วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 427 รังแกเธอ

จะมาให้พี่สะใภ้ใส่ชุดที่โป๊ขนาดนั้น ถ้าตัวเองใส่เองไม่เป็นไร เรื่องของเธอ แต่เขาจะไม่ยอมให้ต้วนอีเหยาใส่

ต้วนอีเหยาเป็นผู้หญิงของเขา เขาจะยอมให้เธอใส่ออกไปได้ยังไง

เย่จิงเหยียนรู้แล้วว่าเย่ชวูเสวียมาบ้านของพวกเขา มาพาต้วนอีเหยาเสียคน

เย่จิงเหยียนรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่า เย่ชวูเสวียถูกไล่ออกมาจริงหรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นข้ออ้างของเย่ชวูเสวียเพื่ออกมาหาหนานกงเจา

ก็เลยมาพักที่บ้านพวกเขา ตอนนี้ยังมาพาต้วนอีเหยาเสียคนอีก

เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วและมองไปที่เย่ชวูเสวีย “แกไปเอากระเป๋าแกออกมา”

เย่ชวูเสวียไม่รู้สึกแปลกอะไร ดังนั้นเธอจึงเดินไปหยิบกระเป๋ามาอย่างเชื่อฟัง

“อะ” เย่ชวูเสวียยื่นกระเป๋าสตางค์ให้เย่จิงเหยียน เย่จิงเหยียนเหลือบมอง งอปากขึ้นและหัวเราะ

ทันใดนั้นก็พูดว่า “หือ? มีคนเคาะประตู ชวูเสวียแกไปดูสิใครมา?”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เย่จิงเหยียนจะใช้เธอได้ เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความไม่เต็มใจ พอเปิดประตูก็ไม่มีใครอยู่ข้างนอก

เย่จิงเหยียนอยู่ข้างหลังเธอ เขาผลักเธอออกไปจากประตูและโยนกระเป๋าตังของเย่ชวูเสวียออกไปด้วย

สะบัดมือ และปิดประตู

“ พี่ชาย พี่ทำอะไรเนี่ย”

“พี่ชาย เปิดประตู ฉันเป็นน้องสาวของพี่นะ…… ”

“ พี่ชาย……พี่อีเหยา ……ช่วยฉันด้วย… … ”

“นี่……จิงเหยียน เปิดประตูมห้เธอดีไหม?” ในที่สุดต้วนอีเหยาก็อดไม่ได้กับคำอ้อนวอนของเย่ชวูเสวีย

“ไม่ได้ มีเงินเยอะขนาดนั้น จะมาอยู่บ้านเราทำไม” เย่จิงเหยียนพูดโดยไม่ตั้งคำถาม

ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวและท่าทีที่ชัดเจน เขาไม่ให้ต้วนอีเหยาเปิดประตู

“อีเหยา เราไปนอนกันดีไหม?” เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ได้ ” เพิ่งกินข้าวเสร็จก็ไปนอนเดี๋ยวอ้วน อีกอย่างตัวเองก็ยังไม่ง่วง

“ทำไม?” เย่จิงเหยียนแสร้งทำเป็นว่าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มองไปที่ต้วนอีเหยา ทำหน้าน่าสงสาร จนต้วนอีเหยาทนไม่ได้

“โอเค ก็ได้ ไปก็ไป” ต้วนอีเหยาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างหลังจากที่เธอพูด “แล้วชวูเสวียล่ะ?”

เย่ชวูเสวียเพิ่งถูกเขาไล่ออกไปข้างนอก ข้างนอกตอนนี้แดดดร้อนมาก ถ้าเย่ชวูเสวียเป็นอะไรไปล่ะ?

เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่ต้วนอีเหยาพูดถึงเย่ชวูเสวีย หลังจากคิดแล้ว ยัยตัวแสบนี่ไม่ซื่อบื่อหรอก

“ไม่เป็นไร เย่ชวูเสวียไม่ได้ซื่อบื่อ เธอไปหาที่อยู่ได้เอง ไปกันเถอะไปพักผ่อนกัน” เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาและพูดเบาๆ

“ แต่ว่า……ชวูเสวีย……ไม่เป็นไรจริงๆหรอ?” ต้วนอีเหยายังคงกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเย่ชวูเสวีย จึงเงยหน้าขึ้นเพื่อถามเย่จิงเหยียนอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร” เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว ผู้หญิงของเขาเป็นอะไรไป

เอาแต่เป็นห่วงเย่ชวูเสวีย ไม่คิดถึงเขาเป็นคนแรกเลย

เย่จิงเหยียนรู้สึกไม่พอใจและกอดต้วนอีเหยา จากนั้นอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน

“โอ้ย!”

“ทำอะไรเนี่ย จิงเหยียน” มีเพียงคนสองคน ต้วนอีเหยายังคงเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเริ่มแดง

“อะไร นอนกลางวันไง” เย่จิงเหยียนกอดต้วนอีเหยาอย่างมีความสุข ในที่สุดก็เอาเย่ชวูเสวียออกจากบ้านได้

ในที่สุดมันก็กละบมาโลกของเราสองคนอีกครั้ง

เย่จิงเหยียนมีความสุขดีมาก

……

หึ พี่ชายไล่น้องสาวตัวเองออกมาแบบนี้ได้ไง……หูยยยย…..

พี่ชายโหดร้ายมาก……โยนผู้หญิงแสนสวยอย่างฉันออกมานอกประตู เงินก็ไม่ให้แม้แต่บาทเดียว…… แถมโทรศัพท์ก็ยังไม่เอาให้อีก…… ฉันจะติดต่อหนานกงเจาได้ยังไง……

เห้ย……? ใช่สิ ตอนที่พี่ผลักฉันออกมาเหมือนจะโยนอะไรออกมาด้วยนิ?

สิ่งที่เย่จิงเหยียนโยนออกมาดูเหมือนจะเป็นกระเป๋าสตางค์ของเธอเอง

เย่ชวูเสวียก้าวเดินไปทีละก้าวอย่างระมัดระวังดูว่ามีอะไรอยู่ในหญ้าข้างๆเธอหรือเปล่า

“หาเจอแล้ว” เย่ชวูเสวียเจอกระเป๋าตังของเธออยู่ที่พื้นหญ้าข้างๆ

“พี่ชายก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย ยังรู้จักโยนกระเป๋าตังออกมาให้ด้วย แต่……แต่ว่า……โทรศัพท์ของฉันล่ะ……”

เย่ชวูเสวียรู้ว่าเธอกลับไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปที่ถนนด้วยตัวเองและขึ้นรถแท็กซี่

“คนขับรถ ไปที่ห้างสรรพสินค้า” เย่ชวูเสวียมองไปที่รองเท้าแตะที่เท้าของเขาและเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอและพูดอย่างไม่ลังเล

นายแท็กซี่เหลือบมองเย่ชวูเสวียอีกสองครั้งในกระจกหลัง ผู้หญิงคนนี้สวมชุดแปลกจริงๆ หรือว่าลืมกุญแจไว้ในบ้าน?

อืม สถานการณ์นี้มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้

คนขับคิดคนเดียวในใจหลายครั้งว่าทำไมเย่ชวูเสวียถึงออกมาจากบ้านแล้วสวมรองเท้าแตะกับชุดนอน

……

“จิงเหยียน ชวูเสวียคงยังไม่ได้ยืนอยู่นอกประตูคนเดียวแน่นะ?” ต้วนอีเหยายังคงรู้สึกกังวลเย่ชวูเสวียเล็กน้อย

เย่จิงเหยียนรู้สึกไม่พอใจ ขมวดคิ้ว “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจเธอ” เย่จิงเหยียนหลับตาและพูดเบาๆ

ต้วนอีเหยาครุ่นคิดสักพักก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและอยากจะลุกขึ้นไปดูว่าเย่ชวูเสวียยังอยู่ที่ประตูหรือเปล่า

“เธอทำอะไรหนะ?” เย่จิงเหยียนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวของต้วนอีเหยา

“ชวูเสวียไมได้เอาเงินกับโทรศัพท์ไปด้วย แล้วเธอจะไปไหนได้?” ต้วนอีเหยาพูดอย่างกังวล

เย่จิงเหยียนหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อเขาได้ยินคำพูดของต้วนอีเหยา

ต้วนอีเหยาไม่รู้ว่าเย่จิงเหยียนกำลังหัวเราะอะไร ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงมองไปที่เย่จิงเหยียนอย่างไร้เดียงสาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ยัยซื่อบื่อ “ฉันเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋า โยนออกไปพร้อมกันแล้ว”

เย่จิงเหยียนยิ้มและมองไปที่ต้วนอีเหยาที่กำลังตกตะลึง ยื่นมือออกมาและจิ้มจมูกของต้วนอีเหยา

“เธอโยนกระเป๋ากับโทรศัพท์ออกไปด้วยหรอ?” ต้วนอีเหยายังคงสับสนเล็กน้อย

“ใช่ เธอเป็นน้องสาวของฉันนะ” เย่จิงเหยียนพูดอย่างขำๆ

ต่อให้เย่ชวูเสวียจะทำอะไร เธอก็ยังเป็นน้องสาวแท้ๆของเย่จิงเหยียน ต่อให้เย่จิงเหยียนจะทำอะไร เขาก็ยังเอ็นดูเธอ

“เอาล่ะ มานอนได้แล้ว” เย่จิงเหยียนจูบหน้าผากของต้วนอีเหยา นอนซุกอกของเธอและพูดเบาๆ

“อืม โอเค” ต้วนอีเหยามองไปที่ใบหน้าด้านข้างที่เงียบสงบของเย่จิงเหยียนด้วยหัวใจที่อบอุ่น

แต่ในบางครั้งเธอก็ยังคงคิดถึงเด็กในครรภ์

เด็กที่แท้งไปเพราะอุบัติเหตุ

สองวันก่อนเพิ่งไปตรวจที่โรงพยาบาล เขาบอกอีกสองสามวันก็จะรู้ผล เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เธอทุกข์ใจ

เย่จิงเหยียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในต้วนอีเหยา ลืมตาขึ้นและมองไปที่ต้วนอีเหยา ถามเธอเบาๆ ” อีเหยา เป็นอะไรไป? นอนไม่หลับหรอ?”

เย่จิงเหยียนเห็นว่าเป็นเวลาบ่าย อยากให้ต้วนอีเหยานอนพักผ่อน แต่ดูแล้วต้วนอีเหยาน่าจะไม่ง่วงจริงๆ

“เปล่า จิงเหยียน เรามาพักผ่อนด้วยกันเถอะ” หลังจากพูดเสร็จ ต้วนอีเหยาก็หลับตาลง

เย่จิงเหยียนเหล่ตามองรู้ว่าต้วนอีเหยาน่าจะคิดถึงเด็กอีกครั้งและรู้สึกเศร้า

“อืม” เย่จิงเหยียนมองไปที่ต้วนอีเหยาที่หลับตาและพูดเบาๆ จากนั้นเขาก็หลับตาลงเช่นกัน

……

เซี่ยอันนากลับไปโรงเรียน เธอยังคงไปโรงเรียนและเลิกเรียน ไม่ไปสายแต่ก็ไม่ได้ไปก่อนเวลา

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

เซี่ยอันนาเห็นว่าไม่มีวิชาเรียนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นบทวิจารณ์ ทุกวันก็ถือแต่เอกสารหลายปึกไปที่ห้องสมุด

เซี่ยอันนาไม่ได้ติดต่อเสี่ยวอวี้หลิน และเสี่ยวอวี้หลินก็ไม่เคยมาที่โรงเรียนเพื่อหาเซี่ยอันนา แม้แต่…..โทรศัพท์สักสายก็ไม่เคยโทรมา

เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้ติดต่อเซี่ยอันนาเป็นเวบาเกือบสัปดาห์แล้ว เซี่ยอันนาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกยังไง หัวใจของเธอรู้สึกอึดอัดและเธอไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความเจ็บปวดอะไร

แต่ว่า…… ตัวเองก็ไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินมาอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ตัวเองก็ตัดสินใจจะไม่ติดต่อไปเองไม่ใช่หรอ?

แบบนี้ก็ดี……ไม่มีใครติดต่อใคร……

ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเองคิดไปเอง

ในห้องบรรยาย ข้างหน้าต่าง เซี่ยอันนาสวมชุดสีขาว วันนี้ผมยาวของเธอกระจัดกระจายไม่เรียบร้อย

เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเดินเข้าห้องก็เห็นเธอสภาพนี้ เซี่ยอันนากำลังมองลงไปดูอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

เมื่อสายลมพัดมาจากหน้าต่าง ผมของเซี่ยอันนาที่กระจัดกระจายบนไหล่ของเธอก็ปลิวขึ้น เซี่ยอันนายกมือขึ้นและตรึงผมที่กระจัดกระจายไว้ข้างหลังหูของเธอ

มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของเสี่ยวอวี้หลินเต้นผิดจังหวะ ราวกับว่าหัวใจที่เหี่ยวเฉามาทั้งสัปดาห์รู้สึกสดชื่นอีกครั้ง

“เซี่ยอันนา!”

เซี่ยอันนาได้ยินคนเรียกชื่อเธอ เมื่อเธอหันกลับไปมา ก็เห็นเสี่ยวอวี้หลินยืนพิงกำแพง เธอยิ้มและขมวดคิ้ว แสงแดดส่องกระทบเสี่ยวอวี้หลินผ่านกระจกราวกับเทพบุตร รอยยิ้มเธอก็ราวกับเป็นรอยยิ้มของนางฟ้า

“เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” เซี่ยอันนารู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลิน แต่รู้สึกมีความสุขลึกๆในใจ

ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวอวี้หลินไม่มีท่าทางเคร่งขรึมแม้แต่น้อย มีแต่ความอบอุ่นผ่านแสงแดดที่ส่องเข้ามา

ใบหน้าของเสี่ยวอวี้หลินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาค่อยๆเดินไปหาเซี่ยอันนาจากประตู “ทำไม? ก็มาหาเธอไง เพราะว่า…..”

เสี่ยวอวี้หลินหยุดเดิน จ้องมองไปที่เซี่ยอันนาและพูดว่า “เพราะว่า ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วไป แวะมาหาเธอก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?”

ใช่ เสี่ยวอวี้หลินเป็นเทพบุตร ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากเกินไป……

เป็นเพราะตัวเองคิดมากไปเองจริงๆ……เขาจะมาหาตัวเองเพราะคิดถึงได้ยังไง?

ฮ่าฮ่า เซี่ยอันนาหัวเราะตัวเองในใจ

“อะไร? เห็นเทพบุตรมาหาไม่ดีใจหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วและคิ้วที่สวยงามเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อยเนื่องจากการขมวดคิ้ว

ทำไมสีหน้าของเซี่ยอันนาถึงเปลี่ยนไปกะทันหัน? เมื่อกี้ยังมีความสุขอยู่เลย

เป็นเพราะเธอเกลียดตัวเองหรือเปล่า? เป็นเพราะตัวเองมาที่นี่หรือเปล่า?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกหดหู่เล็กน้อยในใจด้วยเหตุผลบางอย่าง

แต่เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัวของเขาและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง ทำไมตัวเองต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้? ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว จะไปสนเธอทำไมว่ามีความสุขหรือไม่

“เธอมาทำไม? ครั้งก่อนก็ชดใช้ให้เธอแล้วไม่ใช่หรอ?” เซี่ยอันนาขมวดคิ้วและมองไปที่เสี่ยวอวี้หลินด้วยความสงสัย

เสี่ยวอวี้หลินยิ้มเยาะ “ใช่ ครั้งก่อนเธอชดใช้ให้แล้ว แต่ว่า…… ”

เดินไปหาเซี่ยอันนา โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆหูเซี่ยอันนาและกระซิบ “แต่…… เรื่องคืนนั้น…..เธอยังไม่ชดใช้ให้ตัวเองเลย”

เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกว่าเซี่ยอันนาเป็นความสุขของเขา ไม่รู้ว่าทำไมชอบแกล้งเธอ ชอบเห็นเธอโกรธ มันน่ารักดี

เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เมื่อก่อนไม่เคยมีความรู้สึกนี้เลย

ไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่…..ดูเหมือนว่าจะเป็นหลังจากที่ฉันได้พบกับเซี่ยอันนา

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มุมปากของเสี่ยวอวี้หลินก็ยกขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เซี่ยอันนาจ้องที่เสี่ยวอวี้หลินและพูดว่า ” วันนั้นเป็นแค่อุบัติเหตุ……อีกอย่างเป็นฉันเองที่เสียเปรียบโอเคไหม?”

เฮ้อ ยัยตัวแสบคนนี้ก็ไม่ได้ซื่อบื่อนิ รู้ด้วยว่าตัวเองเสียเปรียบ

เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หลังจากส่งเซี่ยอันนาแล้ว ตอนแรกเขาว่าจะไปร้านเหล้ากับเพื่อน

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาขับรถไปที่บ้านด้วยท่าทางเหมือนผี เข้าไปในห้องเก็บไวน์แล้วยืนงงๆ และคิดถึงวันที่เขาเข้ามาในห้องไวน์กับเซี่ยอันนา ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข แถมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมา

หลังจากยืนอยู่เป็นเวลานาน เขาก็ไปนอนห้องนั้น ยืนอยู่สักพักก็นึกถึงตอนที่อยู่กับเซี่ยอันนา

กลับไปนอนบนเตียงโดยมีผ้าปูที่นอนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เสี่ยวอวี้หลินเป็นคนสะอาด แต่ในวันนั้นเขาก็นอนลงอย่างสบายๆไม่ได้อาบน้ำ

ผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้สังเกต ปรากฏว่ามีรอยแดงอยู่ตรงกลางที่นอน

ช่วงเวลาที่เห็นเสี่ยวอวี้หลินมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ดีใจ ตื่นเต้น ประหลาดใจ อึ้ง?

ความรู้สึกที่หลากหลายท่วมสมองของเสี่ยวอวี้หลินทันที

“ ฉันไม่สนหรอก คืนนั้นคุณหนูเซี่ยขย่มฉัน เธอเอาเปรียบฉันและกินเต้าหู้ของฉัน”

“ทำไม? รู้สึกเสียใจทีหลังหรอ?” เสี่ยวอวี้หลินเดินเข้ามาทีละนิด “คุณหนูเซี่ย…..อย่าบอกนะว่าจะอ้างว่าเมา?”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset