วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 353 เจอกันที่งานแต่ง

ในไม่กี่พริบตา ก็มาถึงวันแต่งงาน ต้วนอีเหยายังคงนอนหลับอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เธอตื่น

เธอยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นชื่อบนโทรศัพท์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย “ ฮัลโหล จิ่นอี้?”

“ฉันเอง” เสียงของไป๋จิ่นอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ฟังดูมีความกังวลเล็กน้อย “เธอยังไม่ตื่นเหรอ?”

“ใช่สิ? วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ร้านดอกไม้ของฉันไม่ยุ่ง” ต้วนอีเหยาคิดไม่ออก มองเวลาก็เพิ่งหกโมง!

เพิ่งเจอเมื่อวาน วันนี้โทรหาเธอแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?

“ จะสายแล้ว เธอรีบลุกเลย ฉันจะไปรับ”

ยังไม่ทันรอให้ต้วนอีเหยาตอบกลับ ไป๋จิ่นอี้ก็รีบวางสาย ทิ้งให้ ต้วนอีเหยาถือโทรศัพท์คาไว้ด้วยความงุนงง

เธอตกตะลึงอยู่หลายนาที ก่อนที่เธอจะกลับมามีสติ รีบลุกจากเตียง ไป๋จิ่นอี้บอกว่าเขาจะมารับทันที เธอกลัวว่าเมื่อเขามาถึง เขาจะยังเห็นเธอนอนอยู่บนเตียง

แต่งตัว ล้างหน้า หวีผมในคราวเดียว เธอเงยหน้ามองนาฬิกา ใช้เวลาไปแล้วกว่าสิบนาที

ในเวลาเดียวกัน เสียงกริ่งดังขึ้น ต้วนอีเหยาจัดเสื้อผ้าของเธอและออกไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเปิดประตูเธอก็ยิ่งน่าหลงใหล

“ทำไมเธอถึงแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้?” ไป๋จิ่นอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอสวมสูท ผูกโบว์ที่คอ เสื้ออุปกรณ์ทางการ แบบนี้ไม่เหมือนกับการไปสอนหรือไปเที่ยวเลย!

เมื่อเธอ้าปากพูด ไป๋จิ่นอี้ก็ประหลาดใจกับชุดของเธอ “เธอจะใส่ชุดนี้หรอ?”

“ ใช่ ทำไมหรอ?”

ต้วนอีเหยาเหลือบมองตัวเอง ที่สวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ มันก็เป็นชุดปกติไม่ใช่หรอ? น่าแปลกใจตรงไหน?

เมื่อเห็นว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ตัวเอง ต้วนอีเหยาก็ตื่นตระหนก มีอะไรผิดปกติกับชุดของเธองั้นหรอ?

เมื่อสายตาจ้องไปที่ชุดสูททางการ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเสียความมั่นใจ แม้ว่าชุดเธอจะไม่เข้ากับเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกว่านี่มันปกติ!

“อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปกล้วว่าวันนี้คือวันอะไร?”

“วันอะไร?”

วันครบรอบที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน วันเกิดของเขาหรือวันพิเศษอื่นๆที่เธอจำไม่ได้?

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้เลย มันไม่ใช่งานแต่งซะหน่อย……

งานแต่ง!

ต้วนอีเหยาตกใจ “ วันนี้มีงานแต่งงานใช่ไหม?”

“ในที่สุดเธอก็จำได้!” ไป๋จิ่นอี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อคืนฉันก็บอกเธอแล้ว……”

เมื่อคืน?

ต้วนอีเหยานึกถึงเมื่อคืน ไป๋จิ่นอี้พาเธอไปทานอาหารค่ำ ระหว่างทางดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับเย่จิงเหยียนและแฟนสาวของเขา ซึ่งทำให้เธอเหม่อลอยระหว่างรับประทานอาหารและ ไป๋จิ่นอี้น่าจะบอกตอนนั้น

“เธอไปเปลี่ยนชุดก่อนเลย ฉันจะรออยู่ตรงนี้ แล้วเดี๋ยวจะพาไปทำผม”

“ฮ่าฮ่า……”

ต้วนอีเหยาเกาหัวของเธอ แต่เธอรู้สึกแย่ในใจ เธอเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน แม้ว่าเธอจะถอนตัวออกมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแค่ชุดในกองทัพ มีกระโปรงในตู้น้อยมาก นับประสาอะไรกับชุดราตรี……

“เธอไม่มีชุดราตรีเหรอ” ไป๋จิ่นอี้ดูเหมือนจะมองทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอ เห็นต้วนอีเหยาพยักหน้าอย่างเชื่องช้าและเหลือบมองนาฬิกาในมือ

“ จะทันไหมเนี่ย?”

ขณะที่ต้วนอีเหยากำลังสับสน ไป๋จิ่นอี้ก็จับมือเธอแล้วเดินลงไปชั้นล่าง

“ ไป๋จิ่นอี้?”

“ฉันจะพาไปซื้อชุด” ไป๋จิ่นอี้พูดกับเธอโดยไม่หันมามอง เดินตรงไปที่รถ

ในรถ ไป๋จิ่นอี้หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออก “ฮัลโหล เฉิงยวี เธอช่วยฉันเตรียมชุดราตรีหน่อย เอิ่ม…… ”

เขาขมวดคิ้ว มองไปที่วนอีเหยาและพูดต่อ “ช่างเหอะ ฉันจะพาเธอไป”

ต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่ข้างคนขับใบหน้ามึนงง รูปร่างของเธออธิบายยากขนาดนั้นเลยหรอ? จนเขาต้องหยุดคิด

ในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ดูจากข้างนอกเงียบมาก เวลานี้ยังไม่มีร้านไหนเปิด

ต้วนอีเหยามองไปที่ไป๋จิ่นอี้อย่างสงสัย “ เธอกำลังจะบอกว่าเราจะเข้าไปจากตรงนี้หรอ?” ดูเหมือนว่าคนธรรมดาจะเข้าไปที่นี่ไม่ได้และประตูยังไม่เปิด!

ไป๋จิ่นอี้พยักหน้า “อืม พวกเรา…… ”

พูดถึงแค่ครึ่งเดียว ทันใดนั้นเขาก็เห็นใครบางคนกวักมือเรียกพวกเขา เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่!”

ต้วนอีเหยามองตามสายตาของเขา เห็นว่าชายคนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทันสมัยและหมวกของเขาเต็มไปด้วยลายกราฟฟิก

เฉิงหยูวิ่งเหยาะๆออกมาจากประตู เขาขยี้ตาและมองไปที่ต้วนอีเหยา “โอย เช้าขนาดนี้ก็ให้ฉันเตรียมชุดราตรี ฉันยังไม่ตื่นเลย!”

“อย่ามัวพูดแล้ว เวลามีจำกัด เธอว่าจะเรียบร้อยภายในเวลาเท่าไหร่?”

“จะมัวมายืนอยู่ที่นี่ทำไม เข้ามาก่อน” เฮิงยวีเป็นเดินนำไป๋จิ่นอี้และต้วนอีเหยาเข้าไป

ลิฟต์หยุดที่ชั้นที่สิบแปด ทันทีที่ต้วนอีเหยาลงจากลิฟต์ เธอก็ของทุกอย่างขวางหน้า มองไม่เห็นอะไรเลย กระโปรงสีขาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดแขวนไว้ทั้งห้องและแสงที่พื้นก็ส่องเข้ามาราวกับว่าเธอหลงไปในห้องแต่งตัวของเจ้าหญิง

“เธอลองเลือกดูสิ ทั้งหมดนี้เป็นงานออกแบบใหม่ล่าสุดของฉันเอง” เฉิงหยูกางมือของเขาและนั่งลงบนโซฟาข้างหน้าต่าง

ไป๋จิ่นยี่เดินวนไปรอบๆ พลางขมวดคิ้ว “ พวกนี้หรอ?”

“ไม่คิดเลยว่าตาถึงเหมือนกันนะเรา อะไรพวกนี้? นี่ฉันทำทั้งกลางวันและกลางคืนเลยนะเว้ย ถ้าเป็นคนอื่นมาขอซื้อตอนนี้ฉันไม่ขายให้หรอก อย่าว่าแต่ให้เลย!”

“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ถือว่าฉันซื้อของเธอละกัน”

ใบหน้าของไป๋จิ่นอี้เฉยชา แต่เฉินยวีไม่พอใจมาก ” อะไรคือถือว่าแกซื้อ ฉะนเป็นคนแบบนั้นหรอ? เพื่อเงิน จะทิ้งความสัมพันธ์งั้นหรอ?”

“ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น!”

เฉิงหลยวีหันกลับมาและไม่มองเขา “เธอค่อยๆเลือกเองนะ ดูแล้วชอบก็เอาไปเลย ถ้าไม่ชอบฉันก็ช่วยไม่ได้!”

ไป๋จิ่นอี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกต้วนอีเหยาหยุดไว้ “ตัวไหนก็ได้ ฉันไม่ใช่เจ้าสาวซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องจริงจังเรื่องชุดขนาดนั้น ว่าจะไป เสื้อผ้าที่นี่ สวยทุกชุดเลย

“หึ” เฉิงยวีเหล่ไปที่ไป๋จิ่นอี้ “ดูสิว่าสาวคนนี้พูดดีแค่ไหน ไม่เหมือนใครบางคน ที่อุตส่าเป็นเพื่อนมาหลายปีแต่มันกลับดูถูกฉัน!”

ไป๋จิ่นอี้มีปัญหาในการโต้เถียงและหยุดพูด ตั้งสมาธิกับการมองหาเสื้อผ้า เมื่อเขาเดินไปที่ห้องเก็บของ เขาค่อยๆผลัก ก็ถูกเขาผลักออก

ข้างในมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เขาเปิดไฟ ข้างในเป็นชุดราตรีสีขาวที่มีดีไซน์เปลือยขนาดใหญ่เกินจริงที่ด้านหลัง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เขาหยิบมันและเดินกลับไปหาต้วนอีเหยา

“ ลองชุดนี้ดูสิ”

ต้วนอีเหยารับมันไป เห็นว่ามันโชว์แผ่นหลังมากเกินไป หน้าแดงเล็กน้อย “ นี่มัน……จะเกินไปไหมอะ!”

“ชุดราตรี มันก็เป็นแบบนี้แหละ” ไป๋จิ่นอี้พูดเรื่องไร้สาระ

ต้วนอีเหยาไม่เชื่อ “แต่ที่ฉันดูมาหลายตัวไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย…… ”

บทสนทนาของพวกเขาดึงดูดความสนใจของเฉินยวี เขาหันศีรษะไปเพื่อดูว่าพวกเขาถืออันไหนอยู่ เมือเขาเห็นก็ต้องตกใจ

เขาเด้งตัวออกจากโซฟาและดึงชุด “ชุดนี้เธอไปเจอมันที่ไหน?”

ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้ตอบคำถาม “ก็แกบอกว่าชุดในนี้เลือกได้ตามใจเลยไม่ใช่หรอ?

“ฉันหมายความในนี้!” เฉิงยวีชี้ไปที่ห้อวโถง “แต่ฉันไม่ได้บอกข้างในประตู!”

“แล้วมันต่างกันยังไง?”

เฉิงยวีกัดฟันอย่างโกรธๆ “ก็ต้องต่างกันสิ ชุดนี้เป็นความพยายามของฉัน ฉันจะเอามันไปงานแฟชั่นโชว์!”

“พวกเราใส่เสร็จแกก็ค่อยเอาไปงานก็ได้นิ” ไป๋จิ่นอี้ยกมือขึ้นด้วยความสับสน

“มึงบ้าหรือเปล่า!”

เฉิงยวีด่าลับๆในใจ “ถ้าพวกเธอใส่ออกไปแล้วช่างภาพถ่ายรูป ชุดนี้ก็ไม่มีความหมายแล้วสิ”

“ แต่ฉันคิดว่าชุดนี้เหมาะกับอีเหยา ฉันว่าตัวอื่นเธอไม่ชอบแน่เลย เธอจึงไม่มีความมั่นใจ”

เฉินยวีกำปั้นด้วยความโกรธ “แกหมายความว่าไง?”

“ความหมายที่แท้จริง”

“น่ารังเกียจ!”

ในฐานะหัวหน้านักออกแบบที่มีชื่อเสียงในระดับสากล เขาไม่เคยถูกพูดเช่นนี้มาก่อน แต่วันนี้ไป๋จิ่นอี้พูดให้เขาดูไร้ค่า

“ งั้นชุดนี้แกเก็บไว้เถอะ ฉันแค่เห็นว่ามันเหมาะกับอีเหยา แต่ถ้าแกอยากไปงานแฟชั่นโชว์ด้วยชุดนี้ มันยังไม่พอหรอก!”

ไป๋จิ่นอี้ทำตามที่เขาพูด หันกลับไปมองหาชุดอื่น แต่เฉิงยวีไม่สามารถสงบลงได้ มาบอกว่าเขาทำได้ บอกการออกแบบของเขา ทนไม่ได้จริงๆ

“หยุด!”

ไป๋จิ่นอี้หยุดเดิน “ มีอะไรหรอ?”

“ชุดนี้ให้แก”

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหนือความคาดหมาย ไป๋จิ่นอี้หันกลับมาและมองเขาอย่างสงสัย “ ให้ฉันหรอ?”

“ใช่” เฉิงยวีพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ฉันจะออกแบบชุดที่แกเห็นแล้วต้องขนลุกอีกแน่!”

ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขา พยักหน้าอย่างไม่อ้อมค้อมและส่งเสื้อผ้าให้ต้วนอีเหยา “ อีเหยา ไปลองดูสิ”

ต้วนอีเหยารับเสื้อผ้ามาแล้วเลี้ยวเข้าไปในห้องลองชุด ในขณะที่ไป๋จิ่นอี้นั่งรออยู่ที่เก้าอี้

“ชุดนี้ฉันออกแบบตามหุ่นของนางแบบ เธอ……ฉันว่าใส่แล้วไม่มีออร่า” เฉิงยวีมองไปที่โซฟา กอดอกและพูดอย่างเย็นชา

ไป๋จิ่นอี้ไม่พูดอะไร แค่นั่งเงียบบนโซฟาและจ้องไปที่ผ้าม่านที่ปิดอยู่

สิบนาทีต่อมา ในที่สุดไป๋จิ่นอี้ก็ลุกขึ้นและเดินไปหน้าม่าน ถามเบาๆว่า “อีเหยา เสร็จหรือยัง?”

“ เอ่อ……”

“เสร็จแล้วเสร็จแล้ว แต่…… ”

“ไม่เป็นไร เธอออกมาสิ!”

หลังจากพูดจบ ประมาณสามนาทีก่อนที่ม่านจะถูกเปิดออก ต้วนอีเหยาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองในชุดราตรีสีขาว

รองเท้าส้นสูงที่อยู่ในห้องลองแม้ว่าขนาดจะใหญ่เกินไป แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชุดเธอ

ผมของต้วนอีเหยาถูกมัดขึ้น และการออกแบบสายรัดที่ด้านหลัง กระโปรงสีขาวกับผิวสีขาวที่ไร้ที่ติของเธอ ราวกับนางฟ้าในสวรรค์บนโลก

ดวงตาของเฉิงยวีสั่นและชี้ไปที่ต้วนอีเหยา “ นี่……นี่เป็นผู้หญิงพื้นบ้านคนเดียวกับคนเมื่อกี้หรือเปล่า?”

ต้วนอีเหยาแทบล้มทั้งยืน ที่แท้ในใจเขาเธอเป็นแค่ผู้หญิงพื้นบ้านคนหนึ่ง

หันศีรษะไปที่ไป๋จิ่นอี้อีกครั้ง เมื่อเห็นเขาจ้องมองเธออย่างหลงใหล เขาก็ก้มหัวเล็กน้อยอย่างเขินอาย

“อีเหยา เธอสวยมาก!” ไป๋จิ่นอี้อุทานอย่างจริงใจ

ลำคอที่เรียวยาวและรูปร่างของเธอ ได้ค้นพบนิยามใหม่ของกระโปรงตัวนี้เช่นเดียวกับหงส์ที่น่าภาคภูมิใจ

ไป๋จิ่นอี้มองไปที่เธอเป็นเวลานานและทันใดนั้นก็เห็นรองเท้าที่เท้าของเธอ ขมวดคิ้วและพูดกับเฉินยวี “รองเท้าคู่นี้ไม่เหมาะ ที่นี่ยังมีรองเท้าอื่นอีกไหม?”

เฉินยวีมองเธอในชุดสีขาวและเดินเข้าไปห้องด้านใน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินออกมาพร้อมกับรองเท้าคู่หนึ่งในมือของเขา อัปเปอร์ขัดสีเงินดูมีเสน่ห์และพร่างพราวภายใต้แสงไฟ

“ นี่ ลองดูสิ”

ต้วนอีเหยาไม่ได้พูดอะไรมาก เขายื่นมันให้ เธอก็หยิบมาสวมแล้วเดิน ใส่ได้พอดี

ตอนที่เห็นเฉินยวีถือออกมาเธอตกใจมาก รองเท้าที่สูงแปดเมตรขนาดนี้ ใส่ยังไงก็น่าจะเจ็บนะ!

แต่หลังจากใส่มันแล้ว ต้วนอีเหยาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับสัมผัสที่นุ่มนวลของเท้า

ไป๋จิ่นอี้มองไปรอบตัวของเธอและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว”

“ต่อมาก็คือทำผม”

ต้วนอีเหยาดูงุนงง แต่ก็ยังเดินตามไป๋จิ่นอี้อย่างเชื่อฟัง คราวนี้พวกเขาไม่ได้ไปที่สไตลิสต์ส่วนตัว แต่ลงไปสองชั้นและเข้าไปในห้องจัดแต่งทรงผม

“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้เราช่วยไหมคะ?” ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าประตูก็มีคนทักทายพวกเขา และมองต้วนอีเหยาด้วยความเคารพ

ไป๋จิ่นอี้และทั้งสองถูกพาไปนั่งริมหน้าต่าง พนักงานนำกาแฟสองแก้วมาวางไว้ข้างหน้าพวกเขา พร้อมกับหนังสือ

เมื่อหนังสือมาวางตรงหน้า ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้สนใจพนักงานเลย แต่กลับเป็นห่วงต้วนอีเหยา เธอนั่งตรงข้ามเขา เธออยากดื่มน้ำ แต่ว่าตรงหน้ามีแต่กาแฟ

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ต้วนอีเหยาเป็นครั้งคราว เมื่อเขามองไปสองสามรอบก็ชี้ไปที่หนังสือว่า “งั้นก็เอาทรงนี้เป๊ะๆเลย ”

“เชิญค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานทำเครื่องหมายบนนั้นและพาต้วนอีเหยาเข้าไปข้างใน

ต้วนอีเหยาถูกจัดให้อยู่ในห้องแต่งตัวแบบปิดล้อมรอบด้วยกระจก เธอก้มหน้าเพื่อดูว่าทรงผมของช่างทำผมด้านหลังทำแบบไหน แต่ไม่ว่าเธอจะขยับตัวอย่างไรเธอก็ถูกคนข้างหลังบอกให้นั่งตรงๆ

สุดสุดท้ายเธอก็ไม่อยากรู้ ถึงยังไงก็เป็นแค่ทรงผม ถ้าจะขี้เหร่ก็คงไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ สวยก็คงไม่สวยขนาดนั้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเธอเห็นผมของเธอ เธอก็ถอนคำพูดของเธอเมื่อกี้ทันที ไม่ใช่แค่ดูดีเท่านั้น แต่นี่มันสมบูรณ์แบบมาก

เธอไม่เคยเห็นผมของเธอที่ถูกจัดออกมาอย่างประณีตและมีดอกไม้เล็กๆสองสามดอกประดับอยู่ระหว่างผมของเธอ ซึ่งเป็นสีเขียวอ่อนถ้าเธอเดาถูกก็น่าจะเป็นดอกยิปโซ

เดินออกจากห้องไป ไป๋จิ่นอี้เงยหน้าขึ้นมองจากหนังสือ หันหน้าไปทางแสงและเห็นเธอค่อยๆเดินมาหาเขา เขาตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ

“เป็นยังไงบ้าง” ต้วนอีเหยาถามอย่างกังวล

“สวยมาก!”

เขาพูดหวานมากไม่เป็นแต่สามคำนี้เป็นสิ่งที่ออกมาจากในเขา เธอสวยมากจริงๆ!

ต้วนอีเหยารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอดึงกระโปรงและพูดว่า ” มันจะไม่ดูเยอะไปหรอ เราเป็นแค่แขกนะ!”

“ไม่หรอก” ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้บอกว่าจริงๆวันนี้เธอก็เป็นตัวเอก!

เขาเอื้อมมือออกไปและถือกล่องสี่เหลี่ยมในกระเป๋าเสื้อสูทของเขา หัวใจของเขาอบอุ่นราวกับว่ามันถูกส่องผ่านดวงอาทิตย์

ไป๋จิ่นอี้ยื่นมือออกมาจับนิ้วของเธอแล้วทั้งสองคนก็เดินออกมาพร้อมกัน

มันดึงดูดสายตาจากผู้คนที่อยู่ข้างหลัง “เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”

แขกทั้งหมดเกือบจะมาครบที่โรงแรมแล้ว เย่จิงเหยียนกำลังจัดการเรื่องเล็กน้อยอยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เขาลูบขมับและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เขากระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาและเปลือกตาของเขาเต้นอยู่ครู่หนึ่ง

หรือว่างานแต่งวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น?

ไม่หรอก! เขาส่ายหัว นอกซะจากว่าเขาไม่ยอม งานแต่งงานก็จะดำเนินต่อไปตามกำหนดแน่นอน!

ลงไปที่ห้องโถง มีรถสีขาวเงินขับเข้ามา เย่จิงเหยียนรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เมื่อเห็นประตูรถเปิดออก เขากำลังจะมองดูคนที่กำลังลงจากรถ ทันใดนั้นก็มีคนมาชนโดนเขา

“พี่ชาย อยู่นี่นี่เอง!” เสี่ยวอวี้หลินตบไหล่เขาและดึงเขาออกไปจากหน้าต่าง

“ทุกคนกำลังตามหาพี่ แต่พี่มาหลบอยู่ตรงนี้”

เย่จิงเหยียนดึงมือของเขาออกจากไหล่และถามว่า “ใครกำลังหาฉัน?”

ชั้นล่าง

ไป๋จิ่นอี้ออกจากรถก่อนและยืนอยู่ข้างรถ ก้มตัวรอต้วนอีเหยา

ต้วนอีเหยาจับมือของเขาและมองไปที่แขกกำลังมาถึง หัวใจของเธอเต้นเร็วมาก เธอไม่เคยตื่นตระหนกแบบนี้มาก่อน

“พวกเราต้องเข้าไปจริงๆหรอ?” ต้วนอีเหยาหยุดและยิ่งก้าวไปหนึ่งก้าว เธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอเลย!

“ใช่สิ ไม่เข้าไปแล้วจะไปร่วมงานแต่งได้ยังไง?”

เมื่อไป๋จิ่นอี้ดห็นเธอหยุดเดิน ดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติและถามเธอเบาๆว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายหรอ?”

ต้วนอีเหยาส่ายหัวและหายใจเข้าลึกๆที่ประตู “ไม่เป็นไร เข้าไปกันเถอะ!”

ในเวลาเดียวกัน เย่จิงเหยียนและเสี่ยวอวี้หลินลงมาจากลิฟต์

“พี่ ตอนนี้เราควรไปรับเจ้าสาวแล้วนะ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะมาถึงประตูเมืองแล้ว”

เย่จิงเหยียนรีบเดิน เห็นเงาที่คุ้นเคยเดินผ่าน เขาขมวดคิ้ว แต่เมื่อเขามองไปเขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

“ มีอะไรเหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินพูดพล่ามไม่รู้จบ เมื่อเห็นเขาหยุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เขามองตามสายตาของเขาและรูม่านตาของเขาก็ขยายออกชั่วขณะ

เมื่อเขาหันหน้าไปอีกครั้ง เย่จิงเหยียนได้ก้าวไปแล้ว แต่เขาก็ตกตะลึงอยู่นาน ก่อนที่เขาจะโล่งใจ เขามองไปที่นั่นอีกครั้งและไม่สามารถขยับตัวได้

“ ไม่ไปหรอ?” เย่จิงเหยียนเห็นเขาไม่รีบตามมาสักที

มู่ยวูฉีรีบก้าวออกไปเพื่อบังไม่ให้เขาเห็น แล้วพูดว่า “ไปเถอะ……ไปเถอะอย่ามัวเสียเวลาเลย!”

เมื่อถึงเวลา เย่จิงเหยียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาจึงหยุดพูดและก้าวไปข้างหน้าก่อน

มู่ยวํฉีตามเขาไปอย่างเร่งรีบ แต่หัวใจของเขาถูกฟ้าผ่า เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะมาปรากฏตัวที่นี่! เขามองไม่ชัดพอในแวบแรก แต่ในแวบที่สอง เธอหันศีรษะและเขาก็มองเห็นได้ชัดเจน และชัดมาก!

เธอคือ……

ต้วนอีเหยา!

ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไง ความคิดเดียวของเขาคือจะให้พี่ที่เพิ่งลืมเธอได้มาเจอเธอไม่ได้!

มันผิดที่ ผิดเวลา เขารับรองได้ว่าถ้าพี่ชายเห็นเธอ งานแต่งล่มแน่!

ด้านนอกเต็มไปด้วยความสวยงาม ซึ่งเป็นสีดำทั้งหมด เย่จิงเหยียนเป็นคนเตรียมการเป็นพิเศษ

“พี่ชาย……”

มู่ยวีฉีตัวแข็งตลอดทาง ไม่รู้จะพูดอะไร เย่จิงเหยียนเองก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาเงียบแบบนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น

“แกอยากพูดอะไร?”

“ ฉัน…..” เขากลืนน้ำลาย

หลังจากอ้ำอึ้งเป็นเวลานาน ปิดตาและกัดฟันพูด “ถ้าเกิด ถ้าเกิดบอกว่าพี่อีเหยากลับมาแล้ว พี่จะทำยังไง?”

ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเย่จิงเหยียนเปลี่ยนไปทันที “ไม่มีถ้าหากนี้เกิดขึ้น”

มู่ยวูฉีกำลังสั่นสะท้านด้วยสายตาของเขา เขาก้มศีรษะลงและหยุดพูด

……

รถที่ให้การต้อนรับขับวนรอบเมืองหลวง ในที่สุดก็กลับมาที่โรงแรม เย่จิงเหยียนลงจากรถคันแรกและรออยู่ที่เดิม

ต้วนจื่ออิ๋งจับมือของเขาเดินออกจากรถอย่างเขินอาย พร้อมกับก้มหน้าลงและกระซิบว่า “พี่จิงเหยียน”

เย่จิงเหยียนเม้มริมฝีปากของเธอโดยไม่พูดและพาเธอไปที่ห้องโถงพร้อมกัน เย่ชวูเสวียเดินตามพวกเขาไปในฐานะเพื่อนเจ้าสาว ช่วยต้วนจื่ออิ๋งถือกระโปรง

ทันใดนั้น ไฟทั้งหมดก็ดับลง ต้วนอีเหยากำลังพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขกับไป๋จิ่นอี้ ทันใดนั้นก็มืดไปหมด เธอจับมือของไป๋จิ่นอี้

“ ไม่ต้องกลัว น่าจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังจะออกมา”

“อ่อ” ต้วนอีเหยาไม่เคยมีส่วนร่วมในงานแต่งงาน เธอไม่รู้ขั้นตอนการจัดงานแต่งงาน เธอรู้แค่ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อให้ของขวัญแสดงความยินดี จากนั้นทานอาหารและกลับไป

ดังนั้นจึงมีแสงไฟบนเวที เธอไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะอาศัยแสงที่จางๆ เธอเห็นชีสเค้กได้อย่างแม่นยำ

“ แมวตะกละ!”

ไป๋จิ่นอี้ดึงมือของเธอไว้ เธอจึมเอื้อมไม่ถึงชีสเค้ก ทำได้เพียงใช้สายตาที่อ้อนวอนกับเขา

ไป๋จิ่นอี้เอื้อมมือไปแตะจมูกของเธอ และหยิบเค้กให้เธอ “กินสิ ไม่พอยังมีอีก”

ต้วนอีเหยาพยักหน้า ที่จริงเธอไม่ชอบขนมหวาน แต่การไปร่วมงานแต่งงานมันน่าเบื่อจริงๆ เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรฆ่าเวลา

ในขณะที่กำลังกินอยู่ ทันใดนั้นก็มีเงาอยู่เหนือศีรษะของ เขามาบังแสงตรงหน้าเธอพอดี ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นดูว่าใคร

เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็รเป็นผู้ชายตัวสูง ข้างหน้าเธอมืดมน เกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ไป๋จิ่นอี้อยู่เคียงข้างเธอ ช่วยเธอไว้ได้ทัน

“รองเท้าสูงเกินไปหรอ? งั้นเราไปหาที่นั่งกันเถอะ!”

ต้วนอีเหยาไม่ตอบสนองใดๆ มองไปที่เจ้าบ่าวบนเวทีเป็นเวลานาน หลังจากยืนยันว่าเป็นเขา เธอก็หัวเราะทันที

เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมางานแต่งงานของเขา หรือในสถานการณ์ที่ไม่รู้ตัวเช่นนี้ ข้างๆเขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวยดั่งดอกไม้ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ!

“ อีเหยา เป็นอะไรไป?”

ไป๋จิ่นยี่มองเธอกำลังอึ้งกับบางสิ่ง อดไม่ได้ที่จะกังวล “ อีเหยา? อีเหยา?”

ต้วนอีเหยาไม่ตอบสนองตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่จ้องมองไปที่เย่จิงเหยียนทีละก้าวอย่างว่างเปล่า เธอยื่นมือออกไปเพื่อรั้งเขาไว้ แต่ว่าเธอไม่สามารถเข้าถึงได้เลย

เย่จิงเหยียน บนเวทีดูเหมือนจะได้ยินใครบางคนเรียก “อีเหยา” เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ทันทีที่หันไปก็เห็นต้วนอีเหยา

ภายใต้แสงสลัวดวงตาของเขาก็พบเธอ ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านไปหมื่นปีแสง ฝีเท้าของเย่จิงเหยียนก็หยุดลง

เสียงดนตรีสุดโรแมนติกในห้องโถงสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน ทุกคนกำลังคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น ต้วนจื่ออิ๋งที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเย่จิงเหยียนด้วยความกังวล

“ พี่จิงเหยียน…… ”

ในไม่กี่พริบตา ก็มาถึงวันแต่งงาน ต้วนอีเหยายังคงนอนหลับอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เธอตื่น

เธอยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นชื่อบนโทรศัพท์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย “ ฮัลโหล จิ่นอี้?”

“ฉันเอง” เสียงของไป๋จิ่นอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ฟังดูมีความกังวลเล็กน้อย “เธอยังไม่ตื่นเหรอ?”

“ใช่สิ? วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ร้านดอกไม้ของฉันไม่ยุ่ง” ต้วนอีเหยาคิดไม่ออก มองเวลาก็เพิ่งหกโมง!

เพิ่งเจอเมื่อวาน วันนี้โทรหาเธอแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?

“ จะสายแล้ว เธอรีบลุกเลย ฉันจะไปรับ”

ยังไม่ทันรอให้ต้วนอีเหยาตอบกลับ ไป๋จิ่นอี้ก็รีบวางสาย ทิ้งให้ ต้วนอีเหยาถือโทรศัพท์คาไว้ด้วยความงุนงง

เธอตกตะลึงอยู่หลายนาที ก่อนที่เธอจะกลับมามีสติ รีบลุกจากเตียง ไป๋จิ่นอี้บอกว่าเขาจะมารับทันที เธอกลัวว่าเมื่อเขามาถึง เขาจะยังเห็นเธอนอนอยู่บนเตียง

แต่งตัว ล้างหน้า หวีผมในคราวเดียว เธอเงยหน้ามองนาฬิกา ใช้เวลาไปแล้วกว่าสิบนาที

ในเวลาเดียวกัน เสียงกริ่งดังขึ้น ต้วนอีเหยาจัดเสื้อผ้าของเธอและออกไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเปิดประตูเธอก็ยิ่งน่าหลงใหล

“ทำไมเธอถึงแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้?” ไป๋จิ่นอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอสวมสูท ผูกโบว์ที่คอ เสื้ออุปกรณ์ทางการ แบบนี้ไม่เหมือนกับการไปสอนหรือไปเที่ยวเลย!

เมื่อเธอ้าปากพูด ไป๋จิ่นอี้ก็ประหลาดใจกับชุดของเธอ “เธอจะใส่ชุดนี้หรอ?”

“ ใช่ ทำไมหรอ?”

ต้วนอีเหยาเหลือบมองตัวเอง ที่สวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ มันก็เป็นชุดปกติไม่ใช่หรอ? น่าแปลกใจตรงไหน?

เมื่อเห็นว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ตัวเอง ต้วนอีเหยาก็ตื่นตระหนก มีอะไรผิดปกติกับชุดของเธองั้นหรอ?

เมื่อสายตาจ้องไปที่ชุดสูททางการ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเสียความมั่นใจ แม้ว่าชุดเธอจะไม่เข้ากับเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกว่านี่มันปกติ!

“อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปกล้วว่าวันนี้คือวันอะไร?”

“วันอะไร?”

วันครบรอบที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน วันเกิดของเขาหรือวันพิเศษอื่นๆที่เธอจำไม่ได้?

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้เลย มันไม่ใช่งานแต่งซะหน่อย……

งานแต่ง!

ต้วนอีเหยาตกใจ “ วันนี้มีงานแต่งงานใช่ไหม?”

“ในที่สุดเธอก็จำได้!” ไป๋จิ่นอี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อคืนฉันก็บอกเธอแล้ว……”

เมื่อคืน?

ต้วนอีเหยานึกถึงเมื่อคืน ไป๋จิ่นอี้พาเธอไปทานอาหารค่ำ ระหว่างทางดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับเย่จิงเหยียนและแฟนสาวของเขา ซึ่งทำให้เธอเหม่อลอยระหว่างรับประทานอาหารและ ไป๋จิ่นอี้น่าจะบอกตอนนั้น

“เธอไปเปลี่ยนชุดก่อนเลย ฉันจะรออยู่ตรงนี้ แล้วเดี๋ยวจะพาไปทำผม”

“ฮ่าฮ่า……”

ต้วนอีเหยาเกาหัวของเธอ แต่เธอรู้สึกแย่ในใจ เธอเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน แม้ว่าเธอจะถอนตัวออกมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแค่ชุดในกองทัพ มีกระโปรงในตู้น้อยมาก นับประสาอะไรกับชุดราตรี……

“เธอไม่มีชุดราตรีเหรอ” ไป๋จิ่นอี้ดูเหมือนจะมองทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอ เห็นต้วนอีเหยาพยักหน้าอย่างเชื่องช้าและเหลือบมองนาฬิกาในมือ

“ จะทันไหมเนี่ย?”

ขณะที่ต้วนอีเหยากำลังสับสน ไป๋จิ่นอี้ก็จับมือเธอแล้วเดินลงไปชั้นล่าง

“ ไป๋จิ่นอี้?”

“ฉันจะพาไปซื้อชุด” ไป๋จิ่นอี้พูดกับเธอโดยไม่หันมามอง เดินตรงไปที่รถ

ในรถ ไป๋จิ่นอี้หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออก “ฮัลโหล เฉิงยวี เธอช่วยฉันเตรียมชุดราตรีหน่อย เอิ่ม…… ”

เขาขมวดคิ้ว มองไปที่วนอีเหยาและพูดต่อ “ช่างเหอะ ฉันจะพาเธอไป”

ต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่ข้างคนขับใบหน้ามึนงง รูปร่างของเธออธิบายยากขนาดนั้นเลยหรอ? จนเขาต้องหยุดคิด

ในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ดูจากข้างนอกเงียบมาก เวลานี้ยังไม่มีร้านไหนเปิด

ต้วนอีเหยามองไปที่ไป๋จิ่นอี้อย่างสงสัย “ เธอกำลังจะบอกว่าเราจะเข้าไปจากตรงนี้หรอ?” ดูเหมือนว่าคนธรรมดาจะเข้าไปที่นี่ไม่ได้และประตูยังไม่เปิด!

ไป๋จิ่นอี้พยักหน้า “อืม พวกเรา…… ”

พูดถึงแค่ครึ่งเดียว ทันใดนั้นเขาก็เห็นใครบางคนกวักมือเรียกพวกเขา เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่!”

ต้วนอีเหยามองตามสายตาของเขา เห็นว่าชายคนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทันสมัยและหมวกของเขาเต็มไปด้วยลายกราฟฟิก

เฉิงหยูวิ่งเหยาะๆออกมาจากประตู เขาขยี้ตาและมองไปที่ต้วนอีเหยา “โอย เช้าขนาดนี้ก็ให้ฉันเตรียมชุดราตรี ฉันยังไม่ตื่นเลย!”

“อย่ามัวพูดแล้ว เวลามีจำกัด เธอว่าจะเรียบร้อยภายในเวลาเท่าไหร่?”

“จะมัวมายืนอยู่ที่นี่ทำไม เข้ามาก่อน” เฮิงยวีเป็นเดินนำไป๋จิ่นอี้และต้วนอีเหยาเข้าไป

ลิฟต์หยุดที่ชั้นที่สิบแปด ทันทีที่ต้วนอีเหยาลงจากลิฟต์ เธอก็ของทุกอย่างขวางหน้า มองไม่เห็นอะไรเลย กระโปรงสีขาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดแขวนไว้ทั้งห้องและแสงที่พื้นก็ส่องเข้ามาราวกับว่าเธอหลงไปในห้องแต่งตัวของเจ้าหญิง

“เธอลองเลือกดูสิ ทั้งหมดนี้เป็นงานออกแบบใหม่ล่าสุดของฉันเอง” เฉิงหยูกางมือของเขาและนั่งลงบนโซฟาข้างหน้าต่าง

ไป๋จิ่นยี่เดินวนไปรอบๆ พลางขมวดคิ้ว “ พวกนี้หรอ?”

“ไม่คิดเลยว่าตาถึงเหมือนกันนะเรา อะไรพวกนี้? นี่ฉันทำทั้งกลางวันและกลางคืนเลยนะเว้ย ถ้าเป็นคนอื่นมาขอซื้อตอนนี้ฉันไม่ขายให้หรอก อย่าว่าแต่ให้เลย!”

“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ถือว่าฉันซื้อของเธอละกัน”

ใบหน้าของไป๋จิ่นอี้เฉยชา แต่เฉินยวีไม่พอใจมาก ” อะไรคือถือว่าแกซื้อ ฉะนเป็นคนแบบนั้นหรอ? เพื่อเงิน จะทิ้งความสัมพันธ์งั้นหรอ?”

“ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น!”

เฉิงหลยวีหันกลับมาและไม่มองเขา “เธอค่อยๆเลือกเองนะ ดูแล้วชอบก็เอาไปเลย ถ้าไม่ชอบฉันก็ช่วยไม่ได้!”

ไป๋จิ่นอี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกต้วนอีเหยาหยุดไว้ “ตัวไหนก็ได้ ฉันไม่ใช่เจ้าสาวซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องจริงจังเรื่องชุดขนาดนั้น ว่าจะไป เสื้อผ้าที่นี่ สวยทุกชุดเลย

“หึ” เฉิงยวีเหล่ไปที่ไป๋จิ่นอี้ “ดูสิว่าสาวคนนี้พูดดีแค่ไหน ไม่เหมือนใครบางคน ที่อุตส่าเป็นเพื่อนมาหลายปีแต่มันกลับดูถูกฉัน!”

ไป๋จิ่นอี้มีปัญหาในการโต้เถียงและหยุดพูด ตั้งสมาธิกับการมองหาเสื้อผ้า เมื่อเขาเดินไปที่ห้องเก็บของ เขาค่อยๆผลัก ก็ถูกเขาผลักออก

ข้างในมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เขาเปิดไฟ ข้างในเป็นชุดราตรีสีขาวที่มีดีไซน์เปลือยขนาดใหญ่เกินจริงที่ด้านหลัง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เขาหยิบมันและเดินกลับไปหาต้วนอีเหยา

“ ลองชุดนี้ดูสิ”

ต้วนอีเหยารับมันไป เห็นว่ามันโชว์แผ่นหลังมากเกินไป หน้าแดงเล็กน้อย “ นี่มัน……จะเกินไปไหมอะ!”

“ชุดราตรี มันก็เป็นแบบนี้แหละ” ไป๋จิ่นอี้พูดเรื่องไร้สาระ

ต้วนอีเหยาไม่เชื่อ “แต่ที่ฉันดูมาหลายตัวไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย…… ”

บทสนทนาของพวกเขาดึงดูดความสนใจของเฉินยวี เขาหันศีรษะไปเพื่อดูว่าพวกเขาถืออันไหนอยู่ เมือเขาเห็นก็ต้องตกใจ

เขาเด้งตัวออกจากโซฟาและดึงชุด “ชุดนี้เธอไปเจอมันที่ไหน?”

ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้ตอบคำถาม “ก็แกบอกว่าชุดในนี้เลือกได้ตามใจเลยไม่ใช่หรอ?

“ฉันหมายความในนี้!” เฉิงยวีชี้ไปที่ห้อวโถง “แต่ฉันไม่ได้บอกข้างในประตู!”

“แล้วมันต่างกันยังไง?”

เฉิงยวีกัดฟันอย่างโกรธๆ “ก็ต้องต่างกันสิ ชุดนี้เป็นความพยายามของฉัน ฉันจะเอามันไปงานแฟชั่นโชว์!”

“พวกเราใส่เสร็จแกก็ค่อยเอาไปงานก็ได้นิ” ไป๋จิ่นอี้ยกมือขึ้นด้วยความสับสน

“มึงบ้าหรือเปล่า!”

เฉิงยวีด่าลับๆในใจ “ถ้าพวกเธอใส่ออกไปแล้วช่างภาพถ่ายรูป ชุดนี้ก็ไม่มีความหมายแล้วสิ”

“ แต่ฉันคิดว่าชุดนี้เหมาะกับอีเหยา ฉันว่าตัวอื่นเธอไม่ชอบแน่เลย เธอจึงไม่มีความมั่นใจ”

เฉินยวีกำปั้นด้วยความโกรธ “แกหมายความว่าไง?”

“ความหมายที่แท้จริง”

“น่ารังเกียจ!”

ในฐานะหัวหน้านักออกแบบที่มีชื่อเสียงในระดับสากล เขาไม่เคยถูกพูดเช่นนี้มาก่อน แต่วันนี้ไป๋จิ่นอี้พูดให้เขาดูไร้ค่า

“ งั้นชุดนี้แกเก็บไว้เถอะ ฉันแค่เห็นว่ามันเหมาะกับอีเหยา แต่ถ้าแกอยากไปงานแฟชั่นโชว์ด้วยชุดนี้ มันยังไม่พอหรอก!”

ไป๋จิ่นอี้ทำตามที่เขาพูด หันกลับไปมองหาชุดอื่น แต่เฉิงยวีไม่สามารถสงบลงได้ มาบอกว่าเขาทำได้ บอกการออกแบบของเขา ทนไม่ได้จริงๆ

“หยุด!”

ไป๋จิ่นอี้หยุดเดิน “ มีอะไรหรอ?”

“ชุดนี้ให้แก”

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหนือความคาดหมาย ไป๋จิ่นอี้หันกลับมาและมองเขาอย่างสงสัย “ ให้ฉันหรอ?”

“ใช่” เฉิงยวีพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ฉันจะออกแบบชุดที่แกเห็นแล้วต้องขนลุกอีกแน่!”

ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขา พยักหน้าอย่างไม่อ้อมค้อมและส่งเสื้อผ้าให้ต้วนอีเหยา “ อีเหยา ไปลองดูสิ”

ต้วนอีเหยารับเสื้อผ้ามาแล้วเลี้ยวเข้าไปในห้องลองชุด ในขณะที่ไป๋จิ่นอี้นั่งรออยู่ที่เก้าอี้

“ชุดนี้ฉันออกแบบตามหุ่นของนางแบบ เธอ……ฉันว่าใส่แล้วไม่มีออร่า” เฉิงยวีมองไปที่โซฟา กอดอกและพูดอย่างเย็นชา

ไป๋จิ่นอี้ไม่พูดอะไร แค่นั่งเงียบบนโซฟาและจ้องไปที่ผ้าม่านที่ปิดอยู่

สิบนาทีต่อมา ในที่สุดไป๋จิ่นอี้ก็ลุกขึ้นและเดินไปหน้าม่าน ถามเบาๆว่า “อีเหยา เสร็จหรือยัง?”

“ เอ่อ……”

“เสร็จแล้วเสร็จแล้ว แต่…… ”

“ไม่เป็นไร เธอออกมาสิ!”

หลังจากพูดจบ ประมาณสามนาทีก่อนที่ม่านจะถูกเปิดออก ต้วนอีเหยาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองในชุดราตรีสีขาว

รองเท้าส้นสูงที่อยู่ในห้องลองแม้ว่าขนาดจะใหญ่เกินไป แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชุดเธอ

ผมของต้วนอีเหยาถูกมัดขึ้น และการออกแบบสายรัดที่ด้านหลัง กระโปรงสีขาวกับผิวสีขาวที่ไร้ที่ติของเธอ ราวกับนางฟ้าในสวรรค์บนโลก

ดวงตาของเฉิงยวีสั่นและชี้ไปที่ต้วนอีเหยา “ นี่……นี่เป็นผู้หญิงพื้นบ้านคนเดียวกับคนเมื่อกี้หรือเปล่า?”

ต้วนอีเหยาแทบล้มทั้งยืน ที่แท้ในใจเขาเธอเป็นแค่ผู้หญิงพื้นบ้านคนหนึ่ง

หันศีรษะไปที่ไป๋จิ่นอี้อีกครั้ง เมื่อเห็นเขาจ้องมองเธออย่างหลงใหล เขาก็ก้มหัวเล็กน้อยอย่างเขินอาย

“อีเหยา เธอสวยมาก!” ไป๋จิ่นอี้อุทานอย่างจริงใจ

ลำคอที่เรียวยาวและรูปร่างของเธอ ได้ค้นพบนิยามใหม่ของกระโปรงตัวนี้เช่นเดียวกับหงส์ที่น่าภาคภูมิใจ

ไป๋จิ่นอี้มองไปที่เธอเป็นเวลานานและทันใดนั้นก็เห็นรองเท้าที่เท้าของเธอ ขมวดคิ้วและพูดกับเฉินยวี “รองเท้าคู่นี้ไม่เหมาะ ที่นี่ยังมีรองเท้าอื่นอีกไหม?”

เฉินยวีมองเธอในชุดสีขาวและเดินเข้าไปห้องด้านใน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินออกมาพร้อมกับรองเท้าคู่หนึ่งในมือของเขา อัปเปอร์ขัดสีเงินดูมีเสน่ห์และพร่างพราวภายใต้แสงไฟ

“ นี่ ลองดูสิ”

ต้วนอีเหยาไม่ได้พูดอะไรมาก เขายื่นมันให้ เธอก็หยิบมาสวมแล้วเดิน ใส่ได้พอดี

ตอนที่เห็นเฉินยวีถือออกมาเธอตกใจมาก รองเท้าที่สูงแปดเมตรขนาดนี้ ใส่ยังไงก็น่าจะเจ็บนะ!

แต่หลังจากใส่มันแล้ว ต้วนอีเหยาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับสัมผัสที่นุ่มนวลของเท้า

ไป๋จิ่นอี้มองไปรอบตัวของเธอและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว”

“ต่อมาก็คือทำผม”

ต้วนอีเหยาดูงุนงง แต่ก็ยังเดินตามไป๋จิ่นอี้อย่างเชื่อฟัง คราวนี้พวกเขาไม่ได้ไปที่สไตลิสต์ส่วนตัว แต่ลงไปสองชั้นและเข้าไปในห้องจัดแต่งทรงผม

“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้เราช่วยไหมคะ?” ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าประตูก็มีคนทักทายพวกเขา และมองต้วนอีเหยาด้วยความเคารพ

ไป๋จิ่นอี้และทั้งสองถูกพาไปนั่งริมหน้าต่าง พนักงานนำกาแฟสองแก้วมาวางไว้ข้างหน้าพวกเขา พร้อมกับหนังสือ

เมื่อหนังสือมาวางตรงหน้า ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้สนใจพนักงานเลย แต่กลับเป็นห่วงต้วนอีเหยา เธอนั่งตรงข้ามเขา เธออยากดื่มน้ำ แต่ว่าตรงหน้ามีแต่กาแฟ

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ต้วนอีเหยาเป็นครั้งคราว เมื่อเขามองไปสองสามรอบก็ชี้ไปที่หนังสือว่า “งั้นก็เอาทรงนี้เป๊ะๆเลย ”

“เชิญค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานทำเครื่องหมายบนนั้นและพาต้วนอีเหยาเข้าไปข้างใน

ต้วนอีเหยาถูกจัดให้อยู่ในห้องแต่งตัวแบบปิดล้อมรอบด้วยกระจก เธอก้มหน้าเพื่อดูว่าทรงผมของช่างทำผมด้านหลังทำแบบไหน แต่ไม่ว่าเธอจะขยับตัวอย่างไรเธอก็ถูกคนข้างหลังบอกให้นั่งตรงๆ

สุดสุดท้ายเธอก็ไม่อยากรู้ ถึงยังไงก็เป็นแค่ทรงผม ถ้าจะขี้เหร่ก็คงไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ สวยก็คงไม่สวยขนาดนั้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเธอเห็นผมของเธอ เธอก็ถอนคำพูดของเธอเมื่อกี้ทันที ไม่ใช่แค่ดูดีเท่านั้น แต่นี่มันสมบูรณ์แบบมาก

เธอไม่เคยเห็นผมของเธอที่ถูกจัดออกมาอย่างประณีตและมีดอกไม้เล็กๆสองสามดอกประดับอยู่ระหว่างผมของเธอ ซึ่งเป็นสีเขียวอ่อนถ้าเธอเดาถูกก็น่าจะเป็นดอกยิปโซ

เดินออกจากห้องไป ไป๋จิ่นอี้เงยหน้าขึ้นมองจากหนังสือ หันหน้าไปทางแสงและเห็นเธอค่อยๆเดินมาหาเขา เขาตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ

“เป็นยังไงบ้าง” ต้วนอีเหยาถามอย่างกังวล

“สวยมาก!”

เขาพูดหวานมากไม่เป็นแต่สามคำนี้เป็นสิ่งที่ออกมาจากในเขา เธอสวยมากจริงๆ!

ต้วนอีเหยารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอดึงกระโปรงและพูดว่า ” มันจะไม่ดูเยอะไปหรอ เราเป็นแค่แขกนะ!”

“ไม่หรอก” ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้บอกว่าจริงๆวันนี้เธอก็เป็นตัวเอก!

เขาเอื้อมมือออกไปและถือกล่องสี่เหลี่ยมในกระเป๋าเสื้อสูทของเขา หัวใจของเขาอบอุ่นราวกับว่ามันถูกส่องผ่านดวงอาทิตย์

ไป๋จิ่นอี้ยื่นมือออกมาจับนิ้วของเธอแล้วทั้งสองคนก็เดินออกมาพร้อมกัน

มันดึงดูดสายตาจากผู้คนที่อยู่ข้างหลัง “เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”

แขกทั้งหมดเกือบจะมาครบที่โรงแรมแล้ว เย่จิงเหยียนกำลังจัดการเรื่องเล็กน้อยอยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เขาลูบขมับและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เขากระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาและเปลือกตาของเขาเต้นอยู่ครู่หนึ่ง

หรือว่างานแต่งวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น?

ไม่หรอก! เขาส่ายหัว นอกซะจากว่าเขาไม่ยอม งานแต่งงานก็จะดำเนินต่อไปตามกำหนดแน่นอน!

ลงไปที่ห้องโถง มีรถสีขาวเงินขับเข้ามา เย่จิงเหยียนรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เมื่อเห็นประตูรถเปิดออก เขากำลังจะมองดูคนที่กำลังลงจากรถ ทันใดนั้นก็มีคนมาชนโดนเขา

“พี่ชาย อยู่นี่นี่เอง!” เสี่ยวอวี้หลินตบไหล่เขาและดึงเขาออกไปจากหน้าต่าง

“ทุกคนกำลังตามหาพี่ แต่พี่มาหลบอยู่ตรงนี้”

เย่จิงเหยียนดึงมือของเขาออกจากไหล่และถามว่า “ใครกำลังหาฉัน?”

ชั้นล่าง

ไป๋จิ่นอี้ออกจากรถก่อนและยืนอยู่ข้างรถ ก้มตัวรอต้วนอีเหยา

ต้วนอีเหยาจับมือของเขาและมองไปที่แขกกำลังมาถึง หัวใจของเธอเต้นเร็วมาก เธอไม่เคยตื่นตระหนกแบบนี้มาก่อน

“พวกเราต้องเข้าไปจริงๆหรอ?” ต้วนอีเหยาหยุดและยิ่งก้าวไปหนึ่งก้าว เธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอเลย!

“ใช่สิ ไม่เข้าไปแล้วจะไปร่วมงานแต่งได้ยังไง?”

เมื่อไป๋จิ่นอี้ดห็นเธอหยุดเดิน ดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติและถามเธอเบาๆว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายหรอ?”

ต้วนอีเหยาส่ายหัวและหายใจเข้าลึกๆที่ประตู “ไม่เป็นไร เข้าไปกันเถอะ!”

ในเวลาเดียวกัน เย่จิงเหยียนและเสี่ยวอวี้หลินลงมาจากลิฟต์

“พี่ ตอนนี้เราควรไปรับเจ้าสาวแล้วนะ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะมาถึงประตูเมืองแล้ว”

เย่จิงเหยียนรีบเดิน เห็นเงาที่คุ้นเคยเดินผ่าน เขาขมวดคิ้ว แต่เมื่อเขามองไปเขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

“ มีอะไรเหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินพูดพล่ามไม่รู้จบ เมื่อเห็นเขาหยุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เขามองตามสายตาของเขาและรูม่านตาของเขาก็ขยายออกชั่วขณะ

เมื่อเขาหันหน้าไปอีกครั้ง เย่จิงเหยียนได้ก้าวไปแล้ว แต่เขาก็ตกตะลึงอยู่นาน ก่อนที่เขาจะโล่งใจ เขามองไปที่นั่นอีกครั้งและไม่สามารถขยับตัวได้

“ ไม่ไปหรอ?” เย่จิงเหยียนเห็นเขาไม่รีบตามมาสักที

มู่ยวูฉีรีบก้าวออกไปเพื่อบังไม่ให้เขาเห็น แล้วพูดว่า “ไปเถอะ……ไปเถอะอย่ามัวเสียเวลาเลย!”

เมื่อถึงเวลา เย่จิงเหยียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาจึงหยุดพูดและก้าวไปข้างหน้าก่อน

มู่ยวํฉีตามเขาไปอย่างเร่งรีบ แต่หัวใจของเขาถูกฟ้าผ่า เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะมาปรากฏตัวที่นี่! เขามองไม่ชัดพอในแวบแรก แต่ในแวบที่สอง เธอหันศีรษะและเขาก็มองเห็นได้ชัดเจน และชัดมาก!

เธอคือ……

ต้วนอีเหยา!

ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไง ความคิดเดียวของเขาคือจะให้พี่ที่เพิ่งลืมเธอได้มาเจอเธอไม่ได้!

มันผิดที่ ผิดเวลา เขารับรองได้ว่าถ้าพี่ชายเห็นเธอ งานแต่งล่มแน่!

ด้านนอกเต็มไปด้วยความสวยงาม ซึ่งเป็นสีดำทั้งหมด เย่จิงเหยียนเป็นคนเตรียมการเป็นพิเศษ

“พี่ชาย……”

มู่ยวีฉีตัวแข็งตลอดทาง ไม่รู้จะพูดอะไร เย่จิงเหยียนเองก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาเงียบแบบนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น

“แกอยากพูดอะไร?”

“ ฉัน…..” เขากลืนน้ำลาย

หลังจากอ้ำอึ้งเป็นเวลานาน ปิดตาและกัดฟันพูด “ถ้าเกิด ถ้าเกิดบอกว่าพี่อีเหยากลับมาแล้ว พี่จะทำยังไง?”

ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเย่จิงเหยียนเปลี่ยนไปทันที “ไม่มีถ้าหากนี้เกิดขึ้น”

มู่ยวูฉีกำลังสั่นสะท้านด้วยสายตาของเขา เขาก้มศีรษะลงและหยุดพูด

……

รถที่ให้การต้อนรับขับวนรอบเมืองหลวง ในที่สุดก็กลับมาที่โรงแรม เย่จิงเหยียนลงจากรถคันแรกและรออยู่ที่เดิม

ต้วนจื่ออิ๋งจับมือของเขาเดินออกจากรถอย่างเขินอาย พร้อมกับก้มหน้าลงและกระซิบว่า “พี่จิงเหยียน”

เย่จิงเหยียนเม้มริมฝีปากของเธอโดยไม่พูดและพาเธอไปที่ห้องโถงพร้อมกัน เย่ชวูเสวียเดินตามพวกเขาไปในฐานะเพื่อนเจ้าสาว ช่วยต้วนจื่ออิ๋งถือกระโปรง

ทันใดนั้น ไฟทั้งหมดก็ดับลง ต้วนอีเหยากำลังพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขกับไป๋จิ่นอี้ ทันใดนั้นก็มืดไปหมด เธอจับมือของไป๋จิ่นอี้

“ ไม่ต้องกลัว น่าจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังจะออกมา”

“อ่อ” ต้วนอีเหยาไม่เคยมีส่วนร่วมในงานแต่งงาน เธอไม่รู้ขั้นตอนการจัดงานแต่งงาน เธอรู้แค่ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อให้ของขวัญแสดงความยินดี จากนั้นทานอาหารและกลับไป

ดังนั้นจึงมีแสงไฟบนเวที เธอไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะอาศัยแสงที่จางๆ เธอเห็นชีสเค้กได้อย่างแม่นยำ

“ แมวตะกละ!”

ไป๋จิ่นอี้ดึงมือของเธอไว้ เธอจึมเอื้อมไม่ถึงชีสเค้ก ทำได้เพียงใช้สายตาที่อ้อนวอนกับเขา

ไป๋จิ่นอี้เอื้อมมือไปแตะจมูกของเธอ และหยิบเค้กให้เธอ “กินสิ ไม่พอยังมีอีก”

ต้วนอีเหยาพยักหน้า ที่จริงเธอไม่ชอบขนมหวาน แต่การไปร่วมงานแต่งงานมันน่าเบื่อจริงๆ เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรฆ่าเวลา

ในขณะที่กำลังกินอยู่ ทันใดนั้นก็มีเงาอยู่เหนือศีรษะของ เขามาบังแสงตรงหน้าเธอพอดี ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นดูว่าใคร

เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็รเป็นผู้ชายตัวสูง ข้างหน้าเธอมืดมน เกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ไป๋จิ่นอี้อยู่เคียงข้างเธอ ช่วยเธอไว้ได้ทัน

“รองเท้าสูงเกินไปหรอ? งั้นเราไปหาที่นั่งกันเถอะ!”

ต้วนอีเหยาไม่ตอบสนองใดๆ มองไปที่เจ้าบ่าวบนเวทีเป็นเวลานาน หลังจากยืนยันว่าเป็นเขา เธอก็หัวเราะทันที

เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมางานแต่งงานของเขา หรือในสถานการณ์ที่ไม่รู้ตัวเช่นนี้ ข้างๆเขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวยดั่งดอกไม้ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ!

“ อีเหยา เป็นอะไรไป?”

ไป๋จิ่นยี่มองเธอกำลังอึ้งกับบางสิ่ง อดไม่ได้ที่จะกังวล “ อีเหยา? อีเหยา?”

ต้วนอีเหยาไม่ตอบสนองตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่จ้องมองไปที่เย่จิงเหยียนทีละก้าวอย่างว่างเปล่า เธอยื่นมือออกไปเพื่อรั้งเขาไว้ แต่ว่าเธอไม่สามารถเข้าถึงได้เลย

เย่จิงเหยียน บนเวทีดูเหมือนจะได้ยินใครบางคนเรียก “อีเหยา” เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ทันทีที่หันไปก็เห็นต้วนอีเหยา

ภายใต้แสงสลัวดวงตาของเขาก็พบเธอ ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านไปหมื่นปีแสง ฝีเท้าของเย่จิงเหยียนก็หยุดลง

เสียงดนตรีสุดโรแมนติกในห้องโถงสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน ทุกคนกำลังคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น ต้วนจื่ออิ๋งที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเย่จิงเหยียนด้วยความกังวล

“ พี่จิงเหยียน…… ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset