วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 337 เธอไม่ต้องรอหล่อนอีกแล้ว

เย่จิงเหยียนพูดประชดประชัน “ฉันคิดว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอต้องการเป็นของคุณผู้หญิงตระกูลเย่ ดังนั้นเธอจึงทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดและตั้งใจจะท้องกับแฟนเก่าของเธอ โดยแสร้งว่าเป็นลูกของฉัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ซ่อนเร้นของเธอ”

จ้าวเสวียน เขาค่อยๆวางแผนอย่างพิถีพิถันทีละขั้นตอน ส่ายหัวอย่างหมดหวังที่จะโต้แย้งว่า “ไม่ ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ ฉันรักคุณจริงๆ ฉันมีลูกของคุณจริงๆ ฉันจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?”

“ใช่ ฉันก็คิดเหมือนกัน เด็กหญิงตัวเล็กๆที่เข้มแข็งและกล้าหาญเช่นนี้ จะทำอะไรแบบวันนี้ได้อย่างไร” เย่จิงเหยียนมองเธอด้วยความรังเกียจและเสียใจ

เย่ชูวเสวียเริ่มสนทนา “ฉันจำได้ไม่กี่ปีก่อน เธอถูกแก๊งอันธพาลไล่ล่าเพื่อทวงหนี้ และฉันก็ออกจากรถไปช่วยเธอ ฉันไม่คิดเลยว่าจะอกตัญญูต้อบ้านของฉัน”

หัวใจจ้าวเสวียนตกลงไปถึงก้นบึ้ง เธอมองไปที่เย่จิงเหยียนที่ไม่แยแส จากนั้นเธอก็ขอช่วยจากมู่เวยเวย แต่พบว่าเธอกำลังมองดูตัวเองอย่างเย็นชา ก็รู้ว่า เธอไม่มีอำนาจที่จะเล่นลิ้นได้อีกแล้ว

ความโกรธระบายมาทันที และตรงไปที่ซวีเจี้ยน “ซวีเจี้ยน! จ้าวเสวียนถามเขาหลังจากที่เลิกราฉันไป ฉันไม่ได้พูดสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ ทำไมวันนี้คุณทำกับฉันแบบนี้?”

“ทำไมเธอถึงใช้ลูกของฉันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเธอ? นั่นคือสิ่งที่มีชีวิต ทำไมเธอถึงโหดร้าย? เธอถามความคิดเห็นของฉันหรือไม่?” ซวีเจี้ยนตะโกนใส่เธอด้วยความโกรธ

สมองจ้าวเสวียนกระโดดโลดเต้น คำพูดที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมองโพล่งออกมา “เธอให้อะไรลูกได้บ้าง ? ลูกคนยากจนอย่างเธอ สามารถให้เขาเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ให้สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแก่เขาได้ไหม? คุณให้เขาเรียนต่อในต่างประเทศในอนาคตได้หรือไม่?”

คำพูดจ้าวเสวียน ทำให้ฉากนี้เงียบลงทันที ทุกคนมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน ทันใดนั้นจ้าวเสวียนก็นึกได้ว่าเธอพูดอะไร เธอยอมรับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของ ซวีเจี้ยน

ในใจแตกสลายและ จ้าวเสวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้เสียงดังด้วยสีหน้ามึนงง

มู่เวยเวยรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนโยนดวงใจลงไปที่พื้นจนแตกละเอียด และพูดด้วยความโกรธ ว่า “คุณจ้าว คุณทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? ฉันปฏิบัติกับคุณอย่างดีและปกป้องคุณ คุณ…..”

ปรากฎว่าเธอไม่ได้ตั้งท้องลูกของตระกูลเย่ ทำคุณบูชาโทษจริงๆ

“แม่ ฉันเพิ่งจะบอกคุณแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาแน่นอน แม่ยังไม่เชื่ออีก” เย่ชูวเสวียพูดแขวะ

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองลูกสาว พูดปกป้องภรรยาและว่า “แม่ก็สงสารเขา ทำไมเธอพูดแบบนั้นได้ยังไง?”

“อื้ม ฉันผิดไปแล้ว” เย่ชูวเสวียรับความผิด

เย่จิงเหยียนมองไปที่ใบหน้าที่ไร้สีเลือดของจ้าวเสวียนและพูดว่า “เธอมีอะไรจะพูดอีกไหม?”

จ้าวเสวียนเงียบเป็นเวลานาน เดินมาอย่างช้าๆและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ฉันยอมรับ ว่าเด็กที่ฉันท้องไม่ใช่ลูกของคุณจริงๆ แต่คุณทำให้มันแท้ง นี่เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้”

“ฉันยอมรับเรื่องนี้” เย่จิงเหยียนพูดอย่างใจเย็น มันเป็นเรื่องจริงที่เขาอารมณ์ไม่ดีจนผลักเธอกลิ้งตกบันไดไป

“ให้ฉันหนึ่งล้าน เพราะมันเป็นค่าทดแทนสำหรับชีวิตของลูกฉัน” จ้าวเสวียนพูดอย่างไร้ยางอาย

ซวีเจี้ยน โกรธแทบจะระเบิด “จ้าวเสวียน เธอยังมีจะเอาเงินอีกเหรอ?”

“ไม่เกี่ยวกับแก ลูกเป็นของฉัน ฉันต้องได้แน่นอน” จ้าวเสวียนเงยหน้าขึ้น เธอวางแผนมานาน เกือบจะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ดังนั้นเธอจึงจะไม่ยอมที่จะเสียเปล่า

“ห้าแสน ไม่มีมากไปกว่านี้แล้ว” เย่จิงเหยียนสงบนิ่งมาก

จ้าวเสวียนอึ้ง “เย่จิงเหยียน คุณเป็นคนขี้เหนียวเกินไป เงินเพียงหนึ่งล้านไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงหรอก?”

“สำหรับฉันเงินหนึ่งล้านเป็นเงินก้อนเล็กๆ แต่เธอไม่มีค่าขนาดนั้น” เย่จิงเหยียนจ้องมองเธออย่างดุร้าย ยอมรับเงินห้าแสนนั้นจะดีกว่าเพราะบางทีฉันจะเปลี่ยนใจไม่ให้เลย”

จ้าวเสวียนช่างน่ารังเกลียดในสายตาของเขา ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงต้วนอีเหยา เธอออกแบบที่จะปล่อยให้ต้วนอีเหยาทิ้งเขาไป เย่จิงเหยียนกลัวว่าเขาจะเกลียดตัวเองไปจนตาย

จบแล้ว จบแล้ว ไพ่ในมือของหล่อนถูกเปิดเผยหมดแล้ว ทำได้แค่ให้เขาฆ่า

“ได้ ฉันจะทำตามที่เธอพูด ห้าแสนก็ห้าแสน ฉันต้องการตอนนี้”

เย่จิงเหยียนโยนเช็คที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้เธอ ระบุจำนวนเงินห้าแสนถ้วน “คุณผู้หญิงจ้าวได้โปรดออกจากบ้านของเราตอนนี้ ฉันแจ้งให้คุณทราบ เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยตระกูลเย่ขับไล่ ของใช้ส่วนตัวของเธอ จะถูกส่งถึงบ้านเธอ ตอนนี้เธอไปจัดกระเป๋าและออกไปได้เแล้ว”

จ้าวเสวียนคว้าเช็คไว้ในมือของเธอ ลุกขึ้นด้วยความสิ้นหวังและเดินออกไปอย่างไร้ประโยชน์ สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้เกิดขึ้น เธอแค่ต้องการให้เย่จิงเหยียนรักเธอ แต่ทำไมเธอถึงมาถึงจุดนี้ได้?

ซวีเจี้ยนโกรธจนทนไม่ได้ หญิงสาวที่เขาเคยรักมากตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เขารู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ในใจเขา หายใจออกและพูดว่า “คุณชายเย่ ตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉันแล้ว ฉันขอตัวก่อน”

“ขอบคุณที่มาในวันนี้” อารมณ์เย่จิงเหยียนดีกว่าเขามาก คำพูดก็นุ่มนวลลง

“โบกมือลา ลาก่อน” ซวีเจี้ยนกล่าวลาเย่ฉ่าวเฉินและภรรยาของเขา หันหลังจากไปจากห้องนั่งเล่น เดินออกไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ต้องการพบเจอจ้าวเสวียนในชีวิตอีกต่อไป เธอทำลายความรักที่สวยงามของเขาไปหมดสิ้น

เมื่อในห้องรับรองมีเพียงคนตระกูลเย่ เย่จิงเหยียนก็ยิ้มออกมา ในที่สุดเรื่องนี้ก็กระจ่าง

“พี่ชาย เธอรู้สึกมีพิรุธตอนไหน ก็ไม่บอกฉัน ช่างน่าน้อยใจจริงๆ ทำเอาพ่อแม่ของฉันฉันรู้สึกหวาดกลัวไปหมด ยังกังวลว่าพี่จะสับสนเซ็นเอกสารจริงๆ” เย่ชูวเสวียอารมณ์ดีขึ้นในที่สุดจะไม่เห็นเงาจ้าวเสวียนในบ้านของเราอีกต่อไปนี้

เยาจิงเหยียนยิ้ม “ในเย็นวันหนึ่งฉันได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ พูดเรื่องราวแปลกๆน่าสงสัย ฉันก็เลยอยากจะหาข้อมูลเกี่ยวกับอดีตแฟนของเธอ แต่ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเหนือความคาดหมายขนาดนี้”

“เรื่องสนุกขนาดนี้ ทำไมไม่เรียกฉันด้วย?” เย่ชูวเสวียแสร้งโกรธและพูด

“ก็ตอนนี้เธอก็รู้แล้วไง?”

มู่เวยเวยแสดงความขอโทษเล็กน้อย “เป็นเพราะแม่หน้ามืดตามัวจนมองคนไม่ออกและยังทะเลาะกับพวกคุณเพราะเรื่องนี้ เฮ้อ …”

เย่จิงเหยียนเดินไปข้างหน้าและกอดไหล่แม่ แล้วพูดว่า “แม่ คุณไม่ผิด จ้าวเสวียนฉลาดเเกมโกงเกินไป ฉันไม่โทษคุณ”

“งั้นเธอรีบนำเรื่องนี้ไปบอกอีเหยา อย่างนี้คุณทั้งสองก็สามารถคืนดีกันได้ ทุกคนก็มีความสุข” มู่เวยเวยเร่งเร้าเขา

เย่จิงเหยียนรู้สึกผิดหวังเบาๆ “ฉันไม่สามารถติดต่อเธอได้ในขณะที่เธอปฏิบัติภารกิจ กลัวจะเข้าใจผิด”

ทั้งสามนิ่งเงียบ

ในขณะที่จางเห่อเดินเข้ามา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง สิ่งของของจ้าวเสวียนจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว ให้จัดรถไปส่งเลยไหม?”

“ส่งอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเย็นชา “ปล่อยเธอให้ไปเอง ทำเอาฉันเกือบจะเสียสะใภ้ที่ดีไปแล้ว ยังจะให้ไปส่งเหรอ?”

“ครับ ทราบแล้ว” จางเห่อกลั้นยิ้มออกไป

ไม่กี่นาทีต่อมา จ้าวเสวียนถือกระเป๋าใบเล็ก เดินโดดเดี่ยวบนถนนไปสู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเย่ ทั้งสี่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างดูเงาด้านหลังบางๆของเธอ

เวลานี้ สายตาและหูของเขาเงียบลงในที่สุด

……

ไม่กี่วันต่อมา ต้วนอีเหยาถูกย้ายไปโรงพยาบาลทหารที่ดีที่สุดในโดยเครื่องบินเนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น ชิงหลงตามมาอย่างใกล้ชิด เจ้านายได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขา เขาไม่เห็นเธอฟื้น จนชิงหลงนอนไม่หลับ

“ก็แค่แก้วหูแตก ทำไมไม่ได้ยินนานขนาดนี้?” ชิงหลงถามหมออย่างกังวล

“อีกสักครู่พวกเราจะทำการตรวจโดยละเอียด แล้วจะค่อยคุยกัน”

หลังจากการตรวจสอบหลายครั้ง ท่าทีของหมอดูจริงจังมาก

“คุณหมอ เป็นยังไงบ้าง” ชิงหลงถามอย่างกังวล

“ผู้ป่วยมีอาการหูหนวก ประสาทสัมผัสและอาการจะร้ายแรงกว่า” หมอกล่าวพร้อมกับมองดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์ในมือ “ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นการรักษาระยะยาว ยากที่จะบอกผลลัพธ์ได้”

ชิงหลงเศร้าเสียใจ ขอร้องหมอบอกว่า “ได้โปรดพวกคุณ ช่วยรักษาหูของเจ้านาย ไม่งั้นเธอต้องทรมานแน่ๆ…..”

หมอทราบถึงสุขภาพของต้วนอีเหยา ตบไหล่ชิงหลงเบาๆ “เธอวางใจเถอะ พวกเราจะรักษาให้สุดกำลัง”

กลับถึงห้องผู้ป่วย ต้วนอีเหยายืนเงียบๆอยู่ริมหน้าต่าง ทำไมโลกถึงเงียบเช่นนี้ เงียบยิ่งกว่าภูเขาหิมะคุนหลุน

ชิงหลงมองไปที่หลังของเธอ ดวงตาของเขาแดงก่ำอย่างไม่ตั้งใจ หากเจ้านายไม่ได้ยินเสียงตลอดไป เขาก็จะดูแลเธอไปตลอดชีวิต ตราบใดที่เจ้านายไม่รังเกียจเขา

ซับน้ำตาที่หางตา ชิงหลงเดินไปด้านหน้าต้วนอีเหยา ยิ้มอย่างเบิกบาน หยิบโทรศัพท์ออกมาเขียน หมอบอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรง และการรักษาจะดีขึ้นในไม่ช้า

ต้วนอีเหยาอย่านอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอหันมาที่ใบหน้าของชิงหลง เธอยิ้มอย่างชัดเจน เขาอยู่กับตัวเองมาหลายปีแล้วและเธอก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร ถึงแม้ว่าเป็นรอยยิ้มที่ผิดธรรมชาติของเขา

ต้วนอีเหยารู้ว่าสถานการณ์ไม่เหมาะ อารมณ์ของเธอหดหู่ เธอไม่กล้าจินตนาการ หากโลกของเธอในอนาคตไม่มีเสียง สิ่งแรกที่ต้องเผชิญคือความน่าเบื่อหน่าย และเธอต้องออกจากกองทัพไป

ชิงหลงรู้ว่าไม่สามารถโกหกเธอได้ เขาก็ก้มหน้าด้วยความหงุดหงิดและเศร้า ต้วนอีเหยาไม่ต้องการให้เขารู้สึกผิด เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาแล้วเขียนว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือหูหนวก แต่ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่

ชิงหลงหลั่งน้ำตาออกมาในทันที และเขียนด้วยความสะอื้น เจ้านาย คุณไม่ได้ยิน ฉันจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต

ต้วนอีเหยายิ้มเบาๆ ฉันไม่ใช่ไม่มีใครต้องการ

นี่คือการปลอบใจชิงหลง แต่ต้วนอีเหยาได้ตัดสินใจแล้วว่า ถ้าหากหูไม่ได้ยิน เธอจะอยู่คนเดียวไปชั่วชีวิต ทำไมต้องเป็นภาระให้กับคนอื่น โดยเฉพาะเย่จิงเหยียน เขาเป็นคนที่พราวเสน่ห์ ควรจะมีภรรยาที่สมบูรณ์แบบ

โชคดีที่เธอไม่ได้ให้คำสัญญาใดๆกับเขา แค่เพียงบอกลา คิดว่าเธอเสียสละ

ในช่วงเวลาต่อจากนี้ ต้วนอีเหยาได้รับการรักษาของหมอ เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีคิดบวก ตราบใดที่มีความหวังเธอจะไม่ยอมแพ้ ดังนั้นไม่ว่าการรักษาจะเจ็บปวดเพียงใด เธอจะกัดฟันสู้

การรักษาเป็นไปอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนหูข้างหนึ่งสามารถได้ยินเสียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้ยินเสียงพูดของผู้คนชัดเจน

บ่ายวันนี้ต้วนอีเหยา ได้พบกับพ่อของเธอที่จากกันนาน

ทหารต้วนผอมลง สีผิวเข้มขึ้นกว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขามองลูกสาวด้วยความสงสารและตัดสินใจให้เธอเกษียณ

เขาสูญเสียภรรยาและไม่สามารถสูญเสียลูกสาวของเขาได้อีกต่อไป

ต้วนอีเหยาอยากจะถามคำถามต่างๆกับพ่อของเธอ อ้าปากแล้วอ้าปากเล่า แต่ไม่รู้จะพูดยังไง เธอจึงหยิบคลิปบอร์ดขึ้นมาแล้วเขียน งานเสร็จหรือยัง?

ทหารต้วนพยักหน้า พูดช้าๆ “ทำจบแล้ว”

ต้วนอีเหยามองปากเธอแล้วเข้าใจ อารมณ์ดีขึ้น และเขียน พ่อของฉันเก่งที่สุด ไม่ต้องกังวลฉันสบายดี ตอนนี้หูซ้ายของฉันได้ยินเสียงเล็กน้อย

ทหารต้วนจับไหล่ของเธอบางๆ ด้วยความเจ็บปวด เขาหยิบปากกาในมือของเธอและเขียนว่า เธอเป็นความภาคภูมิใจของพ่อ ปากกาหยุดชั่วคราว จริงๆเขาจะเขียนให้ถอดเธอออก แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลา แล้วเขียนคำว่ารักษาตัวเองให้ดี

ต้วนอีเหยาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ทหารต้วนลูบผมของเธอ และยิ้มอย่างกรุณา

เขาคิดอย่างรอบคอบว่าลูกสาวของเขาควรทำอะไรหลังจากการปลดประจำการ แน่นอนว่าเธอไม่ทำอะไรก็ดูแลตัวเองได้ แต่เธอก็คงไม่ยอมทำตัวไร้ประโยชน์

ไม่อย่างงั้น……หางานในเมืองA เธอจะได้ไม่ต้องแยกจากตระกูลเยา

อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถฟื้นฟูการได้ยินของลูกสาวได้ เขาจะยังชอบหรือไม่?

ทหารต้วนและต้วนอีเหยาต่างก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจมาก แต่ถ้าเย่จิงเหยียนลังเล ทหารต้วนก็ไม่สามารถยอมให้แต่งงานกับลูกสาวของเขาได้

หลังจากออกจากห้องผู้ป่วย ทหารต้วนได้โทรเรียกสหายเก่า ซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญในเมือง A

“เธอต้องการส่งลูกสาวมาอยู่ในเมืองพวกเรา? ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะตำแหน่งใด ให้ฉันรับผิดชอบได้เลย” สหายเก่าตบหน้าอกของเขาเพื่อสัญญา

“เออใช่ คุณรู้จักเย่จิงเหยียนในกลุ่มเย่ฮวางกรุ๊ปไหม?” ทหารต้วนโยนหินถามทางไปประโยคหนึ่ง

“รู้จักสิ ในเมืองAใครไม่รู้จักเขาละ ทำไม……….” สหายเก่าพูดขึ้นครึ่งหนึ่ง และดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างในความเงียบอยู่สองสามวินาที แล้วพูดว่า “เมื่อคุณพูดถึงเขาฉันนึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง เหมือนเขายังติดต่อกับหลานสาว”

ทหารต้วนยักคิ้ว “เรื่องอะไร?”

สหายเก่าพูดอย่างไม่ชัดเจน “ฉันไม่สะดวกที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณควรลองค้นหาบนอินเทอร์เน็ตอาจจะเจอ”

“โอเค งั้นแกไปธุระเถอะ หากฉันจัดการเสร็จแล้วจะแจ้งข่าวไป”

“ไม่มีปัญหา”

เมื่อวางสาย ทหารต้วนค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเพื่อหาเย่จิงเหยียนในกลุ่มเย่ฮวางกรุ๊ป หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่ออกมาเพียงแวบเดียวความโกรธของทหารต้วนก็พุ่งขึ้นจากฝ่าเท้าขึ้นมาทันที

สารเลว! ที่จริง.…… ไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น……

น่าเสียดายที่เขาคิดว่าลูกเขยคนนี้เป็นคนดี ตอนนี้เขาคิดได้แล้ว สัญชาตญาณในครั้งแรกของเขาดีที่สุด ไม่สามารถหานักธุรกิจแบบนี้ได้เลย

ได้ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาไปเมืองAอีกแล้ว

ฉันไม่รู้ว่าถ้าลูกสาวเห็นข่าวจะเสียใจแค่ไหน เธอไม่ง่ายที่จะตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง แต่เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นแค่ขยะชนิดหนึ่ง

ทหารต้วนโกรธแค้น ถ้าตอนนี้เขาอยู่ในเมืองA เขาต้องฆ่าตระกูลเย่ เพื่อเอาชนะเย่จิง เหยียนแน่นอน

ไม่มีที่ไหนที่จะระบายความโกรธของเขาได้ เขาจึงเรียกชิงหลงมา “พูดแจกแจงกับฉันให้ละเอียด เกิดอะไรขึ้นในเมืองA ที่ผ่านมา สารเลวเย่จิงเหยียนทำอะไรกับอีเหยา?

ชิงหลงไม่เคยเห็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดโกรธเป็นเพลิงลุกเป็นไฟใหญ่โตขนาดนี้ สั่นคลอนด้วยแรงโกรธที่ทรงพลัง เขาถอยหลังสองก้าว ก่อนที่จะพูดตะกุกตะกัก “ผม ผมไม่รู้ …”

“ไม่เอาไหน! ทหารต้วน โยนโทรศัพท์ให้เขา” เรื่องใหญ่แบบนี้แกกล้าพูดว่าไม่รู้?”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset