วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 459 วางเพลิง

เซี่ยอันน่าลังเลใจอยู่สักพัก พูดว่า”คุณเย่ ฉันอยาก….ลาออกค่ะ”

เย่ชูวเสวียแปลกใจ รีบถามว่า”ทำไมล่ะ รู้สึกว่าเงินเดือนและสวัสดิการที่นี่ไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ใช่ค่ะ คุณดีกับฉันมาก ฉันอาจจะไม่ได้เจอนายจ้างที่ดีเหมือนกับคุณอีกแล้ว”

“อย่างนั้นเพราะทำงานอยู่ที่นี่ไม่มีความสุขเหรอ?”

“ก็ไม่ใช่”

“อย่างนั้นแล้วทำไมถึงอยากลาออก?”

ก้มศีรษะลงเล็กน้อย เซี่ยอันน่าพูดว่า”เพราะว่า ฉันทำให้ร้านของพวกเราแปดเปื้อนแล้ว”

เย่ชูวเสวียคิดอยู่สักพัก พูดอย่างไม่ได้คิดอะไรว่า”ไม่ใช่ว่าเธอยังคิดเรื่องนั้นอยู่หรอกนะ?ไอ๋หยา เด็กคนนี้คิดมากจริงๆ เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเธอ”

“ไม่เกี่ยวได้อย่างไร ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉัน ก็ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของร้าน ช่วงนี้สมุดบัญชีของร้านของคุณลดลงมาก ”

เย่ชูวเสวียทำเหมือนไม่ได้อะไรอย่างนั้น พูดว่า”ฉันไม่ได้ขาดเงิน หาได้มากได้น้อยหน่อยก็ไม่ได้เป็นไร”

“แต่ว่าฉันแคร์ คุณดีกับฉันขนาดนี้ ฉันไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยอะไรอีกทั้งยังมาทำให้วุ่นวาย ฉันทำไม่ไหว”

เย่ชูวเสวียจับที่เส้นผมแล้วพูดว่า”เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ พูดตามความจริงเลยนะ คนที่พวกเขาอยากจะจัดการคือฉัน”

“คุณ?”

เย่ชูวเสวียผงกศีรษะพูดว่า”ไม่ผิด เธอเพียงแค่รับโทษแทนเท่านั้น ถ้าหากเธอไปจริงๆ อย่างนั้นก็เข้าทางของพวกเขาแล้ว”

เป็นอย่างนี้จริงๆ?

เซี่ยอันน่ายกมือนวดที่ไหล่ เย่ชูวเสวียพูดว่า”เธอก็เชื่อฉันได้แล้วนะ ก็ทำงานที่นี่อย่างสงบจิตสงบใจ เธอเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของฉัน ถ้าหากว่าเธอไปแล้ว ใครจะทำงานให้ฉันแบบสุดชีวิต?ไม่ต้องสนใจความคิดคนอื่น ฉันเชื่อใจเธอมาก”

“ขอบคุณค่ะ คุณเย่”

“โอเคนะ ทำงานต่อเถอะ ห้ามคิดฟุ้งซ่าน และก็พูดเรื่องการลาออกอีก”

“อืม เข้าใจแล้วค่ะ”

ปลอบใจเซี่ยอันน่าเสร็จ เย่ชูวเสวียนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ยาวด้านหน้าร้าน

เดิมทีนะ เธอรู้สึกว่าน่าสนใจ เธอถึงคิดผสมปนเปเรื่องนี้

แต่คาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเป็นซับซ้อน และยังมีคนภายนอกเข้ามาด้วย

จุดมุ่งหมายของพวกเขาคืออะไรกัน เพียงแค่จะจัดการเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเซี่ยอันน่าเหรอ?

ถึงเซี่ยอันน่าจะมีเสน่ห์ แต่ก็ไม่ใช่ส่วนที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้

แต่ ถ้าหากไม่ใช่ว่าเพื่อเซี่ยอันน่า ก็แล้วทำไม?

ไอ๋หยา หงุดหงิดเซลล์สมองแล้วนะ

ยกมือนวดจุดไท่หยาง เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วขึ้น

“คิดจะทำอะไร?”

มีคนเดินมาข้างหลังเย่ชูวเสวีย ช่วยเธอนวดที่จุดไท่หยาง

ระบบประสาทก็ผ่อนคลายลง เย่ชูวเสวียค่อยๆหลับตาลง พูดว่า”ช่วงนี้เกิดเรื่องมากมาย ฉันกำลังจัดการ”

“อย่าให้ตัวเองเหนื่อย”

“เพียงแค่คิดเรื่องเล็กน้อย ไม่ถึงกับเหนื่อยหรอกนะ”

“อย่างนั้นผมดูแล้วก็ปวดใจนะ”

“ไอ๋หยา เกลียด!”

ทั้งสองคนที่อยู่ด้านนี้ หยอกล้อด่ากันไม่จบ ทำให้คนขนลุกวูบวาบ

มีคนรับไม่ได้ ส่งเสียงขึ้นมาคัดค้าน

“นี่ พวกเธอสองคน ทำตัวน่าเบื่อจบยัง?”

พอได้ยินเสียง เย่ชูวเสวียหันกลับไปมองแวบหนึ่ง พูดว่า”ที่แท้นายก็ปรากฎตัวออกมาได้ ฉันนึกว่าคุณจะขี้ขลาดหลบอยู่ตลอด”

หนานกงเจาบีบคลึงแล้วคลึงอีกที่ไหล่ของเย่ชูวเสวียพูดว่า”ชูวเสวีย อย่าพูดเหลวไหลสิ”

“ฉันไม่ได้พูดเหลวไหล สองวันก่อนหน้ามีคนมาหาเรื่องอันน่า ทำไมไม่เห็นเขาปรากฎตัวล่ะ”

เสี่ยวอวี้หลินหลบสายตาลง ปิดบังความจริงในสายตานั้น พูดว่า”มีธุระเล็กน้อย ทำให้ล่าช้า”

คำพูดง่ายๆไม่กี่คำ แน่นอนไม่มีทางทำให้เย่ชูวเสวียเชื่อ เพียงแค่ทำให้รู้สึกว่าเขาหาข้ออ้าง

ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจออกมาหนึ่งที เย่ชูวเสวียพูดว่า”เฮ้อ แสดงออกมาเหมือนทำให้ประทับใจอย่างนั้น ความเป็นจริงล่ะ เมินเฉยไม่ได้ใส่ใจเลย เสี่ยวอวี้หลิน สุดท้ายแล้วนายเล่นแบบไหนเหรอ นายกำลังแสดงให้ใครดูอยู่ไหม?”

“พูดเหลวไหลอะไร เธอยุ่งมากเกินไปแล้วนะ”

เย่ชูวเสวียแบะปาก พูดว่า”ฉันก็ขี้เกียจที่จะยุ่งกับนาย แต่อันน่าเป็นเด็กดี ชื่อเสียงของนายก็ไม่ดี ถึงว่าเราจะเป็นญาติพี่น้องกัน ฉันก็จะพูดกับนายตามตรงว่า นายอย่าทำให้อันน่าเสียเวลาเลย”

“อีกอย่างนะ ระหว่างนายกับอวี๋เวย…..”

ไม่รอให้เย่ชูวเสวียพูดจบ เสี่ยวอวี้หลินรีบพูดตัดบทเธอ”เรื่องระหว่างพวกฉัน ฉันจะจัดการเอง”

“ถ้าหากว่านายจัดการได้ดี อันน่าก็ไม่มีทางหลบภัยกับฉันที่นี่หรอกนะ”

อย่ามองว่าในวันธรรมดาเย่ชูวเสวียไม่เข้าใจ แต่แค้นขึ้นมาแต่ละคำเหมือนกับมีด ที่มุ่งตรงแทงที่ขั้วหัวใจ

เห็นเสี่ยวอวี้หลินไม่ตอบโต้ เย่ชูวเสวียยิ่งอยากที่จะพูดอะไรกับเขาต่อ

เพียงแค่หันศีรษะกลับไป ก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคย เหมือนยืนคิดอะไรอยู่ทางด้านนั้น

“เอ๊ะ อันน่า”

พอได้ยินชื่อนี้ เสี่ยวอวี้หลินรีบหันกลับไป

เซี่ยอันน่าได้สติกลับมาแล้วยิ้มให้เย่ชูวเสวีย พูดว่า”ฉันไม่ทราบว่ายังมีแขกอยู่ค่ะ ฉันจะไปเตรียมเครื่องดื่มมาอีกสักแก้วนะคะ”

พูดจบ เซี่ยอันน่าก็หมุนตัวเดินออกไป

เสี่ยวอวี้หลินเรียกเพื่อรั้งเซี่ยอันน่าไว้ก่อน แต่แค่เขาพูดออกไป เซี่ยอันน่าก็เดินเร็วขึ้น

ไม่ต้องพูด แน่นอนว่าต้องได้ยินคำพูดอะไรที่ไม่ควรได้ยินเป็นแน่

หันกลับมามองเย่ชูวเสวียที่แอบยิ้มอยู่ เสี่ยวอวี้หลินพูดด้วยความโมโหว่า”เย่ชูวเสวีย เธอจงใจพูดสินะ!”

เย่ชูวเสวียยักไหล่พูดว่า”นี่นายผิดแล้วที่มาโทษว่าเป็นความผิดฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะมาได้ยินเรื่องเหล่านี้”

“เธอ…..”

“มีเวลามาพูดเซ้าซี้กับฉันอยู่ตรงนี้ รีบไปปลอบเธอจะดีกว่านะ ความเข้าใจผิดยิ่งเก็บก็จะยิ่งมาก ถึงตอนสุดท้ายก็อธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจแล้ว”

ด้วยเหตุนี้หนานกงเจาก็ผงกศีรษะอย่างเข้าใจเป็นอย่างมาก พูดว่า”ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังเข้าใจผิดไม่มาก ทุกคนเปิดอกเปิดใจคุยกันให้เข้าใจชัดเจน”

คำพูดนี้ มีเหตุผล

เสี่ยวอวี้หลินไม่รีรออีก หมุนตัวเดินเข้าไปในร้าน

มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ เสี่ยวอวี้หลินมองเห็นร่างของเซี่ยอันน่า

รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหา เสี่ยวอวี้หลินจ้องมองเซี่ยอันน่า เรียกตะโกนออกไป”อันน่า”

เซี่ยอันน่ากำลังก้มศีรษะทำเครื่องดื่ม ได้ยินเสียงของเสี่ยวอวี้หลิน มือก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหว พูดอย่างเป็นทางการว่า”ขอโทษนะคะ คุณอยากจะดื่มอะไร?”

อย่างไรก็ตามท่าทางแบบนี้ก็ไม่ทำให้เสี่ยวอวี้หลินชอบ เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วถามว่า”อย่าพูดกับฉันด้วยท่าทีแบบนี้”

“แล้วคุณต้องการที่จะได้ยินแบบไหนคะ บอกฉัน ฉันจะพยายามให้ความร่วมมือกับคุณ”

ท่าทางของเซี่ยอันน่าเหมือนกับปุยฝ้ายหนึ่งก้อน ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกสบาย แต่กดถึงขีดจำกัด ทำให้สามารถหมดความอดทนแล้วตีย้อนกลับมา

เสี่ยวอวี้หลินไม่ชอบเซี่ยอันน่าที่เป็นอย่างนี้ เขาก็ขมวดคิ้วถามอีกว่า”พวกเราคุยกันดีๆ ได้ไหม?”

“คุณเป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง ฉันเป็นอะไร จะมีคุณสมบัติไปคุยกับคุณได้อย่างไร”

เซี่ยอันน่าพูดจาถากถางเยาะเย้ยด้วยความเย็นชา คนที่อารมณ์ดีๆก็ถูกยั่วโมโห ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวอวี้หลินเป็นประเภทคุณชายที่มีเงิน

“ฉันได้ยิน ไม่ต้องร้องเสียงดัง ในร้านยังมีแขกคนอื่นนะ”

เห็นอย่างนี้ เซี่ยอันน่าก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เสี่ยวอวี้หลินโกรธมาก ตะคอกว่า”เธอโกรธฉันมากใช่หรือไม่!”

“เมื่อกี้ฉันทำให้คุณรู้สึกว่าโกรธ ? อย่ามาล้อเล่นนะ มีเพียงคุณที่สามรถเล่นตามอำเภอใจกับฉัน ฉันจะกล้าโกรธคุณได้อย่างไรกัน? ”

ยังพูดว่าไม่โกรธ ดูใบหน้าที่แดงของเธอ ก็ชัดเจนว่าโกรธมาก

เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ไม่ว่าอย่างไรเขาก็พูดอย่างอบอุ่นเพื่อที่จะปลอบเซี่ยอันน่า

ไม่ผิด เขากำลังปลอบโยนผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

เมื่อมองกลับไปเมื่อก่อน เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากเลย

แต่ตอนนี้ เขาเปลี่ยนเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง

แต่น่าเสียดาย ผู้หยิงคนนั้นไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับ

“อันน่า เมื่อกี้คุณเข้าใจผิดอะไรไหม?”

“ทั้งหมดคือเรื่องที่ฉันได้ยินกับหูตัวเอง มีอะไรที่เข้าใจผผิดเหรอ?”

“เพียงแค่ได้ฟังครึ่งเดียวไม่ใช่ทั้งหมด มันง่ายต่อการเข้าใจผิด อีกทั้งยังมีคำพูดบางอย่าง ไม่สามารถที่จะแสดงออกถึงความคิดที่แท้จริงได้ เธอก็ไม่ได้ถามฉัน ก็อคติตัดออก คล้ายกับว่าไม่เป็นธรรม”

“เอาเถอะ ฉันยอมรับ ฉันไม่ได้เข้าใจผิด ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองทุกข์ใจมาก”

คิ้วขมวดเล็กน้อย เสี่ยวอวี้หลินฟังคำพูดของเซี่ยอันน่าอยู่เงียบๆ

“มีบางอย่าง ที่เหมือนกับว่าฉันจะไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ฉันสามารถคิดถึงผลของอนาคตได้ แต่ก็ยังไม่มีการคำนึงถึง ฉันที่เป็นแบบนี้โง่งมงายมากจริงๆ”

“อันน่า…….”

“ขอร้อง หาคนอื่นมาเล่นเกส์นี้กับคุณเถอะ ฉันโง่มาก ถึงรู้ว่านี่เป็นเกมส์ ก็ยังทุ่มเทความจริงใจ คุณก็ทำเหมือนปล่อยฉันไปนะ ให้เส้นทางกับฉัน อย่าทำให้ฉันอึดอัดใจ ได้ไหม?”

ดวงตาของเซี่ยอันน่ามองที่เสี่ยวอวี้หลินด้วยความอ้อนวอนขอร้อง

เธอตั้งใจ เธอหวังว่าเสี่ยวอวี้หลินจะตัดขาดความสัมพันธ์

แต่ไม่ใช่เพราะว่ารังเกียจเขา เพียงแค่กลัวว่าตัวเองจะทุ่มเทความจริงใจให้ แล้วทุกข์ใจในเกมส์นี้

มองเซี่ยอันน่าอย่างระมัดระวัง ทั้งยังเป็นสายตาที่อ่อนแอ เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกทุกข์ใจ

หัวใจของเขาเหมือนกับว่าถูกอารมณ์บางอย่างปะทุสูงขึ้น เจ็บที่หัวใจมาก

“เธอรู้ได้อย่างไร ว่าฉันล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ?”

“เพราะว่าในใจของคุณยังมีคนอื่น ความจริงใจ จะมีการหนึ่แล้วแบ่งเป็นสองได้อย่างไร?”

เสี่ยวอวี้หลินหลบสายตาลง พูดด้วยความจริงใจว่า”ฉันยอมรับ ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง แต่ว่าฉันรับรอง ไม่มีทางที่จะล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ”

แต่ว่าเซี่ยอันน่าไม่ได้สนใจความจริงใจของเสี่ยวอวี้หลิน พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า”แล้วแต่คุณจะคิด คุณมีความสุขก็ดีแล้ว”

“ช่างเถอะ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร ตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเชื่อฉัน แต่ว่าฉันกล้ารับรองจะสามารถทำให้เธอเปลี่ยนทัศนคติได้”

พูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็ออกไป และเซี่ยอันน่าก็เงยศีรษะขึ้นมองด้านหลังของเขา แสดงออกถึงสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

………………

ตอนนี้สงบสุขมาก ทุกอย่างดีพร้อม วันเวลาผ่านไปอย่างสงบ

แต่ทว่ามีบางคนที่ไม่ได้สงบอย่างนี้

ซู่เฉียวเฉี่ยวรอเซี่ยอันน่าถูกไล่ออกมาโดยตลอด แต่เซี่ยอันน่าก็อยู่ในร้านขนมหวานอย่างสุขสบายดี ไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยสักนิด

นี่ทำให้ซู่เฉียวเฉี่ยวนั่งไม่ติด เธอไปหาวู่จิ่งแล้วพูดว่า”ทำไมเซี่ยอันน่ายังไม่ถูกไล่ไปอีก?”

“ไม่รู้ วิธีที่ควรจะทำก็ใช้แล้ว แต่เซี่ยอันน่ายังไม่ถูกสงสัย”

“ตอนนี้ไม่ได้ ก็มีเพียงคุณที่จะออกโรงแล้วนะ”

วู่จิ่งชะงักงัน ถามว่า”ฉัน?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณ เพียงแค่แผนครั้งนี้สำเร็จ ต่อไปนี้ฉันก็ไม่ต้องมาอดทนกับผู้หญิงคนนั้นอีก และนี่ก็ดีกับคุณ”

วู่จิ่งสีหน้าลำบากใจถามว่า”แต่ว่า ฉันต้องทำอย่างไร?”

ซู่เฉียวเฉี่ยวยิ้มร้ายออกมาอย่างเยือกเย็นพูดว่า”ฉันมีแผน เพียงแค่คุณทำตามนี้ เซี่ยอันน่าก็หลบหนีไม่ได้แล้ว!”

ซู่เฉียวเฉี่ยวพูดแล้วกวักมือไปทางวู่จิ่ง

วู่จิ่งโค้งตัวลงข้างซู่เฉียวเฉี่ยวแล้วฟังอย่างละเอียด

แต่ยิ่งฟังตายิ่งเบิกกว้างขึ้น สุดท้ายก็ถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ”ได้จริงๆเหรอ?”

“นั่นก็ปล่อยเป็นธรรมชาติ เชื่อฉันเถอะ”

“แต่อย่างนี้ เกิดถูกจับได้ ฉันก็แย่เลยนะ”

“ฉันเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว รับรองไม่มีข้อบกพร่อง คุณก็วางใจไปทำก็พอแล้ว”

วู่จิ่งยังรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่มองสายตาของซู่เฉียวเฉี่ยวที่รำคาญ เธอจำใจต้องผงกศีรษะ พูดว่า”โอเค….ก็ได้”

“กลับไปพักผ่อนเถอะ รอฉันเตรียมการไว้ดีแล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกที”

วู่จิ่งออกไป ในใจรู้สึกกระวนกระวาย

เธอรู้สึกว่าครั้งนี้มันเสี่ยงอันตราย ทำไม่ดี ตัวเองก็จะเปลี่ยนเป็นพลีชีพเลย

ถ้าหาก ยืมมือคนอื่นได้ล่ะ?

ถ้าหากว่าสำเร็จ ซู่เฉียวเฉี่ยวไม่มีทางโทษตัวเองที่ไม่ทำตาม ถ้าหากว่าพลาดยังสามารถปกป้องตัวเอง ทำอย่างเดียวได้สองอย่างในเวลาเดียวกัน

ในใจคิดเช่นนั้น วู่จิ่งมีแผนการในใจของตัวเองแล้ว

วันนี้แสงพระอาทิตย์ดีมาก เซี่ยอันน่าไม่มีเรียน ตื่นแต่เช้าเพื่อมาเปิดร้าน

จัดการสิ่งของในร้านเรียบร้อยแล้ว เซี่ยอันน่าก็เปิดประตูต้อนรับลูกค้า

แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านกระจกเข้ามา ชีวิตคึกคักมีชีวิตชีวา ทำให้คนมีอิสระอยากที่จะยิ้มออกมา

ฮู เป็นอีกหนึ่งวันที่สวยงาม

ใบหน้าของเซี่ยอันน่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอลูกค้ามาใช้บริการ

ไม่นาน เธอก็ได้ต้อนรับลูกค้าคนแรกที่มาในวันนี้

เป็นสาวน้อยที่อายุสิบขวบกว่า เหมือนกับวัยรุ่น รูปร่างผอม สายตาเดี๋ยวผลุดเดี๋ยวโผล่

สาวน้อยใส่ชุดเรียบๆ เสื้อผ้าซักขาวสะอาด เดินเบาเหมือนลอยได้ตลอดเวลา

สาวน้อยแบบนี้ ไม่เหมือนกับลูกค้าที่จะใช้จ่ายซื้อของเลย

ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของเซี่ยอันน่า เข้าใจว่าสาวน้อยคนนี้ต้องการที่จะกินอิ่มหนึ่งมื้อ

เดินมาหยุดต่อหน้าเซี่ยอันน่า สาวน้อยก้มศีรษะลง พูดเสียงเบาหนึ่งประโยคว่า”ฉันอยากได้เค้กหนึ่งชิ้น”

“สวัสดีค่ะ ต้องการรสไหนคะ?”

“อะไรก็ได้”

“โอเค รอสักครู่นะคะ”

สาวน้อยหาที่นั่งตรงบริเวณซอกมุมแล้วนั่งลง เซี่ยอันน่าเตรียมเค้กเรียบร้อยแล้ว ก็เอาไปมอบให้กับเธอ

หลังจากนั้น สาวน้อยก็นั่งนิ่งสงบอยู่ที่ตรงนั้น บางครั้งกินเค้กหนึ่งคำ หลังจากนั้นก็ก้มเล่นโทรศัพท์มือถือ

ช้าๆ ลูกค้าก็เยอะขึ้น เซี่ยอันน่าก็ยุ่งอยู่ ยิ่งไม่มีโอกาสที่จะสังเกตสาวน้อยคนนั้น

รอคอยเซี่ยอันน่าได้สติกลับมา สาวน้อยคนนั้นก็ได้ออกจากร้านไปแล้ว

เดินมาถึงที่นั่งที่เธอนั่งอยู่เมื่อกี้ นอกจากบนโต๊ะที่มีจานเปล่าวางอยู่ ยังมีขวดน้ำที่ดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่ง

เซี่ยอันน่าจำได้ ตอนที่สาวน้อยคนนั้นเข้ามา ในมือไม่ได้มีขวดน้ำอยู่ เธอออกไปซื้อน้ำเหรอ?

เซี่ยอันน่ารำลึกนึกไม่ออก และก็ไม่มีเวลาที่จะมารำลึกนึกถึงด้วย ก็ยุ่งขึ้นมาอีกอย่างต่อเนื่อง

ส่วนน้ำขวดนั้น เซี่ยอันน่าก็เอาไปทิ้งขยะในห้องครัว ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีก

และตอนที่เซี่ยอันน่าไม่รู้ตัว มีคนแอบเข้ามาในห้องครัว ถือโอกาสในตอนที่ไม่มีคน จุดไฟแล้วทิ้งลงในถังขยะ

รอจนเซี่ยอันน่าพบเห็น ห้องครัวก็มีไฟลุกขึ้นแล้ว

เสียงพวกลูกค้าร้องเรียกให้หนี เซี่ยอันน่าพยายามดับไฟ แต่ไฟนั้นยิ่งลุกเพิ่มมากขึ้น

พละกำลังของเซี่ยอันน่าคนเดียวก็ไม่มีวิธีที่สามารถจะดับไฟได้ เธอโทรเรียกรถดับเพลิง ยืนรออยู่ด้านนอกด้วยความกังวลร้อนรนใจ

เย่ชูวเสวียมาถึงพร้อมกับกลุ่มคนดับเพลิง

พนักงานดับเพลิงกำลังดับไฟ เย่ชูวเสวียกุมที่มือของเซี่ยอันน่า มองอย่างพินิจพิเคราะห์ถามว่า”อันน่าเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ เพียงแต่ว่าร้านของพวกเรา…….”เซี่ยอันน่าเสียใจมาก พูดว่า”ถูกไฟไหม้จนเป็นแบบนี้ เป็นเพราะฉัน เพราะฉันดูแลมันไม่ดี”

“ก็แค่ร้านเดียวเท่านั้น ไหม้แล้วก็สามารถซ่อมได้ คนไม่เป็นอะไรสำคัญที่สุด”

ถึงแม้ว่าเย่ชูวเสวียจะพูดอย่างนั้น แต่เซี่ยอันน่าก็ยังคงตำหนิตัวเองเหมือนเดิม

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset