วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 286 ชีวิตที่สงบสุข กับรักแรกของเขา

“ว่าอย่างไรนะ?”นี่คือคำพูดของมู่เทียนเย่

เสี่ยวซีหร่านส่งข่าวมาบอก“พวกคุณลองคิดดูสิว่า เมือง A ไม่มีหิมะตกมาหลายปีแล้ว วันนี้หิมะตกลงมาหนักมาก แม้กระทั่งถนนหนทางก็ติดขัดไปหมด นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอไม่ต้องการให้เวยเวยไปโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูกจริงๆ เพราะว่าเธอกลัวว่าจะทำให้คุณหมอพวกนั้นตกใจ ถึงตอนนั้นถึงอยากจะปิดก็ปิดไว้ไม่ได้ อีกทั้งตอนที่เธอคลอดออกมาหิมะก็หยุดตก แดดก็ออก เรื่องนี้ชั่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดจริงๆ”

มู่เทียนเย่ได้ฟังความคิดของเธอก็พยักหน้าและพูดว่า“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะจริงนะ”

“พระเจ้า เด็กคนนี้เกิดมาได้ยังไง ตอนคลอดออกมาก็ทำให้คนอื่นตะลึงไปหมด หากว่าฉันไม่รู้เรื่องผิงอันจากเธอมาก่อน ก็ต้องช็อกเหมือนกันแน่นๆ”

พ่อกับแม่ของเสี่ยวซีหร่านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ดูจากสีหน้าท่าทางและคำพูดของคนอื่น ดูเหมือนว่าจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ แต่ที่ได้ฟังพวกเขาพูดกันอย่างเงียบๆ มันชั่งน่าอัศจรรย์จริงๆ

มู่เวยเวยสัมผัสแก้มของเธอที่กำลังหลับอยู่ และอดไม่ได้ที่จะคุยกับเธอ“เธอหนะ แท้จริงมาแล้วจากไหนกัน ทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ หรือว่า เธอจะเป็นเซียนกลับชาติลงมาเกิด แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็คือลูกสาวของฉัน ”

“หูยๆๆ เธอพูดซะเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ดูน่าเหลือเชื่อ แต่ว่าโลกนี้จะมีเทพมีเซียนอะไรพวกนั้นได้อย่างไงกัน”

“เหอะ ถ้ามีล่ะ?”

ผิงอันนอนมอบอยู่ด้านข้างของน้องสาวตลอด เขารู้สึกชอบน้องสาวที่น่ารักคนนี้มาก โดยเฉพาะหลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ เขาก็จ้องมองน้องสาวอยู่ตลอด ขนตาของเธองอนยาว จมูกของเธอดูโด่งน่ารัก ปากของเธอดูเหมื่อนกับปากของแม่มาก

“คุณพ่อ น้องชื่ออะไรหรอครับ”ผิงอันถามเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองทางด้านนอกหน้าต่าง หิมะยังคงหนาเป็นชั้นๆ เมื่อโชคดีมาเยือนจิตใจก็เป็นสุข เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้น “อย่างนั้นก็เรียกว่าชูวเสวียแล้วกัน เย่ชูวเสวีย”

เธอกับหิมะที่ตกลงมาครั้งนี้ล้วนมีคำสัมพันธ์ต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตั้งชื่อนี้ขึ้นมาบางครั้งอาจจะเป็นเพราะความตั้งใจของสวรรค์ก็ได้

“เย่ชูวเสวีย?เป็นชื่อที่เพราะมากๆเลย แล้วชื่อเล่นเรียกว่าอะไรครับ?”ตั้งแต่รู้ว่าคนมีชื่อจริงและชื่อเล่น ผิงอันก็ค่อนข้างให้ความสนใจกับเรื่องนี้

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ภรรยาของเขา“เธอคิดว่าจะตั้งว่าอะไรดี?”

มู่เวยเวยคิดชื่อลูกสาวของเธอไว้ตั้งนานแล้ว“ ตั้งว่าหรูอี้ ผิงอันกับหรูอี้ มีความหมายแฝงมากมาย ”

“ตามใจเธอแล้วกัน”เย่ฉ่าวเฉินไม่มีรู้สึกคัดค้านแม้แต่น้อย

ผิงอันเอียงศีรษะคิดแล้วคิดอีกพร้อมกับยิ้มตาหยี๋ๆและพูดว่า“หรูอี้เพราะกว่าชื่อของผมอีก”จากนั้นก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยกับน้องสาว“น้องสาว ต่อไปจะเรียกเธอว่าหรูอี้นะ ชอบหรือเปล่า?”

หรูอี้น้อยนอนอย่างสงบ ปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กๆ

เสี่ยวซีหร่านเห็นมู่เวยเวยมีท่าทางอ่อนเพลีย เธอจึงลุกยืนขึ้นและพูดว่า“พวกเราออกไปก่อนเถอะ ให้มู่เวยเวยได้นอนพักผ่อนก่อน เมื่อกี้เธอเสียแรงไปมาก”

เดิมทีผิงอันอยากจะเล่นกับน้องสักพัก แต่เมื่อคิดๆดูแล้ว ต่อไปน้องก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกับเขาได้ตลอด จึงได้เดินออกไปอย่างมีความสุข

เย่ฉ่าวเฉินรอให้ทุกคนออกไปจนหมดแล้ว จึงเดินเข้าไปจับมือของมู่เวยเวยและจูบเบาๆลงบนหน้าผากของเธอ “ที่รักลำบากคุณแล้ว พักผ่อนเถอะ เมื่อนอนตื่นแล้วฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล”

“อือ”มู่เวยเวยมีน้ำเสียงที่เพลีย เธอรู้สึกอ่อนเพลียและง่วงมากจริงๆ

เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆปิดประตู และบังเอิญได้ยินเสียงแม่ของตระกูลเสี่ยวถามเสี่ยวซีหร่านในห้องรับแขกว่า “เรื่องมันเป็นมายังไงกัน?”

เสี่ยวซีหร่านรู้สึกลำบากใจ “คุณแม่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ฉันไม่สามารถพูดได้”

“กับแม่ก็พูดไม่ได้หรอ?”

“ใช่ พูดไม่ได้”เสี่ยวซีหร่านยืนยันอย่างหนักแน่น

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะแบบไม่มีเสียง“พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรหรอก เธอก็บอกคุณลุงกับคุญป้าไปเถอะ ล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน ”

“นายแน่ใจนะ?”เสี่ยวซีหร่านนึกไม่ถึงว่าเขาจะยอมง่ายขนาดนี้

“แน่ใจสิ”

ไม่นึกว่าเมื่อเย่ฉ่าวเฉินพูดพบไปไม่นาน เสี่ยวซีหร่านก็กุมมือของแม่เธอไว้ เธอพูดด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น“มาๆ หนูจะเล่าให้ฟังว่าเรื่องเป็นยังไง เมื่อพวกคุณฟังแล้วอย่าได้ช็อกเชียวนะ……”

เอ่อ……

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยความกดดัน เสี่ยวซีหร่านไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว แม้ว่าเธอจะเป็นแม่ลูกสองแล้วก็ตาม

ด้านนอกบ้านแสงแดดส่องสว่างจ้า ผิงอันกำลังปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่ทางด้านนอก กลัวว่าแสงแดดจะทำให้หิมะละลายเร็ว เขาจึงรีบวิ่งไปที่น่าประตูและร้องเรียกเย่ฉ่าวเฉิน “คุณพ่อ รีบมาช่วยผมปั้นตุ๊กตาหิมะหน่อย”

“มาแล้ว”

หลังจากที่คฤหาสน์มีการปรับปรุงการตกแต่งมาแล้วหนึ่งรอบ ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่าเมื่อก่อนมาก ผ้าม่านกับพรมล้วนเปลี่ยนใหม่หมด โดยใช้โทนสีที่ให้ความอบอุ่น เย่ฉ่าวเฉินยังตั้งใจให้ด้านในของห้องรับแขกติดตั้งเตาผิง ตอนหน้าหนาวทุกคนในครอบครัวมานั่งรอบเต้าผิง อ่านหนังสือ ดื่มชาและพูดคุยกัน ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ยุโรปในฤดูหนาวยังไงยังงั้น

หรูอี้โตเร็วมาก เธอกับผิงอันพี่ชายของเธอไม่ค่อยจะเหมือนกันเท่าไหร่ ตั้งแต่เกิดออกมาผิงอันก็ยิ้ม น้อยมากที่เขาจะร้องไห้ แต่หรูอี้ พอเธอรู้สึกไม่สบายตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นหิว เหงา หรือว่าตอนที่ก้นน้อยๆของเธอแฉะ เธอก็จะอ้าปากร้องทันที บ้างครั้งก็ร้องจริงๆน้ำตาไหลออกมาเป็นสายๆ บางครั้งก็แกล้งร้อง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากมู่เวยเวย

เมื่อมาถึงช่วงปลายปี บริษัทของเย่ฉ่าวเฉินก็จะมีงานยุ่งมากกว่าปกติ แต่เขาก็ไม่เคยมีข้ออ้าง ทุกวันหลังเลิกงานเขาก็จะกลับบ้านมาดูเจ้าหญิงตัวน้อยทันที เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ความเหน็ดเหนื่อยในหนึ่งวันของเขาก็สลายหายไปในพริบตา

ชีวิตความเป็นอยู่แบบอบอุ่นและสนุกสนานเช่นนี้ ค่อยๆดำเนินมาจนถึง ใกล้ช่วงตรุษจีน

ปฏิทินจันทรคติวันสุดท้าย เย่ฉ่าวเฉินอุ้มหรูอี้พร้อมกับชี้นิ้วออกคำสั่งคนรับใช้แปะกระดาษนำโชคที่ผนัง

“ขึ้นไปด้านบนอีกหน่อย ใช่ๆๆ ได้แล้ว”

ขณะนั้น พ่อบ้านหวังวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจ“คุณชาย คุณชาย คุณมาดูสิว่าใครมา”

เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมา เงาของคนที่มีลักษณะสูงบึกบึนเดินเข้ามาในระยะสายตา เป็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนเข้าตา เขาจึงเห็นหน้าไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร แต่ผิงอันก็วิ่งออกไปพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดัง“คุณอา——”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกดีใจ น้องนายกลับมาแล้ว

เย่ฉ่าวเหยียนเอากระเป๋าเดินทางส่งให้คนรับใช้ และก้มลงเพื่ออุ้มผิงอัน เย่ฉ่าวเหยียนอุ้มเขาหมุนกับที่อยู่สองสามรอบจึงหยุดพร้อมกับยิ้มและพูดว่า“ผิงอันดูโตขึ้นเยอะเลย คุณอาเกือบจะอุ้มไม่ไหวแล้ว”

ผิงอันฮ่าๆๆหัวเราะอย่างมีความสุข “จะเป็นไปได้ยังไง ผมก็ตัวเล็กเท่านี้มาตลอด”เมื่อพูดจบ ผิงอันก็มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ทางด้านข้างของเขา พร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า“พี่สาวสวยจัง เป็นใครหรอครับ”

“นี่เป็นเพื่อนของอา จะมาอยู่ที่บ้านของเราช่วงวันตรุษจีน”เย่ฉ่าวเหยียนแนะนำ

สาวสวยยื่นมือออกมาทักทาย“สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อเสี่ยวโยว ”

ผิงอันก็ยื่นมือออกไปจับที่มือของเธอ สายตามองไปรอบๆตัวของหญิงสาวคนนี้อยู่สักพัก“สวัสดีครับ พี่สาวคนสวย”

ทั้งสามคนเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ผิงอันโน้มตัวเขาไปพูดอะไรที่บ้างหูของเย่ฉ่าวเหยียน

“คุณอา เธอเป็นแฟนของคุณอาใช่ไหม?”

เย่ฉ่าวเหยียนมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาดพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “เธอรู้ไหมว่าแฟนแปลว่าอะไร?”

“ต้องรู้อยู่แล้ว”ผิงอันเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างมั่นใจ

เย่ฉ่าวเหยียนบีบไปที่จมูกเล็กๆของเขาพร้อมกับพูดเบาๆว่า“ไม่ใช่หรอก เธอไม่ใช่แฟนของอา”

“อ้อ น่าเสียดายจัง”ผิงอันค่อยๆถอนหายใจ

“น่าเสียดายอะไรกัน?”

ผิงอันส่ายหน้าไปมา “คุณอา อาหนะหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ เธอยังไม่รีบที่จะคว้าเอาคุณอาของผมไว้ในมืออีก”

“ฮ่าๆๆๆ……”เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะเสียงดัง“ เด็กคนนี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ดูฉลาดขึ้นเยอะเลย”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ผิงอันน้อมรับคำชมของเขาด้วยความเบิกบานใจ

เมื่อมาถึงหน้าประตู เย่ฉ่าวเฉินมองน้องชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ในใจรู้สึกหมดความกังวลเป็นพันเท่าหมื่นเท่า

“พี่ ผมกลับมาแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าไปตบๆที่ไหล่ของเขา“กลับมาก็ดีแล้ว”

“นี่คือเสี่ยวหรูอี้ใช่ไหม?”เย่ฉ่าวเหยียนทอดสายตามองไปที่สาวน้อยและหยุดชะงักที่เธอยู่สามวินาที จากนั้นก็ถูกสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายดึงดูดสายตา“พระเจ้า เธอน่ารักมากๆเลย ให้ฉันลองอุ้มหน่อย”

เวลานี้ ร่างกายของหรูอี้ไม่มีรอยปานหรือรอยย่นต่างๆแล้ว ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ ตาทั้งสองข้างเป็นสีม่วงดูวาววับดุจอัญมณี ล้วนแต่ทำให้คนที่มองเห็นตกหลุมรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ทำไม่ถึงได้เป็นเด็กที่มีความสวยงามขนาดนี้นะ ”เย่ฉ่าวเหยียนชื่นชมสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา หรูอี้มองชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับมีรอยยิ้ม ขณะนั้นดูเหมือนว่าหิมะจะละลายหมดแล้ว เวลาของช่วงวันตรุษจีนก็มาถึงแล้ว

“เธอยิ้มแล้ว เธอยิ้มให้ฉันแล้ว ”เย่ฉ่าวเหยียนพูดด้วยความดีใจ

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามาดู ยิ้มจริงๆด้วยสินะ พร้อมกับพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อยว่า

“เฮ้ย เธอไม่เคยยิ้มแบบนั้นใช้ฉันเลย”

เย่ฉ่าวเหยียนได้ฟังแบบนี้แล้วก็ยิ่งมีความสุข “เสี่ยวหรูอี้ เธอชอบคุณอามากใช่ไหม ?”

มู่เวยเวยได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินออกมาดู เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเหยียนก็รู้สึกประหลาดใจมาก “ฉ่าวเหยียน?”

เย่ฉ่าวเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่สวมเสื้อขนสัตว์สีขาว สวมกางเกงตัวหลวม สวมรองเท้าแตะรูปกระต่ายสีชมพู ใบหน้าของเธอมีสีสมพูระเรื่อ ในตาวาววับเป็นประกาย ดูเหมือนว่าจะอ้วนขึ้นจากเมื่อก่อนนิดหน่อย แต่ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมากเลย

“เวยเวย”เขาเปลี่ยนเสียงพูดเป็นอีกเสียง ในใจรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย

“นายจะกลับมาทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอกกันก่อน พวกเราจะได้ไปรับนาย ”มู่เวยเวยบ่นแต่น้ำเสียงของเธอมีความดีใจ

เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะและพูดขึ้นว่า“ฉันรู้จักทางกลับบ้านน่า ฉันอยากจะเซอร์ไพร์สพวกคุณไง”

“ใช่เซอร์ไพร์สมากๆเลย”มูเวยเวยมองเห็นผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ทางด้านข้างของเขา ตาของเธอก็เป็นประกาย พร้อมกับถามขึ้นว่า“ผู้หญิงคนนี้เป็น……”

“เสี่ยวโยว เป็นเพื่อนของฉันเอง” เย่ฉ่าวเฉินแนะนำแบบสั้นๆ

“สวัสดีค่ะๆ ยินดีต้อนรับที่คุณมาบ้านของพวกเรา”มู่เวยเวยพูดอย่างอบอุ่น

เสี่ยวโยวยิ้มแบบอ่อนๆ “สวัสดีค่ะทุกคน ขอรบกวนด้วยนะคะ”

“ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวยเลยสักนิด”มู่เวยเวยคิดว่าเธอเป็นแฟนของเย่ฉ่าวเหยียน ฉะนั้นเธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ และรีบบอกพ่อบ้านหวังว่า“รีบไปจัดการห้องให้คุณเสี่ยวโยวหน่อย ห้องที่อยู่ทางทิศใต้ห้องนั้นหนะ แสงแดดกำลังดี”

“ครับ คุณผู้หญิง”

“อย่ามายืนกันตรงนี้เลย ข้างนอกนี้อากาศเย็น เข้ามาคุยกันต่อในห้องดีกว่า”มู่เวยเวยแนะนำ

เมื่อเย่ฉ่าวเหยียน เดินเข้าประตูมา ก็ได้พบว่าด้านในของคฤหาสน์เปลี่ยนไปมาก“ตกแต่งใหม่หรอ?”

เย่ฉ่าวเฉินที่เดินอยู่ทางด้านข้างของเขา“อือ ก่อนหน้านี้มีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยรื้อและตกแต่งภานในทั้งคฤหาสน์ใหม่”

เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกประหลาดใจ น่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นต่างหากล่ะไม่อย่างนั้นคงไม่ตกแต่งใหม่หมดหรอก แม้กระทั่งผ้าม่านก็ยังเปลี่ยนใหม่

“ดูดีมากๆ อย่างนี้สิถึงจะเหมือนบ้าน ”เย่ฉ่าวเหยียนพูดชื่นชม

“นายชอบก็ดี”

เย่ฉ่าวเหยียนหันกลับไปมองที่พี่ชายพร้อมกับแสยะยิ้ม

นี่คือบ้านที่พวกเขาทั้งสองเติบโตมา เย่ฉ่าวเฉินก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องชายของเขาจะชอบมันด้วย

เวลาพลบค่ำ ภายในและภายนอกของคฤหาสน์ตกแต่งด้วยโครมไฟสีแดงสว่างไสว พร้อมกับธงชาติจีนที่ห้อยอยู่บนที่สูง และอักษรมงคลต่างๆที่เห็นได้อย่างชัดเจน

เย่ฉ่าวเฉินและเย่ฉ่าวเหยียนเดินเล่นไปรอบๆคฤหาสน์

“เสี่ยวโยวคนนั้นคือใคร?”

เย่ฉ่าวเหยียนรู้ว่าเขาจะถามว่าอะไร จึงบอกออกไปตรงๆว่า“ไม่ใช่แฟนผมจริงๆ เป็นเพื่อนที่มหาลัย เธอเป็นคนที่มีเชื้อสายจีนแต่โตที่ต่างประเทศ เธออยากรู้มาตลอดว่าคนจีนจัดงานวันตรุษจีนอย่างไร และรู้ว่าผมกำลังจะกลับบ้าน เป็นตายก็จะตามผมมาให้ได้ เรื่องก็เป็นแบบนี้”

“อ้อ……”เย่ฉ่าวเฉินลากเสียงยาว ตอนนี้เป็นแค่เพื่อน ใครจะรู้ว่าปีต่อไปอาจเปลี่ยนไปก็ได้

ตกตอนเย็น แขกก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหาร พ่อบ้านหวัง แม่บ้านฉิน จางเห่อ เหยียวราตรีและคนอื่นๆก็มาเข้าร่วมงานด้วย

ปีก่อนๆ วันตรุษจีนมีเย่ฉ่าวเฉินเพียงคนเดียว ปีก่อนมีมู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเหยียนเป็นเพื่อน ปีนี้ทุกๆคนมาร่วมงานวันตรุษจีนในบ้านตระกูลเย่อย่างอบอุ่น

“ปีนี้ลำบากทุกคนแล้ว ปีใหม่ขอให้มีความสุข”เย่ฉ่าวเฉินที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะยกแก้วขึ้นอวยพรให้ทุกคน

“ปีใหม่ขอให้มีความสุข ปีใหม่ขอให้มีความสุข……”

ในโทรทัศน์ ร้องเพลงอวยพรวันปีใหม่อย่างคึกครื้น ด้านนอกของโทรทัศน์ความสุขแบบเรียบง่ายพึ่งกำลังจะเริ่มขึ้น

เวลาเที่ยงคืน ดอกไม้ไฟสวยงามทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ผิงอันตื่นเต้นดีใจวิ่งไปวิ่งมา มู่เวยเวยยังคงมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินและลูกสาวที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของสามี

“ชั่งดีจริงๆ”มู่เวยเวยพูดเบาๆ เธอดื่มไวน์เข้าไปแล้วหนึ่งขวด หน้าของเธอเริ่มแดงขึ้น ดูแล้วชั่งน่ารักเสียจริง

“อะไรนะ?”เสียงดอกไม้ไฟดังมาก เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ยินที่เธอพูด

มู่เวยเวยยืนบนเท้าของเขาและพูดข้างหูของเขาว่า“ฉันพูดว่า แบบนี้ชั่งดีจริงๆ”

เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้าหัวเราะ จากนั้นเขาหันไปมองเธอพร้อมกับจูบลงที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ

ใช่ ความสุขแบบนี้มันชั่งดีจริงๆ

เส้นทางสายนี้ พวกเขาได้รับความทรมานกันมามากแล้ว บ่อยครั้งที่ต้องจากลา บ่อยครั้งที่เหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่ โชคดีที่พวกเขาไม่เคยคิดที่จะบ่อยมือซึ่งกันและกันเลย สุดท้ายการเชื่อมั่นในความรัก แม้ว่าเส้นจะทางเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับคืนมานั้นก็คือความสุข

เมื่อจูบเธอเสร็จ แววตาของมู่เวยเวยก็ดูเป็นประกาย ทันใดนั้นเธอก็นึงถึงคนสองคนตอนที่พึ่งจะเริ่มรู้จักกัน เธอลากมือของเขาเข้ามาและพูดว่า “มานี่ ฉันจะบอกความลับอะไรบางอย่าง”

“ความลับอะไร?”เย่ฉ่าวเฉินเอาหูโน้มลงไปหาเธอ

มู่เวยเวยค่อยๆพูดว่า“แท้จริงแล้ว ปีนั้นผู้หญิงที่อยู่ที่โรงแรมนานาชาติ CK ไม่ใช่เฉียวซินโยว แต่เป็นเป็นฉันเอง”

เย่ฉ่าวเฉินชะงักไปพักหนึ่ง แต่ไม่ถึงขนาดที่มู่เวยเวยคิดไว้

เขาหันกลับไปมองเธอด้วยสายตาที่สงสัย ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ และพูดว่า“ฉันรู้”

มู่เวยเวยตัวแข็งชะงัก“คุณรู้ได้ยังไง?”

เย่ฉ่าวเฉินหันขึ้นไปมองดอกไม้ไฟที่อยู่บนท้องฟ้า เขาทำเป็นไม่สนใจเธอ

“เฮ้ ทำไมถึงรู้ล่ะ?รู้ตั้งแต่ตอนไหน?”มู่เวยเวยอยากรู้มากๆ เธอจับที่แขนของเขาและถามอยู่อย่างนั้นไม่ปล่อย

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือข้างหนึ่งโอบไปที่ไหล่ของเธอ และพาเธอเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับพูดเบาๆให้ลมกระทบที่ข้างหูเธอ “คืนนี้ถ้าเธอไม่ร้องว่าเจ็บ ไม่ร้องว่าเหนื่อย ฉันก็จะบอกเธอ”

มู่เวยเวยหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอรีบวิ่งขึ้นไปทางด้านบน

“ทำไม่ต้องรีบขนาดนั้น?รอฉันก่อนสิ……”เย่ฉ่าวเฉินรีบวิ่งตามขึ้นไป

ที่ด้านนอกยังคงมีดอกไม้ไฟบานสะพรั่ง เย่ฉ่าวเฉินเชื่อว่าชีวิตของพวกเขาพึ่งจะกำลังเริ่มต้นขึ้น ผิงอันกับหรูอี้เป็นเหมือนดังผ้าม่านที่สวยงายที่พึ่งจะเปิดออก

……

หนึ่งปีผ่านไป ณ โรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดของเมือง A

วันเปิดเรียนวันแรก สีของดวงตาที่ไม่ปกติของเย่จิงเหยียนดึงดูความสนใจของคนในโรงเรียนเป็นอย่างมาก มีเด็กหลายคนที่ไม่เคยเห็นดวงตาแบบนี้มาก่อน เมื่อเลิกเรียนก็มักวิ่งเข้ามาล้อมรอบห้องเรียนของเขาเพื่อมาดูเขา

ตอนเริ่มแรก เย่จิงเหยียนก็ไม่ค่อยจะคุ้นชินสักเท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็พูดอะไรได้ ได้แต่เพียงแค่ค่อยๆยอมรับมัน เพราะพ่อกับแม่เคยบอกเขาว่า เส้นทางนี้เป็นทางเดินที่เขาจะต้องเดิน

เขาครุ่นคิด เด็กพวกนี้ที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาดูสองสามครั้งก็คงจะไม่ดูแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่ายิ่งนานวันเข้ายิ่งหนักเข้าไปใหญ่ หนักกว่านั้นคือมีคนวิ่งเข้ามาถามต่อหน้าเขา

“เฮ้ ตาของนายทำไมสีไม่เหมือนกันล่ะ”เด็กชายดูรูปร่างอวบอ้วน สูงกว่าเย่จิงเหยียนหนึ่งศีรษะ ดูเหมือนว่าจะเรียนอยู่ชั้นสูงกว่าเขาด้วย

เย่จิงเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้มองเขาด้วยสายตาเย็นชา และถามกลับเขาว่า“แล้วทำไมตาสองข้างของนายถึงได้มีสีเหมือนกันล่ะ?”

เมื่อเด็กชายคนนั้นถูกถามกลับ เขาคิดอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมาว่า“เดิมทีมันก็ต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน มีเพียงแค่นายที่ไม่เหมือนคนอื่น”

“นั่นเป็นเพราะว่านายเจอเพียงคนที่มีสีตาเหมือนกัน โลกใบนี้มีคนตั้งมากมายและแต่ล่ะคนก็ไม่เหมือนกัน เพียงแต่นายไม่เคยเจอก็เท่านั้น”

ความนิ่งของเย่จิงเหยียนทำให้เด็กชายชะงัก หนักว่านั้นเด็กชายเริ่มสงสัยในความคิดของเขา

“นายยังมีอะไรจะถามอะไรอีกไหม?ถ้าไม่มีล่ะก็ไปจากที่นี่ซะ”เย่จิงเหยียนควบคุมความโมโหของตัวเองไม่ให้ตัวเองพูดคำว่า“ไสหัวออกไป”คำนี้ออกมา

อาจเป็นเพราะท่าทีการแสดงออกของเย่จิงเหยียนทำให้เด็กชายดูไม่ค่อยพอใจ เขาโกรธจนกำมือแน่นพร้อมกับพูดว่า“นายรู้ไหมว่าพ่อของฉันเป็นใคร?ถึงได้มาพูดกับฉันแบบนี้?”

เย่จิงเหยียนเอามือมากอดที่อก ท่าทางแบบนี้ดูคล้ายกับเย่ฉ่าวเฉินเอามากๆ

“อ้อ ไม่ว่าพ่อของนายจะเป็นใคร ฉันก็ไม่รู้จักทั้งนั้นแหละ”

“นาย……”เด็กชายกำคอเสื้อของเขา ตอนกำลังที่จะลงมือ อาจารย์ก็รีบวิ่งเข้ามาและร้องตะโกนว่า“หยุดนะ!”

เด็กชายมองอาจารย์ที่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาให่ปล่อยเย่จิงเหยียน “คอยดูนะ”

เย่จิงเหยียนแอบยิ้มเย็นชาอยู่ในใจ คอยดูก็คอยดูสิ

“จิงเหยียน เขาได้ทำร้ายเธอหรือเปล่า”อาจารย์ถามด้วยความเป็นห่วง

เย่จิงเหยียนยิ้มหวาน“เปล่าครับอาจารย์ ผมไม่เป็นอะไร”

รอยยิ้มนี้หวานกระแทกเข้าที่หัวใจของอาจารย์ ทำให้อาจารย์ก็รู้สึกหลงรักในรูปร่างหน้าตาของเด็กชายคนนี้ทันที

เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงแล้ว ไม่คิดว่าตอนบ่ายของวันที่สองเย่จิงเหยียนจะถูกเด็กชายคนนั้นและเพื่อนของเขาขวางไว้ที่มุมหนึ่งของโรงเรียนอนุบาล

“ฮ่าๆ ฉันกลับไปถามแม่ของฉันมาแล้ว แม่ฉันพูดว่าในโลกใบนี้ไม่มีคนที่มีตาสองข้างสีไม่เหมือนกันอย่างนายเลย ฉันว่านายน่าจะเป็นพวกตัวประหลาย ”เด็กชายพูดอย่างหยิ่งสโย

เย่จิงเหยียนกัดฟันแน่น เขาอยากจะใช้ความสามารถพิเศษจัดการเด็กชายคนนี้ แต่พ่อได้สั่งไว้แล้วว่าถ้าไม่ถึงที่สุดอย่าใช้มัน อย่าได้ลงมือ

“ตัวประหลาดๆ……”เด็กๆที่อยู่รอบข้างก็โห่ร้องตาม

เย่จิงเหยียนไม่ได้สนใจพวกเขา ใช้มือผลักไปที่ไหล่ของเด็กชายคนนั้นพร้อมกับพูดว่า“หลีกไป”

แต่ว่าเด็กชายมีรูปร่างที่บึกบึน แรงที่เย่จิงเหยียนในผลักที่ไหล่ของเด็กชายคนนั้นใช้ไม่ได้ผล เด็กชายจึงพูดขึ้นว่า“นึกไม่ถึงว่านายจะกล้าทำร้ายฉัน?อย่างนั้นฉันก็จะให้นายได้ลิ้มลองความเก่งกาจของฉัน”

กำปั้นของเด็กชายยกสูงขึ้น เย่จิงเหยียนคิดในใจว่า หากกล้าเคลื่อนลงมาโดนเขา เขาก็จะหักแขนของเด็กชายคนนั้นซะ

กำปั้นพึ่งจะเคลื่อนลงมาได้แค่ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นเด็กชายคนนั้นก็ถูกถีบมาจากทางด้านหลัง ร่างกายของเขาไถลมาทางด้านหน้า เย่จิงเหยียนรีบหลบออกไปทันที เด็กชายล้มกองอยู่กับพื้นอย่างไม่เป็นท่า

“ฮือๆๆๆๆ——”ที่แท้เป็นเด็กผู้หญิง เธอถีบเข้ามาอย่างแรง เขาต้องเจ็บอย่างแน่นอน จากนั้นไม่นานเด็กชายก็ร้องไห้ออกมา

เย่จิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองเด็กผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงกว่าเขาเล็กน้อย เธอยืนอยู่ท่ามกลางสายลม ผมของเธอถักเปียเล็กๆสองข้าง ผิวไม่ค่อยขาวมากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าโดนแดดเผามา แก้มของเธอแดงเป็นจ้ำๆ ตาทั้งสองข้างของเธอเป็นสีดำเข้มดูใสสะอาดดูสวยงาม ที่ขอบกระโปรงสีขาวมีโคลนเปื้อนอยู่เล็กน้อย รองเท้าสีขาวที่เธอสวมใส่ก็เปื้อนโคลนด้วย

และขณะนี้เอง ภาพของเธอก็ได้สลักลึกเข้าไปในหัวใจของเย่จิงเหยียน จากที่ย้อนเวลากลับไปนึกถึงแต่ก่อน เย่จิงเหยียนยังไม่เคยมีรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นนี้โผล่ขึ้นมาในใบหน้าเขาเลย

ใช่ ก็คือความรู้สึกอบอุ่น ดูเหมือนว่าแม้แต่กระโปรงสีขาวที่เปื้อนโคลนของเธอก็ยังทำให้เขารู้สึกว่ามันอุ่นขึ้น

ใบหน้าของเด็กผู้หญิงมีรอยยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสไพเราะว่า“ไอ้อ้วน นายมารังแกเด็กคนอื่นที่นี่อีกแล้วนะ”

เด็กชายเมื่อได้ยินเสียงพูดของเธอ ก็ร้อนรนรีบลุกขึ้นมา เขาเช็ดน้ำตาละพูดว่า“ฉันไม่ได้รังแกเด็กผู้หญิงสักหน่อย เรื่องนี้เธอก็จะเข้ามายุ่งอีกหรอ?”

“รังแกเด็กผู้ชายก็ไม่ได้ !ไม่เชื่อก็ลองดูว่าฉันจะจัดการนายไหม”เด็กหญิงเดินเข้าไปทางเขาพร้อมกับกำมัดแน่น เด็กชายอ้วนคนนั้นกลัวจนถอยหลังออกไปสองก้าว เด็กคนอื่นที่มาเป็นเพื่อนของเขาก็กลัวเธอด้วย เมื่อเธอปรากฎตัวขึ้นพวกเขาก็หลบออกไปซ่อนอยู่ที่ไกลๆ

เด็กหญิงเป็นคนตรงไปตรงมา เธอเดินเข้าไปจับมือเล็กๆของเย่จิงเหยียน พร้อมพูดกับเด็กอ้วนคนนั้นว่า“จากวันนี้เป็นต้นไป เขาเป็นคนของฉัน หากว่านายยังกล้าที่จะมาทำร้ายเขา ฉันจะจัดการนายแน่”

เย่จิงเหยียนรู้สึกงงๆ เขา……เป็นคนของเธอ?

แต่ว่า มือของเธอชั่งนุ่มจริงๆ

“พวกเราไปกันเถอะ”

เด็กสาวพาเขาเดินออกไปจากตรงนั้น เธอลากเขาตรงไปที่เขตเครื่องเล่นที่กำลังคึกครื้นจากนั้นก็ปล่อยมือของเขาพร้อมกับยิ้มและพูดขึ้นว่า“สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อว่าต้วนอีเหยา นายชื่ออะไรหรอ”

“ฉันชื่อเย่จิงเหยียน”

“จริงๆเมื่อวานฉันก็ได้ยินเรื่องของนายแล้ว ต่อไปเรามาเป็นเพื่อนสนิทกันนะ ถ้านายมากับฉันก็จะไม่มีใครกล้ารังแกนายแล้ว”ต้วนอีเหยาตบที่หน้าอกของเธอพร้อมกับพูดด้วยความภาคภูมิใจ

เย่จิงเหยียนพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม“ขอบคุณมากนะ”

ต้วนอีเหยามองเห็นรอยยิ้มของเขา ทำให้เธอรู้สึกสดชื้นขึ้น“เวลาที่นายยิ้มมันชั่งดูดีจริงๆ ฉันยังไม่เคยเจอเด็กคนไหนที่ดูหล่อแบบนายเลย”

เย่จิงเหยียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และพูดขึ้นว่า“เธอก็ดูสวยเหมือนกัน”

ต้วนอีเหยาหัวเราะ เหอะๆออกมาหนึ่งครั้ง “แม่ของฉันชอบพูดบ่อยๆว่าฉันเป็นเด็กห่าว นายเป็นคนแรกที่บอกว่าฉันสวย”

“เด็กห่าวหมายถึงอะไร?”เย่จิงเหยียนรู้สึกไม่เข้าใจ

ต้วนอีเหยานั่งลงที่ชิงช้าทางด้านข้าง เธอพูดไปพลางแกว่งชิงช้าไปพลาง “เด็กห่าวก็คือ……เหมือนกับเด็กผู้ชายยังไงล่ะ ชอบวิ่งชนไปมา นายดูพวกเขาสิ”ต้วนอีเหยาชี้ไปทางเด็กหญิงที่สวมกระโปรงอยู่ทางนูน เด็กผู้หญิงพวกนั้นดูเหมือนกับเจ้าหญิงที่ค่อยๆเดินบนทางเดินอย่างมีมารยาทอย่าง เธอจึงพูดต่อว่า“แม่ของฉันอยากให้ฉันเป็นแบบนั้น”

เย่จิงเหยียนผลักไปที่โซ่ของซิงช้าเพื่อให้มันแกว่งเร็วขึ้น “ฉันคิดว่าเธอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนิ”

ต้วนอีเหยาเอียงศีรษะของเธอพร้อมกับยิ้มตาหยี๋ๆและถามเขาว่า“จริงหรอ?”

“อือ จริงสิ”

“นายนี่ดีจริงๆ”ต้วนอีเหยายิ้มออกมา ลมพัดโบกโบยมา ใบไม้พัดตกลงมาตามสายลม ค่อยๆหล่นลงมาที่เขาทั้งสองคน

วันนี้ เย่จิงเหยียนได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่สามารถยิ้มอยู่ท่ามกลางของสายฝน เธอไม่ใช่สาวห่าวที่ชุกซน เธอเป็นหญิงที่ต่อสู้กับอันตรายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น

จากนั้นไม่กี่วัน ต้วนอีเหยาได้ลากเอาเย่จิงเหยียนมารู้จักกับเพื่อนอีกมากมาย เพราะว่าเธออยู่ชั้นระดับกลาง แต่ที่เย่จิงเหยียนรู้จักส่วนมากจะเป็นเพื่อนระดับชั้นปีที่สูงกว่า

แต่ว่า จิตใจของเด็กล้วนแต่มีความใสบริสุทธิ์ เมื่อเพื่อนร่วมห้องของเขาคุ้นชินกับตาคู่ประหลาดนี้ของเขา พวกเขาก็ค่อยๆยอมรับมันได้ เหตุผลง่ายๆเพียงนิดเดียว นั่นก็คือเขามีหน้าตาที่ดูดี มีมารยาทกับผู้อื่น ดังนั้นจึงมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากมาย

อย่างไรก็ตามเมื่อมีเวลา เขายังชอบที่จะมาอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับต้วนอีเหยา ไม่ว่าจะเป็นก่อกองทราย หรือว่านั่งแกว่งชิงช้าอย่างเงียบๆ เย่จิงเหยียนกลับรู้สึกชอบมากๆ

ตกตอนเย็น เย่ฉ่าวเฉินนอนบนเตียงพูดคุยกับภรรยาของเขา

“ดูเหมือนว่าผิงอันจะชอบสาวน้อยที่ชื่อว่าต้วนอีเหยาคนนั้น หลายวันมานี้กลับมาบ้านก็พูดถึงแต่เธอ”

“ฉันก็รู้สึกแบบนั้น เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อยู่ดีๆก็มีเพื่อนสาวคนสนิทมาเพื่อน การเรียนที่โรงเรียนอนุบาลของเขาจะได้มีความสุขขึ้น”

เย่ฉ่าวเหยียนพลิกกลับมาทับที่ตัวของเธอ สายตาเป็นประกายเมื่อมองไปที่ตาของเธอ

“พูดความจริงออกมา เธอมีเพื่อนชายที่สนิทในวัยเด็กไหม?”

เอ่อ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ดูเมือนว่าตอนเด็กๆฉันก็มีเพื่อนชายคนสนิทอยู่นะ”มู่เวยเวยเธอเคลื่อนสายตาออกไปทางด้านข้างทำท่าครุ่นคิด“ให้ฉันลองคิดดูก่อนว่าเขาชื่อว่าอะไรนะ”

“ไม่อนุญาตให้คิด”เย่ฉ่าวเฉินปิดปากของเธอด้วยการจูบหนักๆลงไปที่ริมปากของเธอ เพื่อเป็นการขัดขวางไม่ให้เธอคิดได้

มู่เวยเวยโอบไปที่หลังของเขา ทำเป็นพูดเรื่องอื่นไป คำถามเกี่ยวกับเพื่อนชายในวัยเด็กทันใดนั้นก็ถูกโยนทิ้งหายเข้าไปในกลีบเมฆ

พริบตาเดียว ปีๆหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตอนเช้าของฤดูร้อน อาการร้อนกว่าปกติ

เวลานี้ อากาศจะร้อนมาก

ห้องโถงของโรงเรียนอนุบาล เย่จิงเหยียนตั้งใจจับจ้องไปที่บนเวทีกับการแสดงวันเรียนจบชั้นอนุบาล ต้วนอีเหยาสวมชุดครุยสีแดง ผมยาวประบ่า ตอนยกมือขึ้นมาเพื่อจะเล่นเปียนโน สิบนิ้วราวกับกำลังเต้นระบำ เธอเล่นออกมาได้ไพเราะมากจริงๆ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset