วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 240 ลูกฝึกเรียกคำว่าแม่ได้แล้ว

เย่ฉ่าวเฉินถามอยู่หลายคน แต่ก็ไม่มีใครที่พูดชัดเจน

เสี่ยวซีหร่านนึกถึงเพื่อนที่เป็นตำรวจอาชญากรรม บอกให้เย่ฉ่าวเฉินเอาที่บันทึกเสียงให้กับเธอ ไม่นานทางด้านนั้นก็สั่งสถานที่มาให้อย่างละเอียด

ด้านล่างนี่เป็นตำบลเล็กๆที่อยู่ในอำเภอของมณทลFเมืองC ข้ามจากฝั่งพวกเขาไปอย่างน้อยต้องใช้สี่ชั่วโมง แต่ที่โชคดีก็คือเหยี่ยวราตรีกำลังอยู่ที่เมืองC

ดังนั้นเย่ฉ่าวเฉินจึงให้เหยี่ยวราตรีรีบตามไป เย่ฉ่าวเฉินจะรีบตามไปที่เมืองC ครั้งนี้อาจจะยังไม่เจอมู่เวยเวย อย่างน้อยก็ได้เข้าใกล้แล้วหนึ่งก้าว

ตลอดเส้นทางติดต่อกับเหยี่ยวราตรีอยู่ตลอด ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เหยี่ยวราตรีหาโรงแรมนั้นเจอ หลังจากรู้ทิศทางการหนีออกไปของฝั่งตรงข้าม รีบกลับรถตามไป

“มีเบาะแสอะไรไหม?”เย่ฉ่าวเฉินถามเหยี่ยวราตรีผ่านโทรศัพท์

“ไม่มากครับ เพียงแค่เห็นพวกมันขับรถออกไปทางทิศตะวันตกครับเจ้านาย ตอนนี้ผมกำลังตามไป”

“มองไม่เห็นป้ายทะเบียนรถเลยเหรอ?”เย่ฉ่าวเฉินถาม

เหยี่ยวราตรีพูด”ไม่ครับ โรงแรมนี้เล็ก ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดอะไรเลย”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกผิดหวัง “เอาเถอะ มีเบาะแสอะไรก็รีบรายงานฉัน”

“ครับ เจ้านาย”

ถ้าหากเวลาที่เจ้าของโรงแรมโทรมาบอกเวยเวยออกไปได้ไม่นาน อย่างนั้นการเดินทางของเหยี่ยวราตรีกับมู่เวยเวยก็ห่างกันแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า เพียงแค่ทิศทางถูกต้อง ตามคนพวกนั้นไปก็ไม่ใช่ปัญหา

กุญแจสำคัญคือพวกมันจะไปที่ไหน?

ภายในรถ มู่เวยเวยนั่งอยู่ด้านหลังใช้สองมือยกลูกขึ้นสอนให้ยืน บางครั้งกาวินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ใช้สายตาที่รังเกียจมองเธอ เนื่องจากเรื่องเมื่อวานตอนเย็นเกิดขึ้นอย่างไม่ราบรื่น ตั้งแต่เช้าทั้งสองคนยังไม่ได้คุยกัน

มู่เวยเวยหวังว่าเขาจะเก็บรักษาท่าทางนี้ไว้ พูดตามความจริง เธอไม่อยากคุยกับเขามากเกินไป หลีกเลี่ยงการทำให้อลิซสงสัยและก็ทำให้เธอลำบากใจ

“ลูกรัก เรียกแม่สิคะ เรียกแม่ ” มู่เวยเวยเย้าแหย่ลูก

เด็กน้อยเบิกโตกว้างมองเธอที่ยิ้มอยู่ ปากเล็กๆพูดคุยออกมา แต่ทว่าเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่”แม่”

“แม่ เรียกแม่?” มู่เวยเวยไม่ล้มเลิก สอนเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่กี่วันมานี้ เพียงแค่ต้องขึ้นรถ มู่เวยเวยก็ใช้รูปแบบนี้คุยเข้าหาลูก สิ่งที่ทำให้เธอไม่ยอมแพ้คือ ลูกรักสามารถเรียก”คุณย่า”ได้แล้ว ทำไมถึงยังฝึกเรียกแม่ไม่ได้? ไม่ใช่พูดว่า”แม่” คำนี้ก็ออกเสียงง่ายไหม?

กาวินที่ฟังเธอพูดคำเดิมซ้ำๆจนทำให้รู้สึกหงุดหงิด ในที่สุดก็เอ่ยปากพูด”คุณสามารถจะหยุดได้ไหมสักครู่หนึ่ง?คุณไม่เหนื่อยแต่ลูกเหนื่อยแล้ว ลูกไม่เหนื่อยแต่ฉันฟังแล้วเหนื่อย”

มู่เวยเวยโมโหกลับไป “คุณเหนื่อย คุณก็พักผ่อนสิคะ ฉันขัดขวางคุณเหรอ?”

“คุณอยู่ด้านข้างผม ผมจะพักอย่างไร?”

“อย่างนั้นคุณก็เปลี่ยนให้ฉันนั่งรถอีกคัน”

“มู่เวยเวย คุณอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วเหรอ”

“ตัวประกันก็มีศักดิ์ศรีโอเคไหม?”มู่เวยเวยพายามยกระดับตัวเอง พูดอย่างมีหลักการไปเรื่อยเปื่อยว่า”และอีกอย่างฉันกับลูกของฉันอยู่ในช่วงเวลาฝึกเรียนการพูด ฉันไม่พูดคุยกับเขาเยอะๆ เขาโตขึ้นมามีการสื่อสารที่ผิดปกติจะทำอย่างไร?”

“ผมว่าตอนนี้คุณนะที่สื่อสารผิดปกติ”

มู่เวยเวยก็ไม่หยุดโต้เถียง”ก็ตามแล้วแต่คุณจะพูด ถ้าหากคุณอึดอัดกับฉัน ไม่ก็เปลี่ยนรถ ไม่ก็อดทน”

ถ้ากาวินไม่เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง ฝ่ามือของเขาฟาดออกไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริงๆ มีความสามารถที่ทำลายความนิ่งและการไร้ความรู้สึกที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ทุกครั้งที่ทะเลาะกับเธอทำให้เขาโมโหจนมันเขี้ยว ที่เกลียดที่สุดคือเขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้

สายตาเด็กน้อยที่ไร้เดียงสามองพวกเขาสองคนสลับไปมา หัวเราะแหะแหะ

“ลูกหัวเราะอะไร?เรียกแม่ พูดตามแม่ แม่” มู่เวยเวยก็กลับไปหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์การสอนต่อ

เด็กน้อยอ้าปากขึ้น น้ำเสียงน่ารักและก็นุ่มนวล “แม่ “ถึงแม้จะยังไม่ได้มาตรฐาน แต่ก็เป็นคำพูดที่เรียกว่าแม่แล้ว

มู่เวยเวยตื่นเต้นดีใจอีกนิดหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาแล้ว พูดด้วยความอิ่มเอมว่า”ลูกเรียกแม่ได้แล้ว? ฮ่าๆๆๆ มาๆ เรียกให้ฟังอีกทีสิคะ”

ลูกให้ความร่วมมือมาก”แม่”

คำพูดง่ายๆที่เหมือนเสียงออกมาตามธรรมชาติ เข้ามาปะทุที่หัวใจเธอตรงๆ ในเวลานั้นหัวใจของมู่เวยเวยก็ถูกมาเติมเต็มความอบอุ่น แต่ไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกทุกข์ใจ

ทันใดนั้นน้ำตาก็คลอเบ้า น้ำเสียงของมู่เวยเวยกลายเป็นแหบแห้ง”ลูกรัก ในที่สุดลูกก็เรียกแม่แล้ว”

เด็กน้อยเรียนรู้คำศัพท์นี้ได้แล้ว ก็เหมือนจะมีความสุข เรียกไม่หยุด”แม่ แม่ แม่……”

มู่เวยเวยกลืนน้ำตาลงท้อง ลูบคลำที่ใบหน้าของเขา หยุดร้องไห้แล้วยิ้ม”โอเคแล้วๆ แม่ได้ยินแล้ว เป็นลูกรักที่ดีของแม่จริงๆเลย”

กาวินมองเธอที่ร้องไห้แล้วก็หัวเราะยิ้มออกมาอย่างดูแคลน “คุณควรที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาลดูจริงๆนะ จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นไหม?”

“คุณยุ่งอะไร?” มู่เวยเวยตอบโต้กลับไปอย่างจริงจัง

กาวินหัวเราะเยือกเย็น หันศีรษะกลับไปมองนอกหน้าต่าง เขาอยากอุ้มเด็กน้อยมา ให้เรียกเขาว่า”คุณอา” แต่ถ้าทำอย่างนั้นต้องถูกผู้หญิงคนนี้หัวเราะตายเลย เรื่องเด็กๆอย่างนี้ไม่ทำจะดีกว่า

“อีกสักพักพวกเราจะไปไหนกัน?” มู่เวยเวยถามไปอย่างนั้น

“จะทำอะไร?”

“นมผงของลูกกินหมดแล้ว คุกกี้ก็หมดแล้ว และยังมีผ้าอ้อม ของกินแล้วก็ของใช้สวมใส่ใช้หมดทุกอย่างแล้ว ฉันหิวมื้อหนึ่งไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาหิวหรอกนะ” มู่เวยเวยพูดอย่างจริงจัง ของเหล่านี้เป็นของกิน การจะเดินทางก็เตรียมไว้เยอะแล้วแต่ก็ใช้หมดภายในวันเดียว

กาวินหันศีรษะกลับไปมองเด็กน้อยที่หัวเราะอย่างเจิดจ้าสว่างไสว ใช่ไม่สามารถที่จะปล่อยให้เขาหิว เขาร้องขึ้นมาแทบจะเอาชีวิตคนได้เลย ดังนั้นจึงพูดกับจางเหิงที่ขับรถว่า”ด้านหน้าถ้าเจอซุปเปอร์มาเก็ตที่ใหญ่ก็จอดหน่อยนะ ถือโอกาสไปซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันด้วย”

“ได้ครับ เจ้านาย”

มู่เวยเวยยิ้มร้ายอยู่ในใจ เธอต้องคิดดีๆว่าอีกสักครู่นี้จะทิ้งเครื่องหมายสัญลักษณ์อะไรไว้ให้เย่ฉ่าวเฉิน

“ลูกรัก รออีกสักครู่แม่จะลงไปซื้ออาหารให้ลูกดีหรือไม่ดี?”

“ข้าวๆ ข้าว…….” เด็กน้อยพูดคำนี้ได้ เพราะว่าทุกครั้งที่เขาพูดคำนี้ ก็จะได้กินอาหารที่เลิศรส

“ลูกเหมือนแม่ได้อย่างไร แม่เป็นคนกินเก่ง”มู่เวยเวยพูดใกล้ศีรษะเขา

กาวินพูดในใจว่าก็ยังดีที่ไม่ใช่คนโง่

รถเข้าไปในเมืองที่เป็นอำเภอค่อนข้างใหญ่ จางเหิงซอกแซกเข้าหาจนเจอซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ที่มองดูแล้วก็ใช้ได้ จอดรถดีแล้ว มู่เวยเวยแบมือออกต่อหน้ากาวิน

“ทำอะไร?” กาวินถามอย่างไม่เข้าใจ

มู่เวยเวยท่าทางเคร่งขรึมพูดว่า”เอาเงินมา คุณหักบัตรเครดิตฉันแล้ว หรือว่าฉันไปซื้อของถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ?”

กาวินแพ้ให้กับความหน้าด้านของเธอ แปลกประหลาด ก็เห็นชัดเจนว่าเขาโหดเหี้ยม ทำไมยิ่งนานวันเธอยิ่งไม่กลัวเขาเลย?

“จางเหิงจะไปกับเธอ จะซื้ออะไรเขาก็มีเงินติดตัวอยู่ ” กาวินพูดอย่างเย็นชา

“อ้อ”มู่เวยเวยอุ้มลูกเตรียมลงรถ แต่ทว่าถูกเขารั้งไว้ ยังไม่ทันได้สติกลับมา ลูกก็ผละออกจากอ้อมกอดเธอไปอยู่ในมือของเขา

“มีปัญหาไหม?”กาวินขมวดคิ้วมองเธอ

“ไม่มี แน่นอนว่าไม่มี “มู่เวยเวยตาขวางใส่เขา อีกอย่างท่าทางอย่างนั้น ไม่มีปัญหาสิแปลก

“จางเหิง เอาคนไปเพิ่มอีกสองคน”

มู่เวยเวยกำลังจะลงรถ ได้ยินคำนี้ก็หันศีรษะกลับไปพูดถากถางว่า”ลูกก็อยู่ในมือคุณ คุณยังกลัวว่าฉันคิดหนีแล้วจะสามารถหนีไม่ไปได้?”

“ใครจะไปรู้?”

“ชิ!” มู่เวยเวยเปิดประตูลงรถ กำลังที่จะปิดประตูกระแทกเข้าไปเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์โกรธของเธอ ก็กลัวว่าจะทำให้ลูกตกใจเลยปิดประตูอย่างนุ่มนวล

กาวินไม่ไปซุปเปอร์มาเก็ตเป็นเรื่องปกติ เขาใส่หน้ากากออกไปปรากฎตัวในที่ที่คนเยอะ ก็เป็นจุดสนใจของกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว และเขาเอาเด็กไว้ หนึ่งคือเป็นเพราะเด็กอยู่ มู่เวยเวยก็ไม่มีทางทำตัวเป็นผีหลบหนี เด็กคนนี้มีเอกลักษณ์ ง่ายที่จะถูกเปิดเผยออกไป

และที่เขาสั่งให้จางเหิงพาคนไปด้วยอีกสองคน เพียงเพราะว่ากลัวว่าพวกเขาจะซื้อของเยอะ หิ้วไม่ไหวก็เท่านั้น แต่ว่ามู่เวยเวยจะคิดอย่างนั้น เขาก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ

“มา เรียกว่าคุณอาให้ฟังหน่อย” กาวินหยอกเย้าแก้มเล็กของเขา สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น

เด็กน้อยยื่นมืออกไปลูบหน้ากากของเขา แบะปากหัวเราะเหอะๆ”จุนยา”

“ไม่ใช่จุนยา คือคุณอา”กาวินตั้งใจแก้ให้เขาพูดให้ถูกต้อง

เด็กน้อยมองที่ริมฝีปากเขาสักพัก เหมือนกับเขาจะพูดอย่างนั้น ผลสรุปก็ยังคงพูด”จุนยา”

กาวินยิ้มเจื่อน “เด็กน้อย ไม่ใช่จุนยานะ เป็นคุณอา ฉันเลี้ยงดูหนูมาตั้งนาน ทำไมหนูถึงเรียกคุณอาไม่ได้เลยล่ะ?”

เด็กน้อยหัวเราะเบาไไม่หยุด”จุนยา จุนยา ”

“คุณอา”

“จุนยา”

………………..

ในเวลานั้น

ซุปเปอร์มาเก็ตเต็มไปด้วยความคึกคัก ยินดีต้อนรับทุกที่

เห็นข้อความลดราคากับธงสีแดง ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น นานเท่าไหร่แล้ว เธอออกจากโรงแรมก็นั่งแต่ในรถ ลงรถก็ต้องขึ้นเขา นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอสินค้ามากมายอย่างนี้

เดินมุ่งตรงไปที่แหล่งขายนมผง พนักงานแนะนำสินค้าเดินมาต้อนรับอย่างสุภาพ”สวัสดีค่ะ ต้องการให้แนะนำไหมคะ?”

มู่เวยเวยผงกศีรษะทันที “อืม ฉันต้องการซื้อนมผงค่ะ”

“ลูกของคุณอายุเท่าไหร่คะ?ตอนนี้กินนมอะไรอยู่คะ?”

“ใกล้จะเจ็ดเดือนแล้วค่ะ กินนมผงของต่างประเทศค่ะ ฉันก็ไม่ค่อยจะรู้จักเท่าไหร่”

พนักงานแนะนำสินค้ารีบมองเสื้อผ้าที่เธอใส่ ถึงแม้ว่ามองดูแล้วธรรมดา แต่ดูไม่ยากว่าฝีมือละเอียดงดงาม เสื้อผ้าก็เป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด

เด็กอายุเจ็ดเดือนเหมาะที่จะกินนมที่มีแร่ธาตุเสริมค่ะ ส่วนที่จำเป็นต้องบำรุงร่างกายเด็กมีครบหมด “พนังงานแนะนำสินค้าหยิบนมผงที่แนะนำจากชั้นวางสินค้าด้านล่างมาชนิดที่ราคาแพงลิบลิ่ว”

มู่เวยเวยไม่เคยซื้อนมผงให้ลูกเลยสักครั้ง ก็ไม่รู้ว่าควรจะซื้ออย่างไร แต่เธอรู้ว่าต้องไม่เปลี่ยนมาตรฐาน คุณภาพต้องได้ตามราคา นมผงที่ราคาแพงประสิทธิภาพของมันต้องครอบคลุมรับประกัน

“ที่นี่มีนมผงที่นมเข้าไหมคะ ดีที่สุดเอาเป็นของยุโรป ” มู่เวยเวยถาม

พนักงานแนะนำสินค้าตาลุกวาว หยิบนมจากชั้นวางสินค้าชั้นบนสุดลงมาหนึ่งกระป๋อง”คุณลองดูชนิดนี้ เพิ่งนำเข้ามาถึงเมื่อวานเลย นี่เป็นนมผงของออสเตรเลีย Bellamy’s organic2 มีเพิ่มวิตามินกับแร่ธาตุ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยได้ดีมาก และยังไม่ใช้ยาที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ไม่ดี สุขภาพดีตามธรรมชาติเลย ลูกน้อยอายุเจ็ดเดือนกินดีมาก”

มู่เวยเวยดูราคาก็รู้สึกว่าดีมากอยู่ที่เจ็ดร้อยห้าสิบหยวน แต่ว่าไม่ได้ใช้เงินของเธอเอง เธอก็เริ่มอยากจะยืดเวลาอีก แกล้งทำเป็นถามต่อ “ยังมีที่ดีกว่านี้ไหมคะ”

“มีค่ะ ” พนักงานแนะนำสินค้าหยิบกระป๋องที่แพงที่สุดให้ดูอย่างยินดี “ชนิดนี้ก็ผลิตจากออสเตรเลียนะคะ ดีกว่าชนิดนั้นมาก”

ที่ว่าดีกว่าก็คือราคาแพงกว่าชนิดเมื้อกี้หนึ่งเท่าตัวเลย

“สองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร?”

จางเหิงที่ยืนอยู่ด้านหลังทนไม่ไหว พูดอย่างหงุดหงิดว่า”เร็วกว่านี้ได้ไหม กินอะไรก็เหมือนกันไหม?”

มู่เวยเวยขมวดคิ้วสงสัย “จะเหมือนกันได้อย่างไร?แน่นอนว่าฉันต้องถามนมผงที่เหมาะสมกับให้ลูกฉันกิน”

“วุ่นวายจริงๆ”จางเหิงบ่นอย่างไม่พอใจ

“ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่าวุ่นวายก็ไปซื้อของที่คุณอยากซื้อสิ ทำไม่จะต้องตามฉันอยู่ตลอด?”

จางเหิงจ้องเธอเขม็งด้วยความโมโห เพื่อที่จะประหยัดเวลา เขาพูดกับลูกน้องสองคนว่า”พวกนายดูเธออยู่ที่นี่ ซื้อของเสร็จแล้วโทรหาฉัน พวกเราเจอกันที่จุดชำระเงิน”

“ครับ”

มู่เวยเวยแกล้งถามพนักงานแนะนำสินค้าต่อ แต่ทว่าในใจรู้สึกลำพองใจ เพียงแค่จางเหิงไปก็ง่ายขึ้น

ตอนนี้นมผงหนึ่งกระป๋องหนึ่งอาทิตย์ลูกกินหมด มู่เวยเวยคิดแล้วคิดอีกถามพนักงงานแนะนำสินค้าว่า”เอาที่แพงที่สุดให้ฉันสองกระป๋องนะคะ”

“ได้เลยค่ะ “พนักงานแนะนำสินค้ายิ้มกว้าง นานแล้วที่เธอไม่ได้เจอลูกค้าที่รวยใช้เงินอย่างนี้

“คุณถือไว้ ” มู่เวยเวยหันเอานมสองกระป๋องยื่นให้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง เป็นคนใช้แรงงาน ทำไมเธอถึงจะต้องไม่ใช้?

บอดี้การ์ดที่ยืนห้อยแขนอยู่ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรรับ มู่เวยเวยขมวดคิ้วพูดยั่วยุ”นี่พี่ชาย กาวินสั่งให้พวกคุณมาหิ้วของนะ ต้องการที่จะโทรหาเขาเพื่อยืนยันไหม?”

ทั้งสองคนมองตากัน รับนมสองกระป๋องมาถืออย่างเงียบๆ

ที่จริงมู่เวยเวยสามารถซื้อได้มากกว่านี้ แต่ว่าซื้อเยอะแล้วครั้งหน้าก็ไม่มีโอกาสออกมา อย่างนั้นก็ซื้อไปนิดหน่อยดีกว่า อย่างนั้นจะทำให้มีโอกาสอีกหลายครั้งเข้าซุปเปอร์มาเก็ต ก็จะสามารถทิ้งร่องรอยไว้ได้มากขึ้น

มาถึงแผนกของใช้เด็ก มู่เวยเวยมองเห็นของใช้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยรู้สึกชอบจนอดใจจะไม่ไหว ชุดรับประทานอาหาร หมวก เสื้อผ้า ยังมีประเภทขวดนมให้เด็กจับเอง ของเล่น แก้วน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นต้น เพียงแค่รู้สึกว่าลูกสามารถใช้ได้ ก็หยิบที่ราคาแพงมาทั้งหมด

ไม่นานมือของบอดี้การ์ดทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยของใช้ที่หยิบมา

“พวกคุณไปหารถเข็นมาสิ อย่างนี้จะถือไหวได้อย่างไร?ยังมีอีกเยอะที่ฉันยังไม่ได้ซื้อ “มู่เวยเวยพูด

บอดี้การ์ดทำอะไรไม่ได้ อีกคนหนึ่งที่หอบหิ้วของเต็มมือไปหารถเข็นมา

พนักงานแนะนำสินค้าตื่นเต้นกับการกระทำของเธอ ท่าทางก็ยินดีให้บริการเพิ่มมากขึ้น มู่เวยเวยมองเห็นโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อเธอแวบหนึ่ง ในใจมีแผนการขึ้นมาทันที

หยิบครีมอาบน้ำเด็กยี่ห้อหนึ่งลงมากจากชั้นวางสินค้า ปากก็พร่ำรำพันว่า”อันนี้น่าจะใช้ดี”

พนังงานแนะนำสินค้ารีบพูดทันที”ใช่ๆ ครีบอาบน้ำนี้เป็นชนิดอ่อนโยน เหมาะกับลูกน้อยใช้มากๆ”

มู่เวยเวยไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบครีมอาบน้ำวางใส่มือบอดี้การ์ดเป็นชั้นให้สูงขึ้น ไม่ระมัดระวังโยกสั่นหวั่นไหว

“โครม——”ของที่อยู่ในอ้อมแขนหล่นลงมาทั้งหมด

มู่เวยเวยมองด้วยสายตาโกรธ “คุณทำไมไม่ระมัดระวัง ?รีบเก็บขึ้นมาเลยนะ”

บอดี้การ์ดคนนี้พูดง่าย ก้มศีรษะลงไปเก็บของขึ้นมา

มู่เวยเวยรีบลากพนักงานแนะนำสินค้ามาอีกชั้นวางสินค้าแถวอื่น พูดเบาๆว่า”สวัสดี ขอใช้โทรศัพท์ได้ไหม?ฉันอยากส่งข้อความให้สามี”

พนักงานแนะนำสินค้ามึนงง”โทรศัพท์ของคุณล่ะ?”

“ฉันอธิบายอะไรมากไม่ได้ ขอร้องคุณนะคะ ฉันมีธุระด่วนจริงๆ ฉันกับสามีถูกบังคับให้แยกจากกัน ฉันต้องให้เขารีบมาช่วยฉัน”

พนักงานแนะนำสินค้าอาจจะถูกแววตาที่น่าสงสารของเธอโน้มน้าวใจ หยิบโทรสัพท์ขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอ หลังจากนั้นก็ยื่นให้เธอ

มุ่เวยเวยใจเต้นแรงเหมือนพายุโหมกระหน่ำ เธอกดเบอร์ที่คุ้นเคย มือทั้งสองข้างสั่นเทากดพิมพ์ข้อความ ฉันคือเวยเวย นี่เป็นโทรศัพท์ของคนอื่น ฉันอยู่ในอำเภอหนึ่งที่อยู่ในเมืองC

พิมพ์คำเหล่านี้เสร็จ เธอกดส่งออกไป หลังจากนั้นก็คืนโทรศัพท์ให้พนักงานแนะนำสินค้า

“ยังซื้อไม่เสร็จอีกเหรอ?” เสียงเย็นชาดังขึ้นด้านหลัง มู่เวยเวยสีหน้าหยุดชะงักแข็งทื่อ หนึ่งวินาทีถัดมาก็ปรับสีหน้าหันกลับมาพูดว่า”คุณนี่เร็วจริง”

เดินหลังของจางเหิงมีบอดี้การ์ดที่ให้ไปหารถเข็น น่าจะเจอกันระหว่างทาง ในรถเข็นมีของวางอยู่เยอะมาก ผลไม้กับอาหารจัดว่าเยอะสุด

“อยากจะซื้อก็เร็วๆหน่อย ผมไม่มีเวลามาก”

มู่เวยเวยก็ถือโอกาสหยิบเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายมาหนึ่งตัว ถามพนักงานแนะนำสินค้าว่า”ตัวนี้เด็กอายุเท่าไหร่ถึงจะใส่ได้คะ”

พนักงานแนะนำสินค้าได้สติกลับมาทันที”อ้อ ตัวนี้เด็กอายุหนึ่งขวบใส่ได้ค่ะ”

มู่เวยเวยกวาดมองแผนกเสื้อผ้าหนึ่งรอบ ชี้อยู่เจ็ดแปดชุดพูดว่า” ที่ฉันชี้มาเมื้อกี้ เอาอย่างละหนึ่งชุดนะ เด็กอายุเจ็ดแปดเดือนใส่”

“ห้ะ? เอาหมด?”พนักงานแนะนำสินค้าสายตามึนงง

“ใช่ ฉันเพิ่งจะพูดไปคือเอาหมด”

เธอทำให้จางเหิงโมโหมาก”คุณจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ?”

มู่เวยเวยพูดถากถางว่า”จางเหิง ก็ไม่ได้ใช้เงินของคุณเลยนะ คุณจะเสียดายอะไร?”

จางเหิงไม่รู้จะพูดอย่างไร ทิ้งประโยครุนแรงมาหนึ่งประโยค”ให้เวลาสามถึงห้านาที ไม่ไปยังไงก็ต้องไป”

พนังงานแนะนำสินค้ารีบหยิบเสื้อผ้าลงใส่ถุงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมอบให้มู่เวยเวย เธอรับถุงสินค้านั้นมา กุมที่ข้อมือของพนักงานแนะนำสินค้าแน่น สายตาเธอเต็มไปด้วยการอ้อนวอนขอร้อง

“โอเค ถึงเวลาแล้ว”

จางเหิงไม่สนใจว่ามู่เวยเวยได้ของครบหรือยัง ลากแขนของเธอเดินออกมาทางด้านนอก

“คุณปล่อยฉันนะ ฉันเดินเองได้”

จางเหิงไม่ได้สนใจเธอ ก็ยังลากเธอเดินต่อ

“ถ้าหากยังไม่ปล่อยฉันจะร้องไม่เกรงใจแล้วนะ “มู่เวยเวยพูดจบก็เตรียมจะร้องเสียงดังขึ้น จางเหิงเหมือนสัมผัสไฟฟ้าปล่อยมือออกจากแขนเธอ

ในเวลานี้ ไม่สามารถทำให้เป็นจุดสนใจได้

มู่เวยเวยหันศีรษะกลับไปจ้องมองพนักงานแนะนำสินค้าอย่างมีความหวัง หนึ่งวินาทีก่อนหายลับออกไปจากชั้นวางสินค้า เธอมองเห็นพนักงานแนะนำสินค้ากำลังรับสายโทรศัพท์

เย่ฉ่าวเฉินโทรมา

นี่คือความรู้สึกของผู้หญิง

มู่เวยเวยทายไม่มีผิด สายนั้นคือเย่ฉ่าวเฉินโทรมาจริงๆ เพราะปัญหาของสัญญาณ ล่าช้าไปไม่กี่นาที เขาก็ได้รับข้อความ ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าได้รับแล้ว

“สวัสดี เมื่อกี้คุณส่งข้อความหาผมหรื่อไม่?” เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างร้อนใจ

“ไม่ใช่ฉันค่ะ ผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งใช้โทรศัพท์ของฉันส่ง ” พนักงานแนะนำสินค้าใจเต้นแรงมาก ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงที่ดึงดูดของผู้ชาย หรือว่าเธอกำลังทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่

“เธอล่ะ?คนที่ส่งข้อความมาล่ะ?”

“ถูกคนนำตัวไปเมื้อกี้ค่ะ”

เย่ฉ่าวเฉินหยุดไปสักพักหนึ่งแล้วพูด”คุณผู้หญิงครับ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือภรรยาของผม ตอนนี้เธอตกอยู่ในอันตราย คุณสามารถส่งสถานที่อยู่ของคุณในตอนนี้มาได้ไหม?”

พนักงานแนะนำสินค้าตอบตกลงทันที”อย่างนั้นฉันจะส่งตำแหน่งให้คุณ”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ”

พนักงานแนะนำสินค้ากำลังจะวางสาย แต่ทว่าได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นถามว่า”ขอถามหน่อยครับ เธอยังดูโอเคอยู่ไหมครับ?”

“เธอดูปกติดีค่ะ แต่ผู้ชายคนนั้นปฎิบัติกับเธอไม่ดีเลย “พนังงานแนะนำสินค้าพูดออกไป เธอก็เป็นผู้หญิง เกลียดที่สุดก็คือผู้ชายที่ทำไม่ดีกับผู้หญิง

เย่ฉ่าวเฉินหัวใจบีบรัดแน่น เจ็บปวด

“รบกวนช่วยส่งตำแหน่งของคุณให้ผมด้วยครับ”

“อ้อ ได้ค่ะ”พนักงานแนะนำสินค้ากดวางสาย หลังจากที่ส่งตำแหน่งเสร็จก็ยืนงงอยู่ ทำไมแค่ได้ฟังเสียงของผู้ชายคนนี้ ถึงรู้สึกได้ว่าเขาทุกข์ใจมาก?

ด้านนอกซุปเปอร์มาเก็ต

กาวินเพ่งเล็งของที่มู่เวยเวยซื้อมาจำนวนมาก ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขาคาดการณ์ไว้แล้วอย่างไรเธอก็ไม่ได้จ่ายเงินตัวเอง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ต้องมีมิตรน้ำใจเห็นใจในการซื้อ เพียงแค่ซื้อของใช้เธอใช้เงินไปเกือบหนึ่งหมื่นหยวน เก่งจริงๆ

ช่วงเวลาเที่ยง ตามความคุ้นชิน จางเหิงหาร้านอาหารค่อนข้างที่จะห่างไกลจากผู้คน วันนี้พวกเขาเร่งการเดินทาง เพราะฉะนั้นเลยมีเวลามาก

มู่เวยเวยรู้สึกว่านานมากแล้วที่ตัวเองไม่ได้นั่งกินอาหารสบายๆในร้านอาหาร

กาวินไม่ถนัดการเลือกอาหารเที่ยง การเลือกสั่งอาหารจึงเป็นคุณฉ่ายจัดการแทน

ในเวลารับประทานอาหาร กาวินปรึกษาเรื่องการเดินทางขั้นต่อไปกับคุณฉ่าย เวลานี้โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น มู่เวยเวยจับได้ว่าสายตาของเขาเย็นชาขึ้นมาทันที คนที่โทรมาคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

ที่แท้ กาวินรับสายโทรศัพท์แล้วพูดว่า”ฉู่เซวียน”

มู่เวยเวยหนังตากระตุก ฉู่เซวียนหนีออกมาได้?กาวินพูดต่ออีกว่า”อย่างนั้นก็ดี ฉันยังเป็นห่วงนายอยู่ตลอด”

ชิ คนโกหก! มู่เวยเวยพูดในใจเงียบๆ คุณจะเป็นบ้าเพราะแผนที่ล้ำค่านั้นอยู่แล้ว เป็นห่วงฉู่เซวียนตั้งแต่เมื่อไหร่?

“นายไม่ต้องมา ตอนนี้พวกเราก็กำลังดี……อืม ใช่……”กาวินมองมู่เวยเวยที่สนุกสนานมีความสุข พูดเสียงเย็นว่า”เธอกินได้นอนหลับ”

มู่เวยเวยได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่ากำลังพูดถึงเธอ

เธอกินได้นอนหลับตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ได้ ฉันจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้วจะกลับไปหานาย นายดูแลตัวเองดีๆ” คำสุดท้ายกาวินพูดอย่างอบอุ่น เหมือนกับขนที่คอของหงส์ มู่เวยเวยไม่เคยเจอกาวินในลักษณะนี้ เงยศีรษะขึ้นมองเขาอัตโนมัติอยู่หลายครั้ง

สรุปแล้วเขามีความรู้สึกอย่างไรกับฉู่เซวียน? ไม่เข้าใจจริงๆ

กาวินเก็บโทรศัพท์ สายตาก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยอีก “มองอะไร?”

“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ” มู่เวยเวยอยากจะไปรายงานสถานการณ์

กาวินใช้คางชี้แล้วชี้อีกที่มุมของที่นั่งพิเศษ “อยู่นั่นไง”

เออ ผิดคาดเลยนะ

ใจกลางมณฑล

ในเวลานี้ เหยี่ยวราตรีกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดในซุปเปอร์มาเก็ต ไม่นานใบหน้าที่คุ้นชินก็ปรากฎขึ้นมาในกล้อง ข้างหลังเธอยังมีผู้ชายติดตามาสามคน ในมือสองคนถือถุงของเต็มมือ คนที่เดินไปคนสุดท้ายนั้น เหยี่ยวราตรีมองอย่างละเอียด คล้ายกับเย่ฉ่าวเฉินให้ดูคนชื่อจางเหิงคนนั้น

เพียงแค่เห็นว่ามู่เวยเวยกับจางเหิงเข้าไปนั่งในรถเก๋งสีดำที่จอดอยู่หน้าซุปเปอร์มาเก็ต ชายอีกสองคนหิ้วของไปขึ้นรถOff Roadที่จอดอยู่ด้วยหลัง

มองดูขบวนรถสามคันที่เคลื่อนย้ายผ่านด้านข้าง

เหยี่ยวราตรีหยุดภาพไว้ที่รถสามคัน สองคันเป็นรถOff Roadสีเขียว อีกคันมองภายนอกดูธรรมดา รถHummerสมรรถนะกับการเคลื่อนไหวที่ดีเยี่ยม และมู่เวยเวยขึ้นรถHummerคันนี้

เหยี่ยวราตรีรู้สึกดีใจขึ้นมา ตามหามาตั้งนาน ครั้งแรกที่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามขับรถอะไร ถึงแม้ว่ากล้องจับภาพจะแย่มอง มองป้ายทะเบียนรถไม่ชัด แต่เพียงแค่รู้ว่าเป็นรถอะไร ครั้งหน้าก็หาง่ายขึ้นมาก

“ขอบคุณครับ”เหยี่ยวราตรีพูดอย่างนุ่มนวลกับผู้จัดการซุปเปอร์มาเก็ต

ผู้จัดการเช็ดเหงื่อที่อยู่บนศีรษะ พูดติดอ่างว่า”ไม่ ไม่เป็นไร”

“ฉันไปละ”

เหยี่ยวราตรีพาคนไปตามู่เวยเวย ผู้จัดการนั่งอ่อนแรงอยู่บนเก้าอี้ พนักงานที่อยู่ด้านข้างถามว่า”ต้องการที่จะแจ้งความไหมผู้จัดการ”

ผู้จัดการตบเข้า”เพี้ยะ”เข้าที่ท้ายทอยของเขา “นายโง่เหรอ แจ้งความเอาเรื่องวุ่นวายมาให้ตัวเอง?”

เหยี่ยวราตรีกำลังตามหารถสามคันในมณฑลที่ไม่ใหญ่นี้ อีกด้านก็โทรศัพท์ส่งข่าวเย่ฉ่าวเฉิน

“ดีมาก ฉันยังเหลืออีกสองชั่วโมงกว่าจะไปถึงตรงที่นายอยู่ ระวังอย่าให้พวกมันแตกตื่นรู้ตัว ตามอยู่ไกลๆก็พอ” เย่ฉ่าวเฉินกำชับ

“ทราบแล้วครับ เจ้านาย”

วนรอบมณฑลอยู่สองสามรอบ ที่งงคือไม่พบร่องรอยของรถทั้งสามคัน ในระหว่างที่เหยี่ยวราตรีกำลังหงุดหงิดใจ ลูกน้องคนหนึ่งก็โทรเข้ามา”พี่เหยี่ยวราตรี ผมมองเห็นรถพวกมันแล้ว จอดอยู่ที่ร้านอาหารส่วนตัวที่อยู่ห่างไกลผู้คน”

“ดีมาก ส่งตำแหน่งมาให้ฉัน ” เหยี่ยวราตรีตื่นเต้นมาก

คันเร่งเหยียบเร็วที่สุด ประมาณสิบนาที เหยี่ยวราตรีก็มาถึงหน้าประตูร้านอาหารส่วนตัวห่างไกลออกจากผู้คน อยู่ฝั่งทางม้าลายมองไป ก็เป็นรถOff Roadสองคันกับรถ Hummerอีกหนึ่งคันจอดอยู่

“เป็นรถของพวกมัน”เหยี่ยวราตรีอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้”คุณย่า กูหามึงมามากกว่าครึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดกูก็จับได้แล้ว ครั้งนี้ยังไงก้ไม่มีทางปล่อยให้พวกมันหนีไปได้อีก”

“พี่เหยี่ยวราตรี ต้องการหรือไม่ต้องการเข้าไปดู?”ลูกน้องถาม

เหยี่ยวราตรีคิดพิจารณาอยู่สักครู่ ในที่สุดก็ส่ายศีรษะ”ไม่ต้อง จ้องมองอยู่ที่นี่ “เขาไม่แน่ใจว่าฝั่งตรงข้ามรู้จักพวกเขาทุกคนไหม เพราะฉะนั้นไม่แหวกหญ้าให้งูตื่นดีกว่า

ผ่านไปไม่กี่นาที คนขบวนหนึ่งออกมาจากร้านอาหาร

ด้านหน้าเป็นชายร่างใหญ่เหมือนเสือจำนวนหนึ่ง มองตรวจสอบรอบๆอย่างว่องไวเฉียบแหลม ไม่พบเห็นคนที่น่าสงสัย ถึงคุ้มกันชายที่สวมหน้ากากส่งขึ้นรถ ด้านหลังมีมู่เวยเวยที่อุ้มลูกตามมา และจางเหิงกับตนจำนวนหนึ่ง

เหยี่ยวราตรีรู้สึกว่าจุดไท่หยางเต้นตุบๆ ชายสวมหน้ากากคนนั้น เขาเคยเจอในท้องทะเลหนึ่งครั้ง นั่นเรียกว่าความกำเริบเสิบสาน

รถทั้งสามคันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขับออกไปทางออกนอกเมือง

“พวกฉันจะขับไปด้านหน้า พวกนายตามประกบด้านหลัง อย่าให้พวกมันรู้ตัว” เหยี่ยวราตรีแจ้งให้ลูกน้องในรถอีกคันทราบ

“เข้าใจแล้วครับ”

ภายในรถHummer

หลังจากที่ลูกกินดิ่มจนอิ่มมีท่าทางไม่คึกคัก ปีนขึ้นมาที่หน้าอกเธอขึ้นมาได้ไม่นานก็เล่นกระดุมเสื้อของเธอ มู่เวยเวยก็รู้สึกง่วงนอน ก็ปล่อยตามเขา คล้ายกลับว่ากำลังจะหลับไป แต่ทว่าได้ยินเสียงนุ่มนวลของลูกหัวเราะ”คิกๆ——”

มู่เวยเวยลืมตาขึ้น “เห็นอะไรเหรอ? ทำไมมีความสุขอย่างนั้น?” มองตามสายตาลูกออกไป หุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์มเมอร์สที่วางอยู่บนเก้าอี้ก็เริ่มเล่นไม่ได้แล้ว ยังพลิกตีลังกา

ความง่วงของมู่เวยเวยถูกทำให้ตื่นตกใจทันที คว้าจับหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์มเมอร์สได้ทัน หันศีรษะมองกาวิน เขาก็เหมือนกับว่ากำลังง่วง หน้าหันไปทางหน้าต่างหลับพักสายตา

ก็ยังดีๆ เขามองไม่เห็น มู่เวยเวยถอนหายใจอย่างโล่งอก หันสีรษะกลับมามองสายตาของลูก สีดวงตาก็ยังเป็นเหมือนเดิม ข้างหนึ่งสีม่วงอีกข้างสีฟ้า ถ้าอย่างนั้นลูกสีดวงตาไม่ต้องเปลี่ยนก็สามารถใช้การทำงานพิเศษได้?

“นอนดีๆ ห้ามเล่นแล้ว”มู่เวยเวยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เด็กน้อยไม่มีความสุข

“แม่บอกว่าห้ามเล่นก็คือห้ามเล่น เข้าใจไหม?” มู่เวยเวยสีหน้าจริงจัง เธอไม่รู้ว่าที่เธอพูดลูกจะฟังเข้าใจไหม

เด็กน้อยเม้มปาก รู้สึกเสียใจเหมือนจะร้องไห้ออกมาแล้ว แม่ดุมาก แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยดุลูกน้อยเลย

มู่เวยเวยมองหน้าที่เศร้าสร้อยของเขา รู้สึกเศร้าใจ แต่นี่เป็นครั้งแรงที่เขาใช้การทำงานพิเศษในเวลากลางวัน ถ้าหากว่าไม่บอกเขาอย่างจริงจังว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง อย่างนั้นต่อไปเรื่องนี้ก็จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ

ลองคิดดู ทุกคนกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่บนโต๊ะ แต่ทว่าเขากลับเล่นถ้วยจานบนอากาศอย่างสนุกสนาน

“แม่กำลังบอกลูกอย่างจริงจังนะ ต่อไปห้ามทำอย่างนี้รู้ไหม?”

กาวินรู้สึกว่าไม่ปกติ หันศีรษะกลับมา “เขาทำอะไร? ทำไมเธอต้องเข็มงวดกับเขาอย่างนั้น?”

มู่เวยเวยชะงักไม่กี่วินาทีก็ปั้นคำโกหก”เขาจงใจถุยน้ำลายใส่เสื้อฉัน”

“เชอะ เรื่องเล็กแค่นี้เธอยังด่าเขา?” กาวินเชื่อข้ออ้างนี้ของเธอ หันศีรษะกลับไปมองทิวทัศน์ต่อ

“แน่นอนว่าสอนลูกก็ต้องสอนตั้งแต่ยังเด็ก ถึงจะทำให้เขาคุ้นชินกับการสอนที่ดี “มู่เวยเวยพูดเสริม

เด็กน้อยไม่เพียงแค่รู้ความผิดของตัวเอง ยังทำเพื่อให้แม่มีความสุข โอบกอดคอเธออย่างออดอ้อน เรียกอย่างนุ่มนวลว่า”แม่ๆ”

ความกังวลร้อนใจเมื้อกี้ก็ลดลง ถอนหายใจออกมาเบาๆ อุ้มเขามาในอ้อมกอด

“โอเคแล้ว แม่ให้อภัยลูกแล้ว แต่ว่าต่อไปห้ามทำอย่างนี้อีก รู้ไหม?”

กาวินฟังต่อไปไม่ไหว พูดเสียงเย็นชาว่า”เขาเพิ่งจะอายุหกเดือนกว่า เขาฟังออกเหรอ?”

“เกี่ยวอะไรกับคุณ” มู่เวยเวยพูดอย่างเคียดแค้นไป

มู่เวยเวยพบว่าคำพูดนี้ใช้ได้ผล เพียงแค่เธอไม่อยากตอบคำถามของกาวิน ก็สามารถใช้คำนี้ตัดบทสนทนา ยังทำให้เขาดมโหได้อีก ง่ายอย่างนี้รู้สึกสบายมาก

ภายในรถเงียบสงบลง มู่เวยเวยมองออกนอกหน้าต่างดูนาข้าวที่กว้างใหญ่ เริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินเดินทางมาถึงไหนแล้ว? พนักงงานแนะนำสินค้าที่ใจดีคนนั้นได้บอกที่อยู่กับเขาไหมนะ

ผลสุดท้ายแล้วถึงเมื่อไหร่ เธอกับลูกถึงจะเลิกถูกคนบังคับ ใช้ชีวิตที่ยากลำบากเร่ร่อน

ไม่รู้ว่าขับมานานเท่าไหร่แล้ว เครื่องอินเตอร์คอมภายในรถดังขึ้นทันที

“เจ้านายครับ มีรถกำลังตามพวกเราครับ”

ความง่วงของมู่เวยเวยก็หายวับในฉับพลัน เย่ฉ่าวเฉินตามาแล้วใช่ไหม?

รถของกาวินอยู่ตรงกลาง ข้อความส่งมาจากรถคันที่อยู่ด้านหลัง

“พวกมันเป็นใคร?”กาวินถาม

“ไม่รู้ครับ คาดว่าตามพวกเราออกมาตั้งแต่อยู่ในมณฑลทางด้านหลังอย่างไม่เกาะติดครับ”

สีหน้าของมู่เวยเวยไม่ได้มีความรู้สึกมากเท่าไหร่ แต่ภายในใจดีใจจนแทบ้า เป็นเย่ฉ่าวเฉินแน่นอน ต้องเป็นเขาแน่ๆ

กาวินหันศีรษะกลับมามองที่เธอ สายตามองอย่างวิพากษ์วิจารณ์ “เธอทำให้มาใช่ไหม?”

มู่เวยเวยตื่นตกใจ แต่ทว่าใบหน้ายังยิ้มเย็น”นี่เกี่ยวอะไรกับฉัน? คุณนี่ก็ประเมิณฉันสูงเกินไปแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าเธออยากจะหนีมาโดยตลอด?”

มู่เวยเวยยอมรับอย่างเปิดเผย”ใช่ ฉันอยากจะหนี แต่ว่าต้องเป็นคุณที่ให้โอกาสฉัน ทำไมคุณไม่คิดว่าคนด้านหลังมาเพราะแผนที่สมบัติล้ำค่านั่นล่ะ?”

เธอพูดให้จนกาวินไม่มีคำพูดเอ่ย ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถเป็นตามที่เธอพูด เพียงแค่จิตใต้สำนึกรู้สึกว่าคนด้านหลังนั่นมาเพราะเธอ

“เจ้านาย สั่งให้เครับมือกับพวกนั้นเถอะ” จางเหิงพูดขึ้น

“อืม ถือโอกาสตรวจสอบสักหน่อยว่าพวกนั้นมายังไง”

จางเหิงผงกศีรษะ กดเครื่องมือสื่อสาร”เค พวกนายอยู่ก่อนสกัดกั้นพวกมันไว้”

“ครับ”

รถเร่งความเร็วขึ้น ใจมู่เวยเวยก็เพิ่มความเร็วไปด้วย สายตามองคนที่จะพาเธอไปกำลังอยู่ด้านหลัง แต่ทว่าว่าเหมือนกับกั้นเส้นทางห่างไกลออกไปมาก

เหยี่ยวราตรีพบเห็นว่ารถOff Roadลดระดับความเร็วลง ก็รู้ว่าพวกมันไหวตัวทันแล้ว ก็รีบแจ้งให้รถคันข้างหลังตามต่อไป ยังไงต้องไม่ให้พวกมันรู้ตัวอีก

“พี่เหยี่ยวราตรี รถOff Roadจงใจขวางทางเรา”

“เห็นแล้ว “เหยี่ยวราตรีหยิบปืนขึ้นมาจากพื้นด้านล่างรถสี่กระบอก คนหนึ่งต่อหนึ่งกระบอก”แซงไปข้างหน้าก่อน แซงไปไม่ได้ก็เตรียมตัวต่อสู้”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset