหยี่ยวราตรีคนนี้แค่ไปซื้อเสื้อผ้า ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก? ซื้อผ้ามาตัดเองรึไง?

” ถ้าอย่างนั้นพวกคุณกลับประเทศพรุ่งนี้ พาฉันไปด้วยได้ไหม? ฉันอยากไปเที่ยวบ้านเมืองคุณมากๆ อยากกินของอร่อยๆ โตมาขนาดนี้แล้วฉันยังไม่เคยไปไหนเลย ”

คำพูดของจีน่าทำให้เย่ฉ่าวเฉินตกใจและอึ้งไปเลย เขานิ่งไปหลายวินาที

จีน่าเห็นท่าทางของเขาก็คิดว่าเขาไม่เต็มใจ เลยพูดขึ้นอีกครั้งว่า ” ฉันไม่ให้คุณซื้อตั๋วให้หรอกนะ เมื่อวันก่อนผู้ชายคนนั้นชดใช้เงินให้ฉันเป็นจำนวนเยอะมาก ฉันก็แค่อยากให้คุณช่วยนำทาง ”

” ไม่ จีน่า ถ้าเธอเต็มใจที่จะไปฉันก็ยินดี แต่ว่าเธอไม่ลองถามพ่อกับแม่เธอก่อนหรอ? พวกท่านจะเต็มใจรึเปล่า?

จีน่ายิ้มอย่างพอใจ ” พวกเขาออกทะเลไปแล้ว ไม่ถึงครึ่งเดือนพวกเขาไม่กลับมาหรอก พอถึงเวลานั้นฉันก็กลับจากประเทศทศจีนแล้ว พวกเขาไม่รู้หรอก ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกหดหู่ใจ เขาคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า ” เอาแบบนี้ ถ้าฉันกลับบ้านไปน่าจะยุ่งมาก ฉันจะให้ภรรยาฉันพาเธอเที่ยวชมแล้วกันนะ ”

พอพูดประโยคนี้ออกมา รอยยิ้มของจีน่าก็หายไปทันที สีหน้าเป็นเหมือนกับสาวญี่ปุ่นคนก่อนหน้านี้

” คุณแต่งงานแล้วหรอ? ” จีน่าถามอย่างไม่สบอารมณ์

เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างอ่อนโยน ” แน่นอนสิ ฉันอายุสามสิบแล้วนะ ก็ต้องแต่งงานแล้วสิ และฉันยังมีลูกชายวัยครึ่งขวบที่น่ารักคนหนึ่งแล้วด้วย ”

จีน่าชะงัก รอยยิ้มก็ค่อยๆหายไป และไม่กล้าสบตาเขา ” ถ้าอย่างนั้น ฉันไปล้างจานก่อนนะ ” พอพูดจบก็หยิบจานชามที่เย่ฉ่าวเฉินใช้กินข้าวเสร็จออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

เย่ฉ่าวเฉินเห็นถึงความตื่นตระหนกของเธอ แต่เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ ให้รอยยิ้มกับเธอจะเป็นการทำร้ายเธอเปล่าๆ

ผลลัพธ์ชัดเจนมาก บ่ายวันนี้ จีน่าไม่ก้าวขาเข้ามาที่ห้องนอนชั้นสองเลยแม้แต่ก้าวเดียว รวมถึงอาหารมื้อเย็นก็เป็นเหยี่ยวราตรีที่เป็นคนยกมา

” เจ้านาย ผมเห็นว่าจีน่าอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอเป็นอะไร? ”

เย่ฉ่าวเฉินคีบกุ้งตัวหนึ่งมา แล้วชำเลืองตาไปมองเหยี่ยวราตรจากนั้นพูดว่า ” เธออยากให้ฉันพาเธอกลับประเทศด้วย แต่ฉันปฏิเสธ ”

เหนียวราตรีอึ้ง. เฮ้ย……นี่มันเป็นไปไม่ได้……อย่างแน่นอน

” ตั๋วเครื่องบินซื้อเรียบร้อยรึยัง? ” เย่ฉ่าวเฉินถาม

” เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าแปดโมง ดังนั้นเราเลยต้องนั่งเรือข้ามฟากไปสนามบินตั้งแต่ตีหน้า

” ไม่จำเป็นต้องเก็บคนไว้ที่นี่แล้ว ให้ทุกคนถอยได้ ”

” เข้าใจแล้ว ”

เย่ฉ่าวเฉินกัดกุ้งกิน เขาก็ขมวดคิ้ว รสชาตินี้……

” เจ้านาย เป็นอะไร? ” เหยี่ยวราตรีสังเกตเห็นถึงท่าทีที่ผิดปกติของเขา

เย่ฉ่าวเฉินคายกุ้งที่อยู่ในปากออกมา ดื่มน้ำไปอึกใหญ่ค่อยพูดขึ้นว่า ” จีน่าคิดว่าน้ำตาลเป็นเกลือ อีกทั้ง น้ำตาลเยอะมาก ”

เหยี่ยวราตรีหัวเราะเบาๆ และคิดในใจ จีน่าเสียใจขนาดนี้ทำอาหารให้เราก็ถือว่าดีมากแล้ว ยังจะเรื่องมากอีก

” กุ้งพวกนี้นายกินให้หมดเลย ”

เหยี่ยวราตรียังไม่ทันจะได้หุบยิ้มก็หน้าเจื่อนทันที ” เจ้านาย ผม ผมไม่ชอบ……”

” นี่เป็นอาหารที่เธอตั้งใจทำ ถ้าเททิ้งแล้วเธอมาเห็นมันจะดูไม่ดี ดังนั้น จานนี้นายกินให้หมด ” เย่ฉ่าวเฉินผลักอาหารจานนั้นไปวางไว้ตรงหน้าเขา ส่วนตัวเองก็หันไปกินเมนูปลาที่อยู่ขานข้างๆอย่างใจจดใจจ่อ

เหยี่ยวราตรีแกะกุ้งทุกตัวแล้ววางไว้ในถ้อยของตัวเองอย่างน่าสงสาร เจ้านายนี่ช่างขี้เหนียวจริงๆ แค่หัวเราะก็ไม่ได้

” พรุ่งนี้ตอนอกจากที่นี่ไม่ต้องปลุกเธอ เอาเงินที่แลกไว้ในกระเป๋าเก็บไว้ให้เธอ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดนิ่งๆ

” โอเค รับทราบครับ ”

ในตอนกลางคืนที่นอนอยู่บนเตียง เย่ฉ่าวเฉินจ้องเชือกสีแดงที่หยุดนิ่งนั้น และคิดถึงสายตาที่ลูกชายมองเขา ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที แต่ว่าพอคิดถึงภาพที่เขาอยู่ในท้องของมู่เวยเวย เพราะเรื่องเลวที่เขาทำลงไปทำให้เด็กได้รับผลกระทบจากมู่เวยเวยหรอ ถ้าทำให้เขามีท่าทีที่แปลกๆต่อตัวเองแบบนี้?

ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่มีเวลาพิจารณามากขนาดนั้น เขาเชื่อว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ขอแค่ช่วยเวยเวยและลูกชายออกมาได้อย่างปลอดภัย ใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะ ลูกต้องยอมรับเขาอยู่แล้ว

วันรุ่งขึ้น ฟ้าสว่าง เย่ฉ่าวเฉินและเหยี่ยวราตรีแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงจากห้อง สองวันที่ผ่านมาเพื่อดูแลเย่ฉ่าวเฉิน เหยี่ยวราตรีเลยนอนที่พื้น

ที่คิดไม่ถึงก็คือ จีน่ายืนรอรออยู่หน้าบ้าน แต่เรื่องที่ดีคือเธอไม่ได้มีกระเป๋าเดินทางอยู่ข้างกาย

” จีน่า ทำไมเธอ……” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความสงสัย

หลังจากผ่านการคิดทบทวนไปแล้วหนึ่งวัน รอยยิ้มของจีน่าก็น้อยลงมาก เธอยิ้มให้เห็นฟันขาวๆของเธอแล้วพูดว่า ” ฉันลองเช็คข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตดูแล้ว ไฟท์ที่บินไปประเทศจีนมรแค่ตอนแปดโมงเช้า ดังนั้นฉันเลยเดาว่าพวกคุณจะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปแต่เช้าตรู่แน่ ”

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าไปตรงหน้าเธอ ยอมรับเลยว่าจีน่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ทั้งสวยและใจดี แต่ว่าในใจเย่ฉ่าวเฉินเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น

” จีน่า ขอบคุณเธอมากนะ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างจริงใจ

” ไม่เป็นไร ฉันดีใจมากที่รู้จักพวกคุณ ” จีน่าหยุดพูดไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า ” ถ้าในอนาคตฉันไปเที่ยวประเทศจีน ไปหาคุณได้ไหม? ให้ภรรยาคุณเป็นไกด์ให้ฉัน ”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ” ได้แน่นอนสิ ถ้าเธอมา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนจัดการเอง ”

” ได้เลย คุณอย่าลืมนะ ”

เย่ฉ่าวเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ” เบอร์โทรศัพท์เธอคืออะไร ฉันจะโทรหาเธอ เธอก็บันทึกเบอร์ฉันไว้ ฉันไม่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แน่นอน ”

จีน่าบอกเบอร์โทรศัพท์ของเธอไป เย่ฉ่าวเฉินกดโทรออก บรรยากาศที่เงียบสงบก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างหู

” ถ้ามาประเทศจีนให้มาหาฉันนะ ”

จีน่าพยักหน้า ” ได้ ” จากนั้นเธอก็มองเขาด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า ” คุณคือผู้ชายคนแรกที่ฉันชอบ ตอนนี้คุณจะไปแล้ว ฉันขอกอดคุณหน่อยได้ไหม? ”

เย่ฉ่าวเฉินลังเลอยู่สองวิ และยื่นมือไปกอดเธอด้วยตัวเอง และลูบหลังเธอเบาๆแล้วพูดว่า ” จีน่า เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก และคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่านี้ ”

จีน่าน้ำตาเริ่มไหล ออกจากอ้อมกอดเขา ” พวกคุณเดินทางปลอดภัยนะ ฉันไม่ไปส่งแล้วนะ ฉันต้องกลับไปนอนต่อ ลาก่อน เหยี่ยวราตรีลาก่อน ”

” ลาก่อน ”

เพราะเวลามีจำกัด เย่ฉ่าวเฉินและเหยี่ยวราตรีไม่รอช้าและออกเดินทางทันที แต่คนที่พูดว่าจะกลับไปนอนต่อ กลับยืนมองอยู่หน้าประตูต่อไป จนกระทั่งเงาของพวกเขาหายไป น้ำตาที่กั้นไว้ก็ค่อยไหลๆออกมา

สิ่งทีสวยงามที่สุดในช่วงวัยรุ่นของหญิงสาว แต่เสียดาย ที่เวลาไม่ใช่และคนที่ไม่ใช่

ตั้งแต่กาวิน จางเหิง และอลิซออกจากที่นี่ไป การค้นหาในเกาะก็อ่อนแอลงเยอะมาก โดยเฉพาะในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ นอกจากนักท่องเทียวและคนขายของบนท้องถนนแล้ว ก็ไม่มีทหารที่พกปืนให้เห็นเลย

หลังจากขึ้นเรือ เย่ฉ่าวเฉินถามเหยี่ยวราตรีเบาๆ ” แล้วคนอื่นๆล่ะ? ”

” ถึงสนามบินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ” เหยี่ยวราตรีพูด

เรือออกจากท่าอย่างรวดเร็ว เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เกาะนี้เป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่ได้มีความคิดถึงใดๆเลย สิ่งเดียวที่เขาคิดอยู่ตอนนี้มีแค่เวยเวย

……

วินาทีที่มู่เวยเวยอุ้มลูกน้อยของเธอลงจากเครื่องบิน เธอก็มีความสุขมาก เพราะว่าผู้คนตรงหน้าย่อมคล้ายคลึงกับเธอและพูดภาษาเดียวกัน

ฮ่า ในที่สุดกาวินก็มาถึงประเทศจีนแล้ว อากาศสดชื่นขึ้นมากๆ

ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังเป็นการโฆษณาสถานที่ท้องเที่ยวของท้องถิ่น มู่เวยเวยคิดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ที่เย่ฉ่าวเฉินเคยเล่าให้เธอฟัง เหมือนว่าจะอยู่จังหวัดนี้แหละ

การกระทำของกาวินนั้นถือว่ารวดเร็วมาก เวลาเพียงสั้นๆก็หาตำแหน่งจากแผ่นที่เจอได้ ในระหว่างนี้คุณฉ่ายก็น่าจะช่วยเหลือไม่น้อยเลยทีเดียว

ในช่วงเวลาหนึ่งวันกว่านี้มู่เวยเวยใช้ชีวิตบนท้องฟ้า โดยเธอนั่งเฮลิคอปเตอร์ก่อนจากนั้นก็เปลี่ยนเครื่องไปนั่งการบินพลเรือน เธอเป็นผู้ใหญ่ยังพอทนได้ แต่อาการของลูกน้อยแย่มาก เหมือนว่าไม่ว่ามู่เวยเวยจจะอุ้มเขายังไงก็ไม่สบายตัว พลิกไปพลิกมา อยู่ไม่นิ่งสักที

ในที่สุดก็ออกจากพื้นที่ที่จำกัดมาได้สักที ดวงตาของเด็กชายตัวน้อยๆก็มองไปรอบๆ มองสภาพแวดล้อมใหม่ๆนี้ และดวงตาที่สุดพิเศษของเขานี้ก็ดึงดูดคนได้ในจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แน่นอนว่ายังมีหน้ากากที่งดงามของกาวินนั้นด้วย

มู่เวยเวยยินดีต้อนรับกับความสนใจแบบนี้มากๆ ยิ่งทิ้งร่องรอยไว้มากเท่าไหร่ เย่ฉ่าวเฉินก็จะหาเธอเจอง่ายขึ้นมากเท่านั้น

ทันใดนั้น เสียงของกาวินก็ดังขึ้นข้างหูเธอ ” อย่าคิดนะว่ากลับมาที่ประเทศจีนแล้วเธอจะมรโอกาสหนี ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเด็ก เธอก็อยู่เฉยๆอย่ามาเจ้าแผนการ ”

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ” กาวิน นอกจากขู่ผู้หญิงกับเด็ก คุณไม่มีอย่างอื่นที่ต้องทำแล้วหรอ? ”

กาวินโกรธขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนรอบข้างอยู่เยอะ คงตบหน้าเธอไปแล้ว

เวลาผ่านไปไม่นาน คนกลุ่มหนึ่งก็ออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว มีรถมารอล่วงหน้าแล้วหลายคันมาก

กาวิน คุณฉ่ายและจางเหิงนั่งรถคันเดียวกัน ส่วนมู่เวยเวยและลูกนั่งคันเดียวกับอลิซ

รถขับผ่านใจกลางเมืองข้ามแม่น้ำ ก่อนฟ้าจะมืดก็มาถึงเมืองเล็กที่ไม่คุ้นตาเลย การตกแต่งของโรงแรมนั้นเรียบง่ายมาก และเหมือนจะพังเล็กน้อย แต่ว่าสำหรับคนที่นั่งเครื่องบินและนั่งรถมาทั้งวัน ขอแค่ได้นอนเตียงนุ่มๆก็ถือว่าสบายมากแล้ว

มู่เวยเวยอยู่ห้องเดียวกับอลิซ กาวินและจางเหิงอยู่ประกบห้องซ้ายขวาของพวกเธอ

เพื่อที่จะปกปิดล่องรอย กลุ่มคนพวกนั้นไม่ได้ออกไปกินข้าว แต่กลับส่งอาหารออนไลน์แล้วกินห้องใครห้องมัน

” อลิซ ทำไมเธอไม่กิน? ” มู่เวยเวยไม่ได้กินอาหารบ้านเกิดตัวเองมาหลายวัน กำลังกินอย่างมูมมาม แต่คนตรงหน้ากลับดูเหมือนไม่ชอบอาหารรสชาติแบบนี้ กินแค่สองสามคำก็วางตะเกียบลงแล้ว

” น้ำมันเยอะเกินไป เกลือเยอะเกินไป ” อลิซพูดอย่างเรียบเฉย

มู่เวยเวยอธิบายว่า ” โรงแรมในประเทศส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ต้องพูดถึงเมืองเล็กๆแบบนี้หรอก ”

” ฉันไม่กินแล้ว เธอกินไปคนเดียวเถอะ ” อลิซวางตะเกียบลง แล้วมาดูเด็กน้อยดื่มนมอยู่ตรงหน้าเด็กน้อย

มู่เวยเยกินไปด้วยและคิดถึงเรื่องนี้ไปด้วยว่า เธอจะรอเฉยๆอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้ามีโอกาสเธอต้องหนีไปให้ได้

กลางดึก

จู่ๆมู่เวยเวยก็ลืมตาขึ้น ได้ยินเสียงหายใจเรียบๆของอลิซ เธอลงจากเตียงเงียบๆ แต่งตัว เอากระเป๋าและอุ้มลูก

ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น แต่มู่เวยเวยกลับไม่สบายใจ เธอเดินมาจนถึงหน้าประตู มือพึ่งจะวางลงบนลูกบิด ก็ได้ยินที่เยือกเย็นดังมาจากข้างหลัง ” หยุดนะ ”

มู่เวยเวยหลับตาลงด้วยความขุ่นมัว แม่เจ้า ว่าแล้วเชียวต้องไม่ง่ายอย่างที่คิด

” กลับมา อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นรอบที่สอง ”

มู่เวยเวยกลับไปที่เตียงตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก วางลูกและกระเป๋าลงบนเตียง

เสียงของอลิซเย็นชามากท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ” มู่เวยเวย ถ้ามีครั้งหน้าอีกฉันจะตัดขาของเธอทิ้ง ถ้ายังเป็นแบบนี้เธอจะสูญเสียลูกของเธอไปด้วย ”

มู่เวยเวยดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเธอไว้ หันหลังให้เธอ แล้วพูดว่า ” รู้แล้ว”

น่ารำคาญ ผู้หญิงคนนี้ไม่นอนหรือไง?

หรือว่าตอนที่เธอนอนเธอหลับตาข้างเดียวส่วนอีกข้างเธอลืมตาไว้ เธอเคลื่อนไหวเบาขนาดนี้ยังโดนเธอจับได้อีก

เช้าวันที่สองยังคงอยู่ในระหว่างทาง ดูเหมือนว่าอลิซจะไม่ได้เล่าเรื่องการกระทำของมู่เวยเวยเมื่อคืนให้กาวินฟัง ท่าทางที่มีกับเธอก็ยังคงไม่แยแสเหมือนเดิม จะมีก็แต่ตอนอยู่กับเด็กน้อยที่แววตายังมีความอ่อนโยนอยู่เล็กน้อย

ความทรงจำของเด็กทารกเป็นแค่ระยะสั้น ช่วงนี้เขาถูกฟ้ากลั่นแกล้ง ได้พบเจอเรื่องราวเหตุการณ์ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา อารมณ์ของเด็กน้อยค่อยๆดีขึ้นมาก ใบหน้าก็เริ่มมีรอยยิ้มบ้างแล้ว

เป็นการเดินทางทั้งวันอีกแล้ว ในช่วงเวลาค่ำๆ รถหยุจอดที่หุบเขาทางตอนใต้ของฝูเจี้ยน

ที่นี่คงจะเป็นก้าวแรกของการล่าสมบัติของกาวิน

แผ่นที่ที่เย่ฉ่าวเฉินวาดไว้ในตอนท้ายนั้นมันไม่แม่นยำขนาดนั้น แต่ว่าก็รู้ได้ว่าสมบัติอยู่ในเทือกเขาขนาดใหญ่นี้ แต่ว่าจะอยู่ในถ้ำใดนั้นก็ไม่อาจรู้ได้

แน่นอนว่า หากในแผ่นที่ระบุว่าอยู่ถ้ำไหน คนที่เคยมาค้นหาคนก่อนๆก็คงไม่หายไปทีละคนแบบนี้หรอก

กาวินมองไปที่ภูเขาที่สลับซับซ้อนในยามพลบค่ำ ในใจก็ตื่นเต้นสุดๆ เป็นเหมือนกับที่คุณฉ่ายพูดเอาไว้ว่า ดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่มหัศจรรย์เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งแปลกประหลาด ไม่น่าแปลกที่ราชวงศ์หมินเยว่จะหายไปในชั่วข้ามคืน

ตอนแระกาวินยังคงลังเลและไม่เชื่อในตำนานที่แปลกประหลาดแบบนี้

ดังนั้นจึงไม่ออกเดินทางสักที แต่ว่าพอบุคคลลึกลับคนนั้นปรากฏตัวขึ้นทำให้เขาตัดสินใจได้ทันที คนยังสามารถหายตัวท่ามกลางอากาศได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับราชาล่ะ?

” พรุ่งนี้เธออยู่คอยดูเธอที่นี่ ไม่ต้องตามพวกเขาเขาไปในเขาหรอก” ตอนที่ทานข้าวเย็น กาวินพูดกับอลิซ

” ค่ะ เจ้านาย ” อลิซตอบรับนิ่งๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเธอไม่เต็มใจ ถ้าต้องอยู่กับผู้หญิงที่น่ารำคาญทั้งวัน เธอยอมเข้าไปสำรวจด้วยดีกว่า

มู่เวยเวยยื่นหูฟังพอได้ยินการตัดสินใจแบบนี้ก็โล่งอก เธอกลัวมากว่ากาวินจะบังคับให้เธอเข้าไปในเขากับพวกเขาด้วย เธออาจจะทนได้แต่ลูกน้อยเธอทนไม่ได้แน่ๆ ในเขามีมลพิษมากเกินไป

…….

ทันทีที่เย่ฉ่าวเฉินกลับถึงประเทศจีนเขาก็ตรงไปที่มู่เวยเวยอยู่

ในคืนนั้น กาวินและกลุ่มคนนักล่าสมบัติออกจากเขามาด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด มู่เวยเวยแค่เดาก็รู้ พวกเขาต้องหาสมบัติไม่เจอแน่ๆ

นี่เป็นการเดินทางที่ไกลและยาวนาน ตอนนี้ทุกอย่างมันแค่พึ่งเริ่มต้น กาวินเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้รีบร้อนหรือผิดหวังมากนัก

มู่เวยเวยป้อนบะหมี่ให้ลูกน้อยอยู่ในห้อง เด็กน้อยพึ่งจะเคยกินของแบบนี้ครั้งแรก เขาสนใจและกินได้เยอะมาก

” ปั๊ง—— ” ทันใดนั้นประตูก็ถูกคนถีบออกกาวอนพุ่งเข้ามาหาเธอในห้องด้วยความโกรธ ถามอย่างโหดๆว่า “ระหว่างเธอกับเย่ฉ่าวเฉินใช้อะไรติดต่อกันกันแน่? ”

ทันใดนั้นมือของมู่เวยเวยก็จับชามแน่นขึ้น เย่ฉ่าวเฉินตามมาแล้วหรอ? แต่กลับถามด้วยสีหน้าที่สงสัยว่า “คุณพูดว่าอะไรนะ? ”

” ไม่ยอมบอก? เชื่อไหมว่าฉันจะบีบคอไอ้เด็กเวรนี่ให้ตายเลย? ” ในขณะที่กำลังพูดอยู่กาวินก็ยื่นมือไปที่คอของเด็กน้อย โดยไม่มีความปราณีเด็กน้อยเลยสักนิด

มู่เวยเวยตื่นตระหนก เธอพยายามช่วยลูกน้อยสุดชีวิต

” นี่คุณหมายถึงอะไรกันแน่? คุณคุมตัวฉันเข้มงวดขนาดนี้ ถือฉันจะอยากติดต่อกับเย่ฉ่าวเฉินฉันก็ไม่มีโอกาสหรอก ” มู่เวยเวยตอบกลับ ถึงเธอจะตื่นตระหนก แต่เธอก็ยังมีสติอยู่

กาวินจ้องหน้าเธอ และพูดกับอลิซที่ตามเข้ามาว่า ” ตรวจกระเป๋าเป้ของเธอ ”

อลิซเทสิ่งของในกระเป๋าของเธอทั้งหมดออกมาอย่างไม่ลังเล มีเสื้อผ้าสองสามชุด และของใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการ์ดเอทีเอ็มสีดำหนึ่งใบ

” นี่คืออะไร ” กาวินถาม

มู่เวยเวยตอบไปตามตรง ” บัตรเอทีเอ็ม เย่ฉ่าวเฉินให้ฉันมา ”

กาวินปล่อยมือตากคอเสื้อเธอ แล้วเอาการ์ดมาดูและหักเป็นสองท่อน แค่นี้เขายังไม่ยอมปล่อยผ่าน พูดต่อว่า ” อลิซ ตรวจค้นเสื้อผ้าของเธอให้ละเอียดอีกที ”

มู่เวยเวยสีหน้าเปลี่ยนไป และเอามือบังหน้าอกไว้ เตือนเขาด้วยสายตา ” กาวิน ถ้าจะตรวจก็ได้ แต่ว่าเชิญคุณออกไปก่อน ”

กาวินยิ้มอย่างดูถูก ” สบายใจได้ ผู้หญิงแบบเธอ ฉันไม่มีอารมณ์เลยสักนิด ”

มู่เวยเวยไม่ยอมถอยและพูดเยาะเย้ยว่า” ใครจะไปรู้ล่ะ? ถ้าคุณหลงเสน่ห์ในความงามของฉันเข้าจะทำยังไง? หรือว่าคุณไม่เชื่อใจลูกน้องของคุณ? ”

กาวินเหลือบตาไปมองอลิซแวบหนึ่งและแสยะยิ้ม เขาลุกขึ้นไปอุ้มเด็กน้อยแล้วออกจากประตูไป

อลิซยืนกอดอกแล้วมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ” เธอถอดเองเถอะ ”

มู่เวยเวยรู้สึกอึดอัดมาก เธอไม่เคยถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้หญิงมาก่อน เธอไม่สามารถถอดชุดออกอย่างเชื่องช้าภายใต้เสื้อผ้าของเธอได้

” ไม่ต่อล่ะ? จะให้ฉันหาคนมาช่วยเธอไหม? ”

มู่เวยเวยรีบปฏิเสธ ” ไม่ต้องๆ ” เธอกัดฟัน หลับตาแล้วถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น เอาเถอะ ผู้หญิงด้วยกัน สิ่งที่เธอมีอลิซก็มีเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่ต้องอาย

บนเรือนร่างเหลือเพียงชุดชั้นใน มู่เวยเวยก็หยุดถอด

” ต่อ! ” อลิซพูดอย่างเย็นชา

มู่เวยเวยจ้องเธอด้วยความโกรธจนแทบอยากจะต่อยหน้าเธอ แต่ว่าภายใต้ความกดดันของเธอ มู่เวยเวยไม่มีทางเลือก จ้องหน้าอลิซด้วยความโกรธและถอดชุดชั้นในออก

อย่าให้ต้องถึงทีฉันบ้างนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะปล่อยให้พวกผู้ชายยืนดูเธอแก้ผ้า มู่เวยเวยมีความคิดที่ชั่วร้านนี้ผุดขึ้นมาในหัว เธอก็แค่อยากระบายเท่านั้น เธอไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก

สายตาของอลิซเป็นเหมือนกับมีดที่แหลมคม มีแสงวิบวับเปล่งออกมา หัวใจมู่เวยเวยเต้นเร็วขึ้น เธอได้แต่ภาวนาว่าฝีมือของเพื่อนเย่ฉ่าวเฉินคนนั้นต้องยอดเยี่ยม อย่าให้อลิซต้องเจอพิรุธอะไรเลย

หันกลับมา ” เธอออกคำสั่ง

มู่เวยเวยหันกลับมา และจำข่าวหนึ่งที่เคยเห็นเมื่อก่อนได้ว่า หญิงสาวทุกคนที่จะเข้าวังก็ต้องผ่านด่านแก้ผ้ากันทั้งนั้นเพื่อตรวจสอบ อีกทั้งยังมีแม่นมคอยยืนดูหลายคนมาก ถ้าเทียบกันแล้ว สำหรับวันนี้ก็เทียบไม่ติดเลย

อลิซจ้องหน้าเธอและเดินเข้าไปหาเธออย่างไม่ใยดี ถามนิ่งๆว่า ” เธอตื่นเต้าอะไร? ใจถึงเต้นเร็วขนาดนี้? ”

” พูดมาก เธอก็ลองถอดชุดออกหมดแล้วให้คนอื่นทำกับเธอแบบนี้บ้างสิ จะเธอจะเต้นเร็วไหม? ”

” เหอะ ไร้สาระ! ” อลิซแสยะยิ้ม เธอเคยโดนผู้ชายคนหนึ่งดูแล้ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรือนร่างของมู่เวยเวยงดงามมาก อะไรที่ควรมีก็มีอะไรที่ไม่ควรมีก็ไม่มี ไม่น่าล่ะถึงใช้ความงามจนเอาแผนที่สมบัตินี่มาได้

เธอใช้สายตาสแกนดูและต้องหยุดชะงักอยู่ที่แสงสว่างวาบบนไหล่ของมู่เวยเวย ” นี่อะไร?”

มู่เวยเวยหัวใจเกือบจะหยุดเต้น และทำท่าทีเป็นปกติแล้วก้มไปดู ” นี่เป็นรอยฉีดวัคซีนไข้ทรพิษที่เคยฉีดเมื่อตอนเป็นเด็ก เธอไม่เคยหรอ? ”

สายตาของอลิซมีความสงสัย ไข้ทรพิษ? มันคืออะไร?

” ตอนที่ทุกคนในเมือง A เรียนชั้นประถมโรงเรียนจะจัดวัคซีนไข้ทรพิษให้ ถ้าคุณไม่เชื่อฉันคุณสามารถออกไปถามคนที่นี่ได้ พวกเขาอาจจะโดนด้วยเช่นกัน” มู่เวยเวยพูดอย่างจริงจังเธอจำได้ พ่อของเธอตอนที่เธอมีชีวิตอยู่เคยบอกกับเธอว่าทุกคนต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ แต่ด้วยความที่การแพทย์พัฒนาแล้ว จึงไม่ได้ฉีดแล้วในภายหลัง

อลิซเติบโตในต่างประเทศและไม่เข้าใจสถานการณ์ของชาติที่นี่

” ขอให้เป็นเรื่องจริงเถอะ” หลังจากที่อลิซพูดแล้วเธอก็หันหลังและเดินออกไป มู่เวยเวยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเกือบจะทรุดลงกับพื้นราวกับว่าเธอจะล้มลงและเธอก็รีบไปแต่งตัว

เพื่อยืนยันคำพูดของมู่เวยเวย อลิซก็มาที่แผนกต้อนรับของโรงแรมและพนักงานก็ลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้นและถามเธอว่า “ คุณผู้หญิง คุณต้องการอะไร?!”

พนักงานวัยกลางคนสวมเสื้อแขนสั้นและอลิซสามารถมองเห็นรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่แขนของเขาได้ในพริบตาซึ่งคล้ายกับของมู่เวยเวยมาก

“ มีอะไรที่แขนของคุณ?!” อลิซถามอย่างตรงไปตรงมา

พนักงานอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มแล้วพูดว่า “นี่คือวัคซีน Vaccinia ซึ่งปลูกตั้งแต่ยังเด็ก”

อลิซขมวดคิ้ว“ Vaccinia?” มันแตกต่างจากที่มู่เวยเวย พูด

ลุงวัยกลางคนหัวเราะ“ มันเป็นไข้ทรพิษ”

มีอย่างนั้นหรือ? อลิซแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอไม่เข้าใจ

“เจ้านายไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับมู่เว่ยเว่ย” อลิซรายงานกับกาวิน

กาวินเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “แจ้งทุกคนให้ออกเดินทางคืนนี้ ”

“เจ้านายเกิดอะไรขึ้น” อลิซถามเพิ่มเติม

“มีข่าวว่าเย่ฉ่าวเฉินกำลังมาในทิศทางของเราความเร็วของเขาเร็วเกินไป”

อลิซรู้สึกประหลาดใจเช่นกันและจากนั้นก็พูดว่า “เจ้านาย เย่ฉ่าวเฉินเคยมีแผนที่ขุมทรัพย์นี้เขาต้องรู้โดยธรรมชาติว่าสมบัติอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะตามมาแต่ภูเขานี้กว้างใหญ่ขนาดนี้เขาก็อาจจะหาเราไม่เจอก็ได้ ”

“เหอะ แล้วถ้าเจอล่ะ? คนของเราล้วนแต่อยู่ต่างประเทศ คนทีอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่างเป้าหมายของเราคือค้นหาสมบัติ ยังก็ก็ต้องกันไว้ก่อน เราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา ” กาวินมองไปที่เด็กน้อยบนเตียงที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนาน แล้วหัวเราะพูดว่า ” แต่ว่า ขอแค่ลูกเขาและมู่เวยเวยอยู่ในมือพวกเราเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก”

“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปแจ้งให้ทุกคนทราบ”

ด้วยเหตุนี้ คนที่พึ่งกินข้าวเสร็จยังไม่ทันที่จะนอนพักผ่อนบนเตียงเลย ก็ต้องลุกออกจากเตียงและออกเดินทางทันที ลูกน้อยก็กลับมาอยู่ในอ้อมแขนมู่เวยเวยอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ทำให้กาวินรำคาญก็คือในอีกสองวันข้างหน้าไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เย่ฉ่าวเฉินจะไล่ตามเขาจนเจอ ดูเหมือนเขาจะเป็นเหยื่อในสายตาของเย่ฉ่าวเฉินไปแล้ว ความรู้สึกนี้แย่มาก เย่ฉ่าวเฉินยังอยู่ห่างไกลจากเขาอยู่มาก แต่ถ้าวันหนึ่งด้วยความเร็วของเย่ฉ่าวเฉิน เขาอาจจะไล่ตามมาทัน

มันต้องมีอะไรแน่ๆ กาวินนั่งครุ่นคิดอยู่ในรถ แต่ปัญหามันเกิดจากตรงไหน?

นอกหน้าต่างเป็นเทือกเขาสูงและบนยอดเขามีสิ่งก่อสร้างอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นบริษัทสื่อสารหรืออะไร ทันใดนั้นกาวินก็คิดขึ้นได้ ใช่สิ ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงนะ?

“ จางเหิงติดต่อโรงพยาบาลเอกชนหน่อย ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“เจ้านาย คุณรู้สึกไม่สบายหรอ?” จางเหิงถามพลางหันศีรษะ

“ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการตรวจ แต่เป็นบางคนต่างหากที่ต้องตรวจอย่างละเอียด” ดวงตาของกาวินมีประกายแสงที่น่ากลัว

มู่เวยเวยที่อยู่ข้างหลังรถ ไม่รู้ว่าเธอกำลังจะเผชิญกับอะไร เมื่อรถหยุดที่ประตูโรงพยาบาลเอกชนระดับสูง เธอรู้สึกสงสัยบางอย่าง ทำไมเธอถึงมาที่โรงพยาบาล?

มีใครไม่สบาย !

วินาทีถัดมาประตูรถก็เปิดออกทันใดนั้นจางเหิงก็อุ้มเด็กไปจากในอ้อมแขนของเธอ เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็มีบอดี้การ์ดสองคนลากเธอลงจากรถ และใช้ผ้าปิดปากเธอไว้

“อู้ววว -” มู่เว่ยเวยดิ้นรนอย่างหนัก

กาวินเดินมาแล้วยกคางขึ้น “มู่เวยเวย วันนี้เราจะมาดูวิธีที่คุณติดต่อกับเย่ฉ่าวเฉิน”

มู่เวยเวยไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอทำได้เพียงแสดงท่าทางต่อต้าน แต่ที่แขนของเธอถูกคนสองคนล้อมกรอบเธอกระโดดขึ้นและเตะที่หว่างขาของวิน “อู้วว -”

กาวินกลั้นไม่อยู่ในขณะที่เขายกมือขึ้นเพื่อสะบัดมันออกและพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “พาเธอไปตรวจ”

มู่เวยเวยพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้น แต่เธอก็ยังทนไม่ได้กับความแข็งแรงของบอดี้การ์ดทั้งสองไม่นานเธอก็ถูกพาไปที่ห้อง CT และถูกมัดติดกับเตียงแล้วดันเข้าไป

มู่เวยเวยหลับตาลงอย่างผิดหวังเครื่องมือตรวจสอบชนิดนี้สามารถตรวจจับได้แม้กระทั่งหัวเข็มขัดโลหะที่อยู่ข้างใต้ รวมถึงชิปทองที่อยู่ในตัวเธอด้วย

นอกห้องตรวจสอบ กาวินมองไปที่รูปแบบบนคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจและยิ้มเมื่อเห็นชิ้นโลหะบนไหล่ของเธอ

ไม่น่าแปลกใจที่เย่ฉ่าวเฉินสามารถค้นหาเกาะได้อย่างรวดเร็วทุกครั้งที่เขาตั้งถิ่นฐานปรากฏว่าเทคโนโลยีชั้นสูงนี้ซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอ

มู่เวยเวยการแสดงของคุณดีมาก น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นนักแสดง

เมื่อเธอออกมาจากห้อง CT และเห็นการจ้องมองที่ดุร้ายและประชดประชันของกาวินมู่เวยเวยรู้ว่าเขาได้ค้นพบความลับแล้ว เธอก็สงบลงทันทีและจ้องไปที่เขา

“ คุณมู่ คุณซ่อนเก่งดีนะ ฉันเกือบโดนคุณหลอก” กาวินยิ้มเยาะ

“ไม่ ยังไม่ฉลาดเท่าคุณฉันแพ้อย่างราบคาบ” มู่เว่ยเว่ยยิ้มเบา ๆ

กาวินมีคำถามมากมายที่จะถามเธอ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินอาจตามทันได้ทุกเมื่อ

“มาที่นี่พร้อมกับมีดผ่าตัด” เขาพูดกับหมอข้างๆ

มู่เวยเวยถอยหลังและจ้องมองเขา“ คุณต้องการทำอะไร?”

“ แน่นอนก็ต้องเอาสิ่งนี้ออกจากตัวเธอหน่ะสิ จับตัวเธอไว้ ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset